สายตาที่เหมือนโคลนนั่น กำลังคาดหวังสิ่งใด? (Nigoru Hitomi de Nani wo Negau) - ตอนที่ 33
วอล์มรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับปากของเขา และจากนั้นสมองของเขาก็เจ็บปวดราวกับถูกค้อนสงครามทุบซ้ำแล้วซ้ำอีก แขนขาไม่สามารถขยับได้อย่างอิสระและหน้าอกก็รู้สึกเจ็บเวลาหายใจออก
“อะ…อ่า อ”
รู้สึกหายใจไม่ออกและร่างกายของวอล์มก็หนัก กลิ่นของดินและกลิ่นเหม็นติดอยู่ในจมูก เมื่อวอล์มขยับร่างกายของเขา ความมืดก็จางหายไปหลังจากต่อต้านเล็กน้อย
วอล์มหายใจจากปอดราวกับโหยหา ก้อนดินและน้ำออกมา วอล์มใช้เวลาสักครู่ก่อนที่จะรู้ว่าเขาจมอยู่ในพื้นดิน ถึงอย่างนั้น หลังจากที่เขาออกมาจาก
พื้นดิน การมองเห็นครึ่งหนึ่งของเขาถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิดและอีกครึ่งหนึ่งเป็นท้องฟ้ายามค่ำคืน
กลิ่นที่วอล์มคุ้นเคยในสนามรบนั้นรุนแรงกว่าปกติ เมื่อเขาขยับเพียงตาขวาและมองไปรอบๆ เขาก็ได้พบกับความพินาศของสิ่งที่มันเคยเป็นและทหารจำนวนมากที่ถูกทิ้งไว้อย่างยุ่งเหยิง
วอล์มรู้สึกเจ็บปวดอย่างหมองคล้ำ ราวกับมีคีมบีบรัดหัวของเขาและรู้สึกเจ็บที่ดวงตาราวกับมันถูกน้ำแข็งแทงทะลุ เขาเห็นหน้าของเขาในเงาสะท้อนของดาบที่เขาดึงออกมา มันไม่มีบาดแผลที่เห็นได้ชัด แต่ดวงตาสีดำข้างหนึ่งของเขากลายเป็นโคลนและเปลี่ยนสี
ไม่มีอะไรสะท้อนในดวงตาโคลน วอล์มตระหนักได้ถึงแสงที่หายไปจากตาซ้าย
อ่าา ฉันเดาว่ามันเป็นเพราะเรื่องนั้นสินะ…
น่าแปลก วอล์มเชื่อว่าเขาถูกเผาด้วยเวทมนตร์ เขาได้รับการโจมตีด้วยมานาหนาแน่นจำนวนมาก โชตดีที่มันแค่ดวงตาข้างเดียว
วอล์มตรวจสภาพร่างกายของเขา หัวน่าจแตก น่าแปลที่แผลเริ่มสมานแล้ว นิ้วในมือซ้ายของเขาทั้งหมดหงอไปทั่ว ทุกครั้งที่เขาสูดอากาศเขาจะต้องรู้สึกเจ็บปวดเหลือทน เขาอยู่ใสภาพที่ไม่ดีอย่างแน่นอน หลังจากตรวจสภาพร่างกายของเขามาระยะหนึ่ง วอล์มก็เงยหน้าสู่ฟากฟ้าอีกครั้ง มันเป็นพระจันทร์เต็มดวง ลักษณะของดวงจันทร์เปลี่ยนไปจากที่เขาจำได้
“กี่วันแล้ว ตั้งแต่ตอนนั้น?”
วอล์มถามออกมา แต่ก็ไม่มีคำตอบมีเพียงความตายที่รายรอบตัวเขา ศพถูกโยนลงไปในหลุมที่เกิดจากเวทมนตร์
ศพทีทิ้งไม่ได้และศพที่ฝังครึ่งร่างในพื้นก็เริ่มสลายตัว หนูและหนอนปกคลุมร่างกายและกลืนกินมัน
พวกเขาทั้งหมดเป็นของกองทัพจักรวรรดิไฮเซิร์ค
เหมือนว่าพวกมันไม่ได้สนใจศพของศัตรูมากนัก
วอล์มคาดเดาว่าพวกมันฝังศพของกองทัพศัตรูได้อย่างแย่ กลิ่นของน้ำศักดิ์สิทธิ์แทบจะไม่มีเลย
ดินและทรายจำนวนมากที่เกิดจากการระเบิดได้ซ่อนวอล์มไว้ใต้พื้นดิน ดังนั้นจึงได้เลี่ยงความเสียหายจากสัตว์และศัตรู
“อ่าา อาก ไรนัส ทิเบิร์ด ดานฟาน…”
วอล์มกล่าวถึงหลายชื่อ เป็นสมาชิกสามคนที่เก่าแก่ที่สุดของหน่วยดูเวย เขาไม่ได้สนิทสนมกับพวกเขาเป็นพิเศษ แต่เป็นความจริงที่ว่าเขาอยู่ในสนามรบที่อันตรายถึงชีวิจและเกือบจะตายด้วยกันมาเกือบปี
ห่างไกลจากความเป็นเพื่อน แต่พวกเขาก็ซื่อตรงต่อความปรารถนา เป็นความประทับใจที่วอล์มมีต่อทั้งสามคน ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่าชีวิตของเขาเคยได้รับการช่วยเหลือจากพวกเขา
การแจ้งตือนสีแดงสดกำลังกรีดร้องในสมองของวอล์ม
หยุด ไม่อย่ามากไปกว่านี้
――เขาเห็นผมสีแดงสด คันธนูแตกหัก และขวานสงครามของหัวหน้าดูเวยที่หัก
“อึ อากกก”
ท้องที่ว่างกระชับขึ้นและกรดก็เพิ่มขึ้นมา ความรู้สึกรอบปากนั้นแย่สุดๆ
วอล์มกำมือโดยไม่รู้ตัว
จะต้องทำอย่างไรต่อจากนี้?
วอล์มที่อ่อนแอไม่มีเวลาให้คิดมากนัก
ธงทั้งหมดที่ส่องสว่างใต้แสงจันทร์เป็นของพันธมิตรสี่ดินแดน ชั้นส่วนใหญ่ถูกยึดแล้ว และชั้นที่วอล์มดูแลก็กลายเป็นสุสานขนาดใหญ่
แนวหน้าจะไม่เงียบแบบนี้ เดาว่ามันจะต้องเป็นเขตปลอดภัยในพื้นที่ที่ถูกบดขยี้อย่างสมบูรณืโดยพันธมิตรสี่ดินแดน
วอล์มสามารถเข้าใจได้ว่ากำลังหลักของศัตรูกำลังยัดทหารเข้าไปที่ชั้นที่ยังคงได้รับการป้องกันจากกองทัพจักรวรรดิไฮเซิร์ค
มากแค่ไหนกัน? ทั้งหมด? เหลือแค้กำแพงหรือเปล่า?ฉันควรทำยังไงดี? ฉันควรแกล้งทำเป็นศพต่อไปหรือจะหลบหนีหลังจากเห็นช่องว่างดี? หรือควรจะยอมจำนน?
เมื่อวอล์มมองลงมาเขาพบเบ้าตาที่ว่างเปล่าของสหายที่เขาไม่ค่อยได้คุยด้วย และมีศพอื่นที่ไม่สามารถคงรูปร่างเดิมของใบหน้าไว้ได้ ไม่ใช่แค่หนึ่ง วอล์มได้รับการบอกเล่าจากพี่ชายของเขาว่าผู้ที่สูญเสียดวงตาทั้งสองข้างก่อนที่จะตายจะไม่สามารถไปถึงประตูนรกได้ แล้วนับประสาอะไรกับในนรก และจะใช้เวลาในชีวิตที่เหลือของพวกเขาท่องไปในความมืดอันว่างเปล่า วอล์มไม่รู้ว่าดวงตาถูกควักออกมาก่อนหรือหลังจากตาย ศพมีมือถูกผูกไว้ที่ด้านหลังซึ่งหมายความว่าพวกเขาถูกฆ่าตายหลังจากถูกจับตัว
เพราะทหารบันดาลโทสะ? หรือเพราะตั้งใจ?
――ทหารที่ไม่สามาถระงับอารุมณ์และบันดาลโทสะแม้หลังจากศัตรูยอมจำนนนั้นก็เป็นเรื่องทั่วไปในสงครามเช่นกัน อาหาร การเฝ้าระวัง วอล์มที่ซึ่งเคยจัดการกับเชลยนั้นมีประสบการณ์ว่าเชลยศึกนั้นมีค่าใช้จ่ายมากเพียงใด
จักรวรรดิไฮเซิร์คที่กำลังงดเว้นอย่างเป็นทางการจากการสังหารเชลยศึกเพื่อให้ความรู้สึกของดินแดนที่เข้ายึดเสื่อมลงและรักษาความปลอดภัยให้กับกำลังแรงงาน วอล์มได้เห็นหลายครั้งแม้แต่กับจักรวรรดิไฮเซิร์คก็ฆ่าเชลยศึกเนื่องจากขาดเสบียงสำหรับพวกเขาเองและทำให้ทหารสงบลง ทหารนับไม่ถ้วนของพันธมิตรสี่ดินแดนนั้นถูกสังหารหรือได้รับบาดเจ็บในชั้นที่ 3 วอล์มสามารถจินตนาการได้ว่ากองทัพที่ซึ่งไม่ได้มีสายบังคับบัญชาเป็นปึกแผ่นจะปฏิบัติต่อเชลยศึกแตกต่างกันไป ซึ่งนำไปศู่การทำลายล้างเชลยศึก ถึงอย่างนั้นวอล์มก็ไม่เข้าใจความจำเป็นของการเอาดวงตาของศพออกไป
“มันคือสงคราม มันไม่ได้แปลก แต่…”
จำเป็นไหมที่จะต้องชิงชังศัตรูขนาดนั้น?
ทุกอย่่าง”ถูกต้อง”แล้วในสงคราม?
เมื่อคำดังกล่าวเข้ามาในใจ วอล์มก็เผยฟันของเขาและหัวเราะเสียงดัง
“ฮ่าๆ ฮ่ะ ฮ่าาา อึก”
แม้ฉันจะฆ่าคนเหมือกัน แต่ทำไมฉันยังเก็บความเชื่อและบุคลิกไว้กัน?
วอล์มไม่รู้จริงๆว่าผ่านไปกี่วันแล้ว ถึงอย่างนั้นในหัวของเขา สมาชิกหน่วยที่หยอกล้อจนถึงไม่กี่ชั่วโมงนี้ก็เข้ามาในความคิด
“อ่าา ใช่ ความตายเกิดขึ้นอย่างกระทันหัน มันเหมือนเมื่อก่อน ยิ่งไปกว่านั้นนี่คือสงคราามมันเป็นสงคราม ฆ่าคนอื่น และก็อาจถูกฆ่าเองด้วย”
วอล์มพยายามแยกแยะสถานการณ์ แต่อารมณ์ก็ขัดขวางเขา
ในตอนนั้นวอล์มรู้สึกว่าแสงสว่างกำลังเข้าใกล้เขาที่ซึ่งอยู่ในที่มืด
“เห้ย ดูนั่นดิ มันมีบางอย่างยืนอยู่”
“อันเดดอีกแล้วเหรอ? แม้จะถูกฆ่าไปแล้วแต่ไอ้พวกทหารไฮเซิร์คมันก็ยังทำให้เราเดือดร้อนจริงๆ”
“เราได้บดขยี้ดวงตาและแขนขาของคนแถวๆนี้ไปแล้ว มันจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ดีอย่างแน่นอน รีบไปบดขยี้หัวมันกันเถอะ”
บทสนทนาของทหารเฟอร์เรียสที่ซึ่งไร้กังวลนั้นสามารถได้ยินได้ วอล์มประกายด้วยความคิดที่จะยอมจำนนและขอร้องศัตรู แต่เขาก็เห็นอีกครั้งว่าสหายของเขาเป็นยังไง มีแขนขาถูกมันไว้และเสียชีวิต
“ยอมจำนวน เฮอะ อย่ามาล้อเล่น พวกมันคือคนที่ทรมานพวกเขา”
แม้ว่าจะข้อร้องให้รอดชีวิต แต่พวกมันก็จะไม่ทำให้ตายง่ายๆ
“ฉันควรจะเอาหนอนมาปกและแกล้งทำเป็นศพดีไหมนะ? ฮะ ก็ไม่เลวเลย”
มันไม่ใช่ความคิดที่ดีถ้ามีเพียงแค่วอล์มเท่านั้น เพิกเฉยต่อความจริงที่ว่าเขาถูกล้อมไปด้วยทหารกว่า 10,000 นาย ที่ตรงกลางของดินแดนของศัตรู
หน้าที่ ความรับผิดชอบ การแก้แค้น
อธิษฐานต่อหน่วย ความภักดีต่อบ้านเกิดเมืองนอนและความเกลียดชังต่อศัตรู
『”นายกำลังปรารถนาอะไรด้วยดวงตาโคลนนั่น”』
“…..”
“โอ้ว มันพึมพำบางอย่างรึเปล่า”
“มันก็แค่ครวญครางน่า”
“สกปรกจริง ตาของมันไม่ได้ถูกบดขยี้ หรือมันอาจเป็นคนที่พลาดไป”
“ฮะ เมื่อเราล้อมมันและจัดการผลลัพธ์ก็เหมือนเดิมนั่นแหละ”
อ่า!
วอล์มคิดอะไรบางอย่างขึ้นมา
เขาจำได้ว่า《เพลิงปีศาจ》ถูกเรียกว่า《เพลิงแห่งประตูนรก》
ถ้าฉันเผามันอย่างยิ่งไหญ่คนเหล่านี้ก็จะไม่หลงทางแล้วใช่ไหม?
ด้วยความหวังที่สหายของเขาจะสามารถไปถึงขุมนรกได้ วอล์มบอกกับสหายของเขาที่ไร้ซึ่งดวงตา
“แม้ว่านายจะมองไม่เห็น แต่นายก็ยังรู้สึกถึง《เพลิงปีศาจ》ของฉันได้ ฉันจะจุดไฟให้เป็นพิเศษ ไฟที่ยิ่งใหญ่”
ในขณะที่วอล์มปั่นคำพูดให้กับสหายของเขา ในที่สุดทหารเฟอร์เรียสก็ตระหนักว่ามันไม่ใช่อันเดด
“มันไม่ใช่อันเดด มันยังไม่ตาย”
“มันก็ไอ้ขี้ขลาดที่รอดด้วยการแกล้งเป็นศพจากการต่อสู้เมื่อ 5 วันก่อนเท่านั้นล่ะน่า”
“5 วันในที่แบบนี้..?”
มีบางอย่างกระทบกับเท้าของวอล์มที่ยืนนิ่งอยู่ เขาหยิบมันขึ้นมาและพึมพำอย่างมีความสุข
“นายไม่คิดมากเหรอ? อยากมาด้วยกันไหม? นับจากนี้ไปมันจะเป็นกองไฟกองใหญ่”
หน้ากากส่งเสียงราวกับว่ามันตกลง วอล์มค่อยๆสวมหน้ากากและหายใจออก บางทีอาจเป็นเพราะการกระตุ้นของลมหายใจหรือจินตนาการถึงกองไฟที่กำลังจะเกิดขึ้น หน้ากากก็สั่นอย่างรุนแรง
―――――――――――――――――――――――――――――――――――――――
จบ – ก้าวแรก
ขอขอบคุณ ENG จากKinokura Translation
เพจผู้แปล (1) เหนื่อยน้อ การแปล | Facebo