สายตาที่เหมือนโคลนนั่น กำลังคาดหวังสิ่งใด? (Nigoru Hitomi de Nani wo Negau) - ตอนที่ 4
ดหกวันหลังจากปราบก็อบลินที่หมู่บ้าน หน่วยดูเวยก็ได้มาถึงอดีตอาณาจักรคาโนอาที่ถูกผนวกเข้ามา
เมื่อเห็นหมู่บ้านในดินแดนที่ถูกรวมเข้ามา คุณอาจเห็นร่องรอยของสงครามเมื่อ 5 ปีก่อน
ไกลออกไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ จะไปถึงเมืองที่ติดกับดินแดนของ ไมยาร์ด ที่เรียกว่า ‘ซาร์เรีย’
นอกจากกำแพงป้องกันเมืองแม่น้ำและคูน้ำแล้วตอนนี้เมืองซาร์เรียได้ถูกใช้เป็นป้อมปราการ
ของจักรวรรดิไฮเซิร์ค
เมืองซาร์เรียซึ่งเชื่อมต่อกับเมืองอื่นๆ ในจักรวรรดิ โดยพูดได้ว่าเป็นสถานที่เหมาะกับการไว้เติมเสบียงและกองกำลังสำหรับการรบกับ ไมยาร์ด กองกำลังขนาดกองพลประจำการอยู่รอบๆ
ในการรุกรานครั้งนี้กองพลกำลังรวมตัวกันจากหลายๆที่ รวมเป็น 9 กองพล ประมาณ 18,00 นาย
กำลังรวมพลกันที่นี่เพื่อเข้ายึด ไมยาร์ด
ซาร์เรียเป็นเมื่องสุดท้ายของอาณาจักรคาโนอาที่ยอมจำนนต่อจักรวรรดิไฮเซิร์ค แต่แม้หลังผ่านไป
5 ปั กำแพงและสะพานหนยังคงถูกทิ้งไว้ด้วยร่องรอยการทำลายล้างด้วยเวทมนตร์และหิน
หลังจากผ่านประตูปราการและเข้าสู่เมืองคูณจะเห็นถนนสายหลักเรียงรายไปด้วยร้านค้าและบ้านพัก
สินค้าจำนวนมากที่ขายที่นี่นั้นมีราคาแพงกว่าที่อื่นๆ ในจักรวรรดิ โดยเฉพาะร้ายขายของชำ เมื่อ วอล์ม ยังเป็นชาวนา ราคาแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่เข้าสามารถซื้อได้
ประชาชนหลายคนที่เดินอยู๋บนถนนผอมและไม่สามารถพูดได้ว่า มีสัดส่วนมาตรฐาน ข้อยกเว้นพียงอย่างเดียวคือมีกองทัพของจักรวรรดิไฮเซิร์คประจำการอยู่
หลังจากไปถึงป้อมปราการ ซาร์เรีย สิ่งที่รอหน่วยของดเวย ที่กำลังพักอยู่ที่รานฝึกซ้อมคือ..
“เหล่าบุคลากรทหารยังมาไม่ถึงตามแผนที่นัดไว้ ยินดีเถอะ วันนี้ว่าง”
“ฮ่าา! เยี่ยมเวลาเวลาว่า”
“จะไปดื่มไหม? หรือ ผู้หญิงดี?”
“หรือจะทั้งสองอย่างพร้อมกัน”
ไรนัส ทิเบิร์ด และดานฟาน คนโง่ทั้งสามหายตัวไปในซอยหลังที่พักทันทีหลังจากพวกเขาได้ยิน
เมื่อเห็นแบบนั้นหัวหน้า ดูเวย ก็บ่นและกุมขมับ
“โอ้ ยังไม่พออีกเหรอ ถามจริง มันคงไม่เป็นไรที่จะปล่อยพวกเขาไปตอนนี?”
