สามีข้า คือพรานป่า - ตอนที่ 404 เป็นหรือตาย
ตอนที่ 404 เป็นหรือตาย
หลี่เสียวเหอมองท่าทีของภรรยาเฉินซึ่งพร้อมกับเผยรอยยิ้มเหยียดหยันออกอย่างช่วยไม่ได้
“พี่สะใภ้ ท่านคิดว่าเรื่องนี้มันแปลกหรือไม่… เห็นได้ชัดว่าคุณชายจางนั้นไม่ยอมล่มจมเพียง เพราะผู้หญิงคนเดียว วันนั้นท่านเอาแต่กล่าวโทษว่าเขาเป็นชายแก่เรียนและไม่อาจสร้างเนื้อ สร้างตัวได้!”
“ทว่าชายแก่เรียนคนนี้กลับประสบความสําเร็จ เขากลายเป็นนักปราญช์! ส่วนลูกเขยของท่านกลับกลายเป็นง่อยนอนเป็นผักปลาอยู่บนเตียง ตอนนี้พวกเราไม่อาจพูดกล่าวมากเกินกว่านี้ได้ทั้งหมดเป็นเรื่องที่น่าเสียดายและควรแก่การละอายใจยิ่ง”
“มีแต่คนเล่าขานว่าเขาเป็นนักปราญช์ที่ยอดเยี่ยม แม้ข้าจะไม่อยากคาดหวังว่าเขาจะเป็นขุนนางสูงศักดิ์ใด แต่ตอนนี้เขาก็ก่าลังไต่เต้าอยู่มิใช่หรือ? ส่วนบ้านของเรากลับย่าแย่ลงทุกวัน แม้บุตรสาวจะตายตกไป ทว่ากลับทิ้งชื่อเสียมากมายไว้ให้พวกเราจวบจนวันสิ้นลม!”
หลี่เสี่ยวเหอกล่าวออกอย่างดุเดือด นางต้องการระบายความอดกลั้นทั้งหมดที่มีออกในคราวเดียว
ภรรยาของเฉินซ่งรู้ดีว่าเรื่องทั้งหมดเป็นความจริงและไม่มีสิ่งใดหักล้างได้ แม่ใบหน้าของนางจะซีดขาวแต่ก็ยังฝืนยิ้มออกมา “อย่างนั้นเจ้าก็จงจดจําบทเรียนในครอบครัวข้าไว้ให้ดี ยิ่งมีลูกสาวก็ยิ่งต้องดูให้ถี่ถ้วน หากลูกของเจ้ากระทําเช่นลูกสาวข้า ถึงวันนั้นก็คงต้องอับอายกันไม่น้อย!”
“ตอนนี้แม้ว่าข้าจะกลายเป็นตัวตลก แต่ข้าก็ยังมีลูกชายและลูกสะใภ้ที่ดี ทว่าสําหรับเจ้ามันแตกต่างออกไป เจ้าไม่มีสิ่งใดนอกจากลูกสาวเพียงคนเดียว! หากเจ้าไม่เชื่อฟังสามีและสั่งสอนบุตรให้ดี วันข้างหน้าสามีคงจะดูหมิ่นเจ้าได้ และมันคงจบสิ้นที่การหย่าร้างอย่างแท้จริง”
หลี่เสี่ยวเหอไม่ได้กังวลถึงเรื่องนั้นจึงกล่าวออกอย่างประชดประชัน “ต่อให้ลูกสาวข้าจะเติบโตไป ข้าก็เชื่อว่านางไม่ไร้ยางอายถึงเพียงนั้น อีกอย่างการจะดูผู้ใด ก็ต้องมองที่ครอบครัวของเขาก่อน ลูกเขยเจ้าก็คงนิสัยเหมือนกับบิดาของเขา หลินฮั่นจิน!”
ใบหน้าของภรรยาเฉินซ่งเผยความเกรี้ยวกราดออก นางไม่รู้เลยว่าจะขับไล่ผู้หญิงตรงหน้านี้ออกไปอย่างไร แต่สุดท้ายความอดกลั่นก็หมดลง นางตะโกนออกสุดเสียงอย่างไม่แยแส
“ลูกสะใภ้ เจ้าหน้าที่ใดกัน ไม่เห็นหรือว่าแม่ของเจ้ากาลังลําบาก? น้ําชาของข้าใกล้หมด เต็มที่เหตุใดจึงไม่รีบหยิบยกมาเต็ม?!”
การเติมชานั้นหมายถึงการส่งแขก หลี่เสี่ยวเหอลอบสบถอยู่ในใจ อย่างไรเสียตอนนี้นางก็รู้สึกดีขึ้นมากแล้ว เช่นนี้จึงลุกขึ้นยืดตัวตรงพร้อมจะจากไป
“พี่สะใภ้คงไม่อยากต้อนรับข้านัก งั้นข้าขอตัวไปเยี่ยมชมความงดงามของบัณฑิตจวเหรินดีกว่า นานทีจะมีสิ่งงดงามมาเยี่ยมเยียนที่หมู่บ้านเทพธิดาของเรา มันยอดเยี่ยมเสียจริง! อย่างไรเสียข้ารู้สึกว่าข้ามีความสุขมากกว่าใครบางคนแถวนี้ เพราะข้าไม่ต้องขังตัวเองในห้องและสามารถเดินไปมาในหมู่บ้านได้อย่างอิสระ”
ภรรยาเฉินซ่งไม่รู้จะกล่าวคําใด นางตะโกนเกรี้ยวกราดร้องหาลูกสะใภ้ตนเอง “ลูกสะใภ้ เจ้าหูหนวก ตาบอดงั้นหรือ? เหตุใดจึงไม่ฟังค่าข้า!”
ถึงตอนนี้ ภรรยาของเฉินเต่ออันถึงกับลุกขึ้นยืน นางเพิ่งจะก้มซักผ้าได้ไม่นานนัก แล้วขณะที่กําลังเจ็บเอว แม่สามีกลับร้องเรียกอย่างไร้เหตุผลอีกครั้ง อีกฝ่ายไม่ยินยอมที่จะทําสิ่งใดเองและต้องการให้ตนออกไปเทน้ําชา!
หลี่เสี่ยวเหออดไม่ได้ที่จะรู้สึกอึดอัดเมื่อเห็นว่าลูกสะใภ้ผู้นี้ถูกแม่สามีรังแก เช่นนี้จึงอดไม่ได้ที่จะขอกล่าวสิ่งใดสักคําก่อนจากไป
“นางเป็นลูกสะใภ้ที่ยอดเยี่ยมนัก ท่านช่างโชคดีที่มีลูกสะใภ้เช่นนี้ นับว่าเป็นพรจากสวรรค์ ท่านโปรดดูแลนางเยี่ยงบุตรสาวคนหนึ่งจะดีกว่า การจะได้พบเจอคนดีมันไม่ง่ายนัก!”
ปกติแล้วหลี่เสี่ยวเหอมักจะประชดประชันตลอดเวลา ทว่ากลับพูดประโยคที่ยุติธรรมออกมาเสียได้ เมื่อได้ฟังเช่นนี้ ภรรยาของเฉินซึ่งไม่แม้แต่จะซาบซึ้ง แต่นางกลับคิดว่าลูกสะใภ้ของตน อยู่ฝ่ายเดียวกับหลี่เสี่ยวเหอ!
“หากเจ้าไม่รีบเข้ามาหาข้า วันนี้ข้าจะบอกให้ลูกชายข้าหย่าร้างกับเจ้า นังลูกสะใภ้แพศยา!”
แต่ภรรยาของเฉินเต่ออันนั้นมีเหตุผล นางยกยิ้มให้หลี่เสี่ยวเหอเล็กน้อยก่อนจะมุ่งเข้าครัวไปตราบใดที่แม่สามียังไม่ลงไม้ลงมือ เรื่องที่อีกฝ่ายร้องขอให้ทํา ก็ยังพอจะทําให้ได้อยู่
เพื่อที่จะไม่ให้เฉินเต่ออันมีปัญหา นางก็จําเป็นจะต้องอ่อนข้อบ้างในบางครั้ง
แม้หยุนเถียนเถียนจะไม่พร้อมต้อนรับชาวบ้าน แต่คนงานทั้งหมดกลับตื่นเต้นและไม่อาจหยุดยั้งฝีเท้าได้ ทุกคนร่วมกันเข้ามามุงอยู่ที่หน้าบ้านของหยุนเถียนเถียนอย่างพร้อมเพรียง
เสียงพูดคุยดังเซ็งแซ่ ทั้งหมดเต็มไปด้วยความตื่นเต้นอย่างไม่ยอมผ่อนคลาย
มีเด็ก ๆ มากมายหยิบจับเอาประทัดมาเล่น หลังจากเสียงดังผสมโรงรวมกัน ทําให้ชวนปวดหัวไม่น้อย เมื่อประทัดหมด ทุกคนคิดว่าหมดสิ้นแล้ว ทว่าเด็กเหล่านั้นกลับวิ่งไปที่บ้านและหยิบประทัดลูกใหม่ออกมา
ต้าหยา เอ้อหยา กู่ชิวและหลี่เสี่ยวเหอยืนอยู่ตรงนี้ด้วยเช่นกัน แม้ว่าทั้งหมดจะชื่อคล้ายกัน แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นเพียงลูกพี่ลูกน้องเท่านั้น
ความจริงแล้วพ่อของพวกเขาคือน้องชายแท้ ๆ ดังนั้นสาวใหญ่คนนี้จึงถูกจัดว่ามีศักดิ์สูงกว่าผู้อื่นเล็กน้อย
กู่ชิวยังบุตรสาวเอาไว้ในบ้านเสมอ เพื่อที่จะให้ผิวของนางขาวผุดผ่อง เช่นนี้ก็เพื่อจะให้บุตรสาวได้แต่งงานกับคุณชายในเมืองได้
แม้ว่านางจะชื่นชอบจางชิงเฟิงไม่น้อย ทว่าอีกฝ่ายก็อายุมากแล้ว แน่นอนว่าผู้ชายที่นางหมายปองให้บุตรสาวคือเฉินเฉิน!
