Transmigration with QQ Farm สาวน้อยปลูกผัก - ตอนที่ 590
TQF:บทที่ 590 โมโหเป็นฟืนเป็นไฟ (1)
อยู่คุยเป็นเพื่อนหยูเฮงน้อยไปสักพักเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็เริ่มฝึกฝนในมิติ นางต้องการจะบรรลุจากระดับจักพรรดิ์อมตะไปสู่ระดับก้าวสู่เทพเทวาในไม่กี่วันนี้ แม้ว่าจะยุ่งๆกันอยู่นางก็ต้องหาเวลาฝึกฝน
เช้าวันรุ่งขึ้น เฉิงเสี่ยวเสียวก็เริ่มง่วนอยู่กับการทำงานอีกครั้ง นอกจากเรื่องภายในบ้านแล้วยังต้องร่างโครงสร้างของกลุ่มทหารรับจ้างออกมาด้วย
วันที่ 3 เฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็ได้รับเอกสารที่ตำหนักเจ้าเมืองส่งมา แต่คนที่มาไม่ใช่ผู้อาวุโสเจี่ยง แต่ท่าทางอีกฝ่ายก็มีความสุขไม่เบา ตอนที่ส่งเขาออกไปก็ให้แหวนมิติเขาไปอีกวง ทำให้อีกฝ่ายตีใจจนรับปากว่าหลังจากนี้มีอะไรให้ไปหาเขาได้เลย
กับคนแบบพวกเขาแล้วเฉิงเสี่ยวเสี่ยวรู้ว่าอะไรที่ต้องจ่าย อย่างไรซะอีกฝ่ายก็อยู่ในฐานะทางการ ไม่มีเรื่องบาดหมางจะดีกว่า เผื่อว่าวันหลังจะมีเรื่องที่ต้องการพวกเขา
ร้านค้าที่เป็นตึก 3 ชั้นถูกหมายปองไว้ เดิมทีที่เป็นเป็นร้านอาหารแกมขายเหล้า แต่เจ้าของก่อเรื่องบางอย่างขึ้นจึงถูกคนของกลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นทุบร้านไป เจ้าของทำอะไรไม่ได้จึงจำต้องขายร้านนี้
ทันทีที่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวได้ข่าวก็รีบไปพบหน้าเจ้าของร้าน วิทยายุทธแค่ระดับบรรลุราชันย์จักพรรดิ์เท่านั้น รูปร่างอ้วนๆขาวๆ ใบหน้าเศร้าสร้อยราวกับมีคนติดเงินเขาแล้วไม่คืน
เจ้าของร้านนี้ก็เคยได้ยินชื่อของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนมานานแล้ว เมื่อรู้ว่าตระกูลเฉิงต้องการซื้อตึกของเขาไปก็ตกใจและสงสัย ความแค้นระหว่างกลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นและซื่อหุนเขาก็รู้ดี อย่างไรซะเรื่องที่เกิดขึ้นในฮวงยันไม่นานก็ถูกลือจนรู้กันทั่ว
“หัวหน้ากลุ่มเฉิง พวกท่านจะซื้อร้านของข้าจริงๆเหรอ” เจ้าของคนนี้อดถามไม่ได้
ไม่ใช่ว่าเขาดูถูกหญิงสาวตรงหน้า จากพลังลมปราณจากร่างนางเขาก็รับรู้ได้ว่าหญิงสาวคนนี้แหยมไม่ได้
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวมองเขานิ่งๆพยักหน้าเบาๆ ยังคงจิบชาวิเศษอยู่โดยไม่มีทีท่าจะเปิดปาก
“หัวหน้ากลุ่มเฉิง ที่จริงคนของกลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นเคยมาหาข้า พวกเขาเองก็อยากจะซื้อร้านของข้าเหมือนกัน”
“เถ้าแก่จิน เจ้าหมายความว่าอย่างไร คิดว่าพวกเราไม่มีเงินซื้อร้านเจ้ารึ”
สีหน้าผู้เฒ่าหยิงเข้มขึ้น แม้ว่าวิทยายุทธเขาจะไม่สูง แต่ก็ยังคงท่าทีไม่เกรงกลัวใคร ถึงยังไงเขาก็คือพ่อบ้านตระกูลเฉิง เป็นเสมือนตัวแทนของทั้งตระกูล
เถ้าแก่จินไม่กล้าแสดงท่าทีไม่พอใจกับคำพูดของเขา “พ่อบ้านหยิง ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ข้าหมายถึงกลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นก็อยากได้ร้านของข้า หาพวกท่านซื้อละก็ อาจจะบาดหมางกับพวกเขาได้ ถึงเวลา….”
