สามีข้า คือพรานป่า - ตอนที่ 357 โชคชะตาของทุกคน
ตอนที่ 357 โชคชะตาของทุกคน
หยุนเถียนเถียนรู้สึกอายเล็กน้อย แม้หยางยู่หรงกับนางจะเป็นเพื่อนกัน กระนั้นการ รักษาภาพลักษณ์ก็ยังสําคัญนัก
“ยู่หรง ระวังกริยาเจ้าหน่อยสิ!…”
หยุนเถียนเถียนต้องการจะย้ําอีกครั้ง ทว่าฮูหยินของข้าหลวงก็เสร็จธุระในสวนแล้ว เดินเข้ามา
“ข้าน้อยขอค่านับท่านรัฐทายาท!”
กิริยาของหยังฮูหยินค่อนข้างสํารวมดี หลังจากคํานับแล้วนางก็เดินตามสามีของ ตนไป
ทว่าเมื่อเห็นหน้าหยุนเทียนเถียนแล้วม่านตานางก็หดลงดูมีพิรุธบางอย่าง
คาดไม่ถึงเลยว่าคําพูดของผู้เป็นบิดานั้นจะดูเป็นพวกเคร่งจารีตนัก หญิงผู้นี้ช่างดู ไม่เหมือนมนุษย์มนาเอาเสียเลย! เทียบกับหญิงสาวที่งดงามเช่นนี้แล้วก็ไม่แปลกนักที่รัฐทายาทจะดูแคลนบุตรสาวตน
“ว่าแต่คนที่แม่นางหยุนกําลังฉุดดึงอยู่นั้นเป็นคนเช่นไรกัน? นางเป็นเพียงแขก เท่านั้น ไยจึงทําตัวเหิมเกริมไม่ไว้หน้ากันเช่นนี้? หรือเป็นเพราะว่าช่วงนี้จะเห็นแก่ สนมหยางมากเกินไปกัน?”
หยุนเทียนเถียนสังเกตเห็นท่าที่อึดอัดในสายตาของหยิ่งฮูหยินได้อย่างรวดเร็ว หยาง ยูหรงรู้สึกประหม่ามากและรู้เพียงว่าต้องจ้องหน้าเธอ แต่ครู่หนึ่งเธอไม่พบใครที่แอบแฝงความอาฆาตพยาบาทกับเธอ
พี่น้องที่ดีย่อมปกป้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
“หยังฮูหยิน… นี่เป็นแขกของท่าน หากแต่นางก็เป็นน้องสาวของข้าด้วย! ข้าเป็น คนรบเร้าให้เรียกนางมาเองอย่างไรเสียนี่ก็เป็นโอกาสอันน้อยนักที่ข้าจะได้พบนางที่นี่ ท่านจะว่าอย่างไร?”
หยังฮูหยินปกปิดการแสดงออกของตนอย่างรวดเร็วก่อนพูดด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน “เชิญแม่นางหยุนเถิด ข้ามิกล้าขัดท่านหรอก”
หยุนเถียนเถียนไม่สนใจ ก่อนรีบคว้ามือหยางยู่หรงเดินไปพูดคุย
หยิงอิงเอ๋อกระทืบเท้าด้วยความโกรธเกรี้ยว ทําไมจิ้งจอกเจ้ากรรมตัวนี้ถึงไร้สีนัก? แทนที่รัฐทายาทจะเข้ามาสนทนากับนาง กลับไปพูดคุยกับแขกที่เป็นใครหน้าไหนก็ไม่รู้
แน่นอนว่าข้าหลวงหยิงเองก็มีไหวพริบพอ อย่างน้อยในยามนี้เขาก็ทําได้เพียงป ล่อยให้สนมในเรือนของเขาออกมาข้างหน้า เพื่อที่เขาจะได้ไม่ถูกครหาว่ากีดกันสนม
“อิงเอ๋อ ท่านรัฐทายาทเป็นแขกผู้มีเกียรติของเรา ไยเจ้าไม่รินสุราให้เขาเสียหน่อย เล่า?
แม้หยิงอิงเอ๋อจะมีแผนในใจ ทว่านางก็ยังเป็นหญิงที่ยังไม่เคยออกเรือน นางหน้า แดงอย่างขวยเขินไปหลังได้ฟังประโยคนั้น
ภายใต้สายตาที่หึงหวงของโสเภณี หยิงอิงเอ๋อค่อย ๆ ก้าวไปข้างหน้า
“ข้าน้อยขอรินสราแก่ท่านรัฐทายาท ขอท่านโปรดอภัยสําหรับการต้อนรับที่ไม่เหมาะสมด้วย!”