เมื่อพิจารณถึงเวลาที่มี พวกจึงซื่อสัตย์ต่อความต้องการของตนเอง
ท้ายที่สุดประเทศของพวกเขาก็รบกับประเทศเพื่อนบ้านหลายครั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่าทั้งใหญ่และเล็ก
คำว่า “สงบสุข” วอล์ม ลืมไปนานแล้ว
สำหรับการเข้ากองทัพเขาติดอยู่ในสนามรบได้รับการต่อสู้ที่อันตรายถึงตายและเอาตัวรอดและใช้เวลาในการฝึกซ้อมและการเดินขบวนตอนที่ไม่ได้รบ
และตอนนี้เป็นเวลาว่าง สำหรับทหารเช่นนี้มันเหมือนเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อ วอล์ม คิดว่ามันเป็นการฝึกแบบใหม่?
“เวลาว่างเหรอ?”
แสดงความวิตกในสิ่งที่คนปกติจะมีความสุข วอล์ม ตั้งคำถามอย่างวิตก หัวหน้าห่น่วยตอบด้วยสีหน้าจริงจังเมื่อเห็นแบบนั้น
“ไม่ชอบมันเหรอ”
“มะ ไม่ ไม่ใช้แบบนั้น”
“เอาละ นายสามารภทอะไรก็ได้ที่อยากเช่นเดียวกับพวนั้น เหล้า บุหรี่ หรือผูหญิง ค่อไปจะเป็นการตู้สู้ที่ใหญ่และยาวนาน ใช้ชีวิตอย่าให้เสียใจทีหลัง แต่ก็ให้ตั้งใจเวลารวมพล อยู่ในแถวตอนรุ่งเช้า ถ้านายมาสายจะถูกลงโทษ”
ทันทีที่หัวหน้าหน่วยตบมือสมาชิคที่เหลือก็กระจายออกไป ที่เหลืออยู่่คือหัวหน้า โจเซ่ และ วอล์ม
“แล้วนายจะทำอะไร วอล์ม”
“อ่า เอิ่มม …ทำออะไรดี…”
เมื่อถูกโจเซ่ถาม วอล์ม ไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีกับเวลาว่างสั้นๆ ที่เพิ่งได้รับ
สุดท้าย วอล์ม ก็เติบโตมาในชนบทไม่เคยออกจากหมู่บ้นจนถูกเกณฑ์เข้ากองทัพ
เมื่อตอนอยู่ที่ชนบทยกเว้นทำไร่เขาก็ออกสมุนไพรป่าและล่าสัตว์ในป่า โอกาศที่จะทำอะไรอิสระหายไปนานแล้ว
เมื่อได้รัคำสั่งทันทีว่า “ทำอะไรก็ได้ที่ต้องการ” แน่นอนว่า วอล์ม อดไม่ได้ที่จะสับสน
“นายไม่มีอะไรอยากทำเรอะ”
“ฉันจะไปดื่มกับหัวหน้าดูเวย เขาเคยมาแล้วครั้งหนึ่งดังนั้นเขาจึงเป็นไกด์ที่เยี่ยมยอดสำหรับโรงเตี้ยม และมันยังอยู่ใกล้ มากับพวกเราไหมล่ะ วอล์ม”
ขณะได้รับการช่วยเหลือ วอล์ม จึงยอมรับมันและตามพวกเขาโดยไม่คิดอะไรเลย
พวกเขาเดินออกจากถนนหลักเขาไปในซอย
จากช้าวบ้านไปจนถึงทหารที่กำลังมองหาร้านค้าไปถึงขอทาร พวกเขาเดินผ่านผู้คนหลายประเภท
ในมุมหนุ่งของซอยด้านหลังมีผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่และพูดว่า…
“สักคืนไหมคะ”
มันอาจเป็นสาววัยรุ่น แทบจะมองเห็นกระดูกทุกต่างของร่างกายแทนที่จะเห็นเนื้อหนังเช่นผู้หญิงธรรมดา
หญิงสาวกำลังสุ่มเรียกทหารสักคน
จากนั้นเธอก็มองที่ วอล์ม
“สักคืนไหมคะ”
“ไม่ฉันไม่ต้องการ”
อีกสองคนก็ไม่สนใจเช่นกัน
วอล์ม และคนอื่นๆ ปฏิเสธเธอ เธอกัดฟันและก้มมองพื้น
“เอาไปหาซื้อของซะ”
วอล์ม ให้เหรียญทองแดงบางส่วนโดยรู้ว่าไม่สามรถแก้ปัญหาได้ ถึงอย่างนั้นเธอก็ยิ้มและขอบคุณวอล์ม
มันเป็นเงินที่ฉันได้มาจากศพ ฉันแน่ใจว่าเหรียญจะยินดีที่ถูกใช้ให้เธออิ่มท้องมากกว่าหายไปกับเหล่าและบุหรีของทหาร
หลังจากนั้นเธอก็หายไปในซอยด้านหลังโดยไม่แสดงสีหน้านิ่งๆ
“ให้ทานอีกแล้ว ทำอย่างพอนะ เคไหม”
โจเซ่ที่อยู่ข้างหลังบอกกับวอล์ม วอล์มขมวดคิ้ว
“เธอฉลาดมันคงดีกับเธอ ถ้าเธอแสดงท่าทางมีความสุขเกินไปจะถูกรุมร้อมไปด้วยพวกขอทาน”
วอล์มมองไปรอบๆ และเขาเห็นผู้นคน เด็กเล็ก ที่สูญเสียแขนขาเพราะสงครามกำลังขอทาน และเป็นความจริงที่เขาไม่สามารถให้ทานทุกคนได้
“…ใช่ คราวหลังฉันจะระวังมากกว่านี้”
บางทีเขาอาจพอใจแล้วโจเซ่พยักหน้า
“ฉันไม่ได้จะบอกว่ามันไม่ดี แต่มันคงจะดีกว่าที่จะได้อะไรตอบแทนแม้แต่ฉันก็ยังลังเลที่จะทำมันในตรอกซอยด้านหลังหรือต่อหน้าชายหลายคน”
ขณะวอล์ม มองตามสายตาของโจเซ่ เขาก็เห็นทหารคนอื่นหายไปในดรอก เมื่อเขาตั้งใจฟังเสียง ก็จะได้ยินเสียงที่รั่วไหลออกมาจากตรอก เขาเหมือนได้ยินเสียงคนโง่ทั้งสามปะปนอยู่ด้วย
“พวกนั้นไม่ใช่โสเภณี ซ่องตั้งอยู่ไกลจากที่นี่ เนื่องจากทหารหลายคนมารวมตัวกันครั้งนี้คนนอกจึงขายตัวด้วยตัวเองเพราะพวกเขาต้องหาค่าเลี้ยงชีพแต่ถ้าถูกพบพวกเขาก็จะมีปัญหา
ย่านโคมแดงเป็นสิ่งสถานที่ซับซ้อน และในทุกๆ โลกหลายครั้งจะลงมือรุนแรงเพื่อปกป้องธุรกิจ
หัวหน้าหน่วยยังคงเดินลึกเข้าไปในซอยโดยไม่ได้พบคนพวกนั้น ตอนแรกพวกเขาดูกลัวและคนเดียว
ที่ถูกเรียกก็คือวอล์ม
“แม้ว่านายจะฆ่าคนมากมายในสนามรบนายก็ไม่ได้สนใจสถานที่อื่น วอล์ม นายไม่ใช่นักบวชหรืออัศวินที่ให้ความสำคัญกับเกียรติยศ มันมีความหมายเล็กน้อยในหน้าที่ สุดท้ายจะไปไกลแค่ไหนเราก็เป็นแค่ทหาร”
โจเซ่นั้นเหมือนวอล์มเขาถูกเกณฑ์มา แต่ภูมิหลังเขานั้นหายากมาก เขาเคยเป็นเป็นลูกชายคนที่สี่ของพ่อค้า อาจมีวิธีอื่นในการใช้ชีวิตเช่นเป็นคนรับใช้ของพ่อค้าคนอื่น แต่เขาบอกว่าการหารายได้ในสนามรบเป็นวิธีที่แน่นอนว่าเขาจะมีเกวียนหรือร้านค้า
ถึงอย่างนั้นโจเซ่ก็ปรับตัวเพื่อเอาชีวิตรอดในสนามรบได้และได้เปลี่ยนวิธีคิดของเขาไป ในทางกลับกันวอล์ฒ ยังคงไม่สามารถจัดการกับวิธีคิดของชีวิตก่อนหน้าของเขาได้และเขาไม่สามารถทิ้งมันไปได้
ขณะฟังโจเซ่อยู่หัวหน้าหน่วยก็พึมพำอย่าเหงาๆ
“แต่เดิมเมืองนี้เดิมเป็นของอาณาจักรคาโนอา เป็นดินแดนที่อุดมสมบุรณ์ ที่มันกลายเป็นแบบนี้เพราะสงคราม”
“ฉันเห็น แต่ก่อนมันไม่ใช่แบบนี้เหรอ”
โจเซ่ซึ่งดูเหมือนจะสนใจหัวข้อนี้ก็ถามหัวหน้า
“เมื่อห้าปีที่แล้ว คาโนอาเข้ามาแทรกแซกจักรวรรดิซึ่งกำลังเพิ่่มพรมแดนเรื่อยๆ พวกเขาจัดการเพื่อชนะสงครามแม้กระยึดหมู่บ้าน เห็นนี่ไหมถั่วที่ฉันมักจะกินบ่อยๆ พวกเขาใช้มันเพื่อเลี้ยงพวกปศุสัตว์”
หัวหน้าหน่วยหยิบกระเป๋าออกมา ด้านในเป็นถั่วที่วอล์มกินหลายครั้งในช่วงเดือนมีนาคม และกินมันหลายครั้งในขณะที่หัวหน้าใช้เป็นส่วนผสมสำหรับซุป
“และตอนนี้มันก็กลายเป็นแบบนี้ อดีตขุนนางคาโนอา แกรนด์ดยุคไมยาร์ดได้ละทิ้ง
อาณาจักรคาโนอาและหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน อาณาจักรเฟอร์เรียส แต่กองทัพที่ถูงส่งมาจาก
เฟอรฺเรียสและทหารที่หลบหนีได้นำปศุสัตว์และข้าวจากที่อื่่นๆของอาณาจักรคาโนอาแล้วจึงเผาทุ่งนา จักรวรรดิซึ่งขาดกำลังพลได้เลื่อนการรุกรานออกไปจนถึงตอนนี้”
“นั่นมันแย่มาก”
โจเซ่ส่ายหัวและดูเหนื่อยกับมัน
กลยุทธ์ดินแดนไหม้เกรียมมีประสิทธิภาพสำหรับกองกำลังที่พึ่งพาดินแดนศัตรูเพื่อใช้เป็นเสบียง
แม้ในโลกที่การขนส่งหมุนเวียนด้วยกระเป๋าเวทย์และเม้และเหล่าสัตว์ที่แข็งแกร่งกว่าในโลกก่อน
จักรวรรดิไฮเซิร์คก็ยังลำบากในการสนับสนุนตัวเอง
