สามีข้า คือพรานป่า - ตอนที่ 312 เหตุการณ์ที่พ้นผ่าน
ตอนที่ 312 เหตุการณ์ที่พ้นผ่าน
“องค์ชายกับองค์หญิงไม่ได้มีส่วนข้องเกี่ยวกับที่ว่าการอําเภอมิใช่หรือ? เราควรให้ใครสักคนมาแจงความสัมพันธ์ให้กระจ่างหรือไม่?”
หยุนเคอส่ายศีรษะด้วยท่าที่เย็นชา “ช่างเรื่องนั้นเถอะ! ตอนนี้องค์หญิงมาพํานักอยู่ที่นี้ เรา เลยยังเปิดเผยตัวตนของเราไม่ได้ ว่าแต่วันนี้เจ้าจะอยู่ที่นี่จริงหรือ? เจ้าทําให้คนพวกนั้นพ่ายกลับ ไปได้อย่างไรกัน? พวกคนที่บุกรุกเข้ามาน่ะหรือ?”
เขาเอ่ยพร้อมใบหน้าขมขึ้น “องค์ชาย มีเหตุผลสักหน่อยเถิด! พวกบริวารจะคาดคิดถึงได้ อย่างไรว่าปัญญาชนเช่นนั้นจะกล้ากระทําการขายหน้าเช่นนี้? เรื่องก็มีอยู่เท่านี้ ใต้เท้า เหตุการณ์ คับขันเพียงนี้ท่านก็ยังนิ่งเฉย ถึงขั้นกําชับไม่ให้เปิดเผยตัวตนของท่านจนกว่าจะถึงเวลาจําเป็น มี เพียงองค์หญิงที่รู้ เช่นนั้นองค์หญิงจําต้องรับมือเพียงลําพังหรือ? มันเป็นหน้าที่ของพวก บริวาร… ที่ต้องทํานี่”
น้ําเสียงที่พูดออกมามีแต่จะเงียบและอ่อยลงเรื่อย ๆ
สีหน้าหยุนเคอเคร่งเครียดอย่างคิดไม่ตก อีกฝ่ายค่อย ๆ มองหน้าองค์ชายด้วยกลัวว่าจะมี เรื่องผิดพลาดเกิดขึ้นให้องค์ชายตําหนิ
“องค์หญิงได้บอกอะไรบ้างหรือไม่?”
หยุนเคอถอนหายใจยาว “เจ้าบอกว่าแม่นางคนนี้ทําผิด ท่านไม่ควรด่วนสรุปเมื่อได้เห็นฮ่องเต้ มิใช่หรือ? ทําไมองค์หญิงถึงยังเฉยชาและไม่นึกสนใจเลยเล่า?”
จีนเหยียนที่อยู่ด้านข้างขานรับอย่างระมัดระวัง “เดิมที่องค์หญิงก็แตกต่างจากหญิงสาวทั่วไป อยู่แล้ว ทั้งตอนที่นางทําผิด องค์ชายก็ไม่ได้อยู่ข้างกายนาง แล้วมีประโยชน์อันใดจะมาโวยวาย ยามนี้เล่า?”
หยุนเคอชะงักไปเล็กน้อยก่อนเผยยิ้มขมขึ้น “องค์หญิงของเจ้าคงกลัวว่าเขาจะไม่เป็นที่ต้อง พระทัยของฮ่องเต้กระมัง จักรพรรดิองค์นี้ไม่ได้อยู่ข้างนางเพราะมีเรื่องจําเป็นบางอย่างองค์หญิง เองก็เป็นคนเฉลียวฉลาดแล้วนางก็เข้าใจเรื่องนี้ดี”
“องค์ชาย ข้าน้อยไม่เห็นด้วย! แม่นางคนนี้เป็นตัวปัญหาทั้งยังไม่มีเหตุผลสักนิด! หากท่าน ต้องการหาเหตุผลกับนางจริง ๆ ก็ยอมแพ้เสียเถอะ! องค์หญิงเฉลียวฉลาดและมีเหตุผล นับว่า แข็งแกร่งกว่าชายชาตรีทั่วไปอย่างแท้จริง หากแต่นางก็ยังเป็นสตรีอยู่วันยังค่ํา!”
