สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย - บทที่ 1050 เป็นพรรคเทพจันทราดังคาด
บทที่ 1050 เป็นพรรคเทพจันทราดังคาด
บทที่ 1050 เป็นพรรคเทพจันทราดังคาด
เจ๋อหลานวางกองเอกสารข้อมูลไว้บนโต๊ะของมู่ซืออวี่ จากนั้นจึงรายงานข่าวที่ตรวจสอบมาได้
“ซ่งซู หรือก็คือจางเฉี่ยวเอ๋อร์ผู้นั้น…”
“ยังคงเรียกซ่งซูเถอะ คุ้นหูแล้ว” มู่ซืออวี่ขัดจังหวะเจ๋อหลาน “นางเป็นอะไร?”
“นางกับบิดาตัวปลอมผู้นั้นมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกันจริง ๆ เจ้าค่ะ” เจ๋อหลานกล่าว “เพียงแค่ถูกลงโทษเล็กน้อย ทั้งสองก็สารภาพออกมาทั้งหมด”
“ก่อนอื่นทำการยืนยันเสียก่อนว่าสิ่งที่พวกเขาสารภาพเป็นความจริง อย่าได้ทำเรื่องฉลาดให้กลายเป็นโง่ ตกหลุมพรางพวกเขาเข้าเสียเอง”
“พระชายาวางใจ ถึงแม้ท่านจะอยากรู้เรื่องที่ลึกกว่านี้ก็ไม่ได้แล้ว ซ่งซูเป็นเพียงผู้ดูแลเล็ก ๆ ของพรรคเทพจันทรา พวกเขาไม่มีคุณสมบัติเข้าไปที่ส่วนกลางจึงไม่รู้อะไรมากนัก”
“นางเกือบกลืนกินสกุลฉินเข้าไปครึ่งหนึ่งแล้ว อย่างนี้ยังเป็นแค่เพียงผู้ดูแลเล็ก ๆ อีกหรือ? เช่นนั้นธิดาเทพบนเกาะเทพจันทราที่ข้าเคยพบและคนที่อยู่ส่วนกลาง จะต้องมีสถานะแบบใด?”
“บ่าวว่านางไม่ได้โกหกนะเจ้าคะ ระหว่างไต่สวนบ่าวล้วนได้ยิน” เจ๋อหลานเอ่ย “ซ่งซูเดิมทีใช้ชีวิตลำบาก จู่ ๆ วันหนึ่งก็มีบุรุษผู้หนึ่งเข้ามาบอกว่าสามารถเปลี่ยนชะตากรรมของนางได้ คนผู้นั้นก็คือคนรักของนางในตอนนี้หรือก็คือพ่อตัวปลอม ซ่งซูรวบรวมข้อมูลให้บุรุษผู้นั้น นึกไม่ถึงว่านางจะติดโรคสกปรกมา ด้วยไม่ต้องการให้ชายผู้นั้นรังเกียจ นางจึงหนีไป ภายหลังจึงได้พบกับท่านหมอซ่งและลูกสาวของเขา”
“สองพ่อลูกสกุลซ่งมาพบนาง ช่างโชคไม่ดีจริง ๆ” มู่ซืออวี่เอ่ย “โลกนี้ไม่ขาดแคลนคนใจดี แต่ไม่ใช่คนใจดีทุกคนจะได้รับรางวัลตอบแทน นางสารภาพอะไรอีกหรือไม่?”
“นางมอบรายชื่อให้เรา รายชื่อนั้นพวกเราสาวไปถึงตัวผู้สมรู้ร่วมคิดคนอื่น ๆ ได้ หากเราตามเบาะแส จะต้องหาปลาใหญ่ออกมาได้แน่นอนเจ้าค่ะ” เจ๋อหลานเอ่ย “เพียงแต่ซ่งซูผู้นั้นกล่าวคำพูดไม่น่าฟังเล็กน้อย”
“ว่าอย่างไร?”
“นางบอกว่ากู่พิษชนิดนี้ไม่ได้มีนางใช้ผู้เดียว ตอนนั้นเป็นคนจากข้างบนมาสอนนาง แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่ควรใช้ วิธีการนี้อันตรายต่อผู้วางกู่พิษเช่นกันจึงใช้กับคนที่สำคัญเท่านั้น”
“คนรักผู้นั้นของนางเป็นอย่างไร?”
