สายตาที่เหมือนโคลนนั่น กำลังคาดหวังสิ่งใด? (Nigoru Hitomi de Nani wo Negau) - ตอนที่ 20
สามวันต่อมา ปฏิบัติการครั้งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นกับกองทัพเฟอร์เรียสที่ยังคงสูญเสียขวัญกำลังใจ
เหมืองนั้นถูกสร้างขึ้นมาให้เหมือนกับป้อมที่มีสิ่งอำนวยการป้องในเชิงลึก ในขณะเดียวกันจักรวรรดิไฮเซิร์คก็กำลังเล็งไปที่กำแพงฝั่งใต้ ที่เป็นหนึ่งในถ้ำเสือของศัตรู (enemy’s tiger dens นึกไม่ออกว่ามีคำไทยที่อธิบายคำนี้ๆได้ชัดกว่านี้ใหม)
อย่างที่เคยเป็นจนถึงตอนนี้ วอล์มไม่มั่นใจในตำแหน่งที่เขาถูกวางไว้ในขณะนี้
“เวรเอ้ย ทำไมฉันต้องลอบเข้าไปในป้อมแล้ววางเพลิงด้วย ฉันไม่ใช่นักวางเพลิงสักหน่อย”
มันยากที่เข้าควบคุมศัตรูในเหมืองด้วยจำนวนที่มีจำกัด ถ้าพวกเขาใช้กำลังบุกเข้าไป ตอนจบจะมีแต่หายนะเท่านั้นแหละ ดังนั้นจึงมีคำสั่งให้เข้าโจมตีตอนกลางคืนแล้วสั่งให้วอล์มไปวางเพลิงที่กำแพงเพื่อสร้างความสับสน
“มันเป็นเกียรติอย่างยิ่งน่ะรู้ไหม ที่ได้รับการเสนอชื่อโดยตรงจากผู้บัญชาการลิกูเรียน่ะ”
สายตาของหัวหน้าหน่วยนั้นไม่ใช่การเยาะเย้ยเลย แต่มันทำให้เขาดูเหมือนคนขี้อิจฉา
“มั่นใจไว้ ดูเหมือนจะมีคนที่ใช้เวทย์ลมได้ไปเป็นคนคุ้มกันให้ด้วย”
ยากที่จะพูดเกี่ยวปฏิบัติการที่เน้นไปความสามารถแล้วแต่บุคคลนั้นว่ามันปกติ วอล์มนั้นต้องการที่จะจัดลำดับปฏิบัติการ แต่ก็อนิจจาไม่มีสืทธิ์ที่จะขัดสำหรับทหารเพียงคนเดียว
แม้ว่าผู้ใช้เวทย์ลมจะช่วยได้มากในการต่อสู้จะถูกเพิ่มไปด้วยในฐานะคนคุ้มกัน แต่สุดท้ายก็มีเพียงประมาณ 20 คนเท่านั้นที่จะเข้าไป และจะมีศัตรูมากกว่า 200 คนที่อยู่ข้างใน
หลังจากสร้างความวุ่นวายแล้วจะมีกองร้อยสองกองร้อยรวมถึงหน่วยดูเวยด้วยที่จะเข้าโจมตีพร้อมกัน และก็คาดการไว้ด้วยว่ากำลังเสริมของศัตรูจะออกมาสมทบ
เขาไม่รู้สึกเต็มใจเลย แต่ก็ตลอดเวลาผู้บังคับบัญชาไม่เคยรอเขา เขาเห็นสมาชิกหน่วยแล้วมุ่งหน้าไปที่จุดนัดพบ ปลายทางคือเต็นท์ของผู้บัญชาการกองร้อยที่โดยปกติแล้วเขาจะไม่ได้เข้าใกล้ วอล์มที่แลกเปลี่ยนคำทักทายกับผู้คุ้มกันเสร็จแล้วก็ก้าวเข้าไปข้างใน มีทหารประมาณ 30 คนมารวมตัวกันอยู่
แม้ว่าเต็นท์จะมีขนาดใหญ่แต่ก็รู้สึกว่ามันค่อนข้างแคบ และนี่เป็นครั้งแรกที่วอล์มเข้าร่วมประชุมแผนโดยตรง เนื่องจากหัวหน้าดูเวยมักจะเป็นคนบอกกลยุทธ์และแผนการ
วอล์มสามารถเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย เพราะหัวหน้าหมวดสำหรับการจู่โจมครั้งนี้ถูกส่งมาจากกองพันลิกูเรีย
“ดูเหมือนจะมากันครบแล้วนะ”
เป็นผู้บัญชาการกองร้อยของกองพันลิกูเรียที่พูดออกมา
“แผนก็ง่ายๆ หลังจากใช้เวทย์ลมบุกเข้ากำแพงไปได้แล้ว จากนั้นเราจะยึดส่วนหนึ่งของกำแพง เป้าหมายคือที่มุมหนึ่งของหอคอยทางขวา”
ผู้บัญชาการกองร้อยได้ชี้ลงบนตำแหน่งบนแผนที่ วอล์มก้มมองลง มันเป็นแผนที่ใหม่เอี่ยมที่รายละเอียดเกี่ยวกับจุดป้องกันของเหมือง มันเป็นสิ่งที่รีดมาได้จากเชลยหรืออาจจากพลสอดแนม
“หลังจากยึดกำแพงได้แล้ว ให้ไปเผาคนเฝ้ายามในหอคอยด้วย 《เพลิงปีศาจ》ของวอล์ม และให้ทำทางเข้าไว้รอบๆ และจนกว่าจะถึงตอนนั้นให้ป้องกันหอคอยไว้ให้ได้ด้วยทุกอย่างที่มี จะให้วอล์มใช้《เพลิงปีศาจ》เพื่อปิดกั้นทางไว้ และไฟจะหยุดศัตรูไว้และจะทำให้พวกมันออกมา แล้วก็ระวังอย่าเผาพวกกันเองด้วย”
เสียงหัวเราะแห้งๆดังออกมาหลังจากคำพูดสุดท้ายของผู้บัญชาการกองร้อย วอล์มนั้นยากที่จะหัวเราะ และถ้าเขาหัวเราะออกมาดาบคงจะมาอยู่ที่คอของเขาแน่ ดังนั้นเขาจึงปิดปากเงียบ
“ถ้าเกิดพวกมันสังเกตุเห็นพวกนายก่อนการบุก ให้ล่าถอยทันที แล้วเราจะสนับสนุนการล่าถอยเอง ขอให้โชคดีในการต่อสู้”
หลังจากนั้นแม้จะมีการถามคำถามเพิ่มเติม แต่การประชุมแผนก็เสร็จสิ้นในเวลาไม่ถึง 10 นาที
วอล์มที่ใช้ผ้าพันรอบเกราะของเขาเพื่อกันเสียงหลุดออกมา และกำลังคลานอยู่บนพื้นเข้าใกล้ประตู
เสื้อผ้าและเกราะเปื้อนไปด้วยดินและวัชพืช มีดินเปื้อนที่หน้าของเขาแต่เนื่องจากมันเปื้อนก่อนที่จะไปถึงเป้าหมาย วอล์มจึงปล่อยมัยไว้อย่างนั้น
แสงที่ส่องสว่างบนเชิงเทินที่ห่างไกลและพวกเขาก็ค่อยๆเข้าใกล้เรื่อยๆ พวกมันเป็นแสงจากอะไรหลายๆอย่าง เช่นหินเวทย์หรือมมอสส์เรืองแสงและแสงสะท้อนจากน้ำดำ(black water?) แค่นั้นก็พอแล้วที่จะทำให้เห็นบางสิ่งที่กำลังเข้าใกล้
มีระยะห่างมากกว่า 100 เมตร และมีความเสี่ยงที่อาจมีบางคนที่มีทักษะตรวจจับหรือมองกลางคืน
วอล์มนั้นรู้สึกประหม่ามาก และแม้แต่เงาของศัตรูก็ถูกจับตามอง ดูเหมือนมันจะอ่อนล้าและมีบางคนที่หาวออกมา
ดูเหมือนว่าการโจมตีก่อกวนที่ได้ดำเนินก่อนหน้าหนึ่งชั่วโมงกำลังแสดงผล สมาธิและความสนใจของยามกำลังลดลง ไม่เช่นนั้นตอนนี้วอล์มและคนอื่นๆอาจถูกสังเกตเห็น
วอล์มค่อยๆเช็ดสิ่งสกปรกบนหน้าของเขาด้วยมือและสวมหน้ากากโยโรอิของเขา หน้ากากกำลังสั่นราวกับกำลังยินดีและดูเหมือนจะตั้งหน้าตั้งตารอการต่อสู้ที่จะเกิดขึ้น
“เป็นเด็กดีล่ะ มันจะเริ่มแล้ว”
น่าใจหายนอกเหนือจากความจริงที่ว่ามันเจตจำนงเป็นของตัวเองแล้วมันยังดูเหมือนจะค่อนข้างฉลาดอีก แล้วมันก็หยุดสั่นเพื่อตอบสนองต่อสิ่งที่วอล์มพูด
วอล์ม ลดการหายใจให้น้อยที่สุดและทำตั้งท่าบนพื้นให้ดีเท่าที่ทำได้
สัญญาณได้ถูกส่งออกมา แล้ววอล์มก็ทิ้งการพลางตัวที่ทำจนถึงตอนนี้แล้วเร่งรุดไปที่กำแพงพร้อมกับใช้เวทมนตร์ลม
“《เบิร์ส》” (Burst)
เหล่าทหารที่ได้รับแรงส่งของลมก็ได้ขึ้นไปถึงกำแพงทั้งหมดในครั้งเดียว ศัตรูที่สังเกตุเห็นเสียงมองรอบๆกำแพง แต่ตรงนั้นวอล์มก็มาอยู่ตรงหน้าของเขาแล้ว ดวงตาของเขาเปิดกว้างและคอของเขาก็ขยับราวกับกำลังจะตะโกนออกมา แต่ดาบยาวของวอล์มที่ตัดคอของเขานั้นรวดเร็วกว่า
“ศัต――”
ศัตรูที่อยู่ข้างๆพยายามจะร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก แต่เขาก็ถูกบังคับให้เงียบโดยค้อนสงครามของทหารไฮเซิร์คอีกคน
การโจมตีแบบเซอร์ไพรส์นั้นดีกว่าที่เขาคิดไว้มาก แล้ววอล์มก็รีบวิ่งไปที่หอคอยและเสนอความตายอย่างเงียบๆให้กับศัตรู ทันทีที่เขาเข้าไป มันเป็นห้องรอที่มีศัตรูหกคนกำลังพักผ่อนอยู่
“ศัตรูบุก―กกกกกกกกกก”
เนื่องจากพวกเขาถึงตรงนี้แล้วจึงไม่จำเป็นที่จะต้องซ่อนอีกต่อไป เสียงนั้นได้เตือนการโจมตีตอนกลางคืนดังออกมาแล้วในไม่ช้ามันก็เปลี่ยนเป็นเสียงกรีดร้อง ห้องทั้งห้องถูกเปลี่ยนเป็นเตาเผาโดย《เพลิงปีศาจ》ที่เปิดช้งานโดยวอล์ม ศัตรูถูกไฟคลอกอยู่ในห้องและบิดตัวไปมาด้วยความเจ็บปวดและพยายามจะดับมัน แต่เปลวไฟรอบๆนั้นไม่ได้อนุญาตสิ่งนั้น
ในขณะที่หลีดเลี่ยงไฟ ทหารไฮเซิร์คก็แทงศัตรูที่กำลังกลิ้งไปมารอบๆ และคนที่อยู่บนหลังคานั้นช้าเกินที่จะสังเกตุเห็นความวุ่นวาย
วอล์มวิ่งขึ้นบันไดไปและใช้ไฟเผาดาดฟ้าของหอคอย ไฟที่ไม่มีพื้นที่ไปถูกพัดอย่างแรงและพ่นออกมาจากช่องว่างของหอคอย
ศัตรูที่ถูกไฟคลอกล้มลงกับพื้นเพื่อดับไฟ และกำแพงทีลุกไหม้ก็เพียงพอแล้วที่จะแจ้งว่าเกิดการต่อสู้
“ศัตรูโจมตี!!!! ประจำตำแหน่งง!!”
“หอคอยที่สามกำลังถูกเผา ไฟสีฟ้านั่นมันอะไรกัน”
“ทำไมหอคอยหินที่ถึงถูกไฟไหม้ได้!? เพราะน้ำดำจากลิเบอริโต้เรอะ!” (น้ำมันนี่เอง)
แล้วศัตรูก็ผุดขึ้นมาจากอาคารในปราการเหมือนผึ้งแตกรัง เสียงเอะไปทุกที่ เมื่อเห็นดังนั้น วอล์มก็ชมเชนศัตรูที่ออกมาเต็มไปหมด
“วอล์ม พวกมันกำลังมาจากด้านล่างแล้ว”
ทหารคนหนึ่งตะโกนออกมา เขาเป็นหัวหน้าของหมวดพิเศษเฉพาะกิจนี้ จากดาดฟ้าของหอคอยเขายิงธนูและเวทมนตร์ใส่ศัตรู แล้ววอล์มหยุดใช้ทักษะเพื่อไม่ให้พันธมิตรของเขาโดนไปด้วยแล้วลงบันได
วอล์มผ่านพันธมิตรของเขาที่ถือธนูแล้ววิ่งไปที่ดาดฟ้า
“เราประจำตำแหน่งแล้ว จัดการซะ”
สัญญาณของหัวหน้าหมวดได้มาถึง จุดที่ยากได้ผ่านไปแล้ว สิ่งที่พวกเขาต้องทำคือารักษะมันไว้ ภายในหอคอยวอล์มใช้《เพลิงปีศาจ》ใส่ประตูสองบานที่นำไปสู่เชิงเทินและบันไดจากชั้นล่าง
“ฮึกกกก”
“ถอย! ถอย! ถอยเดี๋ยวนี้!!”
ทหารเฟอร์เรียสที่พยายามเร่งรุดเข้ามาทั้งหมดต้องล่าถอย ที่น่าสงสารคือเหล่าคนที่หนีไม่พ้น ศัตรูตะโกนออกมาสองสามวิ แต่ปอดของเขาถูกเผาเนื่องจากขาดออกซิเจนและไฟพวกเขาก็ตายลง
วอล์มยังคงใช้งาน《เพลิงปีศาจ》ต่อไปแม้จะเป็นเวลาเพียงไม่กี่สิบวินาที แต่ก็เป็นช่วงเวลาแห่งความตายสำหรับศัตรู ไฟและควัญขนาดใหญ่ได้สังสัญญาณบอกกองกำลังพันธมิตรถึงความสำเร็จของปฏิบัติการ
เสียงของกองร้อยที่รออยู่ในค่ำคืนที่มืดมิดก็ดังออกมา โดยปกติแล้ววอล์มไม่สามารถแยกเสียงทั้งหมดได้ แต่ตอนนี้เขาที่อยู่ที่ฝั่งของศัตรูนั้นรู้ดี
เสียงและจิตสังหารที่อยู่ด้านหลังเขานั้นสูงกว่าศัตรูที่เขาเผชิญหน้าอยู่อีก มันช่างโล่งใจที่คนเหล่านั้นอยู่ฝั่งของเขา ปัญหาคือพันธมิตรของเขาจะโจมตีโดนวอล์มโดยไม่ได้ตั้งใจหรือไม่
“พวกเขาจะไม่พลาดโจมตีโดนเราใช่ไหม?”
“…ก็อาจจะ”
วอล์มเรียกทหารที่อยู่บนดาดฟ้า แต่คำตอยที่รับกลับมานั้นไม่อย่างจะเชื่อ
“ยึดหอคอยคืนให้ได้ก่อนที่กองกำลังหลักศัตรูจะมาถึง!!!”
เสียงของผู้บัญชาของศัตรูที่โกรธดังออกมา และดูจะกระตือรือร้นที่จะเข้ายึดคืน สำหรับวอล์มแล้วเขาต้องการให้ผู้บัญชาศัตรูและศัตรูคนอื่นๆ วิ่งไปวิ่งมาๆที่ด้านล่างเหมือนเดิม
เวลาได้ผ่านไปนานกว่า 30 วินาทีแล้ว และมันยากที่จะรักษาทักษะไว้ วอล์มจึงหยุดใช้งานทักษะ และนอกจากความร้อนที่เหลืออยู่แล้วบางที่ก็ยังคงไหม้อยู่
วอล์มที่หายใจแรงได้ยินเสียงหนึ่งขึ้นมา มันเป็นเสียงที่รวดเร็วหลายเสียงวิ่งขึ้นบันได
“ศัตรูกำลังมาแล้ว!!!”
“ล้อเล่นเปล่าเนี้ย?!”
วอล์มจะมีความสุขแค่ไหนกันถ้ามันเป็นเรื่องตลกจริงๆ แต่ความจริงก็คือเจ้าของเสียงที่กำลังใกล้เข้ามาได้ปรากฏตัวขึ้น
มีสามคน วอล์มรู้ได้ทันทีว่าทั้งสามนั้นมีทักษะหรือเวทมนตร์บางอย่าง เป็นไปได้ที่คนหนึ่งจะเก่งในการเสริมแกร่งจากมานาและอีกคนเป็นผู้มีคุณสมบัติธาตุไฟและคนสุดท้ายเป็นผู้คุณสมบัติธาตุน้ำ
วอล์มไม่อยากจะยอมรับมันเลย แต่บางทีคนที่ใช้ธาตุน้ำได้อาจปกป้องอีกสองคนด้วยน้ำในขณะที่ดับไฟ และวิ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็วเพราะเห็นว่าวอล์มกำลังให้ความสำคัญกับเวลาใช้งาน
“ช่วยสนับสนุนฉันด้วย!!”
“ในกองไฟอะนะ? อย่าบ้าน่า ฉันจะล้มลงเพราะเท้าถูกเผานะรู้ไหม”
ไม่มีพันธมิตรของเขาอยู่รอบๆเพราะต้องกาะที่จะหลีกเลี่ยงไฟ
แล้วจะมีคนคุ้มกันไปทำเพื่อ?
วอล์มต้องการจะบ่นแต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะทำ ศัตรูได้พยายามบุกเข้ามาในห้อง แล้ววอล๋์มก็ฟันฮาลเบิร์ดใส่ศัตรูที่นำมาก่อน
มันเป็นการเหวี่ยงด้วยทักษะ《จู่โจม》แต่มันก็ถูกรับได้อย่างง่ายดายด้วยดาบสองมือ
วอล์มรู้สึกว่าเขาแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมแล้ว แต่ศัตรูก็ไม่ใช่เล่นๆ ยิ่งสามต่อหนึ่งแล้วด้วยมันก็เหมือนกับอยู่กลางทุ่งระเบิดโดยที่ไม่สามารถพลาดได้
แล้ววอล์มก็เปิดใช้งาน《เพลิงปีศาจ》อีกครั้ง
ศัตรูที่เก่งการเสริมกำลังที่สามารถรับ《จู่โจม》ได้ ก็ไม่กล้าที่จะถูกโจมตีโดยตรงจาก《เพลิงปีศาจ》 แต่อีกคนสองคนที่เหลือที่ไม่ต้องการรับมือกับ《จู่โจม》พวกเขาก็สามารถจัดการกับ《เพลิงปีศาจ》ได้
เมื่อวอล์มผลักดาบสองมืออกไปได้ แล้วดาบและเวทย์น้ำก็พุ่งเข้ามาหาจากด้านข้าง เขาปัดป้องดาบด้วยสนับมือและรับเวทย์น้ำด้วย《เพลิงปีศาจ》และมานามากมายก็ถูกใช้ไปในทันที
ที่ด้านหน้าต้องรับมือกับศัตรูที่เก่งเสริมแกร่งและยังมีผู้ใช้เวทย์ไฟและน้ำที่คอยสนับสนุนเขา
หากทั้งหมดมีฝีมือดาบที่ดี วอล์มก็คงจะโดนจัดการไปแล้ว ผู้ใช้เวทย์นั้นเป็นพวกที่ถนัดที่การต่อสู้ในระยะกลางและไกลและมักไม่ค่อยถนัดในการต่อสู้แบบประชิดตัว
แค่อีกสี่วินาทีเท่านั้น มันชัดเจนว่าวอล์มจะถูกฆ่าถ้าเขาต้องสู้ตามปกติเนื่องจากมานาของเขากำลังจะหมด
เขาเล็งไปที่ศัตรูที่คนที่มีคุณสมบัติธาตุเดียวกันกับเขาแล้วปล่อย《เพลิงปีศาจ》ใส่ แม้ศัตรูจะตั้งรับไฟที่ดุเดือดด้วยโล่ของเขา วอล์มก็ยังคงใส่พลังเพิ่มต่อไป
“อร๊าคคคคคค”
วอล์มคิดว่าการโจมตีของเขาจะล้มเหลวซะแล้ว แต่ต่อหน้าพลังเผาทำลายของ《เพลิงปีศาจ》แล้ว แม้แต่พื้นหินและเพดานก็ลุกไหม้ แล้วในที่สุดมันก็ได้เจาะการต้านทานไฟของศัตรู แล้วไฟก็เข้ากลืนกินร่างศัตรู
“วิกน่าาาา?!”
ศัตรูคนหนึ่งตะโกนชื่อสหายของเขาที่กำลังถูกเผาและฟันใส่วอล์มเพื่อที่จะให้เขาหยุด《เพลิงปีศาจ》การผสานงานของพวกเขาถูกก่อกวนเล็กน้อย
ผู้ใช้เวทย์น้ำที่ปกติจะใช้เวทย์น้ำเพื่อปกป้องสหายของเขาจากเพลิงสีฟ้านั้นกำลังพยายามดับไฟที่กำลังคลอกสหายของเขาด้วยน้ำ เขานั้นเป็นคนที่จิตใจดี แต่เขานั้นไม่ใช่ทหารที่ดี ความเป็นจริงแล้วสิ่งที่เขาทำเพียงแค่ทำร้ายสหายของเขามากขึ้นเท่านั้น
ศัตรูที่ใช้เสริมแกร่งนั้นอยู่ใกล้กับไฟที่สุด และดูเหมือนนิ้วของเขาจะมาถึงขีดจำกัดตรงกันข้ามกับแขนของเขาที่เหวี่ยงดาบลงมาอย่างแรง แล้วดาบสองมือก็ลอยไปที่อื่น
ศัตรูคนนั้นพยายามจะหยับดาบขึ้นมาอีกครั้ง แต่ปลายของฮาลเบิร์ดก็ทะลุหัวใจของชายคนนั้นอย่างรวดเร็ว ทีนี้ก็เหลือเพียงคนเดียวเท่านั้น
ทันทีที่วอล์มกำลังจะหันมาหาคนสุดท้าย ศัตรูที่วอล์มแทงหัวใจไปก็กอดวอล์มและจับฮาลเบิร์ดไว้แน่น
“ตอนนี้แหละะ!!!”
ศัตรูตะโกนออกในขณะที่กระอักเลือดจากปากของเขา
คนสุดท้ายที่มีคุณสมบัติธาตุน้ำ ก็เคลื่อนเข้ามาการเคลื่อนไหวที่แสดงตอนนี้ไม่ใช่ของการสนับสนุนที่ทำมาจนถึงตอนนี้ แต่มันคือการเคลื่อนไหวที่ตั้งใจจะฆ่าวอล์ม
“ไอ้เวรเอ้ย ออกไปซะ”
วอล์มสบถออกมา และกระแทกศอกเข้าที่หน้าของศัตรูที่ตายแล้ว ถึงอย่างนั้นการกอดรัดก็ได้คลายออกเพียงเล็กน้อย
ศัตรูกรีดร้องพุ่งเข้าหาวอล์มโดยไม่ได้ยหยุด เขารับมันด้วยสนับมือของเขา แต่มันก็ไม่สามารถจัดการกับโมเมนตำของดาบที่เหวี่ยงมาจากด้านบนได้ แล้วมันก็ได้เจาะเข้าไปที่ไหล่ของเขา
“อัคคค ไอ้เวรเอ้ย”
เมื่อเห็นการฟันนั้นศัตรูที่กอดอยู่ก็ล้มลงด้วยความพอใจ (ผู้แปล สรุปมันตายหรือไม่ตายกันนิ)
“ตายซะ! ตายซะ! ตาย!!”
ชายคนนั้นพยายามฟันลึกลงไปอีก แต่วอล์มก็เข้าไปกอดเขาขณะที่ที่เหวี่ยง ดาบนั้นไม่สามารถเหวี่ยงได้ดีเนื่องจากอยู่ใกล้กันมากเกินไป
ดาบนั้นโดนเข้าที่สนับมือและส่วนต่างๆของร่างเขา แต่ก็สามารถเลี่ยงจุดสำคัญได้ แล้วพวกเขานั้นกลิ้งไปบนพื้นหลายครั้งในขณะที่ชุลมุน
เลือดไหลออกจากไหล่เยอะมากจนกำลังของวอล์มลดลงในระดับหนึ่ง ชายคนนั้นโน้มไปด้านหน้าโดยใช้น้ำหนักของเขาเข็าโจมตีวอล์ม
อากาศในปอดถูกไล่ออกมา แล้ววอล์มก็สามารถคว้าคอของศัตรูด้วยแขนได้ มันเป็นเทคนิคประชิดตัวที่เรียกว่ารัดคอหรือทำให้หลับ
“อัคคคคคคค!?”
วอล์มใช้ขาพันเอวของชายคนนั้นที่ตีหน้าทองเขาและพยายามหลบหนี
ไม่รู้ว่ามันผ่านไปไม่กี่สิบวิหรือหลายนาที
ในทีสุดวอล์มก็หักคอชายคนนั้นได้ ขนาดอีกคนที่ถูกแทงหัวใจยังสามารถขัดขวางวอล์มได้ด้วยพลังผิดปกติ มันจะไม่แปลเลยที่ศัตรูจะยังไม่ตาย ขนาดบางคนยังมีชีวิตอยู่และสุขภาพแม้จะคอหักก็ตาม (ผู้แปล: น่ากลัว)
โชคดีที่ความกังวลของวอล์มจะไม่จำเป็นเนื่องจากชายคนนั้นตายไปแล้ว
“เฮ้อออ เวรเอ้ย”
วอล์มจัดลมหายใจของเขาแล้วกลิ้นศพลงพื้น เขาไม่เหลือมานาหรือแรงจะเคลื่อนไหวและยังเลือดออกอีก อาการเวียนหัวจึงร้ายแรงมาก และทั้งร่างเปื้อนไปด้วยเลือดทั้งของเขาเองและศัตรู
เหล่านักรบและทหารที่มีมานามากมายสามารถสร้างเลเยอร์คลุมร่างกายด้วยมานาได้ เหล่ามานามารวมกันเป็นบาร์เรีย และหลายคนในนั้นเป็นเบอร์เซิร์กเกอร์ที่จะต่อสู้ในขณะห้ามเลือดและปิดปากแผลภายในไปด้วย แต่วอล์มที่ไม่มีมานาไม่สามารถทำแบบนั้นได้
แต่จู่ๆก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างจากด้านหลัง แล้วเขาก็หันมอง มันมีชายคนนั้นที่กำลังจะเหวี่ยงดาบลงมา
“อะไ-!”