ประโยคนี้ถูกต้องแล้วตามมารยาท ในสายตาฮูหยินผู้เป็นแม่เองก็เห็นว่าเหมาะสม ทว่าเมื่อออกจากปากของหญิงที่ไม่เคยออกเรือนก็ชวนให้รู้สึกตลกอยู่บ้าง
มู่หรงป๋อไม่ได้เตรียมใจจะพันพัวกับผู้อื่นมากนัก จึงทําเพียงยิ้มอ่อน ๆ ตอบรับนาง เท่านั้น “ท่านข้าหลวง… ลูกสาวท่านช่างน่าสนใจนัก”
กล่าวดังนั้นแล้ว รัฐทายาทผู้นี้ก็หยิบจอกสุราขึ้นมา ทว่าไม่ได้ยกดื่มแต่อย่างใด
ใบหน้าของข้าหลวงเปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยคาดไม่ถึงว่าภรรยาของตนจะไม่ได้สั่งสอนบุตรสาวให้รู้จักมารยาทธรรมเนียมอะไรเลย
กระนั้นก็ยังโชคดีที่รัฐทายาทมู่หรงไม่ขัดข้องอะไร แม้เขาจะไม่ได้ดื่มสุราสักจอกก็ตาม
“ข้าเองก็วุ่นนักกับหน้าที่ราชการในวันธรรมดา จึงไม่มีเวลาที่จะสอนสั่งแม่ลูกสาวคนนี้เลยจริง ๆ ขอท่านโปรดอภัยด้วยเถิด!”
มู่หรงป๋อกล่าวพลางยิ้ม “ข้าไม่ถือโทษโกรธท่านหรอก! แต่ท่านข้าหลวงเป็นคนห ลักแหลมรู้การควรการไม่ควร เช่นนั้นจงอย่าคิดทําการใดให้ข้าเดือดร้อนเช่นนี้ก็เป็นพอ!”
ข้าหลวงหยิงตกใจจนเหงื่อโซมกายเมื่อรู้ว่าตัวเขาปล่อยให้ลูกสาวตนออกมาก่อ ปัญหาให้รัฐทายาทขุ่นเคืองใจเสียแล้ว
เขานึกกล่าวโทษที่ตนจะเผลอทําเรื่องไม่ดีและปล่อยให้ลูกสาวที่ยังไม่ออกเรือน ปรากฏตัวขึ้นแทนที่จะกล่าวโทษปมปัญหานี้กับผู้เป็นลูกสาว
ทั้งหมดทั้งมวลก็เป็นเพราะความไม่รู้เรื่องรู้ราวของลูกสาวผู้นี้ ไม่มีใครเรียนรู้เรื่อง มารยาทเสียด้วยซ้ํา ป่านนี้เขาคงถูกรัฐทายาทไม่ชอบหน้าแล้วกระมัง
อย่างไรเสียตําหนินางไปก็เท่านั้น รัฐทายาทเองก็ได้ตักเตือนเขาซ้ําแล้วซ้ําเล่า หากราดน้ํามันเข้ากองไฟยามนี้ก็เกรงว่าทุกอย่างจะกลับตาลปัตร
“ข้าหลวงหยิง งานเลี้ยงนี้ทําให้ทุกคนรู้จักเรา ขออย่าได้มีเรื่องขุ่นข้องหมองใจต่อกันอีกในอนาคตเลย ช่างมันเสียเถิด… แต่ถือว่าข้าได้เตือนท่านแล้วนะท่านข้าหลวง!”
“หากท่านทําให้รัฐทายาทขุ่นเคือง อย่างมากท่านก็โดนเพียงตําหนิ แต่จงอย่าระ รานแม่นางผู้นั้นเชียว มิฉะนั้นทุกคนที่อวหยางคงไม่ปล่อยท่านไปแน่… ทางที่ดีท่านจงบอกค่นี้แก่ฮูหยินของท่านด้วย”
“ท่านรัฐทายาทมองลูกเมียข้าผิดไป… พวกนางล้วนทําไปด้วยเจตนาดีต่อท่านทั้ง นั้น หากแต่จะเชื่อหรือไม่ก็ขอเป็นพิจารณาของท่านเถิด!”
