สามีข้า คือพรานป่า - ตอนที่ 383 เพลิงแค้น
ตอนที่ 383 เพลิงแค้น
ฉ่เทียนสิ่งถ่อมตัวเล็กน้อย มือยังคงเขียนต่อว่า “ฮูหยินเมตตาข้า… ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร ข้าจะไม่มีวันทําเรื่องเนรคุณต่อนางฮูหยินเป็นคนมีจิตใจดีซึ่งท่านก็คงประจักษ์แล้ว”
“อืม…เช่นนั้นจงจําค่าพูดของตัวเองไว้ใ หากเจ้าทําเรื่องไม่สมควรกับภรรยาข้าเมื่อใดรับรองว่าข้าจะทําให้เจ้ารู้สึกแย่เสียยิ่งกว่าตายทั้งเป็น
พูดจบแล้วหยุนเคอก็หันไปราวกับว่าไม่เคยมีความระแวงสงสัยมาก่อน
อู่เทียนสิ่งตระหนกไปเล็กน้อย พลางรู้สึกหวั่นอกว่าบุรุษหน้าตายผู้นี้คงกําลังโกรธหยุนเถียนเถียนอยู่ ด้วยเหตุนี้เขาจึงหันไปขอความช่วยเหลือจากเซ็นสิ่งที่เป็นผู้ติดตามของนาง
เซิ่นสิงหัวเราะร่า “เจ้าอย่าเป็นห่วงเลย! เขาไม่มีวันทําร้ายนาง คงมีแต่นายหญิงของข้าที่ทําร้ายเขา คุณชายฉ่จงพักผ่อนเสีย เพราะข้าต้องกลับไปรับใช้นายหญิงแล้วส่วนอาหาร…เดี๋ยวจะ นํามาให้ท่านอีกทีในตอนค่ํา”
จู่เทียนสิ่งพยักหน้าเงียบ ๆ พลางมองสังขารตัวเองอย่างจนปัญญาก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่น
หยุนเถียนเถียนรู้สึกไม่สบายใจนักนับแต่นั้นนางก็ไม่มีเวลาให้ใส่ใจเรื่องคนที่นางช่วยมาเลย
ตลอดสามมือในหนึ่งวันหยุนเถียนเถียนก็มิได้ปรากฏตัวอีก
แม้ว่าจู่เทียนสิงอยากกลับบ้านใจจะขาด กระนั้นเขาก็ไม่ต้องการกลับไปโดยที่ยังไม่ทันบอกให้หญิงผู้มีพระคุณได้ทราบ เพียงแต่เกรงว่าหากตนเจตนาไปพบหยุนเถียนเถียนแล้วก็อาจจะทําให้คุณชายจอมเฉยเมยนึกสงสัยเอาได้
เมื่อถึงเวลาที่ต้องจาก นูเทียนสิ่งมองดูรอยแผลเป็นบนใบหน้าผ่านกระจกสําริดบาดแผลพวก นี้ล้วนเกิดจากน้ํามือไอ้เดรัจฉานผู้นั้นซึ่งแน่นอนว่าเขาต้องเอาคืนอย่างสาสม
ขณะที่กําลังจมสู่ห้วงแห่งความเกลียดชังแต่อดีตหยุนเวียนเถียนเปิดประตูเดินเข้ามา
“คุณชายนุ่…อาการบาดเจ็บท่านดีขึ้นบ้างหรือไม่?”
เทียนสิ่งพยักหน้านี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นใบหน้าหยุนเสียนเถียนภายใต้ผ้าคลุม ใบหน้างามประณีตนั้นกําลังมองเขาอย่างไม่รู้สึกรู้สาใด
“เช่นนั้นท่านจะทําการใดต่อไป? จะกลับไปค้นหาตัวตนหรือชําระแค้นกัน?”