“ดีต่อนางทีเดียวเจ้าค่ะ พอมองเห็นความจริงใจอยู่บ้าง”
“ความรู้สึกของบุรุษ…” มู่ซืออวี่เอ่ยอย่างใจเย็น “ข้าไม่เชื่อ”
“เช่นนั้น พระชายาก็ไม่เชื่อท่านอ๋องเช่นกันหรือเจ้าคะ?” เจ๋อหลานถาม
มู่ซืออวี่เหลือบมองเจ๋อหลานแวบหนึ่งแล้วเอ่ยด้วยท่าทีโมโห “ปกติข้าตามใจเจ้าเกินไปใช่หรือไม่ นับวันยิ่งไม่รู้จักผู้ใหญ่ผู้น้อยขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว บุรุษที่ใช้ประโยชน์จากสตรีจะเทียบกับท่านอ๋องได้หรือ?”
“บ่าวรู้ความผิดแล้วเจ้าค่ะ” เจ๋อหลานรีบนอบกายคำนับ
“หากพ่อตัวปลอมผู้นั้นรักซ่งซูอย่างลึกซึ้งจริง ๆ คงไม่มีทางทนดูนางขายเรือนร่างเพื่อรวบรวมข่าวสารให้ได้ บางทีเขาอาจมีความรู้สึกดี ๆ อยู่บ้าง ทว่าไม่ได้มากมายแน่นอน ส่วนซ่งซูตัวปลอมผู้นั้น นางกลับจริงใจต่อคนรักของตนไม่น้อย นางมีโอกาสมากมายที่จะอยู่ห่างจากเรื่องวุ่นวายเหล่านี้ แต่นางไม่ทำ แสดงให้เห็นว่านางโง่เขลาเหมือนสตรีส่วนใหญ่ที่ถูกความรู้สึกผูกมัดเอาไว้”
“พระชายา พรรคเทพจันทรานี้ซับซ้อนยิ่งนัก ระหว่างทางเราพบเจอปัญหามากเกินไป เกรงว่าพรรคเทพจันทรานี้เหมือนฝูงมดใต้พื้นดิน อาจดูไม่สำคัญ แต่กลับมีมากมายทั้งยังเกี่ยวพันกันไปหมด จนเพียงพอให้เขย่าช้างทั้งตัวได้นะเจ้าคะ”
“นายท่านฉินทำเรื่องโง่ ๆ มานานแล้ว ถึงเวลาที่เขาจะต้องออกหน้าเก็บกวาดความยุ่งเหยิงนี้” มู่ซืออวี่เอ่ย “ก่อนอื่น เขาต้องจัดการเก็บกวาดปีศาจร้ายในป่า ผีพรายในน้ำภายในสกุลฉินเสียก่อน”
มู่ซืออวี่ส่งข่าวให้ฉินเหวินหาน พูดคุยกับฉินเหวินหานอย่างลับ ๆ อยู่ในห้องตำราเป็นเวลานาน
หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วยาม ซ่งซูก็ถูกปล่อยตัวไป
นางยังคงแสดงบทบาทเป็นภรรยารองของฉินเหวินหาน
ณ จวนฉิน เรือนกล้วยไม้
เจิ้งซูอวี้ส่งมู่ซืออวี่ไปแล้ว นางก็ไอออกมาเบา ๆ
สาวใช้ที่อยู่ข้าง ๆ รีบร้อนยกยาน้ำมา “อุ่นกำลังดีเลยเจ้าค่ะ ฮูหยินรีบดื่มเถิด!”
