Transmigration with QQ Farm สาวน้อยปลูกผัก - ตอนที่ 674
TQF:บทที่ 674 ให้อภัย (3)
แต่เขาจะไม่ยอมแพ้หรอก อย่าว่าแต่ความแค้นที่เขาเคยฝังใจกับบ้านใหญ่เลย แค่เรื่องที่ลูกชายและลูกสาวเขาได้ทำไว้คนบ้านใหญ่ก็ไม่ปล่อยพวกเขาบ้านสามไว้แน่ ดังนั้นเขาจะต้องลุกขึ้นสู้
คิดมาถึงตรงนี้ฟางเต๋อถังก็สั่งให้คนรับใช้ไปเรียกลูกสาวเขามา
คนรับใช้ไปตามด้วยความว่องไว อย่างไรซะเมื่อกี้ก็เพิ่งตายไปคนหนึ่ง ไม่มีใครอยากเอาชีวิตตัวเองมาล้อเล่น
ไม่นานนักฟางซูเสวี่ยก็มา สีหน้านางไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ แต่เมื่อต้องเผชิญกับท่านพ่อเพียงลำพังนางก็ไม่กล้าวางมาดใหญ่ ทำความเคารพอย่างว่าง่าย “ท่านพ่อ ท่านเรียกเสวี่ยเอ๋อมามีอะไรรึเปล่า”
“เสวี่ยเอ๋อ นั่งสิ” ฟางเต๋อถังพูดกับลูกสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างยากจะได้ยิน
ฟางซูเสวี่ยเหลือบมองท่านพ่อทันที นางรู้ว่าถ้าไม่ใช่เพราะนางได้แต่งงานกับเจ้าสำนักมาร นางคงไม่มีสิทธิ์แม้จะนั่งเมื่ออยู่ต่อหน้าท่านพ่อ “เจ้าค่ะท่านพ่อ”
“เสวี่ยเอ๋อ ซีหนิงไม่ได้โกรธแล้วใช่มั้ย” ฟางเต๋อถังจ้องลูกสาวและเอ่ยถาม
ฟางซูเสวี่ยที่เพิ่งนางลงหน้ากระตุกอย่างไม่เป็นธรรมชาติ ตอบเสียงค่อย “ท่านพ่อ เขากำลังฝึกฝนอยู่ ลูกก็ยังไม่ได้พบเขา”
“เป็นถึงลูกผู้ชายอกสามศอก ทำไมถึงใจแคบอย่างนี้นะ” ฟางเต๋อถังที่ไม่เคยรู้ตัวว่าตัวเองใจแคบกลับตำหนิลูกเขย เขาเอ่ยด้วยสีหน้าอึมครึม “ในเมื่อถูกเหยียดหยาม ก็ยิ่งต้องคืนกลับไปเป็นเท่าตัวสิ ทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้ล่ะ”
“ท่านพ่อ ซีหนิงอารมณ์ไม่ค่อยดี ท่านอย่าโกรธเขาเลย ตั้งแต่ไฟอายุขัยของฮุยเอ๋อดับไป ซีหนิงก็เศร้าใจมาตลอด ท่านอย่าตำหนิเขาเลย”
“……”
เกิดเสียงดังขึ้น โต๊ะข้างๆฟางเต๋อถังกลายเป็นฝุ่นผง เห็นได้ว่านิสัยโมโหแล้วตบโต๊ะของฟางซูเสวี่ยก็ได้มาจากพ่อของนางนั่นแหละ
เมื่อฟางซูเสวี่ยอยู่ต่อหน้าท่านพ่อที่แข็งกร้าวก็เป็นเหมือนแมวเชื่องๆตัวหนึ่งที่ก้มหัวลง ไม่กล้ามองอีกฝ่าย
ขณะนั้นหน้าของฟางเต๋อถังโมโหจนขึ้นสี นัยน์ตา 2 ข้างเป็นประกายความโกรธ พูดอย่างแค้นเคือง “สวะจริงๆ ถึงยังไงก็เป็นถึงเจ้าสำนัก ลูกชายตายอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่ไม่รู้จักไปตามล่าหาความจริง ทำได้แค่หลบไปเศร้าเสียใจอยู่ที่บ้านอย่างกับผู้หญิง จะไปมีประโยชน์อะไร”
“……”
นึกไปถึงลูกชายคนเล็กของตัวเองที่ตายปริศนา ในใจของฟางซูเสวี่ยเองก็เสียใจไม่แพ้กัน ลูกชายคนเล็กก็เป็นแก้วตาดวงใจเหมือนกัน แต่นางก็ไม่กล้าโต้เถียงกับท่านพ่อที่โกรธจัดอยู่
ผ่านไปสักพักหนึ่งฟางเต๋อถังถึงสะกดความโกรธลงได้และมองไปยังลูกสาวที่น่าสงสารตรงหน้า สีหน้าเขาแย่เหมือนกินแมลงวันตายเข้าไป
เขาพยายามสะกดความโกรธและเหลือบมองลูกสาว “เสวี่ยเอ๋อ เจ้าสามารถบอกเซียวซีหนิงให้เชิญจักรพรรดิ์แห่งของสำนักมารออกโรงได้มั้ย ไม่ว่าจะต้องเสียอะไรเท่าไหร่ ขอแค่เรามี เรารับปากได้หมด”
“ท่านพ่อ….” ฟางซูเสวี่ยยิ้มขมขื่น
