สามีข้า คือพรานป่า - ตอนที่ 282 ความน่าไม่อายของหยุนเคอ
ตอนที่ 282 ความน่าไม่อายของหยุนเคอ
ขณะที่หยุนเคอแสร้งเมามายอยู่นั้น เขาสัมผัสได้ถึงความเหนื่อยล้าที่แผ่ออกมาจากกายของหญิงสาว ร่างหนาคล้ายตั้งใจและไม่ตั้งใจทําตัวอ่อนเปลี้ย เปิดทางให้ร่างบางสามารถถอดเสื้อตัวนอกได้อย่างง่ายดาย
หยุนเถียนเถียนพรูลมหายใจออกมา “ช่างเถิด เตียงนี้ยกให้เจ้าส่วนข้าจะไปนอนบนเบาะยาวก็แล้วกัน”
หยุนเคอรู้สึกกระวนกระวายเพราะไม่ง่ายเลยที่เขาจะสามารถเข้ามายังห้องนี้และล้มตัวลงนอนบนเตียงได้ ทว่าเจ้าเด็กน้อยตรงหน้ากลับต้องการไปนอนบนเบาะยาว!
ชายหนุ่มแม่กังวลใจแต่ด้วยมันสมองอันชาญฉลาดจึงเอื้อมมือไปคว้าแขนเรียวเข้าหากาย หยุนเถียนเถียนมิทันได้ตั้งตัวร่างไหวเอนล้มทับผู้ที่อยู่บนเตียงอย่างแรง!
จมูกเล็กได้รูปกระทบเข้ากับอกแกร่ง การกระทําป่าเถื่อนเสียจนหญิงสาวแทบกลั้นน้ําตาไม่อยู่!
“หยุนเคอคนชั่วเจ้าจะทําอะไร ปล่อยขาเดี๋ยวนี้!”
เขาพลิกตัวดึงรั้งหยุนเถียนเถียนให้ล้มลงข้างกาย ก่อนจะใช้แขนขากอดก่ายอีกฝ่ายไว้แน่น
หญิงสาวขึ้นตัวด้วยแรงกายทั้งหมดที่มี แต่ไหนเลยจะมากเท่าหยุนเคอที่ฝึกฝนวิชาต่อสู้ตั้งแต่อายุยังน้อย ท้ายที่สุดแล้วจึงทําได้เพียงหอบหายใจออกมาด้วยความเหนื่อย ศีรษะชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อ อีกทั้งดูเหมือนหยุนเคอจะหลับไปเสียแล้ว!
“เจ้ามันสมควรตาย!”
ร่างบางสาปแช่งอีกฝ่ายในใจพลันรับรู้ว่าเมื่อชายหนุ่มนอนไปแล้วสมควรที่เรื่องอย่างว่านั้นจะไม่เกิดขึ้น คิดได้ดังนั้นหยุนเถียนเถียนจึงค่อย ๆ หลับตาลงอย่างสงบ ด้วยความอ่อนล้านางจึงผล็อยหลับไป
ไม่นานหลังจากหญิงสาวปิดเปลือกตาลง หยุนเคอก็ลืมตาขึ้น
หยุนเถียนเถียนพละกําลังน้อยนิดและเขามิได้ต้องการคร่าชีวิตนาง ไม่ลืมจดจําด้วยว่าอย่าได้พลั้งเผลอทําร้ายเด็กน้อยผู้นี้อีก ทว่าอ้อมกอดนี้ก็เพื่อหยุดมิให้นางดิ้นก็เท่านั้น กายหนายังคงรู้สึกร้อนรุ่มและไม่มั่นคง การดีดดิ้นขยุกขยิกของหยุนเถียนเถียนมีแต่จะทําให้เขายับยั้งอารมณ์ไม่อยู่
โชคดีไม่น้อยที่นางเหนื่อยล้าจนหยุดนิ่งไป มิเช่นนั้นหากนางลิ้นต่อไปอีกสักหน่อยเขาก็ไม่อาจรับปากได้ว่าเขาจะยังสามารถควบคุมตัวเองได้อยู่อีก
ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ เพื่อดับความเร่าร้อนภายใน สองแขนตระครองกอดเด็กน้อยอันเป็นที่รักเข้าไปในอ้อมอกอย่างมีความสุข เปลือกตาปิดลงก่อนจะจมดิมไปในห้วงนิทรา
ในตอนแรกเริ่ม หยุนเถียนเถียนได้หลับนอนบนกองไม่ในห้องเก็บฟื้นเท่านั้น ต่างจากเฉินไฉ่อีที่จะได้นอนบนเตียงสูงพร้อมหมอนหนานุ่ม ทั้งยังเสแสร้งเห็นอกเห็นใจบุตรที่กําพร้ามารดาว่าช่างน่าเวทนา
ทว่าบัดนี้ทุกสิ่งอย่างเปลี่ยนแปลงไป หยุนเถียนเถียนกลายเป็นที่รักของสามีและกําลังนอนอยู่บนเตียงนุ่มหลับสบาย กลับกันกับเฉินไฉ่อีซึ่งได้นอนในกระท่อมไม้พุพังที่เย็นยะเยือกเมื่อเข้าสู่ต้นฤดูเหมันต์ บรรยากาศรอบข้างนั้นหนาวเหน็บจนเกินทน นางทําได้เพียงขดกายที่ยังคงสวมใส่ชุดแต่งงานแน่น ภาวนาขอให้คืนวันผ่านพ้นไปโดยเร็ว
ยามหยุนเถียนเถียนปรือตาขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาคมคายปรากฏเด่นชัดในครรลองสายตาซึ่งห่างออกไปมีถึงหนึ่งฝ่ามือ ลมหายใจหยุดไปชั่วขณะ
หยุนเคอยังคงปิดเปลือกตา ทว่ามิรู้เขานึกเรื่องดี ๆ อะไรขึ้นได้มุมปากจึงได้ยกสูงเช่นนี้ มือเรียวของหยุนเถียนเถียนเริ่มอยู่ไม่สุข เอื้อมไปสัมผัสใบหน้าของชายหนุ่มอย่างแผ่วเบา ว่ากันตามตรงแล้วเขาก็ดูดีไม่น้อยเลยทีเดียว!
