สาวใช้ตัวป่วนของท่านแม่ทัพ - ตอนที่ 10
“คุณหนูเจ้าคะ! คุณหนู!”
“มีอะไรหรือเหม่ยเหมย เสียงดังมาแต่ไกลเชียว”
เหม่ยหวาวิ่งเหนื่อยหอบมาจนถึงสวนดอกเหมย ที่คุณหนูซินอวี่และอาเฟยกำลังเดินชมอย่างอารมณ์ดี ทั้งสองเห็นผู้มาใหม่ก็เลิกคิ้วมอง เพราะท่าทางเหม่ยหวานั้นดูจะมีเรื่องสำคัญไม่น้อย
“บ่าวขอหายใจแปบนึงนะเจ้าคะ” เมื่อรู้สึกว่าหายใจคล่องขึ้นแล้วนางก็เงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้คุณหนู “บ่าวมาทวงของรางวัลจากคุณหนูเจ้าค่ะ”
ดูเหมือนว่าตอนนี้คนทั้งสองเอาแต่จ้องหน้านาง ต่างก็หัวเราะกันยกใหญ่ นางขมวดคิ้วด้วยความนึกสงสัย ทำไมจู่ ๆ ถึงได้ขำกันอย่างนี้
“ฮ่า ๆ เจ้าไปทำอะไรมาเหม่ยเหมย”
“บ่าวเพิ่งมาจากเรือนนายท่าน ทำไมคุณหนูกับพี่อาเฟยถึงได้หัวเราะกันไม่หยุดอย่างนี้เจ้าคะ”
“ก็หน้าของเจ้าเช่นใดเล่า หน้าของเจ้า ฮ่า ๆ พี่อาเฟยเอาคันฉ่องให้นางส่องดูหน้าตัวเองหน่อยสิ”
“เจ้าค่ะ”
รับคันฉ่องมาจากอาเฟยอย่างงง ๆ เหม่ยหวาก็ยกมันขึ้นส่องใบหน้าตนเอง นางเบิกตาด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าบนแก้มข้างหนึ่งนั้นถูกเขียนเป็นตัวอักษร แต่นางอ่านมันไม่ออกว่าหมายถึงอะไร แน่นอนว่านางรู้ทันทีว่าโดนนายท่านแกล้งเป็นแน่แท้
“นายท่านนะนายท่าน แกล้งบ่าวตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย”
“เจ้าโดนพี่ชายข้าแกล้งเข้าให้แล้ว ไปทำอีท่าไหนให้โดนแกล้งเนี่ย”
“บ่าวไม่รู้ตัวเลยเจ้าค่ะ สงสัยคงเป็นตอนที่บ่าวงีบหลับในห้องหนังสือแน่ ๆ แต่ก็ช่างเถอะ เพราะถึงอย่างไรบ่าวก็ได้แกล้งนายท่านคืนก่อนมาแล้วเช่นกัน” ใบหน้าที่เคยบูดบึ้ง ตอนนี้เริ่มฉายรอยยิ้มขึ้นมาแล้ว เมื่อนึกถึงใบหน้าอันหล่อเหลาถูกนางตวัดปลายพู่กันเป็นลวดลายต่าง ๆ นานา
“แกล้งคืนอย่างไร ข้าอยากจะรู้”
“ก็ทำเหมือนที่นายท่านทำกับบ่าวอย่างใดเล่าเจ้าคะ ว่าแต่…ที่นายท่านเขียนบนแก้มบ่าวมันหมายถึงอะไรเจ้าคะ”
“เด็กดื้อ” ซินอวี่ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“ชิ ว่าแต่คนอื่นดื้อ ตัวเองก็ดื้อเหมือนกันนั่นล่ะ นายท่านดื้อกว่าใคร ๆ” นางเบ้ปากเมื่อนึกถึงนิสัยอันเกรี้ยวกราดของท่านแม่ทัพหยาง
“มวยถูกคู่จริง ๆ ข้าชักจะเริ่มสนุกเสียแล้วสิ หากวันใดเจ้าได้แกล้งท่านพี่อีก มาเล่าให้ข้าฟังด้วยนะ”
“เจ้าค่ะ บ่าวจะไม่มีทางยอมเป็นฝ่ายเสียเปรียบเด็ดขาด”