แกรนด์ดยุคไมยาร์ดได้ยอมแพ้ในดินแดนของเขาและอาณาจักรเฟอร์เรียสก็ให้การสนับสนุนอาหารเพียงแม้จะเพียงเล็กน้อยและในที่สุดเขาก็วางแผนที่จะเอาอาณาจักรคาโนอากลับคืนมา
แต่ความแค้นที่อดีตพลเมืองของอาณาจักรคาโนอามีต่อแกรนด์ดยุคไมยาร์ดและะ
อาณาจักรเฟอร์เรียสนั้นหนักกว่าที่มุ่งเป้าไปที่ฝั่งจักรวรรดิ เมื่อคุณถูกทรยศโดยคนที่คุณไว้ใจมากที่สุดใครๆ ก็โกรธใช่ไหมละ”
“ฉันกังวลกับกองพันที่ประกอบด้วยอดีตพลเมืองคาโนอาที่เข้าร้วมในสงครามครั้งนี้ แต่คงไม่น่่าเป็รไรหลอก”
ดังนั้น วอล์ม จึงได้รู้สึกจักอาณาจักรคาโนอามากขึ้น
ขณะพูดกันอยู่พวกเขาก็มาถึงโรงเตี้ยม
มันเป็นอาคารสองชั้นที่มีบาร์ที่ชั้นหนึ่งและห้องพักที่ชั้นสอง ผนังด้านนอกสกปรกจากเขม่านี่อาจออกมาจากกลัวและประตูทางเข้ามีรอยขีดข่วนเล็กๆเหมือนเคยถูกทุบมาก่อน
ขณะที่พวกเขาผลักประตูเข้าไปกริ่งก็ส่งสัญญาณว่าลูกค้าเข้ามาในร้านแล้ว
ที่โต๊ะใกล้เคาน์เตอร์มีทหาร ไฮเซิร์ค ห้าคนและด้านหลังมีชายคนหนึ่งที่น่าจะเป็นขาประจำที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าและของตกแต่งอย่างประณีตและตัดเย็บมาอย่างดี
วอล์ม คิดว่าคนเหล่านั้นอาจเป็นพ่อค้าในเมืองโดยตัดสินจากรูปลักษณ์ของพวกเขา
ร่วมกับหัวหน้าดูเวย พวกเราก็ไปนั่งที่โต๊ะห่างจากสองกลุ่มนั้น
“วันนี้ฉันเลี้ยงเอง นายเห็นไหมว่ามีทหารใหม่สองคนรอดจากศึกแรกของพวกเขา มันก็นานแล้วตั้งแตาวอล์ม”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นโจเซ่ก็ผิวปากอย่างมีความสุขและวอล์มก็ยิ้มอย่างพอใจ
หัวหน้าหน่วยยกมือขึ้นและหันไปมองและเจ้าของก็ออกมาจากด้านหลังเคาน์เตอร์
“ขอเอลสามขวดกับไวน์หนึ่งขวด แล้วก็มีอาหารอะไรที่ทำได้ทันทีไหม”
ครู่หนึ่งเจ้าของร้านก็แสดงท่าทางคิดอยู่และตอบ
“เราสามารถเสิร์ฟซุปและขนมปังอบ ควาย และถั่วได้ทันทีที่เราอุ่นมันและยังมีปลาดุกสำหรับสามที่”
“เอามาให้เราสามคน แล้วก็ปลาดุกขอเป็นทอด”
เจ้าของพยักหน้าและเข้าไปในครัว ซุปและขนมปังกับเบียร์ถูกนำมาเสิร์ฟเร็วกว่าที่ วอล์มคาดไว้
“เหมือนกับที่ชายแดนลิเบอริโต้ ขอให้เราได้รับชัยชนะจาก ไมยาร์ด!!”
หัวหน้ายกแก้วขึ้น
วอล์มไม่ลังเลที่จะชนแก้วอย่างแรง
กริ้ง!!
