สามีข้า คือพรานป่า - ตอนที่ 318 ผู้มาเยือน
ตอนที่ 318 ผู้มาเยือน
หยุนเถียนเถียนครุ่นคิดไม่ตกเกี่ยวกับเรื่องที่จ้าวเมืองหลงเตือนนางไม่คิดว่าหยุนเคอจําเป็นต้องหลอกใช้นางเพื่อผลประโยชน์หรอก! ไม่ว่าจะเป็นธิดาขององค์จักรพรรดิหรือท่านอ๋องอวหยาง นางก็เป็นเพียงลูกน้องสมรสเท่านั้น!
หากหยุนเคอต้องการหลอกใช้นางจริง เขาคงไม่แสร้งว่าเสน่หานาง! ตั้งแต่หยุนเถียนเถียนรู้จักกับเขามา นางรู้ดีว่าเขาไม่มีทางหักหลังนาง มิเช่นนั้นเขาคงไม่ตามใจนางถึงเพียงนี้!
ครานี้จ้าวเมืองหลงเดินหมากผิดแล้วล่ะ!
เมื่อสังเกตเห็นว่าหญิงสาวตรงหน้านิ่งเงียบจนผิดปกติ จ้าวเมืองหลงจึงรีบอธิบายทันที “สาวน้อย ข้าทําอะไรให้เจ้าขุ่นเคืองหรือ? ข้ารามือจากเรื่องการเมืองนานหลายปีแล้ว ข้าจึงไม่รู้ความเคลื่อนไหวของพวกเขา! เรื่องนี้เจ้ารู้ดีอยู่แก่ใจ!”
“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ไว้ใจใครง่าย ๆ ซึ่งนั่นถือเป็นเรื่องดี! ตอนนี้เจ้ารู้จุดประสงค์ของข้าแล้ว ข้าคงไม่พูดอะไรไปมากกว่านี้แล้วล่ะ!”
หยุนเถียนเถียนกล่าวด้วยความซาบซึ้ง “ไม่ใช่อย่างนั้นนะเจ้าคะ! ข้ารู้ดีว่าท่านหวังดีต่อข้า!”
จ้าวเมืองหลงเดินจากไปขณะที่ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ใด! ส่วนหยุนเกียนเถียนไม่กล้าเผชิญหน้าโต้เถียงกับผู้ที่คอยดูแลนางมาตลอด!
แรกเริ่มเดิมที่นางเป็นเพียงเด็กสาวชาวนาตัวเล็ก ๆ เขาจึงไม่มายุ่งวุ่นวายและใช้ประโยชน์จากตัวของนางเนื่องจากนางมีสถานะเป็นเพียงคนธรรมดา แต่หากหยุนเถียนเถียนไปแสดงสถานะที่แท้จริงของตนที่เมืองหลวงในตอนนี้ก็ไม่สามารถฟื้นฟูอํานาจของเขาได้อยู่ดีถ้าอย่างนั้นจ้าวเมืองหลงต้องการอะไรกันแน่?
ในขณะเดียวกัน หยุนเกียนเถียนก็รู้สึกงนงงว่าจ้าวเมืองหลงดูไม่เหมือนคนไร้ความสามารถ แต่เหตุใดหยุนจึงเอ่อซึ่งอาศัยอยู่ไม่ไกลถึงไม่เคยพบเจอเขาเลย? เป็นไปได้หรือไม่ว่าจ้าวเมืองหลงเฝ้าดูนางอยู่ห่างๆ มาตลอด? นี่มันน่าเศร้าเกินไปแล้ว!
หยุนเถียนเถียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฉับพลันหญิงสาวในชุดสีน้ําเงินก็ปรากฏขึ้นตรงหน้านางก่อนโค้งคํานับ!
“บ่าวมาอารักขาองค์หญิงเจ้าค่ะ!”
หยุนเถียนเถียนสะดุ้งตัวโยนด้วยความตกใจ “เจ้าเป็นใคร? ที่นี่ไม่มีองค์หญิงอาศัยอยู่ อย่าเอะอะโวยวายไปมิฉะนั้นเจ้าจะถูกท่านอ๋องกล่าวโทษได้!”
หญิงชุดดําก้มศีรษะลงพร้อมเอ่ยตอบโดยไม่แสดงอารมณ์ใด “เจ้าค่ะ! นายหญิงหยุน!”
“ท่านอ๋องรุ่ยส่งบ่าวมาปกป้องนายหญิงหยุน! อย่าได้กังวลใจไปเจ้าค่ะ นับจากนี้ไปบ่าวจะฟังเพียงแต่ค่าสังของท่าน! ท่านคือเจ้านายของบ่าวแล้วเจ้าค่ะ!”
หยุนเถียนเถียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าภายในใจหยุนเคอรู้สึกเป็นห่วงนางจากใจจริง แต่ขณะเดียวกันก็เกรงว่าจะปกป้องเกินไปจนทําให้อึดอัดใจ ดังนั้นเขาจึงสั่งให้ลูกน้องมาปกป้องหากนางต้องเผชิญกับอันตราย!
“ข้าอาศัยอยู่ในเมืองเล็ก ๆ ไม่มีพิษภัยใดดังนั้นข้าจึงไม่ต้องการคนอารักขาหรอกเอาอย่างนี้… เจ้ากลับไปอารักขาท่านอ๋องตามเดิมดีหรือไม่?”
หญิงชุดดํากล่าวตอบด้วยความเคารพ “บ่าวมีนามว่าเช่นสิง ข้าถูกฝึกฝนมาเช่นเดียวกับจิ๋นเหยียน! หากนายหญิงหยุนไม่ต้องการให้บ่าวอารักขา ข้าเกรงว่าท่านอ๋องก็จะไม่ให้บ่าวกลับไปเช่นกันเจ้าค่ะ! ท่านอ๋องไม่ทรงโปรดคนไร้ประโยชน์อีกทั้งบ่าวไม่อยากทนทุกข์อยู่ในถิ่นทุรกันดำรงอยากขอให้นายหญิงเมตตาด้วยเจ้าค่ะ!”
หยุนเถียนเถียนขมวดคิ้วแน่น นี่ข้ากําลังไล่ให้เป็ดขึ้นคอน หรือ? แต่ดูเหมือนว่านางจะเป็นคนที่มีบุคลิกเคร่งขรึม และเนื่องจากได้รับการฝึกฝนอย่างหนักนางต้องมีความสามารถอยู่บ้างเป็นแน่! คงเป็นการดีหากเก็บนางไว้ใกล้ตัว!”
เมื่อคิดเช่นนั้น หยุนเถียนเถียนจึงหยักหน้าพร้อมกล่าวว่า “เอาล่ะ ถ้าเป็นตามที่เจ้าพูดข้าจะอนุญาตให้เจ้าอารักขาอยู่ข้างกายและเมื่ออยู่ต่อหน้าข้าอย่าเรียกแทนตนเองว่าบ่าวเด็ดขาด! อ้อ…ใครเป็นคนตั้งชื่อเป็นสิ่งให้เจ้าหรือ?”
เป็นสิ่งเผยท่าทีและลังเลราวกับที่มาของชื่อนั้นน่าอับอายยิ่ง! นี่เป็นครั้งแรกที่หยุนเกียนเตียน เห็นว่าหญิงชุดดําผู้นี้แสดงความรู้สึกออกมา!
“ข้าไม่รู้ที่มาแน่ชัดนักเจ้าค่ะรู้เพียงแค่ตั้งแต่เด็ก ๆ จนเหยียนมักพูดเป็นต่อยหอย ท่านอ๋องจึงตั้งชื่อเขาว่าจิ๋นเหยียนส่วนบ่าว…ขออภัยเจ้าค่ะ ข้ามีนิสัยหุนหันพลันแล่นดังนั้นท่านอ๋องจึงตั้งชื่อให้ข้าว่าเช่นสิ่งเจ้าค่ะ!”
หยุนเถียนเถียนไม่อยากจะเชื่อว่าหญิงสาวผู้เย็นชาตรงหน้านางจะมีนิสัยหุนหันพลันแล่น แต่หากให้พูดตามตรงนางรู้สึกว่าชื่อที่หยุนเคอตั้งให้นางออกจะแปลกประประหลาดไปเสียหน่อย!
“เอาล่ะ! หากมีเจ้าตามไปด้วยเวลาที่ข้าออกไปจัดการธุระด้านนอกก็พออุ่นใจขึ้นบ้าง! เชิ่นสิง…ภายในอีกสองวันข้าจะเดินทางไปที่ฝูเจ๊งเพื่อพบปะหลี่ซื่อฮวาและเจ้าต้องไปกับข้าด้วย!”
เช่นสิงเอ่ยตอบด้วยน้ําเสียงเย็นชา “เจ้าค่ะ!”