“ข้าไม่สนว่าเจ้าจะใช้วิธีอะไร ต้องให้เซียวซีหนิงเชื่อฟังเจ้าให้ได้ บอกให้ไอ 2 คนนั้นที่ไม่ยอมตายออกโรงซะ เป็นถึงเจ้าสำนักแต่ไม่สามารถเชิญผู้อาวุโสในสำนักตัวเองออกมาได้ น่าขายหน้ามั้ยล่ะ”
ฟางเต๋อถังยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห ว่าร้ายลูกเขยที่ให้เกียรติมาตลอดซะไม่เหลือค่า ราวกับนั่นไม่ใช่เจ้าสำนัก เป็นเพียงพวกไม่เอาไหนในตระกูลเล็กๆเท่านั้น เขาอยากจะเหยียบย่ำยังไงก็ได้
พวกเขา 2 พ่อลูกไม่รู้ว่าในตึกรับแขกไม่ไกล เซียวซีหนิงที่อยากรู้ว่าพวกเขาพ่อลูกมาหารือเรื่องบ้าๆอะไรกันอีกกำลังใช้พลังจิตสอดส่องมาที่นี่อยู่
คำพูดเมื่อกี้เซียวซีหนิงได้ยินทุกคำ ทันใดนั้นเจ้าสำนักคนนี้ก็บันดาลโทสะเป็นอย่างมาก เขาโมโหมากจนตัดสินใจว่าจะไม่ยุ่งเรื่องไร้สาระพวกนี้ที่ตระกูลฟางแล้ว
เมื่อเก็บเอาจิตกลับมาเจ้าสำนักก็หายไปจากตึกรับแขกทันทีโดยไม่ได้พาใครไปด้วย
ไม่นานนัก เซียวซีหนิงที่มีความโกรธอยู่เต็มอกก็ไปโผล่ที่ถนนที่ครึกครื้นที่สุดในชิงยาง จนสุดท้ายเข้าไปในร้านเหล้าแห่งหนึ่ง
เขาเพิ่งจะออกจากบ้านตระกูลฟางไปหยูเฮงน้อยก็รู้ทันที นางดีใจจนรีบตามมา ผ่านไปไม่นานก็มีผู้หญิงเย้ายวนคนหนึ่งมาอยู่ข้างกายเซียวซีหนิง
หยูเฮงน้อยกลับมาพร้อมรอยยิ้ม ท่าทางอวดดีนั่นทำให้เฉิงเสี่ยวเสี่ยวอยากจะแกล้งนางสักหน่อย
ในคืนนั้นเด็กๆ 3 คนในบ้านบรรลุในที่สุด ผ่านไปไม่นาน 3 พี่น้องก็เดินออกมาขอบคุณเฉิงเสี่ยวเสี่ยวด้วยรอยยิ้มแห่งความปิติ
พวกตาแก่ที่เห็นฉากนี้ก็อดส่งสายตาอิจฉามาไม่ได้ แววตาที่มองเฉิงเสี่ยวเสี่ยวยิ่งใจดีมีเมตตาเข้าไปใหญ่
แต่ช่วยไม่ได้ที่เด็กสาวเขาไม่สนใจพวกตาแก่เลย พวกเขาทำได้แค่โอดครวญในใจ
ส่วนพวกเด็กๆบ้านสองที่ได้รับของขวัญก็ไม่มีใครกล้าใช้ทั้งนั้น พวกเขารอจนกระทั่งฟางเต๋อซิวกลับมาจึงรุมล้อมเข้ามาถามว่านี่คืออะไรกันแน่
ฟางเต๋อซิวก็แปลกใจอยู่นิดหน่อย เขาเข้าใจดีว่าหยูเฮงน้อยถึงขั้นมอบของขวัญให้ต่อหน้าทุกคนย่อมไม่ตุกติกอะไรแน่นอน ถ้าพวกเขาอยากจะทำอะครอบครัวตัวเองจริงๆไม่จำเป็นต้องใช้วิธีแบบนี้หรอก แค่ฝ่ามือเดียวก็ตบคนตายได้เป็นเบือ ไม่ต้องใช้ของอย่างอื่นหรอก
หลังจากที่รับขวดมาแล้วฟางเต๋อซิวก็ยังมีความคาดหวังอยู่นิดหน่อย หลังจากที่เปิดฝาแล้วกลิ่นหอมสมุนไพรก็ลอยออกมา เมื่อได้กลิ่นหอมนี้ร่างกายเขาสั่นสะท้าน รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที ฟางเต๋อซิวรู้สึกเหมือนตัวเองหนุ่มขึ้นอีกหลายปี
“หอมจังเลย….”
คนอื่นๆก็ได้กลิ่นหอมนี้เหมือนกัน และต่างรู้สึกตื่นตัวมีชีวิตชีวา พลังเปี่ยมล้น ช่างน่ามหัศจรรย์จริงๆ
ฟางเต๋อซิวมองน้ำยาสีเขียวอ่อนที่อยู่ในขวดแล้วชะงักไปนิดหน่อย ก่อนจะมีสีหน้าตระหนกตกใจ รีบปิดฝาขวดไว้ “นี่เป็นของดี ของหายากเลยล่ะ”
“ท่านพ่อ นี่คือน้ำยาสกัดหรอ” ฟางหมิวต๋าถามด้วยความระวัง
ฟางเต๋อซิวพยักหน้าแรงๆ ดวงตาเป็นประกาย “ครอบครัวพวกนางต้องมีนักสกัดยาอย่างน้อย 1 คนแน่ๆ ไม่อย่างนั้นไม่มีของแบบนี้หรอก”
——————————–