หลังจากเสียงชนแก้วพวกเขาก็ดื่มทั้งหมดในครั้งเดียว
มันเป็นประเพณีชนิดหนึ่ง แต่สำหรับทหารที่อยู่ในสงครามมักจะทำเกินจริงเมื่อพวกเขาดื่ม
วอล์มได้รับการบอกว่า ทหารที่ไม่ทำเช่นนั้นหมายความว่าพวกเขาขาดความน่าเชื่อถือ
เด็กเสิร์ฟเทเบียร์ลงในแก้วมากขึ้นในขณะมองว่าพวกเราต้องการอะไร
วอล์มแบ่งขนมปังเป็นชิ้นพอดีคำแล้วเอาไปแช่ในซุปแล้วจึงนำเข้าปาก รสชาติที่ล้นออกมาจากเนื้อควายและความเข้มข้นของหัวหอมและถั่วกระจายอยู่ในปากของเขา
เขาใช้ซ่อมแทงส่วนผสมที่อยู่ในซุปแล้วนำเข้าปาก เนื้อเหนียวของความก็นิ่มขึ้นเช่นกัน ถั่วก็ถูกต้มในระดับปานกลางและเมื่อเคี้ยวเบาๆ เขาก็รู้สึกถึงเนื้อสัมผัสของหัวหอมและถั่วที่สมดุลกัน
“ฉันคิดว่าฉันจะเบื่อซุปถั่วแล้ว แต่ด้วยทักษะของพ่อครัวมันกลับอร่อยกว่าที่คิดไว้”
ขณะที่วอล์มกำลังชมอาหาร โจเซ่ ก็พยักหน้าเห็นด้วย
“ปกติแล้วจะมีของปรุงสุกหรือดิบไว้มากมาย”
ปลาดูกทอดเรียงรายอยู่บนโต๊ะหลังจากกินซุปเสร็จ เนื้อปลาดุกถูกแบ่งเป็นสามชิ้นแต่เนื่องจากมีปลา
สามตัวสำหรับทั้งสามคน วอล์มจึงยื่นมือออกไปโดยคิดว่ามันคงจะดีที่จะกินมัน
เขานำมันเข้าไปในปากด้วยส้อม หลังจากเนื้อสัมผัสของปลาดุกกระจายในปาก มันมีรสชาติของเนื้อสีขาวที่เบาผสมกับหนังปลาได้ดีเข้ารู้สึกว่าสามารถกินมันเท่าไรก็ได้
“ปลาดุกอร่อยสุดๆ”
การต้องกินแต่อาหารแห้งหรืออาหารต้มมันเป็นความเจ็บปวดของ วอล์ม ซึ่งเติบโตมาในวัฒนธรรมอาหารอันหลากหลายเมื่อชีวิตก่อนของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เขาสามารถสนุกไปกับการกินโดยไม่ต้องคิดเกี่ยวกับการโดนโจมตีตอนกลางคืนหรือรีบตื่นตอนเช้า
“ครั้งสุดท้ายที่เรากินปลาคือเมื่อไรนะ? มันคือก่อนที่เขาจะไปที่ชายแดน ลิเบอริโต้หรือเปล่านะ? ตอนนั้นเป็นปลาแม่น้ำด้วย ไม่ใช่ปลาดุก”
หัวหน้าหน่วยอารมณ์ดีแล้วดื่มเบียร์ทันทีและเอื้อมไปหยีบขวดไวน์
“เอ้า กินและดื่ม”
ตามที่ได้ยิน วอล์ม ก็ดื่มเบียร์ที่่เหลือและไวน์ก็ถูกเติมในแก้วเปล่า มันเหมาจะเอาไว้ตัดรสชาติมันในปาก
พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน แต่ไม่มีอะไรจะหยุดพวกเขาจากการดื่มเหล้า
วอล์ม ลืมทุกอย่างแล้วก็เพลิดเพลินไปกับอาหารและเครื่องดื่มตรงหน้่า
****
จบไปแล้วกับตอนที่4 เมื่อวานที่พูดเรื่องตำแหน่งไปวันนี้เลยทักไปถามคนแปล ENG และนี่คือคำตอบ
ทั้งนี้ขอขอบคุณ ENG จากKinokura Translation
เพจผู้แปล (1) เหนื่อยน้อ การแปล | Facebook