“พี่ชายข้าไม่ใช่คนธรรมดานะ มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเยอะมาก ไม่เช่นนั้นคงไม่ได้เป็นถึงท่านแม่ทัพประจำเมืองเช่นนี้หรอก ระวังตัวเอาไว้ด้วย ข้ากลัวว่าเจ้าจะเลือดตกยางออกอีก”
“บ่าวจะระวังตัวให้มากเจ้าค่ะ”
“อ้อ ที่เจ้าบอกว่ามาทวงของรางวัล เจ้าทำให้ท่านพี่ยิ้มได้แล้วหรือ”
“เจ้าค่ะ เมื่อครู่นี้เอง”
ซินอวี่เลิกคิ้วอย่างนึกประหลาดใจ หันไปมองหน้าสาวใช้คนสนิท ทั้งสองต่างก็ทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อคำพูดของเหม่ยหวาเลยสักนิด
“เจ้าไม่ได้โกหกข้าใช่หรือไม่”
“บ่าวไม่ได้โกหกจริง ๆ นายท่านยิ้มให้บ่าวแล้ว ไม่เชื่อไปถามนายท่านได้เลยเจ้าค่ะ”
“แปลกมาก ท่านพี่แทบจะไม่เคยยิ้มให้สาวใช้คนไหน แต่เจ้ากลับทำให้ท่านพี่ยิ้มได้ เป็นเรื่องน่ายินดีจริง ๆ ข้ายอมเจ้าแล้ว” นางต้องเชื่อเสียแล้ว เมื่อได้เห็นสีหน้าที่จริงจังของสาวใช้ เป็นสัญญาณที่ดีว่าเหม่ยหวาผู้นี้ จะทำให้มารดาของนางไม่ต้องกังวล เรื่องหาคนมารับใช้ท่านแม่ทัพหยางอีกแล้ว เชื่อว่านางผู้นี้จะต้องเอาพี่ชายของนางอยู่หมัดแน่นอน
“บ่าวเก่งใช่ไหมล่ะเจ้าคะ แล้วของรางวัลที่คุณหนูจะให้บ่าวคืออะไรเจ้าคะ บ่าวอยากรู้จะแย่แล้ว” สีหน้าของนางนั้นดีใจเสียยิ่งกว่าอะไร จ้องหน้าคุณหนูซินอวี่อย่างตั้งใจ
“เจ้าเก่งมาก ๆ หากท่านแม่ได้รู้เรื่องนี้คงจะดีใจเช่นกัน ส่วนของรางวัลของเจ้าอยากได้อะไร”
“บ่าวเลือกได้หรือเจ้าคะ”
“ได้สิ มันเป็นความดีความชอบของเจ้านี่นา”
“บ่าวอยากได้ข้าวสารแล้วก็ของกินของใช้เจ้าค่ะ บ่าวจะเอาไปให้ที่บ้าน”
“ได้สิ เดี๋ยวข้าจะให้คนจัดเตรียมให้ แล้วนำไปส่งให้ที่บ้านเจ้าก็แล้วกัน”
“ขอบพระคุณคุณหนูมากเจ้าค่ะที่เมตตาบ่าว” นางซึ้งน้ำใจคุณหนูซินอวี่เป็นอย่างยิ่ง นั่งคุกเข่าโขกศีรษะด้วยความซาบซึ้งใจ
“เอาล่ะ ๆ ลุกขึ้นเถิด คนทำดีก็ย่อมได้รับสิ่งดี ๆ กลับคืนไป เจ้าต้องสัญญาว่าจะดูแลพี่ชายข้าให้ดี ทำให้พี่ชายข้ามีความสุขที่สุด เจ้าทำได้หรือไม่”
“ได้สิเจ้าคะ บ่าวจะพยายามอย่างสุดความสามารถ”
“รบกวนเจ้าแล้วล่ะ”
“บ่าวยินดีเจ้าค่ะคุณหนู”
เหม่ยหวาฉายรอยยิ้มแห่งความดีใจออกมาตลอดเวลา เมื่อนึกเห็นภาพที่ครอบครัวของนางได้รับข้าวสารและของกินของใช้ที่มาจากฝีมือนางเอง รู้สึกภาคภูมิใจที่แม้จะอายุยังน้อยแต่ก็สามารถทำให้ครอบครัวมีอยู่มีกินได้ การห่างจากครอบครัวมันไม่ใช่อุปสรรคที่จะทำให้นางย่อท้อต่อโชคชะตา นางจะอดทนรอวันที่ครอบครัวได้กลับมาอยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง