สายตาที่เหมือนโคลนนั่น กำลังคาดหวังสิ่งใด? (Nigoru Hitomi de Nani wo Negau) - ตอนที่ 25
พันธมิตรสี่ดินแดนยังคงเดินหน้าต่อไป เนื่องจากความต่างของกำลังอย่างท้วมท้น เริ่มแสดงให้เห็นถึงโมเมนตำที่ลดลงของพวกเรา
กองพันทหารม้าของกองทัพไฮเซิร์คกำลังปะทะกับกองกำลังหลักของอาณาจักรไครซิท โจมตีที่ด้านข้าง ด้านหลัง และส่วนทียื่นออกมาอย่างไม่ลดละ แม้ว่าไครซิทจะมีกองกำลังมากกว่าแต่มันก็เป็นช่วงเวลาที่ลำบากเนื่องจากทหารม้านั้นเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง ดังนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจับพวกเขา
การไล่ล่าโดยภาคีอัศวินเรฮาเซนนั้นได้ผลบางประการ แต่บางครั้งเหล่าอัศวินก็ถูกเชิญให้ออกล่า และบางครั้งพวกเขาก็ได้รับความเสียหายอย่างเจ็บปวดเนื่องจากกลยุทธ์ล่อเหยื่อ หากเหล่าทหารไครซิทเคลื่อนไปข้างหน้าโดยไม่ได้ปฏิบัติตามคำแนะนำจากเหล่าทหารเฟอร์เรียสและไมยาร์ดที่ซึ่งคุ้นเคยกับภูมิศาสตร์ท้องถิ่น พวกเขาก็จะไม่สามารถรักษาความเร็วในการเดินขบวนได้
นอกจากนี้ยังมีการทำลายทางหลวงและสะพาน และการถล่มของดินโดยเจตนาจากเวทมนตรดินบนทางผ่านภูเขาและถนน เป็นกลยุทธ์เพื่อชะลอการเคลื่อนพลที่กำลังดำเนินอยู่
ความคืบหน้าของเหล่าทหารสหพันธ์การค้าลิเบอริโต้ก็หยุดลงอย่างสมบูรณ์ที่เหมืองรีเฟนท์ สหพันธ์การค้าลิเบอริโต้ได้ส่งทหาร 7,000 นายเพื่อผลักดันกองพันศัตรูและได้รับความเสียหายมากกว่าที่คาดการไว้มาก
มีผู้เสียชีวิต 1200 คนและบาดเจ็บอีก 2,000 คน ศัตรูยังคงยึดเหมืองและยังคงมีชีวิตอยู่ ไฟจากคนจำนวนหนึ่งในตอนกลางคืนก็สาหัสเช่นกัน และเหล่าทหารลิเบอริโต้ก็เริ่มพัฒนาความกลัวจากไฟ
เอมริดที่ซึ่งอยู่ในกองทหารราบของสหพันธิลิเบอริโต้ก็มีริมฝีปากและลำคอที่แห่งเนื่องจากความตึงเครียด เอมริดเป็นผู้บัญชาการกองร้อยที่มีทหาร 250 นายจากบ้านเกิดของเขา และข้อมูลที่เขามีก็มากมายเมื่อเปรียบเทียบกับแค่ทหารราบ
เขาไม่ได้ให้จำนวนสาเหตุที่ถูกต้องแก่ผู้อื่นเพื่อป้องกันการเสียขวัญกำลังใจ แต่ทั้งกองร้อยก็ได้เสียสละทั้งหมดกับการป้องกันของกำแพงและหอคอยที่กองร้อยของเอมริดพยายมจะยึด และผู้บัญชาการกองร้อยคนก่อนของเขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสและถูกแบกไปที่แนวหลัง
นอกจากกองทัพไฮเซิร์คแล้ว ภูมิประเทศที่เป็นภูเขายังเป็นงานที่ยากอย่างแน่นอน แต่สื่งที่เอมริดกังวลมากที่สุดคือศัตรูที่สามารถจัดการกับไฟที่เรียกว่า《เพลิงแห่งประตูนรก》
ไม่มีใครรู้จีกชื่อของเขา แต่แน่นอนว่าเขานั้นเป็นผู้ใช้ทักษะ《เพลิงปีศาจ》ที่กล่าวกันว่ามีพลังอันน่ากลัวและเป็นเหตุผลของความเสียหายอย่างแพร่หลาย เขาจัดการกับไฟสีฟ้าและลมแรง ทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อรอบๆกองกำลังที่แน่นหนา
ในความเป็นจริง หมวดที่อยู่แนวหน้ามีผู้เสียชีวิต 21 ราย และ 14 คนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและเล็กน้อยในการต่อสู้ครั้งเดียว และตอนนี้กำลังคิดที่จะจัดกองใหม่ ในบรรดาศพเหล่านั้นมีหัวหน้าหมวด ในฐานะของหัวหน้าหมวดเขาควรจะจัดการกับมานาได้ดีและควรจะสามารถทนต่ออุณหภูมิที่สูงได้เล็กน้อยได้มากกว่าทหารทั่วไป แต่ความจริงคือเขาได้กลายเป็นกองเพลิงที่ส่องสว่างและตายในสนามรบ
ตั้งแต่นั้นมาเมื่อพิจารณาว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาก็ละทิ้งการโจมตีที่เร่งเร้าและเปลี่ยนวิธีเป็นการโจมตีบีบคออย่างช้าๆและฆ่า เอมริดได้เป็นผู้นำที่จะขุดสนามเพลาะที่คดเขี้ยว
ด้วยวิธีนี้พวกเขาเข้าใกล้กำแพงอย่างต่อเนื่อง และในที่สุดกองร้อยของเอมริดก็ได้ถึงเวลาสำหรับการโจมตีครั้งใหญ่
ที่แนวหน้าของการโจมตีทั้งหมด เหล่าทหารพรมน้ำบนร่างกายของพวกเขาเป็นมาตรการต่อต้าน《เพลิงปีศาจ》 บางคนถึงกับทาโคลนทั่วร่างกาย
ไม่มีใครหัวเราะเหล่าทหารที่เต็มไปด้วยโคลนที่เริ่มดูเหมือนคนบ้าเพราะเนื่องจากพวกเขาได้เห็นเหล่าเพื่อนร่วมงานถูกเผาจนตาย แทนที่ร่างกายพวกโคลนมากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน ความจริงแล้ว เอมริดก็อย่างขจัดโคลนออก แต่ในฐานะของผู้บัญชาการมันเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องเป็นแบบอย่างให้กับคนอื่นๆ
“เริ่มการโจมตี!!”
คำสั่งสั้นๆ แพร่กระจายออกมาในชั่วพริบตา ทั้งกองร้อยก็โถมไปที่กำแพง
การขว้างปาเริ่มตอนที่เหล่าทหารล้นออกมาจากสนามเพลาะ หลังจากนั้นไม่นานหอกน้ำแข็งและก้อนหินก็ได้ล้มทหารลง
ถึงอย่างนั้นก็มีทหารเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ล้มลง เหล่าทหารได้มาถึงด้านล่างของกำแพงแล้วและได้พาดบันได การต่อต้านรุนแรงของไฮเซิร์คที่จนถึงตอนนี้เหมือนเป็นเรื่องโกหก
เอมริดคิดว่าเขาอาจสามารถโจมตีและยึดเหมืองได้ในวันนี้ แต่เขารู้สึกขนลุกเสียวซ่าและรีบหันไปที่มุมหนึ่งของเชิงเทิน
ในสถานที่ที่เหล่าทหารพยายามจะเข้าไป ลมร้อนก็ได้กระจายออกมารอบๆ เช่นเดียวกับที่เปลวเพลิงสีฟ้าพัดออกมา
“ล่า-ล่าถอย!!”
เหล่าคนที่ปีนบันไดอยู่ก็ได้รีบกลิ้งลงมาและหลบหลังโล่หรือในสนามเพลาะ
“หยุดการโจมตี!! กลับไปที่สนามเพลาะ!!”
บางคนที่กำลังปีนกำแพงอยู่ก็เลือกที่จะกระโดนลงมาและหนีตายทันที แต่ทหารสี่หรือห้านายยังคงตกเป็นเหยื่อของเปลวเพลิง
“อย่าขยับ!! เขวี้ยงดินออกไปเร็ว!!”
“ไอ้ผู้ใช้เพลิงปีศาจสารเลวเอ๊ย แม่ง”
คำก่นด่าของทหารที่ถูกไฟเผาที่ก้นออกมาไม่หยุด ถึงอย่างนั้นการตอบสนองก็เร็วกว่าครั้งแรกและความเสียหายก็ยังคงอยู่ในขั้นต่ำ
เอมริดกระโจนลงจากบันได จับขอบของเกราะของทหารที่ขาหักและลากเขาด้วยแรงทั้งหมด และเลื่อนลงไปที่สนามเพลาะ
“มันไม่สนใจรอบๆเลยหรือไง!!?”
จนถึงตอนนี้ 《เพลิงปีศาจ》ถูกเล็งไปที่ทหารใต้กำแพง แต่ตอนนี้ชายคนนั้นถึงกับเผากำแพงที่เขาต้องปกป้องด้วย
การโจมตีทั้งหมดถูกหยุดลงชั่วคราวเนื่องจากไฟที่กำลังปะทุอย่างต่อเนื่องจากเชิงเทิน
ขณะนั้นเอมริดรู้สึกกังวลใจ หลังจากทั้งหมด มันนั้นอาจหาญเกินไป เอมริดที่คลานไปรอบๆได้สังเกตเห็นถึงสิ่งที่แท้จริงของความรู้สึกกงวลใจ
“…ไอ้สารเลว เราจะต้องกลับไปที่กำแพงเดี๋ยวนี้ๆ เคลื่อนย้ายๆ!!”
ในน้ำ เอมริดจับไปที่บันไดที่ถูกเผาและวิ่งเข้าไปที่กำแพงเพียงลำพัง
“ผู้บัญชาเอมริด!?”
เสียงของผู้ใต้บังคับบัญชาที่ต้องการยืนยันความตั้งใจของเขาดังออกมา แต่พวกเขาก็ทำตามผู้บังคับบัญชาทันที
เอมริดนั้นพร้อมแล้วและปีนบันไดด้วยความเร็วสูง ยังคงมีไอควันบนเชิงเทิน แต่กลับไม่พบร่างใด
“ไอ้สารเลวนั่นมันกำลังล่าถอยทหารของมันช้าๆ พวกมันจงใจเผาทุกที่ในขณะที่พวกมันล่าถอย”
เอมริดเตะหมวกที่ถูกทิ้งไว้บนพื้น ถึงอย่างนั้นก็มีเพียงผู้บัญชาการกองร้อยที่อายุยังน้อย และเขาก็ได้ออกคำสั่งให้ลูกน้องของเขาทีละคน
“หมวด 1 ให้ดับไฟ หมวด 2 และหมวด 3 ให้คอยเฝ้าระวัง อย่ายกคนบาดเจ็บไปที่ทางเดินกำแพง มีความเสี่ยงที่จะโดนโจมตีสวนกลับ หมวด 4 และส่วนที่เหลือให้ส่งพลสอดแนมออกไปลาดตระเวนรอบๆ ฉันต้องการจะรู้ว่ามีอะไรที่อยู่ข้างหน้า”
คำสั่งได้ถูงส่งจากบนลงล่างแล้วเหล่าทหารก็จดจ่ออยู่กับงานของพวกเขา แม้ว่าจะมีความล่าช้า แต่จุดสำคัญหนึ่งอย่างก็ได้ล้มลงแล้ว ถึงอย่างนั้นเอมริดก็ยังรู้สึกไม่ดี
พลสอดแนมกลับมาในเวลาประมาณ 30 นาทีแล้วใบหน้าของเอมริดที่ได้รับรายงานก็ขมขื่นราวกับเขาได้กินไส้เดือน
“ศัตรูได้สร้างค่ายทหารอยู่ไม่ไกล เป็นสนามเพลาะที่ซับซ้อนเป็นคูน้ำและคูน้ำว่างๆที่ค่อนข้างลึกครับท่าน”
เอมริดเงยหน้าขึ้นมองฟ้านึกถึงสิ่งที่กลัว หลังจากที่ศัตรูใช้งานกำแพงให้ได้มากที่สุดแล้วพวกมันก็ละทิ้งและสร้างค่ายที่ด้านหลัง ในขณะทีเขากำลังเน้นไปที่วิธีรับมือกับ《เพลิงปีศาจ》และการโจมตีด้วยเวทมนตร์อื่นๆ ทหารของพวกมันก็ล่าถอยไปทีละนิด
ติดอยู่ในกลลวง เอมริดก่นด่าความโง่เขลาของเขาและการถูกครอบงำด้วยความชำนาญของกองทัพไฮเซิร์ค เขาไม่สามารถแม้แต่จะพูดหรือแสดงออกได้
เขาคิดได้เพียงว่านี่คือสาเหตุที่การทำสงครามกับจักรวรรดิไฮเซิร์คนั้นไม่คุ้มค่า
แตกต่างจากพื้นที่ในไครซิทและเฟอร์เรียส มันเป็นพื้นที่ที่ไม่สามารถอ้อมได้ดังนั้นพวกเขาจึงต้องข้ามเหมืองไป เมื่อพิจารณาถึงความเสียหายและความเหนื่อยในอนาคตเอมริดก็ยิ่งเวียนหัว
เอมริดหมุนคำพูดเพื่อบอกลูกน้องและตัวเขาเอง
“อย่าได้อารมณ์เสียไป ท้ายที่สุดมันเป็นค่ายชั่วคราว เวลามันมีจำกัด ไม่มีทั้งความสูงและความทนทานของกำแพงปราสาท”
《เพลิงปีศาจ》ถูกใช้อย่างกว้างรอบๆกำแพง เมื่อพิจารณาถึงปริมาณมานาที่ใช้ มันสามารถใช้งานได้เป็นเวลาจำกัดเท่านั้น อาจกล่าวได้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลาที่ดีที่สุดในการโจมตี
กองร้อยอื่่นกำลังรออยู่ที่ข้างหลัง แต่เนื่องจากการจัดการที่เหมือง แทนที่กองร้อยของเอมริดที่ซึ่งทิ้งเชิงเทินมาอย่างอุตสาหะ กองร้อยอื่นๆจะเป็นผู้นำการโจมตี และพวกเขาควรที่จะทำให้ค่ายล้มลงได้
ปัญหาคือแม้จะมีความต่างในคุณภาพของการป้องกัน แต่อาจมีค่ายชั่วคราวอยู่อีกหลายแห่ง เอมริดเห็นใจกองร้อยที่จะรับผิดชอบการโจมตีครั้งนี้ บางทีอาจมีคนจำนวนมากขึ้นที่จะไม่สามารถเอาเนื้อย่างผ่านคอได้อีกสักพัก
―――――――――――――――――――――――――――――――――――――――――
จบ –
ขอขอบคุณ ENG จากKinokura Translation
เพจผู้แปล (1) เหนื่อยน้อ การแปล | Facebook