สายตาที่เหมือนโคลนนั่น กำลังคาดหวังสิ่งใด? (Nigoru Hitomi de Nani wo Negau) - ตอนที่ 8
ทหารไมยาร์ดที่ล้มเหลวในการป้องกันชายแดนได้มารวมกันที่เมืองหลวงไอเดนเบิร์ก กลยุทธ์โลกไหม้เกรียมที่คิดไว้ยังไม่ได้ถูกนำมาใช้ และในทางกลับกันจักรวรรดิก็ยังมีเสบียงเหมือนเดิม
ปัญหาคือกองพันซาร์เรียที่ประกอบไปด้วยอดีตพลเมืองของคาโนอา แม้ว่าพวกเขาจะมีส่วนร่วมอย่างมา่กในการยึดปราการบนเขา แต่การปล้นวะดมและคุกคามก็กระจายไปทั่วหลังจากการต่อสู้โดยไม่สนว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็นพลเมืองหรือทหาร ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาเป็นเพื่อนร่วมชาติผู้ทรยศในอีกมุมมอง แต่สิ่งที่พวกเขาก็มากเกินไปจนถึงกับต้องส่งคนคอยจับตาดูกองพัน
กองพันซาร์เรียพวกเขาได้รับหมอบหมายให้ถือแส้และมีประโยชน์ในการยึดของหมู่บ้านหรือเมืองต่างๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะปัญหาของการปกคลองหลังการผนวกดินแดนกับจักรวรรดิ จักรวรรดิไม่ต้องการเป็นคนร้ายในขณะที่รุกราน ดังนั้นกองพันซาร์เรียจึงถูกใช้เพื่อเป็นเป้าของความแค้น
หลังจากการปิดล้อม วอล์ม กำลังค้นหาอยู๋ในป่าระหว่างทาง นี่เป็นเพราะรายงานเกี่ยวกับกองโจรที่ประกอบไปด้วยทหารที่หลบหนี้การปิดล้อมมาได้ แม้ว่าพวกเขาดูเหมือนจะไม่มีการวางแผนกลยุทธ์ที่เหมาะสม แต่การโจมตีซึ่งดูเหมือนจะมุ้งเป้าไปที่เสบียงอย่างต่อเนื่อง ทำให้มั่นใจตได้ว่าพวกเขาจะต้องรวบรวมข้อมูลและอาหารจากหมู่บ้านโดยรอบแบบลับๆ ประมาณหมวดทหารถูกฆ่าและคนที่สู้ไม่ได้ในคาราวานที่รับผิดชอบการขนส่งก็ถูกฆ่าตายเช่นกัน
“มันจะต้องมีนักเวทย์”
“ใช่ มันเป็นคุณสมบัติของธาตุลม และคุณสมบัติของธาตุไฟ”
หัวหน้าหน่วยและโจเซ่กำลังตรวจสอบศพที่เรียงรายอยู่โดยระบุคุณสมบัติเวทมนตร์จากร่องรอยบนศพ
“… มีนักเวทย์สองคนขึ้นไป”
วิลลาร์ท นักเวทย์ที่มองจากที่ห่างออกไปหน่อยได้พูดเสริม
บาดแผลที่สลักบนร่างกายเกินจากการลอบโจมตีด้วยเวทมนตร์ลมและรอยระเบิดเกิดจากเวทมนตร์ไฟ วอล์ม ยังคิดถึงความเป็นไปได้ของการมีคนที่สามารถเวทมนตร์ได้สองคุณสมบัติ แต่เมื่อดูจากปริมาณเวทมนตร์ที่ถูกใช้ในเวลาสั้นๆ มันเป็นเรื่องธรรมดที่จะมีหลายคน
“เอ่อ นี่ก็จากเวทมนตร์ด้วยยเหรอคะ”
“นี่มันอะไรกัน? ใบหน้าถูกบดขยี้”
ทหารใหม่ นัวร์ และ บาริโต้ กำลังเบือนหน้าของพวกเขามองไปที่ศพอื่นๆ ในบรรดาศพที่มีบาดแผลถูกแทงหรือถูกฟันที่ส่วนสำคัญมีบางศพที่มีใบหน้าถูกบดขยี้และบางศพหัวก็หายไป มันเหมือนพวกเขาถูกกระแทกด้วยอะไรบางอย่าง
“มันไม่ได้มาจากฮาลเบิร์ด และมันก็กว้างเกินไปสำหรับค้อนสงคราม”
“มันเกินจากโล่น่ะ”
คำตอบมาจากหัวหน้าหน่วยดูเวยที่คุ้นเคยกับศพในสนามรบมาหลายปี
“โล่? จริงๆเหรอ…”
เมื่อพบว่ามันยากที่ขจะเชื่อนัวก็พึมพำออกมา
วอล์มเห็นด้วย เขาคิดว่ามันสงพลังเกินไปที่จะมาจากโล่ เขาไม่รู้ว่าถ้าชาบร่างใหญ่เหวี่ยงโล่ไปรอบๆจะเกิดอะไรขึ้น
“บางทีเขาอาจมีทักษะ?”
