สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ - ตอนที่ 435 บทส่งท้าย
ฉินหนานเซิงใบหน้าเต็มไปด้วยความคาดไม่ถึง: “นี่เรื่องจริงหรือปลอมกัน?!”
มุมปากของฉินโม่หานยกขึ้นด้วยองศาที่ดูแข็งกระด้าง “คนที่ฉันตรวจสอบจะปลอมได้อย่างนั้นเหรอ? เอาละ พวกคุณไม่ต้องกังวลแล้ว คืนนี้ฉันจะไปปรึกษากับพี่สะใภ้ใหญ่เอง”
ตระกูลฉิน
ตอนที่ฉินโม่หานและเฉิงลู่แบไพ่ที่อยู่ในมือให้ดู เฉิงลู่เองก็ตกตะลึงเช่นกัน เธอไม่เชื่อ แต่ว่าคนเราบางครั้งก็เป็นแบบนี้ เพียงแต่ได้ยินเรื่องเล็กๆน้อยๆก็สามารถเกิดความสงสัยได้
รอจนฉินโม่หานกลับไปแล้ว เฉิงลู่ก็รับหาคนไปตรวจสอบ เป็นจริงอย่างที่คาดเอาไว้พบผู้หญิงที่ชื่อว่าฉินเสว่หุ้ยผลการตรวจสอบDNAของเธอกับฉินเจี้ยนอานนั่นแสดงว่ามีความเกี่ยวข้องเป็นพ่อลูกกัน
เฉิงลู่รู้สึกเพียงว่าฟ้าได้พังทลายลงแล้ว เธอไม่เคยคิดเลยว่าสามีของตัวเองจะกล้าปิดบังเธอออกไปคบชู้ และยังคลอดลูกสาวออกมาโตขนาดนี้แล้วอีกหนึ่งคน
ตอนที่เธอกำลังกลุ้มใจว่าจะทำอย่างไรดี ซูสือเยว่และฉินโม่หานก็มาเยี่ยมบ้านหาเธอแล้ว
ขณะที่กำลังคิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะส่งคนออกไปได้ ซูสือเยว่ก็เอ่ยปากออกมาแล้วอย่างกะทันหัน
“ฉันจำได้ว่าฉินเสว่หุ้ยนั้นเรียนอยู่ที่สถาบันการแสดงภาพยนตร์ สามารถได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมรายการวาไรตี้ทันที ถ้าเธอต้องการที่จะเปิดตัวในรายการนี้ อาศัยประสบการณ์การเป็นลูกสาวนอกสมรสของตระกูลฉิน คงจะดึงดูดความสนใจของคนผ่านไปมาได้ไม่น้อยอย่างแน่นอน”
“เมื่อแฟนคลับของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ รากฐานก็จะมั่นคงขึ้นเรื่อยๆ ถึงเวลานั้นคุณอยากจะจัดการกับเธออีก ทั้งหมดก็คงจะสายเกินไปแล้ว”
เฉิงลู่พอได้ฟังคำพูดนี้ ร้อนรนขึ้นมาหลายส่วน สุดท้ายก็เอ่ยปากอย่างโหดเหี้ยม: “เธอเป็นลูกสาวของมือที่สามคนหนึ่ง ยังจะกล้าเปิดเผยฐานะของตัวเองหรือไง? เธอไม่กลัวจะถูกคนลอบกัด!”
ซูสือเยว่ยิ้ม: “แม่ของฉินเสว่หุ้ยเป็นมือที่สาม เกี่ยวข้องอะไรกับการที่เธอเป็นดารา? เธอมีประสบการณ์ชีวิตแบบนี้ ก็ยิ่งจะทำให้แฟนคลับเห็นอกเห็นใจ จงรักภักดีกับเธอ”
เฉิงลู่ถูกเธอยิ่งพูดยิ่งตื่นตระหนกตกใจ แต่ว่าก็ยังคงเงียบไม่ร่วมด้วย
ซูสือเยว่ยิ้มเล็กน้อย: “ฉันขอเตือนคุณหน่อย รอจนกระทั่งฉินเสว่หุ้ยและแม่ผู้ให้กำเนิดไปที่ตระกูลฉิน คุณที่ไม่มีความทะนุถนอมของสามีแล้ว กับลูกชายลูกสะใภ้เองก็เอาใจออกห้าง คุณที่สูญเสียความคุ้มครองจากโม่หานและหนานเซิง ขนาดนักแสดงงิ้วก็อาจจะสู้ไม่ได้”
เฉิงลู่สีหน้าซีดเผือด
คำพูดของซูสือเยว่ทิ่มแทงเข้าไปที่จุดเจ็บปวดของเธออย่างถูกต้องแม่นยำ
ฉินเจี้ยนอานนั้นสามารถหลบซ่อนลูกสาวนอกสมรสไว้ได้ดีขนาดนี้ คงจะต้องมีแผนการอื่นแน่นอน ถ้าจะรับกลับมาจริงๆ ทางด้านเฉิงลู่ก็คงสามารถพึ่งพาคำพูดฉินหนานเซิงได้เพียงคนเดียวเท่านั้น ถ้าฉินหนานเซิงโกรธตัวเองจนไม่พูดด้วยเพราะว่าลั่วเยียน ถ้าอย่างนั้นวันเวลาของตัวเองนั้นก็คงจะต้องขมขื่นแล้ว
เฮ้อ บริจาคไตก็บริจาคไตไปละกัน ลูกก็โตแล้ว ถึงอย่างไรก็แต่งลูกสะใภ้เข้ามาอยู่ดี
เฉิงลู่เองก็ยอมรับแล้ว เธอรีบไปหาลั่วเยียนเพื่ออธิบายให้ชัดเจน
“เยียนเยียนเอ๋ย เมื่อก่อนทั้งหมดเป็นเพราะฉันไม่ดีเอง เป็นฉันเองที่คิดตื้นไป เป็นฉันที่โหดร้ายทารุณ คุณยกโทษให้ฉันครั้งนี้ ฉันรับรองว่าต่อไปจะไม่ทำกับคุณแบบนี้อีกต่อไปแล้ว ฉันจะสนับสนุนคุณกับหนานเซิงอยู่ด้วยกัน และก็จะไม่พูดจากร้ายๆกับคุณอีก คุณช่วยฉันไปพูดสิ่งดีๆกับหนานเซิง ให้เขาให้อภัยฉันได้หรือเปล่า?”
ลั่วเยียนประหลาดใจ ไม่เคยคิดเลยว่าซูสือเยว่พวกเขาทั้งครอบครัวจะเก่งกาจถึงขนาดนี้ เฉิงลู่ยังสามารถเกลี้ยกล่อมได้
เดิมทีลั่วเยียนไม่อยากจะปิดตายความสัมพันธ์ เธอรีบให้อภัยเฉิงลู่ทันที ยังให้ฉินหนานเซิงเข้ามา อธิบายความเข้าใจผิดอย่างชัดเจน การแสดงสีหน้าของฉินหนานเซิงที่มีต่อเฉิงลู่ก็ดีขึ้นมาไม่น้อย
หลังจากแก้ปัญหาความกังวลของเฉิงลู่ ฉินหนานเซิงก็เริ่มเตรียมตัวก่อนรับการผ่าตัด
การผ่าตัดในครั้งนี้ใช้เวลามากกว่าเจ็ดชั่วโมง
พวกเขารอตั้งแต่ช่วงบ่ายจนกระทั่งพลบค่ำ จนลั่วเยียนเต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจ ในที่สุดประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออก
ลั่วเยียนและอีกหลายคนตื่นตระหนก จากนั้นเข้าไปล้อมรอบด้วยความตึงเครียด
“หมอไป๋ สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?”
ไป๋ยู่หนานถอดถุงมือแพทย์ออก ถอดชุดที่ใช้ในการผ่าตัดออกจากร่างกาย ส่งไปให้ผู้ช่วยที่อยู่ด้านข้าง จากนั้นก็ถึงคิดที่จะตอบกลับ
“ไม่ต้องเป็นห่วง การผ่าตัดประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก สาเหตุที่ใช้เวลานานขนาดนี้ หลักๆก็คือระหว่างนั้นคุณนายลั่วเกิดปัญหาขึ้นเล็กน้อย โชคดีที่แก้ปัญหาได้จนปลอดภัย”
“ถึงการผ่าตัดจะเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็ยังจะต้องกักตัวอยู่ในห้องผู้ป่วยเพื่อดูอาการตลอด24ชั่วโมง ระยะช่วงนี้จะไม่อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยม พวกคุณกลับไปพักผ่อนกันก่อนดีกว่า รอให้ดีขึ้นแล้วค่อยมาอีกทีก็ได้”
ไป๋ยู่หนานบอกรายละเอียดการผ่าตัดเมื่อสักครู่ให้กับลั่วเยียนและคุณพ่อลั่วฟัง
พอรู้ว่าการผ่าตัดสำเร็จไปได้ด้วยดี ทุกคนก็ถอนหายใจโล่งอก
ฉินโม่หานหันศีรษะไปมองทางซูสือเยว่: “คุณกับเด็กๆเหนื่อยมากแล้ว ที่นี่มีฉันคอยดูแลอยู่ คุณพาพวกเขากลับบ้านไปพักผ่อนก่อนดีไหม?”
ถึงอย่างไรก็ตามก็เป็นโรงพยาบาล เด็กน้อยอยู่ที่นี่ตลอดเวลาก็คงจะไม่ค่อยดีเหมือนกัน
ซูสือเยว่คิดไปคิดมา ท้ายที่สุดก็พยักหน้า
“คืนนี้คุณจะอยู่เฝ้าตอนกลางคืนหรือเปล่า?”
