สามีข้า คือพรานป่า - ตอนที่ 42 กินปลา
เถียนเถียนจูงมือเฉินเฉินออกไปอย่างไร้จุดหมาย
แม้ว่าป้าใหญ่จะมีอาหารแต่คงไม่ใช่เรื่องดีที่จะรบกวนและหากท่านรู้ว่าเด็กน้อยผู้นี้เป็นลูกชายของหลินชวนฮวา ท่านก็จะยิ่งดูถูกและเหยียดหยามเด็กคนนี้!
แต่หากจะให้ขึ้นไปล่าสัตว์บนภูเขา เถียนเถียนก็ยังไม่ได้ชำนาญ
จริงสิ! ดูเหมือนว่าจะมีฝูงปลาในลำห้วยที่ไหลลงมาจากภูเขาเทพธิดา …ทำไมไม่ลองไปเสี่ยงโชคดูล่ะ!
เฉินเถียนเถียนจูงแขนน้องชายเดินไปเรื่อย ๆ ด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์
เฉินเฉินเอียงคอถามอย่างไร้เดียงสา “พี่สาว… เราจะไปไหนกันหรือ?”
“จะไปไหนอีกเล่า? พาเจ้าไปหาของกินน่ะสิ!”
เฉินเถียนเถียนตอบด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม จนทำให้เฉินเฉินรู้สึกว่าเขาเองที่เป็นภาระ ซึ่งเฉินเถียนเถียนเองก็รับมือกับเด็กได้ไม่เก่งเท่าไหร่นัก
หากวันนี้สามารถหาอาหารให้น้องชายกินได้ นางก็รู้สึกปลื้มใจอย่างถึงที่สุดแล้ว!
ณ เชิงเขา มีลำธารเล็ก ๆ ที่ไหลไปอย่างเชื่องช้า มันไหลผ่านหมู่บ้านโดยไม่รู้ว่าจุดสิ้นสุดคือที่ใด
แต่ไม่ว่าแม่น้ำจะไหลไปที่ไหน เฉินเถียนเถียนก็ไม่อยากรู้ เพราะตอนนี้นางไม่มีอะไรอะไรมาลบล้างความหิวได้เลย!
จากนั้นนางจึงหาไม้ยาว กะเทาะเปลือกไม้ออกและเหลาให้แหลมคม
เฉินเถียนเถียนพับขากางเกง ถอดรองเท้าและเดินลงน้ำไป
ส่วนเฉินเฉินนั่งมองพี่สาวอยู่บนบกด้วยใบหน้าใสซื่อ
เฉินเถียนเถียนกลั้นหายใจและตั้งสมาธิ ก่อนจะมีปลาตัวเล็ก ๆ ว่ายผ่านเท้าของนางไป ทันใดนั้นเฉินเถียนเถียนจ้วงแทงไม้ลงน้ำและปลาก็เริ่มดิ้นรนอยู่ปลายไม้แหลมก่อนจะแน่นิ่งไป!
เท่าที่จำได้… ไม่มีใครกินปลาชนิดนี้
เพราะมีก้างเยอะ เนื้อน้อยและหากนำไปทำซุปก็จะส่งกลิ่นคาวอย่างรุนแรง
อีกทั้งปลานี้ยังลื่นมากและไม่มีใครสามารถจับมันได้ง่าย!
แต่คนที่นี่ไม่รู้ว่าปลามีคุณค่าทางโภชนาการมากเกินกว่าจะจินตนาการ!
ปลาในห้วยไม่กลัวคนเลยเพราะพวกมันไม่เคยพบเจออันตราย ปลาที่เฉินเถียนเถียนแทงได้ค่อนข้างอ้วนและมีน้ำหนักที่มากพอสมควร
นางดึงปลาออกจากไม้ และโยนไปทางเฉินเฉินทันที
“รับไว้! หากเจ้าปล่อยให้มันหนีไปได้ เจ้าจะต้องทนหิวจนตาย!”
