สายตาที่เหมือนโคลนนั่น กำลังคาดหวังสิ่งใด? (Nigoru Hitomi de Nani wo Negau) - ตอนที่ 18
“รู้สึกเหมือน….มาอยู่ผิดที่เลย”
วอล์มได้รับคำสั่งพบตัวโดยตรงจากผู้บัญชาการกองพันลิกูเรีย ที่อดีตคฤหาสน์ของยูท ไมยาร์ด ที่นะปัจจุบันถูกใช้เป็นกองบัญชาการจากกองทัพไฮเซิร์ค
คราบเลือดและศพทั้งหมดที่เคยเป็นหลักฐานโศกนาฏกรรมที่วอล์มเคยได้เห็นถูกล้างออกหมดแล้ว และมีหมวดสองหมวดอารักขาตลอด นอกจากนั้นยังมีอารักขาโดยตรงภายใต้ผู้บัญชาการเบเกอร์ที่กำลังจัดการรอบๆห้องบัญชาการให้มั่นคง และมีกองกำลังระดับกองร้อยคอยเฝ้าระวังอยู่
เหล่าทหารระดับหัวกะทิของจักรวรรดิไฮเซิร์คเห็นตรงกันเกี่ยวกับวอล์มที่ได้รับรางวัลมากมายจากสงครามว่าเป็นแค่พันทางจรจัด TN Stray mongrel
ในขณะที่วอล์มถูกเหล่าอารักขาจ้องมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น สมาชิคหน่วยก็ได้มารวมตัวกันในห้องที่เดิมใช้เป็นห้องรับแขก
“คราวนี้หัวหน้าหน่วยมาทำอะไรเหรอครับ”
บาริโต้รู้สึกกังวลและผมหงอนไก่ของเขาก็เหี่ยวเฉาแล้วกระซิบกับโจเซ่
“ไม่รู้สิ ฉันไม่คิดว่ามันเป็นสิ่งไม่ดีเพราะมันไม่ใช่ที่คุกหรือค่ายเชลยศึกสักหน่อย”
“อย่างงั้นเหรอ ฉันทำอะไรผิดหรือเปล่า…? หรือเขามารับรางวัลจากความสำเร็จ”
หัวหน้าดูเวยพูดเสริม “แกไปอยู่ที่ไหนมาเนี่ย?”
วอล์มคิดว่ามันเป็นการรับรางวัลของหน่วยดูเวยที่ได้สังหารวินส์ตัน เฟอร์เรียส ผู้บัญชาการกองทัพเฟอร์เรียส เมื่อวันก่อน แต่ทุกคนในหน่วยนั้นไม่คุ้นชินกับที่ที่เข้มงวดพวกเขาจึงถ่อมตัว
สิ่งที่พวกเขาทำได้คือขัดเครื่องสวมใส่และทำความสะอาดเสื้อผ้าของพวกเขา
พวกเขาทิ้งอาวุธไว้กับทหารของผู้บัญชาการเบเกอร์ พวกมันถูกยึด วอล์มได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่นให้กับเหล่าคนหัวไม้ TN Ruffian นึกคำไม่ออก
“เชิญ นังลงก่อน”
วอล์มนั่งเงียบบนเก้าอี้ที่เรียงรอบโต๊ะยาว จากคำกระตุ้นของทหารคนหนึ่ง
” ” “ค-ครับ/ค่ะ ท่าน” ” ”
ในขณะเดียวกันชาและขนมหวานก็มาเสิร์ฟให้พวกเขา มันอร่อยพอๆกับขนมที่วอล์มเคยกินในโลกก่อนของเขาและเมื่อสมาชิคหน่วยกิมมันพวกเขาก็ตัวเกร็ง
วอล์มหลั่งน้ำตาให้กับรสชาติแห่งอารยะของขนมเป็นครั้งแรกในรอบ20ปีตั้งแต่เขาตาย เมื่อเขาเพลิดเพลินไปกับชาและขนมหวานเขาก็สังเกตุเห็น
ทุกคนหมดหวังที่จะเก็บอาการ มันน่าเขินมากและทำให้วอล์มยิ้ม
วอล์ม ไม่รู้ถึงมารยาทจองโลกนี้ด้วยซ้ำ ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางอื่นนอกจากนำขนมและชาเข้าปากตามมารยาททั่วไปของโลก
“เวรเอ้ย วอล์มนายผ่อนคลายแบบนั้นได้ยังไงกัน”
“น่าแปลก ดูเหมือนเขาเคยกับเรื่องแบบนี้ ยังไงก็ตามมันทำให้ฉันฉุนจริงๆ”
“คุณวอล์ม คุณเป็นชาวนาจากชนบทไม่ใช้เหรอ?”