หลังจากมู่หรงป้อกล่าวเสร็จแล้วเขาก็ลุกพรวดแล้วเดินจากไป
แน่นอนว่าหยังฮูหยินไม่จําเป็นต้องให้ผู้เป็นสามียาเตือนประเด็นเมื่อครู่นี้อีกหลัง จากที่ได้ยินกับตัวแล้ว
เมื่อม่หรงป๋อจากไปแล้วนางก็รีบรุดไปหาผู้เป็นสามี “ท่านพี่… ข้าไม่รู้ว่าหญิงผู้นั้นเป็นใครท่านรัฐทายาทจึงให้ความสําคัญกับนางนัก!”
ข้าหลวงหยิ่งทอดถอนใจอย่างโล่งอก “เมียข้า… เจ้าอย่าหาว่าขาขลาดนักเลย! วิ ธีเข้าหาท่านรัฐทายาทของเจ้านั้นมันไม่เหมาะโดยสิ้นเชิงและไม่มีทางที่ลูกสาวทั้งสา มจะต้องตาเขาได้! บางครั้งท่านรัฐทายาทเองก็ดูมีท่าที่เคารพคุณชายหยุนเคอคนนั้น ด้วย”
“เราไม่อาจรู้เรื่องราวอะไรของพวกคนใหญ่คนโตพวกนั้นได้ อย่าได้รนหาที่เลย! เอ๊ะ! ต่อแต่นี้คงต้องให้หยิงเอ๋อเชื่อฟังฟ้าเสียแม้นางจะไม่เต็มใจก็ตาม! จงอย่าปล่อยให้นางออกมารบกวนท่านรัฐทายาทอีก!
หยังฮูหยินทําได้เพียงถอนใจใหญ่ “เอาเถิด! ข้าไม่อยากทําสิ่งอื่นใดแล้ว ส่วนเรื่องอิงเอ๋อพวกเราเองก็มีส่วนผิดที่ไม่อบรมสั่งสอนนางใน ข้าจะกลับไปตบตีสั่งสอนนางเสีย!”
มีเพียงหยุนเทียนเถียนเท่านั้นที่ดูรื่นเริงกับงานเลี้ยงเพราะมีคนที่สามารถพูดจาป ราศรัยกับนางได้ที่นี่ แม้หยางยู่หรงจะชอบมองนางด้วยดวงตาเป็นประกายพลางน้ําลายไหลทุกครั้งที่เห็นนางก็ตาม!
กระนั้นสตรีผู้นี้ก็น่าสนใจกว่าหญิงยุคโบราณที่ไม่เคยออกเรือนผู้นี้กว่าเป็นไหน
แม้หยุนเคอจะมีรูปลักษณ์ที่ดี กระนั้นเขาก็ไม่มีส่วนใดดูเตะตาเสียเลย อย่างน้อยตระกูลของข้าหลวงหญิงก็ไม่รู้สึกคุ้นหน้าค่าตาเขาจนราวกับหยุนเคอเป็นเพียงอากาศธาตุที่นั่งเงียบ ๆ ตรงมุมห้องคอยหยิบขนมสองสามอย่าง มาทานก่อนออกไปอย่าง ไม่มีใครทันรู้ตัว
ทว่าบุตรสาวคนที่สามของตระกูลข้าหลวงกลับเห็นการกระทําครั้งนี้ของเขาจนได้!
หยิ่งซื้อเอ่อเองก็ดูปกติสามัญ เทียบกับในบรรดาลูกสาวของข้าหลวงแล้ว นางไม่ ได้เก่งที่สุดและไม่ได้ต้อยที่สุดแน่นอน
บรรดาลูกสาวต่างจอ้าวไปดูรัฐทายาทให้เห็นกับตา เว้นแต่หยิงซื่อเอ่อเท่านั้นที่ เมินเฉยและมุ่งสนใจชายซ่อนแอบตรงมุมพลางนั่งกินโดยไม่พูดอะไรสักคํา
จนกระทั่งหยุนเคอที่ปลีกตัวเงียบนั่งทานอาหารก็ปรากฏแก่สายตา
กริยาท่าทางเย็นชานั้นก็ดึงดูดนางในบัดดล