โจเซ่ที่กำลังคิดอยู่ก็ได้ถามห้วหน้าดูเวย
ใช่ บางที ฉันเคยเห็นศพที่คลายกันมาก่อน ในเวลานั้นฉันเห็นหัวของคนๆหนึ่งได้หายไปจากการทุบด้วยโล่ เหมือกับทักษะ《จู่โจม》 มันมีผู้ใช้มากมายเช่นฉันแน่ใจว่ามันเป็น《กำแพงเหล็ก》แม้แต่โล่ไม้ก็จะเป็นเหมือนกับเหล็ก”
ตอนนี้วอล์มสามารถใช้ทักษะ《จู่โจม》ได้แล้วก็เขาใจว่าทักษะนั้นทรงพลังแค่ไหน แม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะใส่เกราะเหล็ก แต่ก็สามารถฟันขาดได้ในครั้งเดียวเมื่อใช้ทักษะ ข้อดีของมันอาจพูดได้ว่านับไม่ถ้วย
“อ่าาา แม้พวกมันจะเป็นแค่ทหารแตกทัพแต่มันก็เป็นคู่ต่อสู้ที่ยากจะจัดการ”
โจเซ่พึมพำอย่างรังเกียจ
“คู่ต่อสู้ในครั้งนี้ได้รวมเข้ากับนักผจญภัยจำนวนหนึ่ง พวกเชลยบอกอย่างนั้น ถึงแม้จะพวกแตกทัพ
แต่ก็เป็นพวกที่แตกต่าง จงระวังไว้ พวกนักผจญภัยที่มีประสบการณ์นั้นเก่งกว่าทหารทั่วไปในสนามรบ พวกเขาจะมีเกราะและมีความสามาร”
“นายจะได้รับของบางอย่างดีๆถ้านายจัดการพวกมันได้”
บาริโต้หัวเราะ แต่สีหน้าของเขาไม่ได้เป็นแบบนั้น มันชัดมากสำหรับวอล์ม เขาพยายามทำให้ตัวเองดูเข้มแข็ง
“โอ้ย โอ้ย บาริโต้ ศัตรูของเป็นคนที่มีทักษะและผู้ใช้เวทมนตร์นะรู้ไหม? ลองนึกภาพต่อสู้กับหัวหน้าดูเวยหรือวอล์มและวิลลาร์ทในเวลาเดียวกันสิ นายคิดว่าจะจัดการได้ไหม”
“ไม่มีทางทำได้เลยแม้จะมีฉันสัก 20 คนก็ตาม”
“ดีแล้วที่เข้าใจ”
เมื่อเห็นบาริโต้ยอมรับความผิดพลาดโจเซ่ก็พยักหน้าด้วยความพอใจ เป็นเรื่องที่ดีที่โจเซ่ให้ความรู้อย่างถูกต้อง แต่สำหรับวอล์ม ก็ยังตกใจที่แม้แต่เขาก็ถูกนับเป็นพวกมีใช่มนุษย์
“แล้วนั่น “ตรงนั้น” คืออะไร คะ..”
นัวชี้ไปที่ร่างของชายคนหนึ่งที่แขวนอยู่บนต้นไม้อย่างน่ากลัวว ร่างกายทั้งหมดถูกแทงและนอกจากส่วนหัวแล้วก็ไม่สามารถพูดได้ว่าเป็นศพคน
“อืม? หื่ม ตรงนั้นคือชาวบ้านที่ขายข้อมูลของเราและจัดหาอาหารให้กับทหารที่แตกทัพน่ะ”
โจเซ่พูดเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่่องปกติ
วอล์ม จำตัวเองได้เมื่อเขายังเป็นทหารใหม่และถามคำถามเดียวกัน
“เอ๊ะ…เป็นอย่างนั้นเองเหรอคะ? เขาใจแล้วค่ะ…”
ในใจนัวร์คงอย่างจะพูดว่า “ต้องทำขนาดนั้นเลยเหรอ?” มันเป็นสิ่งที่ทำให้หดหู่มาก แต่เธอก็เข้าใจว่าในสงครามบางครั้งมันก็จำเป็น
ทหาร30นายและประชาชน6คน(แรงงานและพ่อค้า)จะไม่ตายหากชาวบ้านไม่ได้ให้ข้อมูลและอาหาร การต่อต้านของผู้คนที่ฐานทัพนั้นส่่งความเสียต่อกองกำลังทุกยุกทุกสมัย และทหารก็ต้องเลือกว่าจะถูกทำลายล้างหรือจะจัดการแค่จำนวนหนึ่งต่อหน้าเพื่อเป็นตัวอย่างให้ชาวบ้านครอื่นๆ
มันจะแตกต่างกันไปเป็นครั้งคราว คราวนี้ทหารไฮเซิร์ค เลือกที่จะเชือดไก่ให้ลิงดู
“เตรียมตัวให้พร้อม ใกล้ได้เวลาแล้ว”
ด้วยการเรียกจากหัวหน้าดูเวย สมาชิกหน่วยก็ได้ก้าวเข้าสู้ส่วนลึกของป่า เนื่องจากเป็นเรื่องยากที่จะค้นหาโดยคนจำนวนน้อย กองร้อย จึงถูกส่งไปพร้อมกันและหน่วยกำลังค้นหาทุกๆที่ๆตามแนว20เมตร แม้ว่าศัตรูจะมีความชำนาญ แต่ก็อาจจบลงในไม่ช้า วอล์ม มองในแง่ดีและก้าวเข้าไปในป่าเหมือนทหารคนอื่นๆ
◆
ในวันที่สองของการค้นหาหน่วยหนึ่งได้ถูกซุ่มโจมตีและมีผู้เสียชีวิต12 นาย และทหาร 7 นายได้รับบาดเจ็บจากกับดักและธนูระหว่างการค้นหา และมี4นายสูญหาย โชคดีที่หน่วยดูเวยไม่ได้รับความเสียหายใดๆ แต่ทั้งกองร้อยกำลังโกรธบวกกับป่าที่เดินยาก ความเกลียดชังต่อศัตรูที่มองไม่เห็นกำลังเพิ่มขึ้นภายในพวกเขา การค้าหายืดเยื้อแล้วหน่วยก็มารวมตัวกันใต้ต้นใหญ่เพื่อหยุดพักสั้นๆ
“แย่ชะมัน”
คนที่พูดคือโจเซ่
“เป็นเรื่องจริงที่เราทั้งกองร้อยออกค้นหา แต่ก็ไม่ได้อะไรเลย”
ทหาร 250 นายออกค้นหามาเป็นเวลาสามวันแล้วและยังไม่พบอะไรเลย เวลาที่จะเคลื้อนพลไปยังเมืองหลวงซึ่งจะเป็นการต่อสู้ตัดสินก็ใกล้เข้ามา แต่ภัยคุกคามต่อเส้นทางการขนส่งก็ไม่สามารถถูกทิ้งไว้โดยไม่จัดการได้เช่นกัน
“แม้พวกมันจะเป็นคนท้องที่ แต่พวกมันก็เก่งเกินไปในการปกปิดร่องรอยของพวกมัน เหมือนพวกมันจะคุ้ยเคยกับป่าจริงๆ”
หัวหน้าดูเวย กำลังมองไปบนพื้นอย่างระมัดระวัง แล้วก็หันมองไปทางอื่น
“มันมีคนสอดแนมที่เก่งขนาดนั้นเลยเหรอคะ?” TN:scout ใครคิดคำใหม่ได้บอกด้วย
นัวร์ที่ยืนอยู่ข้างวอล์มถามออกมา
“แม้ว่าจะเป็นนักสอดแนมที่มีฝีมือ แต่ก็ไม่สามารถทำทุกอย่างด้วยคนเดียวได้ น่าจะมีคนที่มีฝือมากกว่าสองคนที่คอยจับตาดูขณะเข้าใกล้กองกำลังหลัก”
วอล์ม ไม่คิดว่าพวกนั้นส่วนใหญ่จะเป็นทหารแตกทัพถ้าเป็นพวกนั้นพวกนั้นจะไม่กล้ารบแบบกองโจร
“แทนที่จะเป็นทหารสอดแนม มันน่าจะเป็นนักผจญภัยของไมยาร์ดมากกว่า”
หัวหน้าหน่วยดูเวย ได้ข้อสรุปในการตอบคำถามของทุกคน
“…นักผจญภัย”