หยุนเถียนเถียนถามอย่างเฉยเมยก่อนหยิบใบสําคัญทาสจากแขนเสื้อ และใช้พับไฟจุดเผามันจนวอดต่อหน้าเด็กหนุ่ม
* พับไฟ = อุปกรณ์จุดไฟพกพาจีนโบราณ ใช้งานโดยเปิดให้เชื่อไฟสัมผัสและทําปฏิกิริยาอากาศ
“บัดนี้ท่านเป็นอิสระแล้ว แต่อย่างไรข้าก็ใคร่ถามท่านว่าต้องการทําสิ่งใดต่อไปข้าไม่อยากให้คนที่ข้าเพิ่งช่วยมากลับไปมีปัญหาอีกครั้ง”
ฉ่เทียนสิ่งส่ายหน้าพลางยื่นมือไปจุ่มชาและเขียนบนโต๊ะ “ฮูหยิน… แม้อาการบาดเจ็บของข้าจะหายดีแล้ว แต่ข้านั้นไม่มีวิทยายุทธ์เหลืออยู่เลย เพราะพวกมันวางยาบ้า หากข้ากลับไปยามนี้ก็อาจถึงตายได้!”
“แต่โชคยังดีที่เรื่องนี้ข้าไม่ต้องรบกวนผู้อื่นมากเท่าใด เพียงแต่ต้องใช้เวลาอีกนานนัก ไม่ทราบว่าฮูหยินจะให้ข้าอยู่ที่นี่เป็นการชั่วคราวได้หรือไม่?”
หยุนเถียนเถียนพยักหน้ารับเบา ๆ “หากท่านต้องการอยู่ต่อก็เชิญพํานักได้ตามใจ วันนี้ฉันจะหาคนนําอาหารมาสามมื้อมาให้ท่านส่วนอีกคน…”
รู่เทียนสิ่งรีบลุกขึ้นสะบัดมืออ้าปากทันที ทว่าก็ตระหนักได้ว่าบัดนี้ตนเป็นใบ้อยู่จึงทําได้เพียงนั่งลงก้มหน้าก้มตาเขียนต่อไปว่า “ไม่! เพียงแค่ฮูหยินช่วยชีวิตข้าไว้ก็มากมายเพียงพอแล้ว ไม่จําเป็นต้องดูแลข้าให้พิเศษกว่าผู้ใด!”
“แม้บัดนี้จะไร้วิทยายุทธ์ กระนั้นข้าก็ยังพอทําเรื่องเป็นประโยชน์แก่ท่านได้ ขอเพียงฮูหยินเป็นผู้ออกปากบัญชามาเท่านั้น”
หยุนเถียนเถียนมองตาของฉ่เทียนสิ่งก่อนจะเห็นแววแห่งความตระหนกฉายอยู่ในนั้น แม่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่กระนั้นหยุนเวียนเถียนก็พยักหน้าไว้ก่อน
“หากต้องการเช่นนั้น เช่นนั้นท่านก็จงรับผิดชอบกิจการบางอย่างภายในบ้านแล้วกัน!”
ฉ่เทียนสิ่งพยักหน้าอย่างสงบ ตัวเขาเคยถูกบริวารตามรับใช้ประคบประหงมอยู่ตลอดบัดนี้เขาต้องมาสัมผัสถึงความเหนื่อยยากเหล่านั้นแล้ว
จากนั้นหยุนเวียนเถียนก็หายหน้าไปอีกครั้ง ถึงจะไม่ได้หายตัวไปเสียทีเดียวกระนั้นลู่เทียนสิ่งก็ไม่ได้พบนางอีก
ในครัวเรือนใหญ่โตเช่นนี้ จู่เทียนสิ่งแทบไม่ปล่อยให้ตนได้มีเวลาพักผ่อนเลย เขาเริ่มใช้ตัวหยูกยาทั้งหลายที่หยุนเกียนเถียนตระเตรียมไว้ให้ทั้งหมดในยามค่ําคืน
มู่หรงหยุนเคอรอคอยให้เด็กหนุ่มไปให้พ้นจากบ้านเมื่อหายดีแล้ว กลายเป็นว่าเขากลับยังอยู่ที่นี่ต่อเสียอย่างนั้น…ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความเอาการเอางานที่มีให้เห็นทุกวี่วันดูเหมือนว่าเขาไม่คิดจะออกไปด้วยซ้ํา!
คนในบ้านต่างเริ่มคุ้นหน้าเด็กหนุ่มมื้อใบผู้นี้ ยามที่มีใครเข้านอกออกบ้านก็มักทักทายเขาว่าไอ้ใบ้อยู่เสมอ ทว่าเด็กหนุ่มก็ยอมรับโชคชะตาและไม่โต้ตอบคําใด
สุดท้ายหยุนเคอจึงตัดสินใจไปพบฉ่เทียนสิงอีกครั้ง
“องค์ชายที่เจ็ดแห่งต้ามาทํางานจิปาถะในบ้านของข้า… ยอดเยี่ยมยิ่งนัก!”