เจิ้งซูอวี้โบกมือ “ขมเกินไป ข้าไม่อยากดื่ม”
“ฮูหยิน ท่านหมอกำชับไว้ ท่านต้องดูแลตนเองดี ๆ นะเจ้าคะ” สาวใช้ด้านข้างรบเร้า “คราวนี้ท่านถูกคนชั่วช้าทำร้าย ร่างกายของท่านทรุดโทรม ไม่รักษาตัวไม่ได้นะเจ้าคะ”
“ท่านหมอไม่ได้กล่าวอะไร รักษาเพียงใดก็ไม่มีประโยชน์” เจิ้งซูอวี้กล่าว “ข้ารู้จักร่างกายตนเองดี ทรุดโทรมมาหลายปีเพียงนี้ นับตั้งแต่นั้นมาก็ไม่ฟื้นคืนพละกำลังอีกเลย บัดนี้ยังถูกวางกู่พิษใส่ เรี่ยวแรงและเลือดหดหาย อยู่ได้อีกวันก็นับว่าดีแล้ว”
“เจ้ากำลังกล่าวอะไร?” ฉินเหวินหานเดินเข้ามา
เมื่อเจิ้งซูอวี้เห็นเขา ใบหน้าพลันมืดครึ้ม นางกล่าวเสียงเย็น “ท่านออกไปเถอะ”
ฉินเหวินหานให้บ่าวรับใช้ออกไป แล้วเดินเข้าไปหาภรรยา
เจิ้งซูอวี้นั่งลงริมหน้าต่างแล้วเอ่ยเสียงเรียบ “ข้ารู้ว่าท่านต้องการจะเอ่ยอะไร ท่านจะบอกว่าท่านมีความลำบาก จะบอกว่าเพื่อร่างกายของข้าท่านไม่กล้าเสี่ยง ท่านทำได้เพียงให้ความร่วมมือกับพวกเขา เสียสละกิจการของสกุลฉิน สนองความอยากของอีกฝ่าย รักษาครอบครัวเล็ก ๆ ของเราเอาไว้ ทว่าเรื่องใหญ่เพียงนี้ ท่านเคยถามข้าหรือไม่? ท่านอย่าได้เอ่ยว่าไม่มีโอกาส ไม่ว่าสตรีนางนั้นจะจับตามองเพียงใด อย่างไรก็ต้องมียามที่นางออกไปข้างนอก ท่านเพียงแค่ต้องทิ้งข้อความไว้ให้ข้า ด้วยความเข้าใจต่อกันในฐานะสามีภรรยาที่อยู่กินกันมานาน ข้าย่อมพอคาดเดาอะไรได้บ้าง แต่ท่านไม่มีความตั้งใจจะแบ่งปันความรับผิดชอบกับข้า คิดว่าตนเป็นวีรบุรุษ แบกรับทุกอย่างเอาไว้บนบ่า”
“ฮูหยิน เจ้าอย่าโกรธไปเลย อย่างนี้ไม่ดีต่อสุขภาพของเจ้า”
เจิ้งซูอวี้ถอนหายใจ “ข้ารู้จักร่างกายตนเองดี”
โชคดีที่ลูกยังเล็กจึงไม่ต้องกังวลอย่างนาง ดังนั้นนับว่าไม่ขาดทุนมากนัก
“ยานี้เจ้าต้องดื่ม” ฉินเหวินหานเดินยกถ้วยยาเข้าไป “เชื่อฟังข้าเถิด หากไม่ดื่ม เด็ก ๆ จะเป็นห่วงเอาได้”
“ท่านก็รู้จักเพียงใช้เด็ก ๆ มารังแกข้า”
“ผู้ใดให้เจ้ารักลูกมากกว่าข้าเล่า? หากข้าบอกว่าข้าจะเป็นห่วง เจ้าจะสนใจหรือ? เกรงว่าเจ้าจะโกรธขึ้นมาอีกมากกว่า”
เจิ้งซูอวี้ดื่มยาต้มลงไป
การเป็นมารดาทำให้นางเข้มแข็ง
หากไม่ใช่เพื่อเด็ก ๆ ด้วยเรื่องโง่ ๆ เหล่านั้นที่เขาทำ นางคงจากไปนานแล้ว
นางไปจากที่นี่ได้ ทว่าเด็ก ๆ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และนางก็ไม่สามารถปล่อยให้อารมณ์ด้านลบของตนส่งต่อไปยังพวกเขา
หลังจากดื่มยาแล้ว ฉินเหวินหานก็ป้อนผลไม้เข้าปากเจิ้งซูอวี้
“พระชายาจะจัดการอย่างไร?”