เมื่อเฉินเฉินกลับจวน เขาจึงพบว่ามีคนแปลกหน้าสองคนอยู่ภายในบ้าน แม้จะเกิดความสงสัยอยู่บ้างทว่าเฉินเฉินก็ไม่ได้เอ่ยถามเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก เพราะเขารู้ดีว่าหยุนเคอเป็นห่วงพี่สาวของตนมากเพียงใด แต่เนื่องจากตนยังเด็กจึงไม่กล้ามีปากเสียง! ดังนั้นเขาจึงนิ่งเงียบเมื่อรู้เรื่อง
ว่ากันว่าแม่ม่ายเยวและสื่อโถวเป็นผู้ที่รู้ความเคลื่อนไหวทุกอย่างภายในบ้าน!
แม่บ้านเยวรับรู้ถึงการมาถึงและรู้ว่าทั้งสองคนนี้เป็นผู้มีวิทยายุทธ์ แต่นางไม่รู้ว่าวิทยายุทธ์ของทั้งสองนั้นแก่กล้าเพียงใดจึงไม่กล้าเอ่ยปากถาม!
เมื่อรู้เช่นนั้น แม่ม่ายเยวจึงรู้สึกว่าตนเลือกเจ้านายไม่ผิด อีกทั้งเจ้านายยังส่งเสริมให้ลูกชายของนางมีอนาคตไกลอีกด้วย!
การเป็นแม่ม่ายนั้นลําบากเหลือหลาย ทว่าในชีวิตอันยากล่าบากนี้นางได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมายโดยเฉพาะการจดจําใบหน้าบุคคล เนื่องจากนางมีความจําที่แม่นยํายิ่ง!
แม้หยุนเถียนเถียนจะถูกใจคนรับใช้คนใหม่ แต่แม่ม่ายเยว่ก็ไม่กล้าแสดงความไม่พอใจใดๆ ออกมาเพราะนางรู้ดีว่าหยุนเถียนเถียนไม่สนใจว่านางจะมีสถานะเป็นแม่ม่ายไม่ทอดทิ้ง และ เมตตาต่อนางเป็นพิเศษ! ดังนั้นสมควรแล้วที่หยุนเถียนเถียนจะมีสาวใช้ผู้เก่งกาจอยู่ข้างกาย!
แม่ม่ายเยวตระเตรียมเสื้อผ้าให้สาวใช้คนใหม่อย่างอบอุ่น เมื่อเป็นสิ่งเห็นเช่นนั้น นางจึงนิ่งอึ้งด้วยความซาบซึ้งอยู่ครู่หนึ่งเนื่องจากนางไม่ได้รับการดูแลเช่นนี้มานานแล้ว!
“ท่านน้าเยว่ คืนนี้ท่านทําอาหารมาเยอะ ๆ เลยนะ! เรือนของเรามีสมาชิกเข้ามาใหม่ ดังนั้นข้าต้องดูแลนางให้ดีที่สุด! เชิ่นสิง… คิดเสียว่าที่นี่เป็นบ้านของเจ้าอย่าได้เกรงใจเลย!”
เป็นสิ่งกล่าวขอบคุณด้วยความสุภาพ “ขอบพระคุณเจ้าค่ะนายหญิง!”
หยุนเวียนเถียนเหยียดยิ้ม ในภายภาคหน้านางจะต้องออกไปจัดการธุระนอกเรือน การอบรมให้สาวใช้รู้กฎเกณฑ์ภายในเรือนถือเป็นสิ่งที่ดี!
เดิมที่ภายในสองวันนี้หยุนเกียนเถียนวางแผนไปที่ฝูเฉิงเพื่อพบปะกับหลี่ซื่อฮวาเพื่อสอบถามความคืบหน้าของธุรกิจและถามความสนใจว่าเขาต้องการลงทุนในธุรกิจอื่นอีกหรือไม่! เนื่องจากนางรู้ดีว่าในยุคนี้ผู้หญิงยังไม่เป็นที่ยอมรับในฐานะเจ้าของร้านมากนัก ดังนั้นนางจึงมอบให้หลี่ซื้อ ฮวาเป็นคนจัดการธุรกิจแทน!
หลี่ซื่อฮวาเป็นคนมีนิสัยชอบจีจี้ ทว่าเขาเก่งกาจด้านการค้า ดังนั้นหยุนเถียนเถียนจึงวางใจที่จะร่วมลงทุนกับเขา แม้เดิมทีหลี่ซื่อฮวาจะเป็นตัวเลือกท้าย ๆ ที่นางจะลงทุนด้วยก็ตามแต่ตอนนี้ หยุนเวียนเถียนกลับดีใจที่ได้ร่วมงานกับเขา!
*ไล่ให้เป็ดขึ้นคอน หมายถึง การบีบให้ทําเรื่องที่ความสามารถไม่ถึง