กู่ชิวเองก็พอจะรู้ตัวเอง ลูกสาวของนางไม่อาจแต่งงานกับจางชิงเฟิงได้ แต่เฉินเฉินยังเยาว์ และมีพรสวรรค์ไม่น้อย เช่นนี้ย่อมง่ายกว่าหากจะจับเด็กชาย
แต่ดูเหมือนว่าลูกสาวของนางจะไม่รู้ประสีประสานัก ตั้งแต่เกิดมา นางเพิ่งเคยเห็นชายหนุ่มรูปงาม ซึ่งเป็นบัณฑิตที่แต่งตัวอย่างหรูหราและดูสง่างาม จางชิงเฟิงเต็มไปด้วยออร่าแห่งความอบอุ่นและใบหน้ายกยิ้มน้อย ๆ นั้นหล่อเหลาไม่เบา
ทันทีที่ต้าหยาได้พบเจอกับใบหน้าหล่อเหลานั้น แววตาของนางพลันวูบไหวอย่างลุ่มลึกใบหน้าของสาวน้อยแดง…จนต้องก้มหน้าลง และเมื่อเห็นว่าตนเองสวมใส่เสื้อผ้าหยาบกร้านได้ ซึ่งสีสันแววตาพลันหม่นหม่องอย่างรวดเร็ว
ไม่ได้! จะให้เขาเห็นข้าในสภาพเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด!” นางคิดเช่นนั้นก่อนจะวิ่งแจ้นกลับบ้านไปทันที
หลี่เสี่ยวเหอมักจะรุนแรงกับผู้อื่นแต่กลับอ่อนโยนกับลูกสาวตนยิ่ง ตอนนี้นางพบว่าลูกสาวของตัวเองหายไปจากฝูงชน เช่นนี้นางจึงรีบหันหลังกลับบ้านและไม่คิดจะอยากพบเจอบัณฑิตจวี่เหรินอีก
ส่วนต้าหยานั่งร้องไห้อยู่ริมทาง เป็นเพราะนางไม่อาจหาเสื้อผ้าดี ๆ ในบ้านได้ จึงร้องไห้ออกอย่างน่าเวทนา
หลี่เสี่ยวเหอเห็นบุตรสาวนั่งร้องไห้ก็รีบกุลีกุจอเข้าไปทันที “โอ! เจ้าเป็นอะไร? เกิดอะไรขึ้น? บอกกล่าวกับแม่เดี๋ยวนี้!”
ทันใดนั้นเอง ต้าหย่าพลันเงยหน้าขึ้น ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองใจก่อนจะกล่าวอย่างโมโหร้าย “แล้วหากมีใครสักคนรังแกข้า ท่านแม่จะเรียกร้องความยุติธรรมให้ข้าได้งั้นหรือ?”
“หากข้าบอกว่าท่านย่ารังแกล่ะ? ท่านแม่ดูสิว่าข้าต้องสวมเสื้อผ้าอะไร เสื้อผ้าพวกนี้ทั้งเก่า และใกล้ขาดเต็มที่ ท่านไม่รู้งั้นหรือว่าข้าถึงวัยที่ควรจะแต่งงานแล้ว?!”