เฉินเฉินกลัวความหิวมากจึงบีบปลาในมือไว้แน่น
ในที่สุดก็มีปลาถึงสี่ห้าตัวกองอยู่บนฝั่ง
เฉินเถียนเถียนเดินขึ้นไปสวมรองเท้าและถุงเท้า… ในยุคนี้แม้การเปลือยเท้าในที่สาธารณะก็ถือว่าเสียบริสุทธิ์ได้เช่นกัน เฉินเถียนเถียนจดจำรายละเอียดเหล่านี้ได้เสมอ
จากการสังเกตวิธีการปรุงไก่ป่าของหยุนเคอเมื่อวานนี้ เฉินเถียนเถียนจึงนำไม้มากองเป็นฟืนและนำหินมากะเทาะจนเกิดประกายและติดไฟได้ในที่สุด
หากปล่อยปลาไว้โดยไม่ปรุงหรือแปรรูป แน่นอนว่ามันจะไม่อร่อย
แต่นางไม่มีมีด จึงมองไปรอบ ๆ และพบหินแหลมวางอยู่ใกล้ ๆ เช่นนี้จึงหยิบหินแหลมนั้นมาใช้แทนมีด
จากนั้นไม่นานปลาก็ถูกขอดเกล็ดจนหมดสิ้น นางเริ่มเสียบมันกลับเข้าไม้แหลมพร้อมกับลงมือย่างปลาทันที
กลิ่นปลาย่างหอมฟุ้งไปทั่วบริเวณ เด็กน้อยที่นั่งอยู่ข้าง ๆ พลันกลืนน้ำลายอึกใหญ่
ดูเหมือนว่าเด็กน้อยจะไม่เคยกินปลามาก่อน เขาจึงถามออกอย่างหวาดระแวง “พี่สาว… มันกินได้งั้นหรือ?”
เฉินเถียนเถียนยิ้มจางพร้อมตอบกลับอย่างเย็นชา “หากกลัวก็ไม่ต้องกิน!”
…
แม้พี่สาวคนนี้จะดุ แต่ก็ยังใจดีกว่าแม่มาก… อย่างน้อยนางก็ไม่ตบตีและยังเตรียมอาหารให้ด้วย!
เฉินเฉินทำตามพี่สาวของตน เขาเริ่มแทะปลาอย่างมูมมาม
เมื่อเห็นเด็กน้อยไม่ทันระวัง เฉินเถียนเถียนจึงรีบร้องเตือน “เคี้ยวอีกสองสามครั้งค่อยกลืน ปลามีก้างอาจติดคอเจ้าได้!”
เฉินเฉินพยักหน้า ก่อนจะยัดปลาเข้าปากและเริ่มเคี้ยวให้นานขึ้น ใบหน้าน้อย ๆ เผยความรู้สึกผิดออกมา
หยุนเคอเพิ่งกลับจากการล่าสัตว์ เขาแบกกว่าไว้บนบ่าและเดินลงมาจากภูเขา
สิ่งที่เขาเห็นคือสองพี่น้องกำลังนั่งแทะปลาอยู่อย่างหิวโหย…
เด็กคนนี้อดอยากอีกแล้วเหรอ? เหตุใดจึงกินได้มูมมามและสกปรกเช่นนี้… และการปรากฏตัวของหยุนเคอกลับกลายเป็นการขัดจังหวะมื้ออาหารของเฉินเถียนเถียน
เมื่อนึกถึงอาหารที่เพิ่งกินเข้าไป นางก็รู้สึกอายไม่น้อย… ดูเหมือนว่าการพบกันในครั้งนี้ จะเป็นคราวที่นางขายหน้ามากที่สุด!
หยุนเคอและเฉินเถียนเถียนสบตากันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นชายร่างใหญ่จึงค่อยๆ แบกกวางเดินหนีไป
เฉินเถียนเถียนก้มศีรษะลงโดยไม่ได้กล่าวทักทายใด!
เนื่องจากเฉินเฉินอยู่ข้าง ๆ นางจึงไม่กล้าพูดอะไรกับหยุนเคอแม้เพียงคำ เพราะหากน้องชายเอาเรื่องนี้ไปบอกผู้อื่น เป็นไปได้ว่า นางอาจจะได้แต่งงานกับพรานป่าผู้นี้จริง ๆ
ส่วนหยุนเคอเองก็ตื่นตกใจไม่น้อยเพราะเด็กที่เดินตามเฉินเถียนเถียนคือลูกชายแท้ ๆ ของหลินชวนฮวา!
สาเหตุที่ทำให้เขาตกใจคือในเมื่อเด็กชายผู้นี้เป็นลูกแท้ ๆ ของหลินชวนฮวา แล้วทำไมเขาถึงหิวโหยเช่นเดียวกับพี่สาวเล่า?