“หากท่านไม่มีใครที่ต้องใจอย่างเมื่อก่อนก็ไม่เป็นไร แต่บัดนี้องค์ชายอยู่เคียงข้างองค์หญิง ความไม่พอใจทั้งหลายจะตกลงมาที่องค์ชาย หากเป็นแม่นางทั่วไปที่คอยมอบความสําราญให้ องค์ชายชั่วครั้งชั่วคราวก็ยังพอทําเนา แต่มันไม่ใช่เรื่องที่พูดกันง่าย ๆ สําหรับองค์หญิงเลย”
“องค์หญิงมักจะออกปฏิบัติราชกิจพร้อมจางชิงเฟิง หลี่ซื่อฮวา และคนสนิทของนาง แต่ไม่ใช่ องค์ชายที่ไม่มีรัศมีของความเป็นองค์ชายเลย โดยส่วนตัวแล้วข้าน้อยเกรงว่าองค์ชายจะรักษา องค์หญิงไว้ข้างกายไม่ได้ ไม่เช่นนั้นเหตุใดขุนนางถึงรักษาสาวงามไว้ไม่ได้เล่า? ช่างตาถั่วเสียจ ริง!”
หยุนเคอขมวดคิ้วมุ่น ดูเหมือนว่าที่ว่ามาจะมีส่วนจริงอยู่ ข้าคงต้องโทษตัวเองที่มั่นใจมากเกิน ไปหน่อย และปล่อยให้จางชิงเฟิงเด่นเกินหน้าเกินตาเช่นนี้ มันยังไม่สายเกินไปและข้าเองก็หลง รักนางมานาน!
ส่วนใบหน้าของจางชิงเฟิงอบอุ่นปนเย็นชาเล็กน้อย ทว่าหยุนเคอไม่ได้สังเกต ด้วยอารมณ์ ของเขาตอนนี้ไม่คิดจะมองผู้ใดในสายตาอีกต่อไป
หรือในสายตาของหยุนเถียนเถียนเขาจะเป็นเพียงคนขี้ขลาดตาขาวที่แสนเย่อหยิ่ง ในขณะที่ เป็นคนเย็นชาไม่มีใครเปรียบด้วยสีหน้าเฉยเมยสําหรับผู้คนภายนอกกันนะ
หยุนเคอครุ่นคิดอยู่นาน ก่อนในที่สุดจะโพล่งออกมาอย่างทนไม่ไหวอีกต่อไป
“เจ้าไปหาเวลาสั่งให้คนของเรามาที่ลานนี้เอาใครสักคนที่หัวดีสักหน่อย นอบน้อมต่อองค์ หญิง แต่จําเอาไว้ให้ดีว่าห้ามชายใดเข้าใกล้องค์หญิงเด็ดขาด!”
ข้าเห็นว่ามุมปากของเขากระตุกยิ้มหากแต่ก็เห็นด้วยกับอีกฝ่าย ก่อนจะขานรับออกไป “ขอรับ! เช่นนั้นข้าน้อยขอตัว”
หยุนเคอวางแผนทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้วจึงนึกโล่งใจ
ก่อนจากไปเขาได้ฝากคําพูดหนึ่งเอาไว้ “องค์ชาย ต่อให้องค์หญิงแข็งแกร่งแต่ท่านก็ต้องอยู่ เคียงข้างนางด้วยนะขอรับ หากครั้งนี้ท่านไม่ทําเช่นนั้นแล้วปล่อยให้ชายอื่นมาแทนที่ท่าน ไม่แน่ องค์หญิงอาจคิดแต่งงานใหม่พรุ่งนี้ก็เป็นได้นะขอรับ!”
ครั้นหยุนเคอได้ยินเช่นนั้น ความไม่พอใจก็เริ่มก่อตัวขึ้นในใจก่อนเตะอีกฝ่ายอย่างหัวเสีย
เดี๋ยวข้าน้อยก็จะไปแล้วขอรับ! หยุนเคอจึงคลายความโกรธหลังอีกฝ่ายยอมสงบปากสงบค่า ก่อนเดินหนีออกมา เขายังคงไม่ลืมหรอกนะว่าเจ้าจางชิงเฟิงยังอยู่ในที่ว่าการ
เจ้าหน้าที่ว่าการเดินเข้ามาขณะที่หยุนเถียนเถียนกําลังโกรธหนัก ตามมาด้วยหลงเยว่ อีกฝ่าย ส่งยิ้มที่ดราวกับว่าเจ้าตัวมิใช่อันธพาลแม้แต่น้อยมาให้นาง
แต่ถึงอย่างไรชายผู้นี้ก็ยังถือว่าโหดร้าย เป็นคนเถื่อนโดยแท้
“แม่นางหยุน ไม่ได้พบกันมาตั้งนาน”
หยุนเถียนเถียนลุกขึ้นต้อนรับก่อนโค้งทําความเคารพเขาอย่างนอบน้อม
“เราไม่ได้พบกันมาตั้งนานเลย แล้วช่วงนี้ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
คู่สนทนายักไหล่ด้วยท่าที่สบายอกสบายใจ “ข้าอายุมากแล้ว แค่มีชีวิตอยู่ได้ก็วิเศษมากแล้วละ
“ท่านพูดไร้สาระอันใดกัน? จะนับว่าแก่ได้อย่างไร ได้ข่าวว่าท่านเพิ่งแต่งภรรยาอายุยังน้อย เข้าบ้านมิใช่หรือ เช่นนี้จะเรียกว่าแก่ได้อีกหรือ?”