เมื่อมีคนพูดถึงตัวตนที่แท้จริงฉีเทียนสิ่งเผยแววตาเย็นชาออกทันที
“จ้องข้าไปก็เปล่าประโยชน์น่า… ข้าจําไม่ได้หรอกว่าเคยได้ยินชื่อนี้มาแต่ไหน! ตอนเจ้าถูกขาย ก็ถูกขายด้วยนามจริง ดูเหมือนว่าศัตรูของเจ้าจะมีอํานาจอยู่ไม่น้อย”
เทียนสิ่งแสดงแววตาฉงนด้วยไม่เข้าใจ มีสามัญชนในแคว้นต้าเยวมองตัวตนที่แท้จริงของเขาออกด้วยงั้นหรือ?
“แม้อ่องผู้นี้จะอาศัยในเมืองเล็ก ๆ แต่ใช่ว่าจะหูหนวกตาบอดเสียเมื่อไร… เจ้าเป็นองค์ชายรัชทายาทที่ดูมีหวังมากที่สุด แต่ก็น่าเสียดาย…”
“องค์ชายที่เจ็ดแห่งต้าฉ่หายตัวไปหลังถูกลอบปลงพระชนม์ขณะเสด็จออกเมือง อันที่จริงแล้วผู้ที่ทําเช่นนั้นคือแม่ทัพเจิ้งหย่งขุนพลสยบใต้ที่ติดสอยห้อยตามเจ้าอยู่ ดังนั้นตระกูลเจ๋งจึงถูกประหารทั้งเจ็ดชั่วโคตรก่อนที่องค์ชายสี่จะขึ้นเป็นองค์รัชทายาทอย่างไร้คู่แข่งในยามต่อมา”
“หลังจากที่จู่เทียนกว้อขึ้นเป็นรัชทายาท เขาก็สั่งให้เร่งหาตัวเจ้าให้พบ ส่วนคู่หมั้นเจ้าก็ไปต้องแต่งงานกับองค์ชายสี่แทนเฮ้อ…ความรักเอย ความชิงชังเอยมันช่างซับซ้อนเสียนี่กระไร”
เมื่อจู่เทียนสิงได้ทราบข่าวดังนี้ก็ตาเบิกกว้างด้วยความขุ่นแค้นหญิงแพศยาผู้นั้นแต่งงานกับชายโฉดที่คิดกําจัดเขาแล้วจริง ๆ และไม่รู้ว่าเสด็จพ่อคิดอะไรจึงได้ให้คนเช่นนั้นขึ้นเป็นรัชทายาท!
คนชั่วได้ดี ส่วนตัวเขาต้องมาตกระกําลําบากในตอนนี้ เพลิงแค้นลุกโชนท่วมจิตใจของเขาอีกครั้ง!
ดวงตามู่หรงหยุนเคอเป็นประกายแต่ไม่ได้แสดงความตื่นเต้นมากนัก “ข้าได้ยินมาว่าองค์ชายที่เจ็ดของต้าจู่ก็เป็นคนอ่อนโยนและเมตตาแก่ราษฎรทั้งหลายนัก”
“ส่วนหญิงคู่หมั้น… แม้เจ้าจะไล่สาวงามที่อยู่รายล้อมออกไปทว่านางกลับตอบแทนเจ้าเช่นนี้คงไม่น่าอภิรมย์เท่าใด”
“เจ้าจ้องข้าทําไมกัน… หรือจะบอกว่าเจ้ามิใช่องค์ชายที่เจ็ดผู้นั้นหรือ? จะบอกว่าที่ข้าพูดมาเป็นเรื่องโป้ปดหรือกระไร? เห็นแก่สตรีมากไปสักวันก็คงพินาศ
“ให้ข้าเดาก็แล้วกัน…อันที่จริงคู่หมั้นของเจ้าเองก็สร้างเรื่องไว้เจ็บแสบใช่หรือไม่? ข้าไม่รู้หรอกว่าเจ้าจะคิดอย่างไรเพียงแต่เจ้ากลับหลงรักผู้หญิงเช่นนี้เข้าเสียได้!”