สายตาที่เหมือนโคลนนั่น กำลังคาดหวังสิ่งใด? (Nigoru Hitomi de Nani wo Negau) - ตอนที่ 16
การต่อสู้ยังดำเนินต่อไปแม้ว่ากองกำลังหลักจะถูกทำลาย แล้วทหารเฟอร์เรียส 3000 นายก็ได้ยอมจำนน แล้วกองกำลังที่เหนื่อยล้าก็กำลังปลดอุปกรณ์ของเหล่าเชลยในขณะที่ยึดเนินเขาเป็นฐานชั่วคราว และก็มีกองพันทหารม้าที่ว่องไวและกองพันทหารราบเบากำลังไล่ล่ากองกำลังของเฟอร์เรียสที่เหลืออยู่ที่พยายามถอยทัพกลับไปที่ประเทศของพวกเขา
ตอนนี้หลังจากสูญเสียผู้บัญชาการไปแล้วโดยวอล์ม กองพัน 5 กองพันได้ถูกทำลาย แต่ก็ยังคงเหลืออยู่อีก 2 กองพันทียังมีกำลังอยู่ ถ้าปล่อยมันไว้โดยไม่จัดการ มันจเป็นปัญหากับการทูตในอนาคตได้
ภายใต้สถานการณ์นี้กองพันลิกูเรีย ได้รับคำสั่ง ไม่ได้ให้อยู่ที่เนินเขาแต่ให้ไปที่ ไอเดนเบิร์กที่เป็นเมืองหลวงของไมยาร์ด เป็นเพราะทหารเฟอร์เรียสและทหารไมยาร์ดที่ไม่ได้อยู่ในกองทัพหลักกำลังซ่อนอยู่ในเมือง และหน้าที่ของพวกเขาก็คือจัดการพวกมัน
ไม่มีการป้องกันหลักๆในไอเดนเบิร์ก เนื่องจากไมยาร์ดนั้นให้ความสนใจที่ชายแดน และนี้เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ไมยาร์ดและเฟอร์เรียสเลือกที่จะสู้ที่ทุ่งราบ แม่น้ำไหลออกจาเมืองและคุณสามารถที่จะเข้าไปผ่านทุ่งราบเท่านั้น
ถ้าคุณอยากที่จะเข้าเมืองผ่านแม่น้ำ คุณต้องข้ามไปด้วยเรือหรือสะพานเท่านั้น สะพานที่เป็นจุดสำคัญสามารถใช้เพื่อตั้งรับได้ แม้แต่ตอนนี้หลังจากชัยชนะของจักรวรรดิ ไฮเซิรฺ์คได้ถูกตันสินแล้ว แต่กองรักษาการณ์ก็ยังคงสู้ต่อไป โชคดีที่การโต้กลับนั้นอ่อนแอมันจึงถูกปราบอย่างรวดเร็ว แต่หนึ่งในสองของสะพานก็ถูกทำลายโดยทหารของเฟอร์เรียส
กองพันลิกูเรียได้จัดลำดับความสำคัญหลายอย่าง อย่างแรกคือการรักษาความปลอดภัยของจุดรวมพล อาณาเขตไมยาร์ด นั้นเป็นอู่ข้าวที่สมบูรณ์และกำลังส่งออกธัญพืชไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างแข็งขัน และไอเดนเบิร์กที่เป็นศูนย์กลางการค้าก็เก็บอาหารไว้จำนวนมากที่ใช้สำหรับกองทัพ
สองคือ การเข้ายึด คุ้มกันและการสังหารผู้มีอิทธิพลและผู้มีอำนาจ การเข้ายึดครองจะไม่สำเร็จถ้าแค่ฆ่าหมุษย์ทุกคนที่เป็นศัตรู วอล์มได้รับการสอนเมื่อเขาเข้าร่วมกองทัพครั้งแรกมาว่า จำเป็นต้องมีผู้มีอิทธิพลจำนวนหนึ่งในไมยาร์ดไว้ เพื่อผนวกพวกเขาเข้าเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิไฮเซิร์คอย่างมีประสิทธิภาพ
ตำแหน่งสำคัญจะมอบให้กับขุนนางและชนชั้นสูงที่ให้ข้อมูลมีประโยชน์ แต่ผู้ปกครองและตำแหน่งที่เหลือจะมอบให้กับเหล่าผู้มีอิทธิพล เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเมตตา ที่เรียกกันว่า “ไม้นวม ไม้แข็ง” (Carrot and Stick) ด้วยวิธีนี้จักรวรรดิไฮเซิร์คได้ผนวกพื้นที่ที่เรียกว่า เตาหลอมแห่งความโกลาหล ที่มีประเทศเล็กๆที่แตกออกเป็นกลุ่มๆ
สามคือการรักษาความสงบเรียบร้อยของพลเรือน มีทหารมากมายที่พ่ายแพ้และสิ้นหวังในเมืองและพวกเขายังคงหลบซ่อนต่อไปในขณะที่ปล้นสะดมและใช้กำลังข่มขืนพลเมืองซ้ำแล้วซ้ำเล่า นอกจากนี้ยังมีทหารไฮเซิร์คบางคนได้ปล้นสะดมโดยไม่สนใจกฏกองทัพ
แม้ว่าโลกนี้จะยอมให้กับการปล้นสะดมและความอัปยศมากกว่าโลกก่อนหน้าของวอล์ม แต่ไฮเซิร์คก็ได้ยกเลิกในบางส่วนสำคัญ ท้ายที่สุดหมาป่าที่ดุร่ายมากเกินไปอาจขัดขวางอนาคตของจักรวรรดิไฮเซิร์ค ที่พยายามจัดการผู้คนและดินแดนเหมือนเดินโดยแปลี่ยนเฉพาะส่วนบน
แน่นอน มีสิ่งที่ไม่ได้รับการปกป้องที่ทหารสามารถใช้เพื่อระบายความโกรธของพวกเขา มันคือเหล่าผู้มันอิทธิพลที่จะถูกตัดออกจากส่วนบนนั่น
ยูท ไมยาร์ด ที่เสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งเป็นอดีตขุนนางของคาโนอาที่ได้กลายเป็นราชาขอไมยาร์ดก็เป็นเป้าหมายด้วย คฤหาสน์เก่าแต่งดงามที่อาจมีอายุหลายร้อยปีนั้นได้รับความเสียหายจากทหารจำนวนมาก
“พวกนั้นคือ…น่าจะทหารไมยาร์ดใช่ไหมคะ?”
นัวร์กำลังมองที่ศพที่กองอยู่
“สำหรับทหารที่ได้สูญเสียประเทศไป มันจะต้องดูเหมือนขุมทรัพย์ที่ไม่มีคนเฝ้า”
โจเซ่เหลือมองศพ แล้วก็หันไปมองคฤหาสน์อาจเพราะไม่สนใจ
“แม้ว่าจะมีอำนาจหรือมั่งคั่งเพียงใด แต่ก็ไม่มีประโยชน์เมื่อมันพังทลายลง”
เพราะสายเลือดของพ่อค้าหรือเปล่า?
ดวงตาของวอล์มดูเห็นใจกับโจเซ่ที่ระรื่น
“ใช่ว่าไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร แต่การให้ความสำคัญกับของเหล่านั้นมากกว่าชีวิตตัวเองแล้ว มันช่างน่าสมเพช
คนที่ฉลาดจะปรับตัวก่อนหน้าและแสร้งทำเป็นพลเรือนในเมืองและให้ญาติของพวกเขาซ่อนไว้หรือพยายามที่จะหลบหนีออกไปนอกเมือง พวกที่กองอยู่ตรงนี้คือพวกที่หลงไปกับความโลภหรืออาจช้าเกินไปที่จะหลบหนี
“มันเป็นอดีตเจ้านายของพวกเขา ช่างเนรคุณจริงๆ ตามที่คนใช้ที่รอดมาได้บอก เหล่าเครือญาติถูกฆ่าจากการปล้นสะดมก่อนหน้าที่เราจะมา ในพวกนั้นไม่ใช่แค่ทหารเท่านั้แต่บางคนยังเป็นประชาชนอีกด้วย”
เสียงของหัวหน้าดูเวยนั้นผสมกับการดูถูก
“มีคนพอแล้วสำหรับในคฤหาสน์ แล้วเราก็ได้รับคำสั่งให้ลาดตระเวนในเมือง นายอยากได้อะไรไหม?”
กระเป๋าสะพายและกระเป๋าคาดเอวของสมาชิคหน่วยนั้นเต็มไปด้วยรางวัลจากสงครามและอาหารก็ยังเหลืออยู่ วอล์มที่ได้รับคำสั่งให้รักษาความปลอดภัยกำลังลาดตระเวนในขณะที่ปล้นสะดมตามกฏไปด้วย
แม้จะทำตามโดยทั่วไปหรือตามกฏขององค์กรแต่มันก็ไม่ได้รับอนุญาตทางศิลธรรม
ไม่มีพลเรือนบนถนนในเมืองมีแค่ทหารไฮเซิร์คเท่านั้น บางครั้งก็จะเห็นทหารที่แตกพ่ายถูกลากเป็นบางครั้ง
และเมื่อทหารถูกพบและถ้ามีการต่อต้านเพียงเล็กน้อยหรือปากเสีย พวกเขาก็จะได้กลายเป็นคราบสดใหม่อยู่บนถนนแล้วจะถูกแบกโดยเกวียนที่ถูกผลักด้วยเพื่อนร่วมชาติที่ได้กลายเป็นเชลย
“เดี๋ยวก่อน ฉันไม่ได้เป็นทหาร!”
ชายคนหนึ่งถูกลากออกมาจากอาคารและตะโกนแก้ตัว แต่มือของทหารไม่ได้คลายออกแต่กลับถอดเสื้อผ้าของชายคนนั้นออกแทน
“มันมีร่องรอยของเหล็กจากแผล เอาตัวมันไป” TN trace of iron on his bleeding
มีรอยบนหลังของชายคนนั้นแน่นอนว่ามันมาจากลูกธนู นี่เป็นหนึ่งในบาดแผลที่วอล์มมักจะพบในสนามรบไม่มีผิด
“ไม่ ตอนฉันอยู่ที่โล่งมันมีลูกธนูลอยมา ฉันไม่เคยเข้าไปสนามรบเลย”
ชายคนนั้นยังคงแก้ตัวต่่อไปอย่างสิ้นหวัง แต่ทหารยังทำต่อไปโดยไม่ได้สนใจ
“หรืออยากได้แบบพวกนั้น?”
ทหารขยับคางชี้ไปที่เกวียนที่เต็มไปด้วยศพ วอล์มสามารถเห็นรอยเลือดหยดลงมาจากกระบะ
ชายคนนั้นยังพยายามอ้าปากแต่ก็ต้องยอมแพ้เมื่อเห็นทหารแตะไปที่ดาบเป็นคำเตือนครั้งสูดท้าย
เมื่อชายคนนั้นห้อยหัวลงแล้วเหลือบมองไปที่อาคารที่เขาถูกลากออกมา ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งและเด็กที่น่าจะเป็นครอบครัวของเขากำลังแอบดูอย่างสั่นเทา
“แกควรขอบคุณนะที่ไม่ถูกฆ่า ใช่แกจะได้รับการปล่อยตำถ้าแกทำงานไม่กี่เดือน เอ้ารีบเดิน”
ชายคนนั้นหันไปมองครอบครัวเป็นครั้งสุดท้ายแล้วก็ไปรวมกับเหล่าเชลยอย่างเงียบๆ รอยฝกฉ้ำและรอยไหม้ที่อาจมาจากสงครามอยู่เต็มร่างของพวกเขา ฉากแบบนี้สามารถเห็นได้ทั่วเมือง
บางคนก็เป็นพลเรือน เมื่อเห็นแบบนั้นวอล์มก็รู้สึกมืดมน แต่ก็ไม่ทางที่จะสามารถได้รับการดูแลเป็นพิเศษเฉพาะบางคนได้ ท้ายที่สุดมันจะเป็นอุปสรรต่อการรักษาความสงบสาธารณะและพวกต่อต้านที่มีประสบการณ์ทางทหารก็ไม่สามารถตรวจได้ไม่ว่ายังไงตาม
ตอนนั้นวอล์มได้มองย้อนกลับไปที่บ้านเกิดของเขาจักรวรรดิไฮเซิร์ค ไม่ว่าจะดีหรือแย่มันก็มีประโยคที่บอกว่า แม้แต่ชีวิตมนุษย์ก็ถือว่าเป็นทรัพยากร ถ้าพวกเขานั้นมาจากประเทศที่ยังอยู่ในสงครามส่วนมากจะถูกใช้เป็นเชลยเพิ่อเรียกค่าไถ่ ส่วนพวกระดับต่ำก็จะถูกขายภายในประเทศหรือนอกประเทศ
มีหลายวิธีที่จะให้ทหารศัตรูนั้นติดตามหลังจากการผนวกดินแดน ในช่วงหนึ่งพวกเขาจะมีส่วนร่วมในการฟื้นฟูเมืองและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ได้รับความเสียหายจากสงคราม หรือจะเป็นช่างที่ทำงานที่บ้านหรือต่างประเทศ นั่นเป็นวิธีที่ไฮเซิร์คใช้สร้างถนนและคลอง
ขึ้นอยู่กับว่าแตละคนจะทำงานหนักแค่ไหนและหัวหน้าเป็นยังไง พวกเขาจะได้รับการปล่อยตัวอย่างเร็วก็หลังจากผ่านไปหลายเดือนหรืออาจนานหลายปี แล้วก็มีหลายคนที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้างานเดิมที่ทำหรือเข้ารวมกองทัพไฮเซิร์ค ส่วนมากจะเป็นคนที่ไม่มีที่ให้ไป
ขณะที่หน่วยดูเวยเดินไปทั่วเมือง เสียงชุลมุนก็ดังออกมาจากถนนสายหนึ่ง วอล์มตอบสนองโดยจับฮาลเบิร์ดของเขา
“เสียงต่อสู้เรอะ…?”