หลงเยว่ไม่ถือสากับการหยอกล้อเล็กน้อยนั้น เขาเงยหน้าขึ้นก่อนหัวเราะเบา ๆ “ข้าแค่พูดเล่น เท่านั้น ข้าเองก็ไม่อยากหาปัญหาใส่ตัวนักหรอก แค่ได้เดินทางไปทั่วเผื่อจะมีโอกาสได้พบแม่ นางหยุนก็พอแล้ว”
“แม่นางหยุนนี่หน้าตาถอดแบบมารดามาเลยนะ ว่าไหม ต่อให้ปีนี้นางไม่อยากเรียนรู้บทเรียนชี้ วิต นางก็ต้องพบเจอกับเรื่องพรรค์นี้ในสักวันหนึ่ง หน้าตาเช่นนี้ใคร ๆ ก็มองออกตั้งแต่คราแรกพบ เลยมีคนมากมายที่จํานางได้”
หยุนเสียนเถียนนึกลังเล ไม่ว่าชีวิตของนางจะสับสนวุ่นวายเพียงไหน มันก็เป็นเพียงเรื่องดีงาม เล็ก ๆ ในอดีต แต่บัดนี้นางคือหยุนเถียนเถียนที่มียังชีวิตอยู่ นางไม่คิดสนใจเรื่องในอดีตแต่อย่าง ใด!
หากแต่สิ่งที่หลงเย่ว์กล่าวมาก็เป็นเรื่องจริง ผู้ที่เห็นใบหน้าของนางต่างก็รู้ความสัมพันธ์ของ นางกับหยุนจึงเอ่อ คนที่รู้จักหยุนจึงเอ่อคงหาตัวนางพบได้ไม่ช้าก็เร็ว ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบ ครัวหรือศัตรูก็ตาม
แทนที่จะรอให้คนมาโจมตียามที่ตนเองยังตั้งหลักไม่ได้ มิสู้เรียนรู้ทุกอย่างล่วงหน้าเสียดีกว่า! นางไม่อาจรู้ได้ถึงอนาคต และแยกไม่ออกว่าใครเป็นญาติหรือคู่ปรปักษ์ด้วยซ้ํา
“หลงเย่ว์ หากท่านรู้อะไรได้โปรดบอกข้าเถิด! ข้าไม่อยากรอจนมีคนมาจ่อถึงหน้าประตูในภาย ภาคหน้า ข้าไม่อาจแยกแยะระหว่างศัตรูกับมิตรสหายได้ด้วยซ้ํา
หลงเย่วเผยยิ้มและพยักหน้ารับ ใบหน้าฉายแววเมตตาตามประสาผู้อาวุโส
“ดีแล้วที่เจ้าคิดเช่นนี้ อันที่จริงแล้วข้าเองก็ไม่รู้เรื่องมากนักหรอก และข้าก็ไม่รู้ว่าพ่อของเจ้า เป็นใครด้วย”
หยุนเกียนเถียนสั่งให้คนมารินชาให้อีกฝ่ายก่อนบอกให้ถอยออกไป
หลงเย่ว์เริ่มเล่าเรื่องราวในอดีตหลังยกชาขึ้นดื่มให้ชุ่มคอ
“เมื่อก่อนข้าเป็นองค์รักษ์ที่พระราชวังอวหยาง ข้าเป็นคนโปรดขององค์ชายและได้เป็นผู้ ติดตามส่วนพระองค์ขององค์ชาย องค์ชายเคยพบกับหยุนจึงเอ่อ น้องสาวของเสนาหยุนโดย บังเอิญระหว่างงานเลี้ยง เรื่องราวมันก็เลยเริ่มมาจากตอนนั้น”
“มันคืองานเลี้ยงชมบุปผาที่องค์ไทเฮาจัดขึ้น ผู้มีความสามารถหนุ่มสาวในเมืองมากมายที่ยัง ไม่แต่งงานต่างก็พากันเข้าร่วมงาน แม้องค์ชายอวหยางจะไม่เต็มใจอยู่บ้างแต่เขาก็ทําได้เพียง เข้าร่วมงานเพราะเห็นแก่องค์ไทเฮา”