สามีข้า คือพรานป่า - ตอนที่ 311 ความคับข้องใจ
ตอนที่ 311 ความคับข้องใจ
เมื่อจางชิงเฟิงจากไป ใจของจินเฮ่าก็ร่วงไปอยู่เบื้องล่าง!
เขาได้ตั้งตัวเป็นอริกับเฉียนไหลเป๋าเสียแล้ว และคิดว่าตนคงจะไม่ได้จะได้มีชีวิตสงบอีก เฉียนไหลเป๋าไร้สิ้นหนทางจึงจิตใจคับแคบเช่นนี้ ความเกลียดชังเพียงน้อยนิดก็สามารถทําให้เขาจดจําไปชั่วชีวิต!
แน่นอนว่าด้านเฉียนไหลเป๋าเองก็ไม่ได้สนใจสภาพของตนเองเช่นกัน ความเจ็บปวดบริเวณกันยังไม่หายไป สองเท้าเดินขากะเผลกไม่มั่นคง ด้วยหวังเลี่ยงการกระทบกระเทือนบริเวณที่เจ็บปวดให้ได้มากที่สุด ก่อนจะนั่งลงด้วยท่าที่เก้ ๆ กัง ๆ เกินบรรยาย
“จินเฮ่า! เจ้าเล่ห์นักนะ เจ้าใช้คุณชายผู้นี้เป็นเครื่องมือสินะ! เจ้าเองก็มีพลังมากมาย เหตุใดจึงไม่ขึ้นสวรรค์ไปเล่า? บัดนี้เจ้าก็เห็นชัดแล้วว่าแม้จางชิงเฟิงจะเกลียดเขา แต่เขาก็ไม่ได้น่ารังเกียจเลย! มีแต่เจ้า จินเฮ่า… คุณชายผู้นี้จะจ่าหน้าเจ้าไว้!”
“ยามที่เจ้าเข้ามาที่ที่ว่าการอ่าเภอแห่งนี้ ไม่มีใครนึกถึงการสอบจอหงวนแม้แต่น้อย! ข้ามีทายาทของตนที่คอยสนับสนุนข้าอยู่ แล้วเจ้าล่ะ? เจ้าไม่รู้หรืออย่างไรว่าพึ่งพาอะไรอยู่ แต่ถึงอย่างไรเราก็ไม่จําเป็นต้องสอบจอหงวนอยู่แล้ว ข้ายังมีเวลาอีกมาก และข้าจะสอนให้เจ้ารู้ว่าคนเรามันเป็นอย่างไร!”
เฉียนไหลเป่ามารออยู่หน้าทางเข้าด้วยใบหน้าบูดบึง ต่อให้เจ้าหน้าที่ทางการมาไล่เขาออกไปก็ต้องได้เห็นจินเฮ่าจัดการให้เสร็จสิ้นกับตาตนเอง
กลางสวนด้านหลังที่อยู่ไม่ห่างออกไป หยุนเถียนเถียนนั่งบนเก้าอี้ด้วยท่าทีสงบ ขณะฟังผู้คนรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นบริเวณทางเข้า นางอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มมุมปากขึ้นมา
“คุณชายจาง ตอนนี้ท่านคงเข้าใจแล้วใช่หรือไม่ว่าเหตุใดข้าจึงควรเป็นมิตรกับเฉียนไหลเป๋าเอาไว้?”
จางชิงเฟิงพยักหน้าอย่างครุ่นคิด “จินเฮ่าเป็นคนชั่วร้ายโดยแท้ บัดนี้เส้นทางสู่การสอบจอหงวนนั้นได้พังทลายลง แต่เขากลับโทษว่าทั้งหมดเป็นความผิดของเรา เอาแต่หาเรื่องจะมาใส่ความเราสารพัด แต่เรากลับกําจัดไม่ได้เลยสักครั้ง!”
“เฉียนไหลเป๋าเองก็เป็นคนไม่สนโลกพรรค์เดียวกัน ทั้งจิตใจยังเต็มไปด้วยความเกลียดชังเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น หลังจากนี้เขาคงระวังตัวแจ ในเมื่อเรารู้ว่ารับมือกับมันไม่ได้ก็จะจดจําความพยาบาททั้งหมดนั้นเอาไว้ เป็นเพราะเจ้าจินเฮา! เขาเป็นคนยุยงให้เขาทําเช่นนั้น เราต้องถูกเฉียนไหลเป๋าตามล้างแค้นแน่!”
“เช่นนั้นแล้ว จินเฮ่าคงกลัวว่าเขาจะไม่มีเวลามาก่อกวนพวกเราอีก แค่เฉียนไหลเป๋าก็เพียงพอจะทําให้ในชีวิตนี้เขาไม่มีเวลาไปท่าอะไรแล้ว”
หยุนเถียนเถียนทอดถอนใจครั้นได้ยินเสียงดังนั้น “ข้าไม่รู้ก่อนว่าปัญญาชนเช่นท่านจะคิดไปได้ไกลเพียงนั้น ข้าเพียงแค่ไม่ต้องการเป็นศัตรูกับเฉียนไหลเป๋าเท่านั้น หากเขาไม่ได้เป็นคนที่ชั่วร้ายมากนักก็ปล่อยเขาไปเถอะ!”
จางชิงเฟิงยกยิ้มจาง ๆ หากเมื่อก่อนเขารู้จักหญิงสาวที่มีความคิดเช่นนี้ก็อาจจะนึกเห็นด้วยอย่างหมดใจ แต่บัดนี้ความคิดของเขาก็เปลี่ยนไป เมื่อรู้ว่าสาวน้อยเถียนเถียนคนนี้ต่างจากหญิงสาวทั่วไป นางเจ้าเล่ห์อย่างกับจิ้งจอกก็ไม่ปาน!
ในที่สุดหยุนเคอก็กลับมา ผู้คนบริเวณจวนตระกูลหยุนรีบบอกเขาว่าเกิดอะไรขึ้น ความเจ็บปวดพลันปรากฏขึ้นในใจของเขา เขาไม่คาดคิดว่าเหตุการณ์รุนแรงเช่นนี้จะเกิดขึ้นยามที่เขาไม่อยู่เพียงครู่เดียว
ข้าไม่อาจคาดคิดได้เลยว่าหากแผนการสมคบคิดของทั้งสองคนสําเร็จขึ้นมาจริง ยามที่ข้ากลับมาจะต้องเผชิญกับสถานการณ์ใดบ้าง?
หยุนเคอไม่สนใจสิ่งใด เขาวิ่งตรงเข้าไปในที่ว่าการ ไม่มีเวลาแม้แต่จะบอกให้กับพนักงานต้อนรับรู้ เขามุ่งตรงผ่านกําแพงก่อนเข้ามาถึงสวนด้านหลัง
หญิงสาวท่าทีเฉยเมยในชุดไม่คุ้นตานั่งอยู่บนเก้าอี้ พร้อมสาวรับใช้ที่ยืนประกบทั้งสองข้างอย่างกับดอกไม้ที่ล้อมรอบด้วยใบไม้สีเขียว
ในที่สุดหยุนเคอก็มาถึงเสียที หยุนเถียนเถียนรู้สึกผิดขึ้นในทันใด แต่ต่อให้ดวงตาของนางจะแดงเรื่อ นางก็ยังคงฝืนตัวเองให้นิ่งเฉยเข้าไว้ ก่อนมองไปทางเขาอย่างเฉยชา
เดิมที่นางเองก็มีความลับซ่อนไว้ในใจเช่นเดียวกับหยุนเคอ เพียงแค่ช่วงนี้เขาไม่ค่อยได้กลับมาทั้งวัน จนในที่สุดก็ทําให้นางระเบิดออกมา!
ในอีกทางหนึ่งเรียกได้ว่าหยุนเคอกับนางนั้นเหมาะสมกันอย่างยิ่ง คนสองคนที่มีโลกส่วนตัวเป็นของตัวเอง และนางก็ไม่รู้ว่าโลกแปลก ๆ สองใบนั้นไม่อาจหลอมรวมเข้าด้วยกันได้ จนกระทั่งเกิดเหตุเช่นนี้ขึ้น เช่นเดียวกับหยุนเคอที่จะกลับมาทุกคืนแต่เขากลับมีแต่ความไม่มั่นคงปลอดภัยไม่มีที่สิ้นสุดมอบให้นาง!