บาริโตนั้นพร้อมแล้ว แต่หัวหน้าดูเวยนั้นปฏิเสธ
“เสียงมันแปลกสำหรับเสียงต่อสู้ แค่ทะเลาะกันรึเปล่านะ”
เมื่อได้ยินเสียงวอล์มก็รีบไปที่ที่เสียงดังออกมา มันเป็นบ้านของประชาชนทั่วไป ที่หน้าบ้านมีหน่วยอื่นที่กำลังลาดตระเวนอยู่ตรงนั้น
“เกิดอะไรขึ้น”
วอล์มถามทหารสูงวัยที่กำลังขวางหน้าบ้านอยู่
“พวกมันทำเกินไป พวกมันบุกเข้าไปในบ้านแล้วข่มขืนผู้หญิงคนนั้น และสามีเธอก็ถูกทำร้ายจนตาย นอกจากนั้นพวกมันยังอาละวาดเมื่อถูกจับ”
เมื่อวอล์มมองผ่านทหารไปมีทหารหนุ่มสี่นายถูกกดลงกับพื้นและถูกควบคุมตัว ตรงนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งร้องไห้และชายคนหนึ่งที่สูญเสียแสงจากสายตาของเขา บางทีเขาอาจถูกต่อยเข้าที่หน้า จมูกและฟันของเขาก็หัก
“พวกโง่ พวกแกไม่ได้มีสิทธิให้ทำแบบนั้น บ้าไปแล้ว”
พวกเขาเป็นผู้ชายที่วอล์มเคยเห็นที่ไหนสักแห่ง เขาใช้สมองของเขาแล้วก็นึกได้ว่าเคยเจอที่ไหน พวกเขาป็นคนที่ใช้กำลังบังคับผู้หญิงที่ปราการที่ชายแดน
“จะเกิดอะไรขึ้นกับไอ้พวกนั้น?”
ทหารกอดอกกำลังคิด
“ปกติแล้วจะประหาร แต่เราชนะการรบ และมันก็มาจากกองพันซาร์เรียที่มักจะปะทะกับทหารไมยาร์ด ฉันว่าน่าจะถูกเฆี่ยนด้วยแส้และให้ไปใช้แรงงานกับนักโทษ”
เมื่อทหารซาร์เรียหนุ่มได้ยินอย่างนั้นก็พยายามด่าออกมา แต่ก็ถูกเตะเข้าที่หน้าหลายครั้งแล้วเขาก็หุปปากเงียบ
“พอหรือยัง?”
เมื่อคิดว่าคำตัดสินมันเบาเกินไปสำหรับคนที่ฆ่าพลเรือนคนหนึ่ง วอล์มก็ส่งเสียงต่ำออกมาโดยไม่ตั้งใจ
“ก็เรื่องทั่วไป ถ้าฆ่าพวกเขาทุกครั้งเพื่อสิ่งนั้น ไฮเซิร์คจะเสียทหารไปมากมาย”
หัวหน้าดูเวยที่ฟังอยู่ข้างๆก็ได้เข้ามาพูดด้วย
“ถูกเฆี่ยนก็ไม่ได้เบาๆนะ มันจะร้องออกมาเมื่อฟาดไปครั้งแรกหลังจากครั้งสอง-สาม ผิวก็จะเปิดออกแล้วเลือดก็จะออกมา และแม้ว่าจะเป็นลมแต่การฟาดครั้งต่อไปก็จะทำให้ตื่นขึ้นมาอีก จะเป็นลมและตื่นขึ้นมาอีกหลายครั้ง บางคนในพวกแกก็อาจตาย ฉันสงสัยจริงๆว่าพวกแกจะทนได้ไหม”
หัวหน้าดูเวยมองลงไปที่ทหารซาร์เรีย ราวกับมองไปที่เศษขยะ ในขณะเดียวกันเมื่อพวกมันจินตนาการว่าถูกเฆี่ยนหน้าของทหารซาร์เรียก็ซีด
“ได้ยินไหมไอ้โง่? พวกแกควรขอบคุณหัวหน้าหน่วยนะสำหรับคำแนะนำนะ ถ้าไม่อยากโดนเฆี่ยนเพิ่มก็หยุดขัดขืนและหุบปากซะ”
พวกมันรู้สึกว่าตัวเองเป็นหมาป่าหนุ่มผู้หิวโหย แต่พวกมันก็ถูกทหารเก่าพาตัวไปอย่างกับหมาเชื่องๆ
แม้ว่าวอล์มจะระวังการถูกโจมตี แต่ก็ไม่มีการต่อสู้เกินขึ้นในพื้นที่ที่เขาดูแล มีเกิดก็มีแค่พิพาทเล็กน้อย เมื่อควบคุมตัวทหารไมยาร์ดที่แตกพ่ายที่ปล้นสะดมและใช้กำลังข่มขืน และทหารไฮเซิร์คที่เพิกเฉยกฏกองทัพ