“มันต้องไปเรียนมาก่อนเพื่อให้เราขายหน้าแน่”
“…ตาขาวเอ้ย”
“หัวหน้า คุณวอล์ม ฉันรู้สึกป่วยหน่อยๆแล้ว”
วอล์มที่แสดงออกอย่างผ่อนคายถูกสาปแช่งด้วยสมาชิคหน่วยรวมถึงคนโง่ทั้งสามด้วย
“พูดอะไรกันเนี่ย”
เหล่าสหายที่ไว้ใจได้ของวอล์ม ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาอีกต่อไปและได้กลายเป็นเหล่าคนที่ประณามคนทรยศ
ขณะที่วอล์มยังแก้ตัวต่อไปอย่างสิ้นหวังเขาสังเกตุเห็นว่าประตูห้องค่อยๆเปิดออก สมาชิคหน่วยคนอื่นๆก็ตอบสนองช้าเล็กน้อย
ไม่ว่าพวกเขาจะชินกับสถานการณ์นี้มากแค่ไหนแต่พวกเขาก็ยังเป็นทหารปฏิกิริยาของทุกคนต่อบุลคลที่ปรากฏตัวนั้นรวดเร็ว
วอล์มยืนตัวตรงราวกับว่าเขากระโดนขึ้นมาจากเก้าอี้ เขายืนอยู่โดยคำนึงถึง รอให้คนๆนั้นพูดอะไรสักอย่าง
ผู้บัญชาการเจอราร์ด เบเกอร์ที่นำคน 18000 คนในการทำสงครามกับไมยาร์ด เทพสงครามที่ยังมีชีวิตของจักรวรรดิไฮเซิร์ค ยิ้มและเดิมเข้ามาในห้องอย่างสงบ
“ฉันคิดว่ามันเป็นห้องที่มีชีวิตชีวาจริงๆ พวกคุณไม่ใช่ทหารที่ยอดเยี่ยมทั้งหมดเหรอ”
เขาต้องมีความสุขกับการดิ้นรนของวอล์มอย่างเงียบๆ จากนอกห้องกับเหล่าสมาชิคหน่วยที่ท้อแท้ วอล์มประหลาดใจที่ชายชราคนนี้นั้นขี้แกล้งแค่ไหน
ผู้บัญชาเบเกอร์ นั่งลงเงียบๆ อยู่ที่ฝั่งหนึ่่งของวอล์ม ของโต๊ะยาว
“นั่งลงสิ เราไม่สามารถคุยกันดีๆได้ถ้าคุณยังยืนต่อไป”
สมาชิกหน่วยฟังคำสั่งของผู้บัญชาการสูงสุดทันที ทหารคนหนึ่งทำชาอุ่นให้ผู้บัญชาการเบเกอร์ดื่มหนึ่งแก้ว กลิ่นหอมหวานกระตุ้นจมูกของวอล์ม
ผู้บัญชาเบเกอร์ ที่ชอบกลิ่นเบาๆ วางแก้งลงเงียบๆ หลังจากจิบหนึ่งครั้ง
“ฉันคิดว่ากองพันทหารม้าจาฟฟ์จะกลับมาพร้อมกับหัวของวินส์ตัน ฉันประหลาดใจมากจากรายงานที่ฉันได้ยิน คุณวิ่งเป็นระยะ 6 กม. ในการต่อสู้ ทำลายรั้วม้าและบุกไปยังค่าย นอกจากนี้คุณยังฆ่าวินส์ตัน ฉันไม่ได้คิดไว้ว่าจะเป็นแบบนี้”
สายตาจับตาสมาชิกทุกคนในหน่วยอย่างเป็นธรรมชาติ
“เราไม่เหมาะกับคำชมแบบนั้นหรอกครับ”
เป็นเรื่องน่าประหลาดใจสำหรับวอล์ม ที่หัวหน้าดูเวย สามารถพูดคำที่สุภาพจริงๆได้ และสมาชิกหน่วยคนอื่นๆยังคงสั่นคลอนด้วยความประม่า
“คุณคือหัวหน้าหน่วยดูเวยสินะ ฉันได้ยินมาเกี่ยวกับความสามารถของคุณ คุณเป็นผู้ช่วยเหลือไฮเซิร์คมาหลายปีแล้วและยังเป็นผู้ใช้ทักษะ《จู่โจม》ทหารแบบคุณไม่สามารถแทนที่ได้จากจักรวรรดิไฮเซิร์ค”
“ข-ขอบคุณมากครับ”
หัวหน้าหน่วยดูเวย ตอบไปและไม่สามารถซ่อนความสุขของเขาได้ ต่างจากวอล์มเขามีความรักชาติและความรักชาติที่เข้มข้มต่อจักรวรรดิไฮเซิร์ค วอล์มยังเห็นด้วยว่าถ้าเขาได้รับคำชมจากเทพสงครามเขาจะเก็บไว้ไม่อยู่
“ส่วนเธอคือ วอล์มใช่ไหม”
วอล์ม ตัวเกร็งเล็๋กน้อยเพราะชื่อของเขาถูกกล่าวถึงทันที วอล์มถูกมองด้วยสายของทหารผ่านศึกราวกับว่าเขากำลังถูกประเมิน
“เป็นเวลาเพียงครึ่งปีนับตั้งแต่เข้าร่วมกองทัพ แม้ว่าเธอจะได้รับการขัดเกลาจากการต่อสู้กับสหพันธ์การค้าลิเบอริโต้ แต่เธอก็ยังมีทักษะที่หัวหน้าหน่วยดูเวยภาคภูมืใจ《จู่โจม》จากนั้นเธอก็ยังได้เรียนรู้เวทมนตร์จากนักเวทย์ในหน่วย วิลลาร์ท นอกจากนั้นอีก ตอนนี้เธอยังสามารถใช้《เพลิงปีศาจ》ได้ ช่างมีพรสรรค์จริงๆ”
《เพลิงปีศาจ》เป็นทักษะใหม่ของวอล์ม ที่ได้รับในการต่อสู้กับเฟอร์เรียส มันจะกระจายพายุเปลวเพลิงไปรอบๆ ที่ซึ่งเป็นการโจมตีร้ายแรงวงกว้าง วอล์มไม่รู้ว่ามันเปิดใช้งานเมื่อไร แต่สิ่งหนึ่งที่เขารู้หลังจากได้รับการบอกเล่าจากวิลลาร์ดคือ มีผู้เคยใช้ทักษะนั้นในอดีต อดีตผู้กล้าและนักผจญภัยผู้ยิ่งใหญ่ (TN ใช้ Heroes ผมควรแปลเป็นผู้กล้าไหมหรือใช้ฮีโร่เฉยๆ)
“ขอบคุณครับ”
“ฉันเคยเห็นมันครั้งหนึ่งเมื่อฉันยังเด็ก ระวังอย่าถูกมันเผาตายซะเอง อย่างไรก็ตามฉันโล่งใจที่ วอล์มเป็นทหารไฮเซิร์ค”
ผู้บัญชาการเบเกอร์ ยิ้มอ่อนๆ และจิบชาของเขาเพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่ลำคอของเขา
“ลินเนทต์ ช่วยไปเอามันมาหน่อย”
ทหารที่ชื่อลินเนทต์นำของที่ห่อด้วยผ้าเก่าๆมา
“ครั้งหนึ่งมันเคยถูกสวมใส่โดยกลุ่มคนไม่ทราบชื่อที่แต่งกายด้วยเกราะจากโลกอื่น(otherworldly) ที่อาละวาดเผชิญกับสามประเทศมหาอำนาจ จากวัสดุที่ไม่เป็นที่รู้จักที่คล้ายกับ มิธริลและอดาแมนไทต์ บุคคลที่ใส่สิ่งนี้ดูเหมือนจะเชี่ยวชาญ《เพลิงปีศาจ》มันเป็นของที่สมบูรณ์แบบสำหรับเธอที่ใช้ทักษะ 《เพลิงปีศาจ》ไม่ต้องลังเล ลองดูสิ”
มันคล้ายกับหน้ากาก (Men-Yoroi )ในยุคเซ็นโกคุ (Warring States Period) ในโลกก่อนของวอล์ม การออกแบบคล้ายกับปีศาจและโครงกระดูก สีของมันคือสีแดงสด วอล์มลองใส่มันบนหน้าของเขา มันเหมาะอย่างน่าอัศจรรย์และมันก็เบาอย่างกับขนนก
“เยี่ยมมาก มันไม่กับเธอสุดๆไปเลยเหรอ ตอนนี้มันเป็นของเธอแล้ว คู่ต่อสู้ของเธอจะประหลาดใจกับมัน”
แม้ว่ามันจะเป็นครั้งแรกที่วอล์มใส่มัน แต่เขาก็รู้สึกผูกพันอย่างลึกลับ เขาอดไม่ได้ที่จะเชื่อว่า หน้ากากต้องเป็นสิ่งที่มาจากโลกก่อนของเขา
ทันทีที่วอล์มถอดมันออกจากหน้าของเขาและเงยหน้าขึ้นเพื่อที่จะขอบคุณผู้บัญชาการเบเกอร์ หน้ากากก็สั่นและส่งเสียง
“เอ๊ะ!?”