“พระชายาให้ข้าปล่อยซ่งซูออกไปแล้ว”
“ตอนนี้นางยังเป็นภรรยารองของท่าน”
“ฮูหยิน ข้าไม่เคยแตะต้องนางแม้เพียงครั้ง”
“ข้ารู้” เจิ้งซูอวี้กล่าว “นับตั้งแต่ข้ารู้ความจริง ข้าก็รู้ว่าท่านต้องทนมาโดยตลอด และเป็นเพราะข้ารู้ ข้าจึงได้รู้สึกเสียใจ ท่านไม่จำเป็นต้องทนเพียงลำพัง หากท่านบอกข้า ข้าสามารถให้ความร่วมมือกับท่านได้ ถึงแม้จะทำไม่ได้ อย่างน้อยข้าก็จะไม่ตำหนิหรือเกลียดท่าน ข้าตำหนิท่าน ไม่ใช่เพียงเพราะท่านปิดบังข้า แต่เป็นเพราะข้ารู้สึกไม่สบายใจ”
“กี่คืนแล้วที่ข้าต้องทนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ความรู้สึกเหล่านั้น ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องทนแบกรับ” ฉินเหวินหานเอื้อมมือโอบไหล่นางเข้ามา “ขอเพียงเจ้ายังอยู่ข้างกายข้า เรื่องอื่นข้าไม่สนใจ ฮูหยิน เจ้าต้องดื่มยาให้ตรงเวลา เมื่อเรื่องที่นี่จบลงแล้ว พวกเราจะไปเมืองถงหยาง”
“เพราะเหตุใด?”
“เทพโอสถอยู่ที่นั่น นอกจากนี้ ในเมืองถงหยางเราก็มีทรัพย์สินมากมาย ย้ายไปที่นั่นย่อมไม่มีปัญหา หากไม่อยากทิ้งทุกอย่างในเมืองฮู่เป่ยไป พวกเราก็กลับมาดูเป็นระยะได้”
“ซ่งซูผู้นั้น พระชายาคิดจะใช้นางทำอะไร…”
ประโยชน์ของซ่งซู แน่นอนว่าเป็นเหยื่อล่องูออกจากถ้ำ
พรรคเทพจันทรานั้นสลับซับซ้อน หากซ่งซูนำทาง พวกมู่ซืออวี่ก็สามารถหลีกเลี่ยงทางอ้อมได้มากมาย สถานะของซ่งซูไม่สูงพอ เช่นนั้นก็ให้นางได้มีสถานะสูงขึ้นจนเพียงพอที่จะเข้าหาส่วนกลางของพรรคเทพจันทราได้สิ นี่ช่วยหลีกเลี่ยงปัญหาได้มากเลยไม่ใช่หรือ?
มู่ซืออวี่ฝากฝังหน้าที่อันสำคัญนี้ให้กับฉินเหวินหาน
แน่นอนว่านางก็พูดคุยกับเจิ้งซูอวี้ในเรื่องนี้เช่นกัน
เจิ้งซูอวี้รู้ดีว่าเรื่องนี้ค่อนข้างอันตราย ขณะเดียวกันก็รู้ว่าหากไม่ใช่เพราะมู่ซืออวี่ นางและลูก ๆ คงเดือดร้อน ไม่ว่าจะด้วยหน้าที่หรือเหตุผลส่วนตัว สกุลฉินก็ไม่อาจเพิกเฉยต่อเรื่องนี้ได้
ยิ่งไปกว่านั้น พรรคเทพจันทรานี้ แค่ได้ยินก็รู้แล้วว่าเป็นลัทธิ หากไม่จับกุม ปล่อยให้ซ่อนตัวในความมืด ทำให้ผู้คนเลอะเลือน ความสงบสุขของอาณาจักรฮุ่ยคงต้องจบลงที่นี่
มู่ซืออวี่ดำเนินการตรวจดูเครื่องเล่นในลานหรรษาต่อไป
หลายปีผ่านไป เครื่องเล่นในลานหรรษาก็มีอายุการใช้งานมากแล้ว อย่างไรก็ตาม นางใช้วัสดุที่ดีที่สุดในยามนั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างความเสียหายใหญ่หลวงเพียงนี้ กล่าวได้เพียงว่า มีคนจงใจทำให้มันเสียหาย เพียงเพื่อทำลายลานหรรษา เพื่อให้สกุลลู่ขาดไก่ออกไข่ทองคำน้อยลงหนึ่งตัว
มู่ซืออวี่ใช้กำลังคนและทรัพยากรเงินมหาศาล วางแผนและปรับปรุงลานหรรษาขึ้นใหม่
ในความเป็นจริง นางไม่เคยหยุดวางแผนพัฒนาลานหรรษาตลอดช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมานี้เลย นางออกแบบกลไกอันชาญฉลาดขึ้นมานานแล้ว เมื่อกลไกเหล่านี้เป็นรูปเป็นร่างก็ไม่ต้องกังวลกับความเสียหายเป็นเวลาอย่างน้อยสิบปี นอกจากนี้ หากมีคนจงใจก่อเหตุ กลไกจะเปิดใช้งานการป้องกันในและยิงอาวุธลับต่าง ๆ ไปยังคนที่เข้าไปแหย่รังแตนทันที
“องค์หญิง จะทำอย่างไรดี?” เจ๋อหลานเอ่ยถามลู่จื่อวิ๋น “เรื่องนี้ยังไม่ได้รายงานพระชายาเลยนะเพคะ”
ลู่จื่ออวิ๋นมองเนื้อหาในบันทึกนั้นด้วยสีหน้ากังวล
จนกระทั่งบัดนี้บิดาของนางยังไม่กลับเมืองหลวงเลย
ท่านพ่อและท่านอาฉีหายตัวไปทั้งคู่ ราชสำนักตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย
หรือว่าทั้งหมดนี้มีพรรคเทพจันทราบงการอยู่เบื้องหลัง?
“บอกท่านแม่ไปก็ไม่มีประโยชน์ น้ำไกลไม่อาจดับไฟใกล้ เรื่องนี้คนในเมืองหลวงจะหาทางเอง” ลู่จื่ออวิ๋นกล่าว “ไม่รีบร้อน ท่านอาลู่เซวียนกับสามีข้าจะต้องกำลังตามหาพวกเขาเป็นแน่”
“เรื่องนี้บอกกล่าวพระชายาสักหน่อยเถิดเพคะ” เจ๋อหลานกล่าว “หากพระชายามีอะไรกำชับ พวกบ่าวก็จัดการได้เช่นกัน”
ลู่จื่ออวิ๋นเหลียวมองไปทางมู่ซืออวี่แล้วเอ่ยว่า “ข้าจะกลับเมืองหลวงก่อน”
“องค์หญิง ท่าน…”
“ที่นี่ขาดท่านแม่ไม่ได้ อย่างที่เจ้าเห็น กลไกเหล่านี้มีความซับซ้อน แม้กระทั่งลูกศิษย์ท่านแม่ยังรู้เพียงผิวเผิน ไม่ได้มีพรสวรรค์ หากนางจากไปยามนี้จะต้องทำให้ลานหรรษาเกิดความล่าช้า เช่นนั้นเป้าหมายของผู้บงการเบื้องหลังก็สำเร็จไปเกินกว่าครึ่ง ข้าจะกลับไปก่อน ข้าแก้ปัญหาในเมืองหลวงได้ นอกจากนี้ หน่วยข่าวกรองของสกุลลู่ก็ดี หน่วยข่าวกรองของสกุลเซี่ยก็ช่าง ข้าล้วนรู้จักมักคุ้นเป็นอย่างดี เช่นนี้จึงจะตรวจสอบได้ง่าย”
ถึงแม้ถิ่นของนางจะอยู่ที่อาณาจักรเฟิ่งหลิน ทว่าพวกเขาก็มีหน่วยข่าวกรองอยู่ภายในอาณาจักรฮุ่ยเช่นกัน ไม่เช่นนั้นหากมีลมพัดใบหญ้าไหวใด ๆ ในต่างแคว้นแล้วพวกเขาไม่รู้ นั่นจะไม่เสียเปรียบเกินไปหน่อยหรือ?
ในยามเช่นนี้ สถานะที่แสนพิเศษของนางมีประโยชน์ขึ้นมาบ้างแล้ว
นอกจากนี้ ลู่จื่ออวิ๋นยังไม่ต้องการให้มู่ซืออวี่กังวลมากเกินไป มารดานางทำงานหนักเพื่อครอบครัวมาเกือบทั้งชีวิต ถึงเวลาที่ควรหยุดพักแล้ว นางผู้เป็นลูกสาวย่อมต้องการแบ่งเบาความกังวลนั้นและแก้ไขปัญหาแทน