ถึงแม้ว่าไป๋ยู่หนานจะบอกว่าไม่อนุญาตให้ครอบครัวอยู่เฝ้าไข้ แต่ก็รู้ว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญมาก ถ้าเกิดปัญหาอะไรขึ้นมาจริงๆ ก็จะต้องมีคนอยู่ข้างๆช่วยตัดสินใจ
ฉินโม่หานพยักหน้าตามคาด “ถ้าฉันอยู่ พวกเขาน่าจะสบายใจกว่า”
“รู้แล้วละ ฮีโร่ผู้ยิ่งใหญ่ของพวกเรา” ซูสือเยว่ตรงไปจูบหน้าผากของเขา
หลังจากที่เรื่องนี้ได้แก้ปัญหาเรียบร้อยแล้ว ฉินโม่หานยังทำอีกเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือไปหาหรงหลินเพื่อเจรจา ให้เขารีบออกจากเมือง อย่าเข้าใกล้ลั่วเยียนและฉินหนานเซิงอีกตลอดกาล หรือไม่อย่างนั้นเขาก็จะส่งหรงหลินออกไปด้วยตัวเอง
“ฉันรู้ เรื่องที่ฉินหนานเซิงเกือบจะถูกมีดฟันนั้นเป็นแผนการลงมือของคุณ ยังมีเรื่องที่โทรศัพท์มือถือของลั่วเยียนมีซอฟต์แวร์การตรวจสอบที่คุณทำ เรื่องพวกนี้พิสูจน์หลักฐานเรียบร้อยแล้ว ถ้าคุณยังจะดื้อดึงไม่ยอมรับผิด ฉันคงจะต้องคิดถึงเรื่องที่จะเอาหลักฐานพวกนี้ส่งให้กับทางการ ฉันมั่นใจว่าพวกเขาจะต้องสนใจ”รอยยิ้มของฉินโม่หานเผยทะลุให้เห็นถึงความโหดร้าย
หรงหลินโกรธเคือง แต่เขารู้ว่าอิทธิพลของฉินโม่หานร้ายกาจเป็นอย่างมาก ถ้าจะเปิดศึกสู้กับเขา ก็คงแพ้อย่างแน่นอน ดังนั้นคืนเดียวกันนี้เขาจึงเดินทางออกจากเมืองนี้อย่างเศร้าสร้อย
ก่อนที่จะจากไป ยังส่งข้อความหนึ่งข้อความให้กับลั่วเยียน หวังว่าจะได้รับคำตอบ
“ลั่วเยียน ฉันไปแล้วนะ”
น่าเสียดาย ลั่วเยียนไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย แม้กระทั่งแค่จะอ่านยังขี้เกียจจะอ่าน ลบข้อความทิ้งเลย
ตอนนี้ลั่วเยียนเป็นกังวลมากที่สุดก็คงจะเป็นเรื่องสภาพร่างกายของฉินหนานเซิง
หลายวันหลังจากนั้น ฉินหนานเซิงสามารถลงจากเตียงมาเดินได้ สภาพร่างกายของเขาดีขึ้นมาก ร่างกายของคุณแม่ลั่วเองก็กลับมาดีขึ้นเช่นเดียวกัน ทั้งหมดพัฒนาเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดี
วันนี้ตอนเช้าตรู่ ลั่วเยียนไปดูมารดา สีหน้าของมารดานั้นดีขึ้นมาก เห็นบิดาเฝ้าดูแลอยู่ เธอเองก็ไม่ต้องเป็นกังวล หมุนตัวไปห้องผู้ป่วยของฉินหนานเซิง พยุงฉินหนานเซิงเดินไปที่สวนดอกไม้ด้านนอกโรงพยาบาล รับแสงแดด
“พระอาทิตย์วันนี้สวยมากจริงๆ!”ลั่วเยียนพูดด้วยรอยยิ้ม
ฉินหนานเซิงมองใบหน้าที่ยิ้มแย้มนี้ หัวใจเต็มไปด้วยความพอใจ เขารู้สึกเมื่อก่อนตัวเองนั้นช่างโง่เสียจริงๆ ไม่สามารถรักและทะนุถนอมได้
“เยียน ผมอยากจะให้ของขวัญคุณสักชิ้น”ขณะที่พูด ฉินหนานเซิงก็ควักกล่องเล็กๆกล่องหนึ่งออกมาจากในกระเป๋าเสื้อของตัวเองลั่วเยียนพอจะเดาได้เลือนราง เธอรู้สึกประหลาดใจ รับกล่องมาด้วยมือที่สั่นเทา เธอค่อยๆเปิดออก เผยให้เห็นถึงแหวนเพชรสิบกะรัตต่อหน้าต่อตา
“หนานเซิง คุณช่วยฉันใส่หน่อยได้หรือเปล่า?”ลั่วเยียนร้องไห้สะอื้นอยู่ในใจ ในดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความปีติยินดี
“ได้สิ!”ฉินหนานเซิงรับแหวน นำแหวนสวมเข้าไปที่บนนิ้วนาง
ภายใต้แสงอาทิตย์ ทั้งสองคนยิ้มเหมือนกัน ความรักทั้งหมดนั้นไม่ต้องพูดออกมาก็เข้าใจ
แม้ว่าจะผ่านประสบการณ์ที่ยากลำบากมากมายขนาดนี้ แต่ลั่วเยียนก็ยังเชื่อมัน เธอกับฉินหนานเซิงสามารถเดินผ่านไปได้ตลอด
จบบริบูรณ์