ราวกับว่าหากจู่ ๆ คนผู้นี้หายตัวไปก็คงจะเป็นอีกครั้งที่ไร้เบาะแสตามตัว
แม้จางซึ่งเพิ่งจะรู้ว่าหยุนเถียนเถียนฉลาดรู้ทันคน หากแต่เขาก็รู้สึกมาตลอดว่าไม่ว่าผู้หญิงจะแข็งแกร่งเพียงไหนก็คงไม่ถือว่าเข้มแข็งอยู่ดี ข้าจึงจงใจอยู่เคียงข้างและพูดคุยเป็นเพื่อนด้วย หวังให้หยุนเถียนเถียนคลายกังวลลงบ้าง
กระทั่งหยุนเถียนเถียนมาถึง จางชิงเฟิงจึงเดินหลบออกไปพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน ปล่อยให้ทั้งสองมีได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน
หยุนเถียนเถียนอดเกลียดตัวเองขึ้นมาไม่ได้ นางเป็นหญิงแกร่งตอนที่เป็นตํารวจผู้พิทักษ์ประชา ไม่จําเป็นต้องป่าวประกาศให้ใครรู้ว่านางรู้สึกหรือเจ็บปวดอย่างไร หากแต่ก็ไม่มีใครทําให้นางทั้งคับข้องใจและนึกสเน่หาได้
แต่บัดนี้หยุนเถียนเถียนกลับรู้สึกเสียใจเกินบรรยายต่อหน้าหยุนเคอ และต้องการหาใครสักคนเป็นที่พึ่ง อย่างไรก็ตามเมื่อนึกถึงความอ่อนไหวของเขาในขณะนี้ นางก็ล้มเลิกความคิดไปอีกครั้ง
หยุนเคอเป็นกังวลมาก เขาหมายจะก้าวไปข้างหน้าแต่กลับพบกับใบหน้าเมินเฉยของหยุนเถียนเถียนที่ฉายแววออกมา พาให้เขาเสียศูนย์ไปครู่หนึ่ง
“เจ้า…เจ้าเป็นอะไรหรือไม่?”
น้ําเสียงหยุนเคอแหบแห้งเล็กน้อย หยุนเถียนเถียนสัมผัสได้ว่าเขาเป็นห่วงนางด้วยใจจริง เพียงแต่แค่ความรักมันไม่เพียงพอสําหรับคนสองคน ต้องคิดถึงโลกความเป็นจริงด้วย
“ข้าสบายดี!”
สองคําจากปากหยุนต้านและเฟิงชิงชวนให้หยุนเคอใจเต้น ด้วยจําได้ว่าตอนที่ตนออกไปเมื่อเช้า หญิงสาวผู้นี้ยังส่งยิ้มและบอกลาเขาตามปกติ แต่ใครเล่าจะรู้ว่าระหว่างที่รอเขากลับมาไม่นา นกลับมีท่าทีเฉยชาเช่นนี้!
“ข้าไม่เป็นไร! ไม่เป็นไรสักนิด!”
หยุนเคอที่ไม่รู้จะรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไรไปครู่หนึ่ง ได้แค่พูดออกมาไม่กี่คําด้วยน้ําเสียงแหบแห้งก่อนจะหันหลังเดินจากไป
หยุนเถียนเถียนเม้มริมฝีปากแน่น กระทืบเท้าบนพื้นอย่างหัวเสีย เผยท่าที่เอาแต่ใจเต็มที่ ทําให้จางชิงเฟิงถึงกับอึ้งจนหันกลับมาและลืมพัดที่ถือในมือ
“ไอ้บ้าหยุนเคอ ท่านจะไม่พูดอะไรปลอบใจข้าสักนิดเลยหรือ? ฮีย! สมควรแก่ไปอย่างโดดเดี่ยวโดยไร้ภรรยาข้างกายจริง ๆ !”
จางชิงเฟิงยกยิ้มมุมปาก หากเขาทําเช่นนี้บ้างจะโดนโกรธใส่แบบนี้บ้างไหมนะ
“เอ่อ… จริง ๆ แล้วข้าเองก็มีความในใจอยู่แล้วเจ้าก็รู้สิ่งนั้นด้วย แค่ไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน การฝืนใจอยู่ด้วยกันจะไปมีประโยชน์อันใดกันเล่า? มิสู้ตกลงให้ชัดเจนกันก่อนแล้วเจ้าจะได้ไม่ต้องตกเป็นทาสความรักและเจ็บปวดเพราะมันในภายภาคหน้า”
หยุนเถียนเถียนถอนหายใจ ลุกขึ้นยืน ก่อนหันกลับเข้าไปในห้องรับรองแขก
จางซึ่งเพิ่งรู้สึกถึงลางไม่ดีบางอย่าง เขาหยุดยืนนิ่งและครุ่นคิดอยู่นานแต่ก็ไม่อาจคิดหาเหตุผลได้ ในที่สุดจึงเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ ขณะหยิบพัดของตนเดินออกไปจากที่ว่าการอําเภอ
หยุนเคออยู่ในสถาพมึนงง ใบหน้าอ่อนเยาว์ของเขาโน้มมาข้างหน้าเมื่อเห็นว่านางกลับมา!