ว่ากันว่าเสือถึงร้ายก็ไม่กินลูกตัวเอง แล้วทำไมถึงเป็นเช่นนี้? หญิงผู้นี้ไม่มีมนุษยธรรมเลยหรือ?
ทันใดนั้น หยุนเคอก็ตกใจเสียงกรีดร้องของเด็กน้อยที่ทางเข้าของภูเขา เด็กน้อยกรีดร้องเสียงดังพร้อมวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
“คนป่าอยู่บนภูเขา!“
จากนั้นเขาก็หยุดคิดเรื่องทั้งหมดเพราะว่ามันไม่เกี่ยวอะไรกับเขา
ขณะที่เขากำลังเอากวางตัวใหญ่ขึ้นเกวียน หลินชวนฮวาพลันเดินเข้ามาพอดิบพอดี นางจ้องมองเกวียนของหยุนเคอด้วยสายตารังเกียจ แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้จึงใช้สายตาเย็นชาโต้ตอบเช่นกัน
“เอาของเหม็น ๆ พวกนั้นอยู่ให้ห่างจากข้า!”
หยุยเคอไม่ได้ใส่ใจหญิงผู้นี้เลยแม้แต่น้อย เขาขึ้นเกวียนและทั้งหมดก็ออกเดินทางไปอีกเมืองทันที
เมืองเถาฮวาเป็นเมืองที่อยู่ใกล้หมู่บ้านเทพธิดามากที่สุด
หยุนเคอมักจะนำสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันไปแลกเปลี่ยนกับชาวบ้านในเมืองนั้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อมานานมานี้เขาวางแผนที่จะสร้างบ้านใต้ภูเขาและการสร้างบ้านต้องใช้เงิน ดังนั้นเขาจึงนำกวางที่ล่าได้ไปแลกเงินในเมืองเถาฮวา
ทันทีที่เกวียนหยุด เขาก็กระโดดลงจากเกวียนขนสัมภาระและเดินไปที่โรงเตี๊ยมที่ใหญ่ที่สุดในเมือง
หลินชวนฮวามองดูเขาด้วยท่าทีรังเกียจก่อนจะถุยน้ำลาย “โชคร้ายจริง ๆ ที่ข้าต้องนั่งเกวียนมากับพรานป่าสกปรกผู้นี้!”
จากนั้นนางจึงจัดผมของตนให้เข้าทรงพร้อมกับเดินเข้าไปในเมืองอย่างไม่แยแสผู้ใด
จากนั้นไม่นาน หยุนเคอขายกวางที่ล่าได้ให้กับร้านอาหาร ขณะที่กำลังเดินออกไป เขาก็พบว่าผู้หญิงวัยกลางคนที่คุ้นเคยเดินเข้าไปในตรอกแห่งหนึ่ง แต่เขาก็ไม่ได้อยากยุ่งเกี่ยวนัก
แต่เมื่อเดินผ่านตรอก เขาก็พบว่าหญิงนั้นคือหลินชวนฮวาและกำลังสาวกอดรัดกับชายร่างสูงอยู่…
ทั้งสองกอดกันและเข้าไปในลานเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง!
อ้อ! นางกำลังสวมเขาให้เฉินผิงอันสินะ…
แต่เพราะมันไม่ใช่เรื่องของเขา ดังนั้นหยุนเคอจึงทำไม่รู้ไม่เห็นก่อนจะรีบกลับไปยังหมู่บ้านเทพธิดาพร้อมกับเงินที่ได้มา เขามีธุระมากมายต้องจัดการ ทั้งยังต้องรีบไปรอเกวียนจึงไม่มีเวลาสนใจกับเรื่องอื่น
เฉินเถียนเถียนพาเฉินเฉินกินปลาจนอิ่มท้อง ก่อนจะส่งเด็กน้อยกลับบ้านและตั้งใจว่าจะไม่ดูแลรับผิดชอบเขาอีก
สำหรับตัวนางเองก็วางแผนที่จะขึ้นไปบนภูเขาเพื่อเรียนรู้การล่าสัตว์ในตอนกลางคืน แน่นอนว่าต้องพักผ่อนให้เพียงพอระหว่างวัน
นางเดินเข้าไปในโรงเก็บไม้ หลังจากเอนตัวลงนอนนางก็ผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว