สายตาที่เหมือนโคลนนั่น กำลังคาดหวังสิ่งใด? (Nigoru Hitomi de Nani wo Negau) - ตอนที่ 30
ทหารถูกพาตัวไปที่ศูนย์แพทย์ภาคสนามโดยไม่ขาดสาย
“ยาไม่พอ ใครที่ว่างอยู่มาช่วยที”
“ขาหัก? เรื่องนั้นเอาไว้ที่หลัง บาดแผลร้ายแรงต้องมาก่อน”
“กดแรงๆ แม้ว่าแผลจะปิดแล้วนายจะตายถ้าเลือดไหลออกหมด”
กลิ่นของเลือด หนอง ของเสีย กลิ่นยารักษาและธูปดับกลิ่นได้ผสมปนกันไปหมดและให้กลิ่นที่ไม่สามารถจะทนได้ ซูกิโมโตะ อายาเนะ รู้ว่าบาดมสาหัสของผู้บาดเจ็บได้เปลี่ยนไปแล้ว มีบาดแผลจากสงครามมากมายที่อายาเนะได้รักษา เช่น บาดแผลจากธนู รอยฟกช้ำ และเลือดออกภายใน แต่ผู้ได้รับบาดเจ็บส่วนใหญ่ที่นำเข้ามาในชั่วโมงที่ผ่านมานั้นถูกเผาไหม้อย่างรุนแรงด้วยเวทมนตร์ประเภทไฟ
ทหารไครซิทที่ซึ่งได้สูดไฟเข้าไปมันได้เผาทางเดินหายใจส่วนบนและทำให้หายใจลำบากเนื่องจากแผลไหม้ อายาะเนะสัมผัสปากและลำคอด้วยนิ้วที่ทำความสะอาดมาแล้วของเธอโดยไม่ลังเล และใช้มานาเพื่อตรวจสอบส่วนที่เสียหาย เธอรับรู้ได้จากประสบการณ์ว่าการจะรักษาบริเวณที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าจะยากแค่ไห เธอยังคงใช้เวทมนตร์รักษาต่อไปเป็นเวลาหนึ่งนาที และทหารที่ถูกเผาทั้งภายในและภายนอกก็ได้รับการรักษาจนสามารถกลับมาหายใจได้อีกครั้ง
“การรักษาฉุกเฉินสิ้นสุดแล้วค่ะ”
เดิมทึแผลไหม้ที่แขนและขาต้องได้รับการรักษา แต่มีทหารจำนวนมากเกินไปที่ต้องการการรักษา ที่ศูนย์แพทย์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องดำเนินการผ่าตัดต่อไปในขณะที่ต้องพิจารณาว่าจะมีประโยชน์หรือไม่และความจำเป็นในการยืดอายุ อายาเนะได้เริ่มให้การรักษาแก่ผู้ได้รับบาดเจ็บรายต่อไปอย่างเศร้าโศก ทหารได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ร่างกายส่วนล่าง
“อัก เจ็บ….ช่วยฉันด้วยฉันไม่อยากตาย”
อายากเนะคว้ามือของทหารที่ขอร้องสำหรับชีวิตของเขา
“ไม่เป็นไร มันจะไม่เป็นไรค่ะ”
ดูเหมือนกับอายาเนะกำลังบอกกับผู้บาดเจ็บและตัวเธอเอง
อายาเนะสังเกตเห็นว่ามันได้รวมเข้ากับผิวหนังเมื่อเธอถอดสนับแข้ง แล้วเธอก็วางมือบนกางเกงของเธอ
“ไมอาซังคะ”
เมื่ออายาเยะเรียกหาผู้ช่วยเหลือของเธอ ไมอาก็ดึงพังผืดและฉีกเสื้อผ้าออกอย่างคร่องแคล่ว เนื้อเยื่อต้ายผิวหนังถูกเผาและในบางส่วนก็อักเสบ อย่างที่อายาเนะได้คิดไว้ในตอนแรก มันเป็นแผลไหม้ใหญ่ที่จะจัดว่าเป็นประเภทระดับ 3
บาดแผลที่อาจรักษายากแม้จะเป็นยาแผนปัจจุบัน แต่อายาเนะนั้นมีเวทมนตร์รักษา มากกว่าระดับพิเศษ การมองเห็นของเธอบิดเบี้ยวจากการใช้มานาซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่นักเวทย์รักษาคนอื่นๆก็ได้หมดมานาแล้ว หากอายาเนะหยุดตรงนี้ทหารที่แสวงหาการอยู่รอดจะไม่สามารถได้เห็นท้องฟ้ายามค่ำคืนได้ในวันนี้ อายาเนะกัดฟันและรักษาสติของเธอไว้แล้วยังคงร่ายเวทมนตร์รักษาต่อไป สำหรับอายาเนะที่ไม่มีพลังในการต่อสู้เหมือนยูโตะและมาโคโตะ ศูนย์แพทย์นั้นคือสนามรบ
เมื่อพระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า คลื่นของผู้บาดเจ็บก็หยุดลง ผู้บาดเจ็บในการต่อสู้ในตอนกลางวันถูกนำเข้ามา แต่ก็ไม่ได้มีใครได้รับบาดเจ็บร้ายแรง ถึงอย่างนั้นอายาเนะก็ไม่ได้มีความสุข เธอรู้สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้บาดเจ็บสาหัสไม่ได้ถูกนำเข้ามา ใกล้ศูนย์แพทย์ เหล่าทหารที่อยู่นอกเหนือการได้รับการช่วยชีวิตนั้นเรียงรายกันเป็นแถว เพื่อหลีกเลี่ยงการกลายเป็นปีศาจ พระได้โรยน้ำศักดิ์สิทธิ์ด้วยบทสวด เป็นทหารที่นอนอยู่ที่ด้านหลังที่ได้เรียกหาอายาเนะที่ซึ่งยืนด้วยความรู้สึกหมดหนทาง (monk เขาใช้monk จริงๆ)
“ท-ท่านนักเวทย์รักษา”
เป็นหนึ่งในทหารของไครซิทที่อายาเนะได้ช่วยไว้ บางทีเขาอาจมีบางอย่างที่อยากจะพูดเขาเอนขึ้นและก้มหัว
“คุณยังไม่ได้พักผ่อนอีกเหรอคะ!!?”
ทหารส่งให้กับอายาเนะที่ได้พูดอย่างเร่งรีบ แล้วพูดอย่างซ้ำๆ
“ขอบคุณ ข-ขอบคุณมากๆครับ”
มีหลายชีวิตที่ไม่สามารถช่วยไว้ได้ แต่อายาเนะที่ได้เห็นผู้บาดเจ็บหลั่งน้ำตาและขอบคุณเธอ ก็รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย
“หน้ากาก เขาสวมหน้ากาก ชายคนนั้น ผู้ใช้《เพลิงปีศาจ》เมื่อตอนที่ฉันได้รู้สึกถึงความอากาศร้อนๆบนผิวและได้เห็นเปลวเพลิงสีฟ้าฉันคิดว่าจะตายซะแล้ว ฉันโชคดี แต่ทุกๆคน ทุกๆคน…”
อายาเนะแตะไหล่ทหารเบาๆ ที่ซึ่งกำลังร้องให้สะอึกสะอื้นและทำให้เขาหลับ
“ดื่มน้ำเยอะๆนะคะ คุณต้องพักผ่อน”
ทหารยังคงพึมพำต่อไปจนกระทั่งเขาหลับไป อายาเนะจำได้ว่าผู้ได้รับบาดเจ็บคนอื่นๆก็พึมพำถึงความน่ากลัวของ《เพลิงปีศาจ》พวกเขาทั้งหมดกลัวทหารศัตรูธรรมดาที่ไม่ได้มียศใดๆ ที่สามารถควบคุม《เพลิงแห่งประตูนรก》ที่ซึ่งแจกจ่ายความตายไปทั่วเป็นวงกว้าง
อายาเนะหวังอย่างยิ่งว่าเปลวเพลิงที่บ้าคลั่งนั่นจะไม่ไปหาเพื่อสมัยเด็กทั้งสองของเธอ
◆
บุคคลชั้นสูงของอาณาจักรไครซิทได้มารวมตัวกันที่มุมหนึ่งของกองทัพอาณาจักรไครซิท ทางเข้าเต็นท์ถูกปิดอย่างแน่นหน้าและอากาศที่ไหลผ่านก็หนักหน่วง คนที่อยู่ในการประชุมสงครามสับสนและสาเหตุก็คือ ชั้น ที่ซึ่งกองทัพอาณาจักรไครซิทต้องยึด
เป็น แกรน เรฮาเซน ผู้บัญชาการของภาคีอัศวินเรฮาเซน ที่ซึ่งรับผิดชอบการประชุมสงคราม
“อย่างที่พวกคุณทุกคนทราบกันดี แม้ว่าจะสามารถยึดชั้นที่อยู่ตรงหน้าเราได้ แต่จักรวรรดิไฮเซิร์คก็ยังคงมีอีกหลายชั้น และป้อมปราการซาราเยโว่ที่ซึ่งเป็นสถานที่ป้องกันที่แท้จริงก็ยังคงอยุ่”
ในคำกล่าวของแกรน ทุกคนจัดลำดับสถานการณ์ ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของสงคราม 6 จาก 13 ชั้นได้ตกลงสู่มือของพันธมิตรสี่แดน แต่พวกเขายังไปไม่ถึงชั้นศูนย์กลางและ ชั้น 7 ก็ยังอยู่ ศัตรไม่ได้แสดงท่าทีว่าจะเอาชั้นที่เสียไปกลับคืนและเมื่อพวกมันได้รับความเสียหายจำนวนหนึ่ง พวกมันก็ย้ายไปที่ชั้นด้านหลังและต่อต้านต่อไป ดังนั้นยิ่งพวกเขาโจมตีมากเท่าไร ก็ยิ่งต้องรับมือกับทหารศัตรูมากขึ้นเท่านั้น เหล่าทหารโดนเข้าอย่างรุนแรงและถ้าหากไม่มีอายาเนะที่ซึ่งเป็นหนึ่งใน สามผู้กล้า บางกองกำลังอาจจะไม่สมบูรณ์ในขณะนี้เนื่องจากมีผู้บาดเจ็บมากมาย
“ถึงอย่างนั้น เรากองทัพไครซิทที่ซึ่งยึดได้สองชั้นและนำหน้าคนอื่นๆ ในพันธมิตรสี่ดินแดนอยู่ แต่ก็จนกระทั่งเมื่อวาน”
แกรนตัดคำพูดของเขาแล้วพูดต่อ
“คุณทุกคนรู้ผลของทหารราบของฉันที่พยายามสร้างความก้าวหน้าเมื่อวานนี้ใช่ไหม มีผู้เสียชีวิตถึง 102 ราย บาดเจ็บสาหัส 117 ราย 2 กองที่มีทหาร 100 นายถูกกวาดล้างออกไปจากรายการกองทัพ ความเสียหายมากขนาดนี้เกิดจากทหารศัตรูเพียงแค่คนเดียว”
ผู้บัญชาการระดับพันคนและอัศวินที่ซึ่งอยู่ภายใต้บัญชาของทั้งสองกอง มีใบหน้าที่ขมขื่นราวกับพวกเขากัดหนอนทั้งหมดในครั้งเดียว (1000-man Commander)
“ทักษะที่ใช้ดูเหมือนจะเป็น《เพลิงปีศาจ》ในแง่ของพลังทำลายล้าง ยูโตะและมาโคโตะนั้นมีพลังมากกว่า แต่ปัญหาคือระยะเวลาและระยะของมัน ผู้บัญชาการที่รอดชีวิตจากแนวหน้าโปรดออกมาเล่าเรื่องนี้ด้วย”
สายตาของทุกคนมารวมตัวกันที่ผู้บัญชาการที่โผล่ออกมาจากขอบเต็นท์ รูปร่างหน้าตาของเขานั้นแย่มากเนื่องจากถูกเผาและยากที่จะมอง
“…เขายังได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ มันจะดีกว่าไหมถ้าแค่รายงาน โดยไม่ต้องดึงผู้บาดเจ็บเข้ามาในการประชุม”
อัศวินโจฮานน่าที่ซึ่งอยู่ในภาคีอัศวินเรฮาเซนได้บิดคิ้วของเธอ ในขณะที่เธอนั้นเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาอันยอดเยี่ยม แกรนรู้ว่าโจฮานน่ายังคงอ่อนหวาน ดีหรือไม่ดีแกรนพยายามตอบ แต่ผู้บัญชาการระดับพันคนได้หยุดเขาไว้
“แม้ว่ากระผมจะขยับแขนขาไม่ได้ แต่กระผมยังขยับปากได้อย่างไม่ได้มีปัญหาใดๆ กระผมขอให้ท่านผู้บัญชาการแกรนยอมให้กระผมมาที่นี่เอง ขอโทษนะครับ ที่ทำให้ท่านโจฮานน่าต้องเป็นห่วง”
เมื่อรู้ได้ถึงเจตจำนงอันแรงกล้าของทหาร โจฮานน่าก็ยอมรับความผิดพลาดของเธออย่างเชื่อฟัง
“ไม่หรอก เป็นฉันเองที่ไร้ซึ่งความคิด โปรดดำเนินการต่อเลย”
“กระผมได้สั่งให้ทำการโจนตีครั้งใหญ่ และทีมของกระผมที่อยู่ในแถวที่สี่ที่วิ่งไปที่เนินดิน ทันทีที่ทหารในแถวหน้าพยายามจะกระโจนเข้าหานักรบที่อยู่ด้านบนเนินดิน ก็มีบางคนตะโกนออกมาว่ามีผู้ใช้《เพลิงปีศาจ》―――”
เมื่อผู้บัญชาการระดับพันคน สูดหายใจเขาก็พูดต่อไป
“กระผมได้มีโอกาศพูดคุยกับผู้บัญชาการกองร้อยทหารราบลิเบอริโต้ และตอนนั้นกระผมได้ยินเรื่องเกี่ยวกับ《เพลิงปีศาจ》กระผมคิดว่ามันเป็นเพียงข่าวลือในสนามรบ แต่ทหารในกองร้อยส่วนใหญ่นั้นมีแผลไฟไหม้ ดังนั้นกระผมจึงเชื่อเรื่องนี้ในระดับหนึ่ง การตัดสินใจในครั้งนั้นได้กำหนดว่าจะเป็นหรือตาย”
ผู้บัญชาการระดับพันคน ก็พูดต่อราวกับว่าเขากำลังทนกับบางอย่างอยู่
“ทหารที่อยู่ใกล้แนวหน้าที่สุด 5 เมตรได้หายเข้าไปในเปลวเพลิงสีฟ้าโดยไม่ได้แม้แต่จะส่งเสียงร้อง พวกเขาทั้งหมดเสียชีวิตทันที แม้แต่ทีมของกระผมที่ซึ่งอยู่ห่างออกไป 15 เมตรก็ถูกไฟเผาและบางคนก็ถูกเผาจนตายในทันที ภายใยระยะ 20 เมตรหมายคนได้ถูกไฟเผาและได้รับบาดแผลจากเปลวไฟ”
เฉพาะผู้ที่คุ้นเคยกับการโจมตีด้วยเวทมนตร์เท่านั้นที่เข้าร่วมการประชุมสงครามครั้งนี้ จากพลังและพิสัยของมันมีการคาดเดากันว่าจะต้องมีพลังเทียบเท่ากับ《พายุเพลิง》ที่ซึ่งได้รับการกล่าวว่าเป็นหนึ่งในเวทมนตร์ไฟขั้นสูง
“หากถูกโจมตีด้วยเวทมนตร์ในขณะปะทะ เป็นเรื่องปกติที่จะหลบอยู่หลังโล่หรือนอนลงบนพื้น แต่ไม่ใช่สำหรับ《เพลิงปีศาจ》ทุกคนจะต้องวิ่งหนี แม้ว่าจะหลบตัวไว้หลังโล่หรือสนามเพลาะเปลวเพลิงก็จะพัวพันและเข้าไป สนามเพลาะได้กลายเป็นเตาเผาศพ เปลวเพลิงสีฟ้าและอากาศร้อนๆยังคงพัดเป็นระยะๆ ถ้าหากไม่มีมานาในระดับอัศวินก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใกล้ มีอัศวินเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รอดจากแถวแรกและสอง”
โจฮานน่ารู้ว่าอัศวินที่อยู่ในภาคีอัศวินเรฮาเซนนั้นถูกฆ่าและได้รับบาดเจ็บ และโจฮานน่าที่ซึ่งได้ไปเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บก็พูดไม่ออกว่าพวกเขาน่ากลัวแค่ไหน ถึงอย่างนั้นเธอก็ได้รับข้อมูลบางอย่างจากเขา
“กระผมได้บอกให้ทีมของกระผมวิ่งอย่างสุดความสามารถก่อนที่จะขอคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาของกระผม ถึงอย่างนั้นครึ่งหนึ่งก็ถูกเผา…กระผมเคยถูกงดงายกับเทพนิยายเมื่อตอนที่กระผมยังเป็นเด็ก แต่《เพลิงแห่งประตูนรก》นั้นเป็นที่แน่นอนว่ามันมีอยู่จริง”
ด้านในของเต็นท์ถูกเติมเต็มไปด้วยความเงียบงัน
“มากกว่าสิ่งอื่นใด การที่มันอยู่ในชั้นที่ทีมของผมรับผิดชอบนั้นมัน”
ผู้บัญชาการระดับพันคนกล่าวอย่างขมขื่น
“มันไม่มีประโยชน์ที่จะผลักดันด้วยจำนวนทหารราบเท่านั้น เราจะต้องฆ่าเขา ด้วยการล้อมด้วยทหารมากมายและเวทมนตร์ระยะไกลหรืออาวุธระยะไกลและก็เหล่าทหารที่มีมานาระดับอัศวินอีก”
แกรนที่ซึ่งคิดมาจนถึงตอนนี้ พูดอย่างจริงจัง
“ปัญหาคือจะล่อมันออกมายังไงสินะ”
“รวมถึงข้อมูลที่ได้จากทหารลิเบอริโต้ มันมักจะอยู่ในเหล่าทหารธรรมดา และการโจมตีระยะไกลไม่ได้ผลมากขนาดนั้น”
ผู้บัญชากรระดับพันคน ได้สรุปข้อมูลจากกองทัพพันธมิตรต่อแกรน
“ในกรณีนี้ จำเป็นไหมที่จะต้องจงใจสร้างสถานการณืเพื่อล่อมันออกมา”
“…ให้เป็นหน้าที่หน่วยของฉันเองค่ะ”
โจฮานน่าก้าวออกมาข้างหน้า แกรนลังเล เขารู้ลักษณะทั้งหมดของลูกน้องของเขา มานาที่อุดมสมบูรณ์ของโจฮานน่าสามารถเสริมแกร่งร่างกายของเธอได้และสร้างบาร์เรียเวทมนตร์ที่แข็งแกร่งได้ และถึงแม้จะพูดได้ว่าเธอเหมาะกับภารกิจนี้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าส่วนหนึ่งที่เธอทำ ใช้ความรู้สึกส่วนตัวของเธอมากเกินไป
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะปล่อยให้เป็นหน้าที่เธอ เพียงแต่จนกว่าจะถึงเป้าหมายให้ทิ้งความรู้สึกส่วนตัวให้หมดซะ หากเธอล้มเหลวความเสียหายจะเลวร้ายยิ่งกว่าตอนนี้อีก เข้าใจใช่ไหม”
“ค่ะ ฉันเขาใจ ฉันจะทำสำเร็จอย่างแน่นอน”
ดวงตาของเธอทำให้รู้สึกถึงเจตจำนงอันแรงกล้าของโจฮานน่าที่กำลังมองไปที่แกรน
“ยูโตะและมาโคโตะ ฉันให้พวกเธอโจมตีร้ายแรงจากระยะไกลกับทหารผู้ใช้เวทมนตร์คนอื่นๆ แม้ว่าพวกเธอจะไม่คุ้นเคยกับศัตรู แต่นี่เป็นงานสำคัญ อย่าล้มเหลวล่ะ”
แกรนเข้าใจว่ามันแย่มากสำหรับทั้งสองที่ซึ่งยังเด็กและมีประสบการณ์ในสงครามไม่มากนัก แต่ก็ต้องใช้ในสิ่งที่สามารใช้ได้ในสนามรบ ไม่ว่าจะเป็นหมา แมว และเด็กก็ตาม
“…เข้าใจแล้วครับ/ค่ะ”
แกรนละสายตาจากทั้งสองที่ตอบอย่างจริงจัง
――――――――――――――――――――――――――――――――――――――――
จบ – ยาวจริงๆ ถ้าใครสงสัยว่าทำไม เป็นผู้บัญชาการระดับพันคน ผมก็เคยถามเหมือนกัน คำตอบก็คือแต่ละประเทศมีระบบทหารไม่เหมือนกัน แล้วไอ้ส่วนผู้บัญชาการระดับพันคนนี้เนี้ยดูเหมือนระดับกองร้อยเอง หรือผมคิดไปเองก็ไม่รู้เอาเป็นว่าไม่รู้จำนวนที่แน่นอน ตามจินตนาการเลย
ขอขอบคุณ ENG จากKinokura Translation
เพจผู้แปล (1) เหนื่อยน้อ การแปล | Facebo