บาริโต้พูดออกมา
“เมื่อพูดถึงนักผจญภัยแล้วพวกเขาทำงานอยู่ในดินแดนปีศาจที่ครอบคลุมครึ่งหนึ่งของทวีป ปราบปรามและจัดการมอนสเตอร์ สำรวจดินเจี้ยนและซากปรักหักพังหรือคุ้มกันการขนส่ง โดยทั้วไปมันเป็นคำทั่วไปสำหรับพวกคนที่ทำหลายๆอย่าง กิลด์ที่จัดระเบียบนักผจญภัยได้ระบุว่าได้มีการจัดตั้งในทุกประเทศในทวีปและองค์กรจะไม่เข้าไปแทรกเซงสงคราม”
ในความเป็นจริงนั้น ในนามของเจตนาส่วนบุคคล นักผจญภัยในท้องถิ่นมักถูกว่าจ้างให้เป็นทหารรับจ้าง เกราะที่ทำจากสมบัติหรือวัสดุจากมอนสเตอร์หายากที่สามารถที่สวมใส่ได้รับพลังมหาศาล
แค่มีสิ่งนั้นคนเดียวก็สามารถเปลี่ยนสถานการณ์การรบได้ นักผจญภัยที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้สามารถพบได้
ด้านนอกนั่น TN:ตรงสมบัติมันคือrelics นึกคำไม่ออกอีกเช่นเคย
นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่ากองกำลังนักผจญภัยได้เข้าร่วนในความขัดแย้งด้วย นั้นถือว่าเป็นอัตรายต่อการคงอยู่ของกิลด์
จักรวรรดิไฮเซิร์ค ที่เป็นบ้านเกิดของ วอล์ม ที่เน้นไปที่การเสริมแกร่งอาวุธยุทโธปกรณ์และได้ทหารเกณฑ์มาแทนที่นักผจญภัย จึ่งมีโอกาศน้อยที่นักผจญภัยจะมมามีบทบาทอย่างแข็งขัน แต่พวกเขาก็ปรากฏตัวในประเทศอื่นๆ
“เป็นเรื่องจริงที่นักผจญภัยนั้นคุ้นเคยกับการระมัดระวังและการค้าหามากกว่าทหาร”
โจเซ่ที่เกิดมาเป็นลูกชายคนที่สามของพ่อค้าเล็กๆ เขาที่เคยจ้างนักผจญภัยพยักหน้าอย่างมั่นใจ
ในขณะที่กำลังหยุดพักอยู่ วอล์ม กำลังพูดถึงตัวตนของศัตรู แต่สมาชิคหน่วยก็กำลังยุ่งอยู่กับการกินและการสูบบุหรี่ วอล์มก็เลยสูบบุหรี่ที่ซื้อจากโจเซ่ แล้วก็ค่อยๆหายใจพ่นควันออกมาควันก็ลอยไปบนฟ้าแล้วก็กระจายไป ขณะที่สูบบุหรี่เขาก็ถามคำถามหนึ่งที่เพิ่งคิดได้ออกมา
“พวกมันจะสักเกตกลิ่นบุหรีไหม”
“นายโง่รึไง กลิ่นตัวเราเหม็กยิ่งกว่าบุหรี่อีก ถ้ามีหมาป่าอยู่ฉันแน่ใจว่ามันจะได้กลิ่นและเข้ามาหา”
โจเซ่ปฏิเสธคำถามแล้วหัวเราะแล้วเขาก็สูบบุหรี่ต่อ
“จะใช้ผมใส่น้ำหอมด้วยไหมละ”
บาริโต้พูดอะไรบางอย่างที่ยากจะบอกได้ว่าจริงจังหรือไม่
“เป็นความคิดที่ดี ฉันควรจะใส่กระโปรงด้วยดีไหม”
หัวหน้าดูเวยหัวเราะกับเรื่องตลกนั่น วอล์มยังคลายปากของเขาและยิ้มเล็กน้อบ เหลิอเวลาอีกไม่มาที่จะเพลิดเพลินไปกับเรื่องตลกโง่ๆ ในอีก5นาทีวอล์มจะต้องออกค้นหาศัตรูที่ซ่อนอยู่ต่อ และดูเหมือนจะดำเนินต่อไปอย่างไม่มีสิ้นสุด
ฉันควรจะเตรียมพร้อมสำหรับบางสิ่งตอนนี้รึเปล่านะ?
เมื่อวอล์มคิดคร่าวๆที่จะเตรียมพร้อมสำหรับการค้าหา และกำลังจะออกค้นหาต่อเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องและยังดำเนินต่อไปก็มีการระเบิดหลายครั้งเกิดขึ้น เมื่อทหารที่พักอยู่บนพื้นได้ยินก็กระโดดขึ้นและเตรียมอาวุธออกมาพร้อมกัน
“3 ไม่ 400 เมตรห่างออกไป พวกเขากำลังปะทะระหว่างค้นหา”
ทุกคนเห็นด้วยกับคำพูดของโจเซ่
“เราจะเข้าหาผ่านด้านขวา แล้วจะปิดล้อมพวกมัน อย่าให้ศัตรูพลาดไป เคลื่่อนพล!”