มันคือศัตรูที่ใช้ธาตุเดียวกันกับวอล์ม ที่ถูกเผาแต่เขายังมีชีวิตอยู่ แม้ทั้งร่างจะถูกเผา แต่มีเพียงจิตสังหารเท่านั้นที่ไม่ได้ถูกเผาไปด้วย
วอล์มไม่สามารถขยับแขนได้อีกต่อไป สิ่งที่ทำได้คือกัดฟันและเตรียมรับความเจ็บปวดที่จะมาถึง
แต่วอล์มก็รอดจากจุดนั้นและได้ยินเสียงหนึ่ง
“เห้ย ยังรอดอยู่ไหม”
เสียงนั้นคือหัวหน้าหมวด วอล์มตอบสนองต่อตรงบันได แล้วลูกธนูก็ได้ปักเข้าไปที่หลังหัวของศัตรู
“อ่าาา รอดแล้ว โปรดมาช่วยให้เร็วกว่านี้ไม่ได้เหรอ….ฉันกำลังจะตายแล้วนะรู้ไหม”
วอล์มพูดเรื่องตลก แต่การตอบสนองที่เขาได้รับไม่ใช่สิ่งที่เขาคาดไว้
“ไม่มีใครบ้าขนาดจะบุกเข้าไปในกองเพลิงหรอกนะ”
เขามองสลับไปมาระหว่างศัตรูที่ตายแล้วและวอล์ม
วอล์มต้องการจะค้าน แต่เลือดออกรุนแรงและเขาไม่มีแรงขนาดนั้น
“…อืม ก็ตามที่คาดไว้นายกำลังจะตายเอ่อ มาฉันจะให้ยืมไหล่ แล้วไปรักษาซะ แล้วเราจะทำอะไรสักอย่างเอง”
เมื่อเหล่าทหารที่หลบหนีขึ้นไปบนดาดฟ้าของหอคอยค่อยลงมาทีละคน ที่ปากทางเข้าก็มั่นคงขึ้น กองกำลังพันธมิตรก็ได้รุดไปที่ด้านหน้ากำแพงและพยายามจะกระโจรขึ้นไปที่เชิงเทิน
มีศพคนแรกที่ถูกเผาโดนวอล์ม กำลังนอนอยู่ข้างเขาบนพื้น มันไม่เหมือนคนอื่นที่กลายเป็นคบเพลิงมนุษย์ แต่คนแรกนั้นถูกเผาทั้งด้านนอกและใน
“โอ้ โทษทีนะ ช่วยอย่ารุนแรงกับเพื่อนร่วมห้องละ”
ทหารที่กำลังรักษาวอล์มอยู่ พูดเรื่องตลกร้ายออกมา วอล์มไม่สามารถค้านได้ เพราะเป็นเขาเองที่เผาคนนั้นจนตาย
――――――――――――――――――――――――――――――――――――
จบบบบบบ ตอนนี้คือเมายาวยาก พอพักผ่อน
ขอขอบคุณ ENG จากKinokura Translation
เพจผู้แปล (1) เหนื่อยน้อ การแปล | Facebook