วอล์มใช้ความภาคภูมิใจและเหตุผลทั้งหมดของเขาในฐานะทหารเพื่อระงับความอย่างจะสบถและสาปออกมาปากของเขา เขากลืนสิ่งนั้นเข้าไปแล้วจึงมองไปที่่หน้ากากและผู้บัญชาการเบเกอร์สลับกัน
“ขอโทษนะครับ คือ..มันสั่น”
มันสั่นเหมือนกับโหมดเงียบของสมาร์ทโฟนหรือจั๊กจั่นที่ใกล้ตาย ด้วยใบหน้าที่ตึงเครียดวอล์มจึงขอคำอธิบายจากผู้บัญชาการเบเกอร์
“ฮ่าๆๆ ดูเหมือนมันจะชอบเธอนะ ฉันมีปัญหากับมันเพราะมันจู้จี้จุกจิกมาก”
วอล์ม คิดว่าเขานั้นเป็นนายพลรุ่นเก๋าที่มีความเข้าใจเกี่ยวกับทหาร แต่จริงแล้วเขาเป็นนักต้มตุ๋นไร้สาระ
“มะ-มันต้องสาป!!!”
นัวร์ที่อยู่ข้างวอล์มส่งเสียงดัง โจ่เซ่ที่อยู่อีกด้านหนึ่งขยับเว้นระยะห่าง หน้ากากยังคงสั่นต่อไปราวกับกำลังประท้วง
“ผ-ผู้บัญชาการเบเกอร์!?”
“ฮ่าๆ โทษที จนถึงตอนนี้มันไม่ได้มีอันตรายใดๆเกิดขึ้น ดังนั้นวางใจได้ มันเป็นบ่างอย่างที่หาได้ด้านนอกนั่น เกราะชนิดหนึ่งที่มีเจตจำนง บางครั้งมันก็สั่นเพื่อแสดงอารมณ์ของมัน ฉันไม่สามารถที่จะใส่มันได้ดังนั้นฉันดีใจที่ได้พบกับคนที่เหมาะเป็นเจ้าของมัน โปรดดูแลมันให้ดี”
หลังจากนั้นเขาก็พูดต่อไปราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นและมอบรางวัลให้กับสมาชิกหน่วยคนอื่น เนื่องจากมีวอล์มเป็นตัวอย่าง ทุกคนจึงรับมันด้วยความระแวง
“เฮ่อ ฉันล่ะเหนื่อย”
หน่วยดูเวยได้รับการปล่อยตัวจากห้องและระหว่างทางกับไปที่ค่ายพัก หัวหน้าดูเวยที่ส่งเสียงอ่อนเบาที่หาได้ยาก
ทั้งหน่วยเดินต่อไปโดยเว้นระยะห่างกับวอล์ม แม้แต่กับคนที่ดูแข็งแกร่งก็ดูอ่อนแอเมื่อเจอคำสาป คนเดียวที่สนใจมันคือวิลลาร์ทที่เป็นผู้ใช้เวทมนตร์
“อ่า เอาละมาดูกันดีกว่า…ฉันได้มันมาจากผู้บัญชาการ ดังนั้นฉันควรดูแลมันให้ดี”
“เอ่ออ ทำไมคุณไม่โยนมันทิ้งไปล่ะ”
ก่อนที่นัวร์จะพูดจบ หน้ากากก็สั่นอย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อน
“นัวร์เธอมันบ้า!!”
“อย่าพูดอะไรเบบนั้น!!”
ความโกรธมาจากหัวหน้าและโจเซ่ แล้วนัวร์ก็ขอโทษหน้ากากซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ฮึก ฉันขอโทษจริงๆ ฉันแค่ล้อเล่น ขอโทษ ขอโทษ”
บางทีคำขอโทษอันสิ้นหวังได้ไปถึงแล้วการสั่นหยุดลงในที่สุด
วอล์มคิดว่าเขาต้องเปลี่ยนความคิด ในโลกที่มีเวทมนตร์และทักษะที่เพิกเฉยต่อกฏของฟิสิกส์ มันก็แค่สิ่งของที่มีเจตจำนงเป็นของตัวเองและสามารถสั่นได้ไม่ควรจะทำให้ต้องตกใจ ในบางครั้งมีบางคนที่กลับชาติมาเกิดหรือเกิดใหม่ในต่างโลกด้วย
ความจู้จี้จุกจิกของมันนั้นได้รับรองโดยผู้บัญชาการเบเกอร์ บางทีอาจเป็นเครื่องสวมใส่ที่ดีก็ได้ แม้ว่ามันจะสั่นสักเล็กน้อย วอล์มกำลังบอกตัวเองว่าเขาควรมีความสุขกับเครื่องสวมใส่ที่ดี
―――――――――――――――――――――――――――――――――