หัวหน้าหน่วยดูเวย กระโดดออกแล้วตะโกนคนโง่ทั้งสามก็เริ่มเคลื่อนไหวตามหลังเขา ตามด้วย
ทหารใหม่นัวร์และบาริโต้
วอล์ม วิ่งผ่านกิ่งไม้ที่บังเขาแล้วก้าวต่อไป ป่าที่ไม่มีการจัดระเบียบนั้นเต็มไปด้วยอุปสรรคทางธรรมชาติ เพราะมันข่วนไปทั่วและติดอยู่กับตัว และกิ่นหญ้าก็แย่มาก
การต่อสู้ยังไม่จบ และศัตรูที่ได้ลิ้มรสความสำเร็จในการโจมตีครั้งล่าสุดดูเหมือนจะประเมินทหารของไฮเซิร์คไว้ต่ำเกินไป บางทีพวกมันหัวกระหายที่จะทำลายล้างศัตรู
นอกจากหน่วยของดูเวยแล้วก็มีอีก2หน่วยเข้ามาช่วยและกันศัตรูไม่ให้หนี
“เวรเอ้ย กำลังเสริม”
ทหารศัตรูคนหนึ่งตะโกนออกมา
วอล์ม เหวี่ยงฮาลเบิร์ดที่ได้จากอัศวินที่เขาจัดการได้เมื่อวันก่อน ทัรเป็นอาวุธที่แข็งแรงและเหมาะสมในการใช้ทักษะ《จู่โจม》ที่เขาได้รับมาเมื่อวันก่อน
ทหารศัตรูได้แทงหอกเข้าหาวอล์มอย่างแรงเท่าที่มันจะทำได้ เมื่อมันถูกผลักกลับมันก็ถูกบดขยี้เล็กน้อย
จากนั้นทหารศัตรูก็พยายามจะดึงดาบสั้นออกมาหลังจากทิ้งหอกที่หักไป แต่เข้าไปก้าวหนึ่ง
ก่อนที่จะได้ดึงดาบออกมาหัวของเขาก็ลอยไปในอากาศ
เมื่อวอล์มข้างห้นาและดึงมือกลับแล้วบิดตัวเพื่อฟันศัตรูที่อยู่ใกล้ๆ
ในขณะที่ศัตรูอยู่ด้านหลังหนึ่งก้าวและไม่สามารถหลับการโจมตี การฟันจากด้านข้างทะลุผ่านอกและตัวลำตัวออกเป็นสองส่วน นอกจากนี้การฟันในแนวนอนของวอล์ม ยังโจมตีษศัตรูที่เหลือและได้รับบาดเจ็บหรือตายในหมู่ศัตรู 10คน และก็มีกลุ่มคนที่แต่งตัวต่างจากทหารปกติผสมอยู่ในพวกทหาร
“พวกมันอยู่นั่น พวกนักผจญภัยที่เป็นผู้นำของพวกมัน”
โจเซ่ที่เห็นพวกคนเหล่าได้ตะโกนบอกตัวตนของพวกเขา จำนวนคือ5คนเรียกได้ว่า “ปาร์ตี”
วอล์มมุ่งหน้าไปยังกลุ่มนั้นในขณะที่จัดการกับศัตรูที่สับสนไปด้วย แต่ก็ได้มีใบมีดลมเข้ามาหาเขา
ถ้าเป็นปกติเขาจะเลือกที่จะหลับหรือป้องกันด้วยโล่ แต่ตอนนี้วอล์นก็ฟันฮาลเบิร์ดไป
ได้เปิดใช้ทักษะ《จู่โจม》ในขณะที่ฟันใส่เวทมนตร์ จากนั้นลมก็กระจายไป เมื่อวอล์มหันไปมองก็เห็นนักผจญภัยที่ใช้เวทมนตร์ ผู้หญิงคนหนึ่งที่พูดได้ไม่เต็มปากว่าเธอเป็นผู้หญิง
TN:ไมว่างั้น
สูงประมาณอกของวอล์ม ผมสีน้ำตาลยาวถึงไหล่ ติดอาวุธด้วยดิบสั้นและโล่เหมือนทหารทั่วไป แล้วทหารไมยาร์ดสามคนก็ได้มายืนอยู่ต่ออหน้า วอล์มขณะที่เขากำลังจะไปจัดการกับ
ผู้ใช้เวทมนตร์ที่น่ารำคาญ ทหารเศ้าคนได้ก้าวเข้ามาใใกล้และแทงหอกพร้อมกัน
วอล์มหลับไปทางขวาเล็กน้อยแล้วปิดด้านหนึ่งของศัตรู เขาก้าวเข้าไปใกล้ศัตรในที่กันหอกที่แทงมาที่หน้าเขาด้วยฮาลเบิร์ด แล้วในขณะนั้นศัตรูพยายามกันคอด้วยมือที่สวมเกราะ แต่วอล์มก็ใช้
《จู่โจม》แล้วฟันผ่านไป กระดูกถูกตัดแล้วเลือดก็ไหลออกมาผ่านเกราะ
“ไอ้เลวเอ้ยยย!!”
ศัตรูคนหนึ่งล้มลงแล้วศัตรูก็ได้ลดลงหนึ่่งนาย แต่ทหารอีกคนได้โยนหอกทิ้งแล้วดึงดาบออกมาและโจมตีวอล์ม มันเป็นการเคลื่อนไหวที่ดี แต่การฟันแนวอนอนนั้นวอล์มหลบได้
จากนั้นวอล์มก็เหวี่ยงฮาลเบิร์ดจากทางซ้างในแนวทแยง แต่มันถูกบล็อคก่อนที่จะออกแรง จากนั้นเขาก็ดึงดาบยาวด้วยแรงทั้งหมดในขณะกระโดดกลับ จากนั้นก็ผลักฮาลเบิร์ดให้แรงที่สุดที่สามารถ ทหารศัตรูเสียการทรงตัว แต่อีกแค่ก้าวเดียวเท่านั้นที่จะหลบการโจมตีของวอล์มได้
แล้วฮาลเบิร์ดก็ได้ฟันเข้าที่เข่าของทหารและก็ตัดมันออก
“อ๊าคคคคค” TN:เสียงร้องอะ
ทหารโต้กลับอย่างหนักด้วยขาเพียงข้างเดียว แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถยืนได้อย่างถูกต้อง วอล์มก็ตัดขอเขาด้วยดาบ
พวกที่เหลือลังเลที่จะโจมตีมา แต่วอล์มไม่ลังเลแล้วจับฮาลเบิร์ดด้วยมือทั้งสองแล้วฟัน
“ไม่ อย่า รอก่อน- ช่วยฉันด้วย”
ไม่จำเป็นต้องฟันอีกครั้ง เพราะการฟันครั้งแรงก็ทำให้หน้าท้องขาดเป็นเส้นตรงและอวัยวะภายในก็ไหลออกมา เลือดไหลออกมาอย่างมากจนพื้นรอบๆและเขาถูกย้อมด้วยสีแดง
“ยอมแพ้ซะเถอะ มันไม่มีประโยชน์อะไรหรอก”
ถ้าเพียงแต่เขาหนีต่อไปหรือยอมจำนนก่อนที่จะเป็นแบบนี้ละก็
ความคิดได้แวบขึ้นมาที่วอล์ม
ทหารคนนี้ … เขาผูกพันกับประเทศ เพื่อน ครอบครัว ทุกอย่างในแผนดินนี้
เขาอาจอย่างหนีแต่ก็ทำไม่ได้
ขณะปลดทุกทหารคนนั้น วอล์มก็กำลังคิดแบบนั้น ถ้าคนอื่นรู้คงจะต้องหัวเราะแน่
เมื่อเขาพยายามจะฟันเป้าหมยต่อไป เขาก็โดนว่าด้วยคำบางคำ จากศัตรู คราวนี้มันไม่ใช่คำเยาะเย้ยหรือคำด่าที่คุ้นเคย แต่มันเป็นคำถามสำหรับ วอล์ม
“ทำไม!ทำไม!ทำไม ถึงฆ่าคนได้ง่ายๆขนาดนั้น!?”
วอล์ม ถูกถามว่าทำไมเขาถึงฆ่าคนอื่นในสนามรบ คำถามนั้นถ้าจะพูดก็ยาว และคำตอบก็ต่างกันไปในแต่ละบุคคล ทำไมถึงถามวอล์มแบบนั้น? อย่างไรก็ตามสำหรับวอล์ม ศัตรูจะขอความเมตตา แต่เขาจะทำเมื่อได้รับบาดเจ็บสาหัส แม้แต่วอล์มก็ทำอะไรกับมันไม่ได้
“มันคือสนามรบ มาแปลกใจอะไร? แกก็ฆ่าคนอื่นเหมือนกันนิ..ช่างเถอะเป็นการสนทนาที่ไร้สาระจริงๆ”
ศพของทหารไฮเซิร์คนอนอยู่ที่เท้าของผู้หญิงคนนั้น แม้ว่าพวกนั้นจะแค่ผ่านกันบางครั้งระหว่างเดินขบวน แต่นั่นก็เป็นเพื่อนร่วมชาติของวอล์ม หญิงสาวอาจเห็นแล้วว่าการสนทนานั้นไร้ประโยชน์จากนั้นเธอก็เริ่มร่ายเวทมตร์ใส่ วอล์มอีกครั้ง มันเป็นเวทมนตร์ที่วอล์มเห็นเมื่อครั้งก่อน นอกจากนี้วิถีก็เหมือนกัน วอล์มตั้งท่าก้มต่ำแล้วเปลี่ยนจุดศูนย์ถ่วงแล้วพุ่งเข้าไป เขายังคงพุ่งไปหาหญิงสาวที่ลืมตาขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“ลิเธีย!!!”
นักผจญภัยเก่าที่มีโล่ตะโกนขึ้น แต่ฮาลเบิร์ดก็ถูงเหวี่ยงไปด้านข้างตรงไปที่คอของเธอ เธอตอบสนองในทันราวกับช่องว่างที่แสดงให้เห็นก่อนหน้านี้เป็นเรื่องโกหก เธอยกโล่ขึ้นมาในแนวแทยงมุมในขณะที่งอศอกซ้ายแล้วใช้มือขวาช่วยพยุงโล่ในขณะที่มือยังถือดาบอยู่
บอกตามตรงวอล์ม ประเมินเธอไว้ต่ำเกินไป บอกได้ว่าตอนนี้เป็นการตอบสนองในอุดมคติเลย
เมื่อเห็นแบบนั้นเขาก็รู้ได้ว่าเธอมีความรู้และประสบการณ์ อย่างไรก็ตามบทสนทนาก่อนหน้านี้ที่เธอพูดมานั้นฟังดูงี่เง่าสำหรับวอล์ม ดังนั้นเขาจึงรู้สึกแปลกใจ แต่เขาก็เข้าใจเหตุผลเบื้องหลังนั้น
มันเป็นสิ่งที่โง่เง่าที่จะมีในสนามรบ แต่ในทางหนึ่งก็น่าอิจฉาสำหรับวอล์ม จากสังเขปเธอไม่คุ้นชินกับการฆ่าคน หากเป็นอย่างนั้นมันก็สามารถแก้ไขได้ด้วยการพูดคุย ในความเป็นจริงวอล์มต้องการเลือกทางนั้น แต่ตอนนี้เขาอยู่ในสงครามระหว่างประเทศ การต่อสู้ยังดำเนินต่อไปและศัตรูก็ไม่ได้ยอมจำนน
โดยไม่คลายมือที่ถือฮาลเบิร์ด วอล์มเปิดใช้งาน《จู่โจม》 ใบมีดที่ถูกห่อหุ้มไปด้วยแสงจางๆ ได้ลึกลงไปในโล่และทะลุผ่านไป
“อ๊าาาาาาาา” sfx เสียงกรีดร้อง
โล่ที่ถูกตัดตกลงไปที่พื้น แต่ดูเหมือนเธอจะมีเกราะป้องกันมืออยู่ใต้โล่และแขนทำให้มันไม่ถูกตัดออก แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่สามารถหนีจากผลกระทบได้อย่างสมบูรณ์และตอนนี้ทุกครั้งที่เธอขยับแขนซ้ายของเธอก็จะแสดงอาการเจ็บปวดออกมา แต่เธอก็ยังคงถือดาบสั้นด้วยมืออีกข้าง
“มันพังแล้ว”
เมื่อวอล์ม พูดแบบนั้น เธอก็ขมวดคิ้วและดูเหมือนจะสับสนอย่างมาก
ดูเหมือนนี่จะเป็นครั้งแรกที่เธอได้รับการโจมตีด้วยทักษะ แล้วเธอก็ถอยออกห่างจากวอล์ม ราวกับกำลังกลัว แต่มันเป็นการเคลื่อนไหวท่ไม่ดีในป่าที่มีพื้นไม่ดี เธอก้าวถอยหลังเพื่อรักษาระยะห่าง
แต่ก็ไปเหยีบ “ทหาร” ที่อยู่บนพื้นแล้วเธอก็เสียการทรงตัวแล้วล้มลง
“อย่างน้อยก็จงจดจำเหล่าคนที่เธอฆ่า”
เมื่อวอล์มได้ยิ้มออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เธอก็ลืมตาขึ้นและร้องออกมาราวกับเห็นปีศาจ
“อ้าาาาาา..” sfxเสียงร้อง
วอล์ม กระโดดเข้ามาแล้วใช้ฮาลเบิร์ดของเขาเพื่อสะบัดดาบบนมือของเธอออกไป เมื่อวอล์มกระแทกไหล่ของเธอด้วยร่างกาย เธอก็ใจออกแล้วล้มลงกับพื้น จากนั้นเขาก็ฟันฮาลเบิร์ดไปที่ลำคอของเธอที่ล้มลง เขาคิดว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้หญิงมันคงจะดีกว่าที่จะบดขยี้หัวหรือใบหน้าของเธอ
แต่มีบางอย่างแวบเข้ามาในขอบการมองเห็นของเขา ในขณะนั้นหัวใจของวอล์มก็เต้นแรง เขาระวังรอบๆแล้วแต่นี่มันเร็วเกินไป
“เอ่อ――!?”