“วางใจเถอะ กลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นอะไรนั่นพวกเราไม่เห็นอยู่ในสายตาหรอก ขอแค่เจ้าขายร้านให้พวกเราก็พอแล้ว”
ผู้เฒ่าหยิงรู้ว่าเจ้านายต้องเองถูกใจร้านนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องซื้อให้ได้ ส่วนความกังวลของเถ้าแก่จินนั้นไม่จำเป็นต้องใส่ใจเลย
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็ไม่มีอะไรแล้ว ข้าไม่สามารถรักษาร้านไว้ได้ก็เสียใจอยู่บ้าง แต่ก็ช่วยไม่ได้ ในเมื่อคนอื่นแข็งแกร่งกว่า ข้าก็ต้องยอมเสียของรัก ถ้าจะต้องให้คนของกลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นได้ไปสู้ให้หัวหน้ากลุ่มเฉิงไปจะสบายใจกว่า”
เถ้าแก่จินถอนหายใจ แม้จะไม่อยากแต่ก็ตกลงยอมขาย
“เถ้าแก่จิน เจ้าเป็นคนท้องที่ของฮวงยันใช่มั้ย”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยววางแก้วชาเอ่ยถามเสียงเบา
“ใช่…”
เถ้าแก่จินชะงักไปและพูดต่อ “หัวหน้ากลุ่มเฉิง บรรพบุรุษของข้าล้วนอยู่ที่นี่หมด เพียงแต่พรสวรรค์ในการฝึกฝนไม่สูง ทำได้แค่รักษากิจการไว้ค้ำจุนชีวิต ช่วยไม่ได้ที่ตอนนี้แม้แต่กิจการที่สืบทอดมาก็รักษาไว้ไม่ได้แล้ว พวกเรามันไร้ความสามารถ….”
พูดมาถึงตรงนี้หางตาเถ้าแก่จินก็ชื้น เห็นได้ว่าเขาถูกบีบคั้นจนหมดหนทางแล้ว
“ในเมื่อบรรพบุรุษของเถ้าแก่จินอยู่ที่นี่หมดก็หมายความว่ากิจการไม่แย่ ทำไมถึง….”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวพูดไม่จบ แต่ทุกคนในที่นี้ก็ได้ยินชัดเจนแล้ว การอยู่ที่นี่มาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษหมายความว่าเงินทองที่ได้จากกิจการต้องไม่น้อย เขาบอกว่าคนของตระกูลจินมีพรสวรรค์การฝึกฝนที่ไม่สูง น่าจะเสียที่ทำกินในเมืองฮวงยันไปนานแล้ว
ถือคนแกร่งเป็นใหญ่ การไม่มีความสามารถก็น่าจะถูกคนอื่นกินจนไม่เหลือซากไปนานแล้ว ยิ่งในอำเภอชั้น 2 ที่ดินทุกเม็ดเป็นเงินเป็นทอง
แต่ตระกูลจินกลับยืนหยัดมาได้ถึงบัดนี้ น่าแปลกใจจริงๆ
เถ้าแก่จินหัวเราะขมขื่น “ข้าเข้าใจความหมายของหัวหน้ากลุ่มเฉิง พวกเราก็อยู่ที่นี่มาหลายชั่วอายุคนแล้ว ที่ไม่เคยถูกไล่ออกจากฮวงยันก็เพราะเจ้าเมืองคนอื่นรู้จักกับบ้านข้า เมื่อได้รับการดูแลจากเขาพวกเราถึงได้อยู่ที่นี่มาได้หลายยุคหลายสมัย”
“แต่เมื่อไม่กี่ปีก่อน หลังจากที่เจ้าเมืองคนก่อนออกไปตระกูลจินของเราก็เริ่มถูกข่มเหง ตอนแรกๆที่ทุกเห็นว่ามีเจ้าเมืองคนใหม่ยังไม่ลงมือ ตอนนี้สถาการณ์ของเจ้าเมืองคนใหม่ลงตัวแล้ว และพวกเราก็ไม่สามารถผูกมิตรกับเขาได้ จึงเริ่มถูกคนอื่นหาเรื่อง”
“เดิมทีในมือข้ามีอยู่หลายร้าน เพื่อให้อยู่ที่นี่ได้ก็ขายครึ่งแจกครึ่งไปหมดแล้ว เหลือแค่ร้านข้าวนี้ไว้เลี้ยงดูครอบครัว ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายพวกเราก็ถูกเพ่งเล็งจากคนของกลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นจนได้”
เถ้าแก่จินเล่าเรื่องของตัวเองด้วยสีหน้าทุกข์ระทม เขาไม่ได้ปิดบังอะไร อย่างไรซะหากไปสืบสาวเรื่องราวดีๆเรื่องของตระกูลเขาทั้งฮวงยันก็รู้กันหมดแล้ว
เมื่อผู้เฒ่าหยิงฟังจบก็ถามขึ้นด้วยความแปลกใจระคนสงสัย “ยังไงซะพวกเจ้าก็อยู่ที่นี่มาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ อิทธิพลในฮวงยันก็มีตั้งมากมายเจ้าไม่เคยหาที่พึ่งเลยรึ”
“เคย แต่พวกนั้นก็เป็นแค่กลุ่มทหารรับจ้างระดับ 4 ระดับ 5 เท่านั้น กับการข่มเหงจากกลุ่มทหารรับจ้างระดับ 3 แล้วใครจะกล้าออกหน้าให้ ยิ่งอีกฝ่ายเป็นถึงกลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นยิ่งไม่มีใครกล้าต่อกรด้วย”
เถ้าแก่จินมองทั้ง 2 ด้วยสายตาหลากหลายอารมณ์ คนที่กล้าต่อกรกับกลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นซึ่งๆหน้าก็คงจะมีแต่พวกนางนี่แหละ
“แค้นพวกเขามั้ย” จู่ๆเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็ถามขึ้นด้วยสายตานึกสนุก
“แค้น” เถ้าแก่จินหรี่ตา มีประกายแห่งความแค้นวิบวับอยู่ในแววตา แต่ไม่นานนักเขาก็ก้มหน้าลงพลางกล่าวอย่างหมดแรง “แค้นแล้วทำอะไรได้ ครอบครัวข้าก็ยังต้องใช้ชีวิตอยู่ ก็ต้อง…”