วอล์ม กระโดนกลับไปในขณะที่เอียงหัว แต่ผมและแก้มของเขากูถูกบาดเล็กน้อย
เงายังคงใกล้เข้ามา วอล์มเหวี่ยงฮาลเบิร์ดของเขาและคู่ต่อสู้ของเขาก็ได้รับการโจมตี ชายคนนี้เป็นหนึ่งในปาร์ตี้นกผจญภัย
อาวุธได้ชนกันอยู่พักหนึ่ง
เมื่อทั้งคู้ก้าวถอยหลัง วอล์มก็เล็งฮาลเบิร์ดของเขาไปที่ข้อมือ แต่มันก็ถูกบล็อคโดยที่กันมือของดาบ TN:brimน่ะใครรู้บอกได้เรียกอะไรดี
“นายโอเคเหรอ กับฉันน่ะ” TN Are you okay with me? น่ะ
ชายหนุ่มโกรธจัดเมื่อวอล์มจงใจถาม
“หุบปากของแกซะไอ้ผู้รุกราน”
เป็นชาหนุ่มคนหนึ่งที่หน้าตาดีมีผมสีฟ้ายาวถึงไหล่และดวงตาสีเดียวกับผมของเขาแล้มมันก็หล่อพอที่จะเป็นไอดอลในโลกก่อนของวอล เขามีดาบสองมือที่เปื้อนเลือดและสวมอุปกรณ์ที่ดีพอ
ดูเหมือนทหารไฮเซิร์ครอบๆจะถูกเขาฟัน
ไม่ต้องสงสัยเลยเขาเป็นหัวหน้าของนักผจญภัย วอล์มคิดว่าเขาจะเป็นคู่ต่อสู้ที่เหมะกับหัวหน้าดูเวย
แต่หัวหน้าดูเวยตอนนี้กำลังจัดการกับนักผจญภัยที่ถือโล่ขนาดใหญ่อยู่
บางทีนักผจญภัยคนนั้นที่ใช้โล่อาจเป็นที่มีทักษะ และดูเหมือนว่าทักษะ《จู่โจม》กับ
《กำแพงเหล็ก》ได้ปะทะกัน ทหารที่อยู่รอบๆได้แต่ดูเท่านั้น
ฉันควรขอความช้วยเหลือจากพวกเขาดีไหม?
วอล์มกำลังคิดว่าจะขอความช่วยเหลือจากทหารรอบข้าง แต่เขาก็ตัดสินใจว่าไม่
ฮะ น่ารำคาญชะมัด
วอล์ม คิดอย่างนั้นเพราะเขาต้องรับมือกับนักผจญภัยคนนี้ไม่ว่าจะยังไง
****
จบไปแล้วกับตอนที8 ปกติเวลาผมแปลผมจะมีปัญหาในการเกลาคำหรือสื่อความหมายหรืออาจแปลผิดไปเลยและก็ชอบพิมพ์แบบคิดว่าตัวเองพิมพ์ไปแล้วเลยพิมพ์ตกหรือสะกดผิด ก็ชอให้คนอ่านช่วยๆกันดูด้วนะครับเพราะแปลนานแปลเสร็จแล้วผมไม่ได้เช็ค แต่ก็จะพยายามปรับปรุงครับ แล้วก็จะมาบอกเรื่องการลงตอน โดยจะลงวันจันทร์-วันศุกร์ ส่วนเสาร์อาทิตย์อาจพัก
แต่ก็ไม่รู้ตอนนี้มาไง แฮร่
มีภาพลิเทียมาฝากด้วย
ทั้งนี้ขอขอบคุณ ENG จากKinokura Translation
เพจผู้แปล (1) เหนื่อยน้อ การแปล | Facebook