ทันทีที่ฝ่ามือซุกซนนั้นแตะลงบนใบหน้าของหยุนเคอ เจ้าของร่างพลันรู้สึกตัวตื่น ทว่าเพื่อมให้เด็กน้อยหวาดกลัวจนเตลิดและเพื่อเก็บเกี่ยวความสุขกับสัมผัสที่ได้รับ หยุนเคอตัดสินใจปิดเปลือกตาไว้ตามเดิม
กระนั้นหากนานเข้ามือเรียวนี้ยังคงสัมผัสใบหน้าเขา หยุนเคอเกรงว่าปีศาจในกายจะผงาดขึ้นมาอีกครั้ง
แม้เขาจะถวิลหาแต่ก็ทําได้เพียงแสร้งขยับตัวเล็กน้อย การเคลื่อนไหวนี้ทําให้หยุนเถียนเถียนตื่นตระหนกดึงมือกลับมาตะครุบริมฝีปากตนเองอย่างเร็ว!
นี่มันกี่ยามแล้ว? คาดไม่ถึงว่าจะเผลอไผลได้นานเพียงนี้!
ทันทีที่หยุนเถียนเถียนถอนฝ่ามือออกไปแล้วหยุนเคอจึงได้ลืมตาตื่นขึ้น! เขาเห็นเด็กน้อยที่ปลายเตียงก่อนจะดันตัวลุกขึ้นนั่ง
เขาแสร้งตื่นจากอาการเมามายที่ยังตกค้างอยู่ มือกุมศีรษะแน่น คิ้วหนาขมวดมุ่น
“ขะ… ข้าเป็นอะไรไปน่ะ?”
หยุนเถียนเถียนยื่นมือไปตีหยุนเคออย่างเดือดดาล “ปวดหัวใช่หรือไม่? สมควรนัก ใครใช้ให้เจ้าดื่มสุรามากเพียงนั้น? ดื่มไปแล้วก็ช่างเถิด แต่สุดท้ายก็ปวดหัวเป็นบ้าเช่นนี้!
หยุนเคอลืมตาขึ้นมองเด็กน้อยด้วยแววตาว่างเปล่า “ไม่มีทาง ข้ารู้ขีดจํากัดของตนเองดี ข้าไม่เมาง่ายดายปานนั้น แต่ถึงจะใช่ ข้าก็ไม่คิดว่าตนเองจะเมาจนบ้าหรอก!”
ร่างบางกลอกตาอย่างหงุดหงิด หันหลังกลับเพื่อลุกขึ้นจากเตียง แต่จะลุกได้นั้นนางจําต้องผ่านหยุนเคอและนางมิได้มีความกล้าในการเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายมากเพียงนั้น!
ทันใดนั้นหยุนเคอคล้ายจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ เขากอดตนเองแน่นอย่างหวาดผวา
“เจ้าคงไม่ได้ทําอะไรแย่ ๆ ลงไปตอนข้าเมาใช่หรือไม่?”
หยุนเถียนเถียนตกตะลึงจนปราศจากค่ากล่าว นานทีเดียวกว่าที่นางจะรู้สึกตัวขึ้น สิ่งแรกที่นางทําคือการกลอกตามองบน!
“สีหน้าประหนึ่งเอ่ยกล่าวปล่อยข้าไปเถิดนั่นมันอันใดกัน? ข้าต่างหากที่ต้องทนทุกข์ทรมาน เมื่อคืนนี้เป็นข้า! อะไรแย่ ๆ ที่เจ้ากล่าวคืออะไร? เจ้าคิดว่าคนอย่างข้าจะทําอะไรได้รึ?”
หยุนเคอสะบัดหน้าขึ้นอย่างไม่พอใจ “แล้วเหตุใดข้าถึงมานอนบนเตียงของเจ้าได้?”
หญิงสาวแค่นเสียงหัวเราะ “ชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นเพราะเจ้า เดินเมามายมายังเตียงของข้าแถมยังกอดข้าไม่ปล่อย! ข้าใช้แรงเท่าใดก็ดิ้นไม่หลุดเจ้าถึงสามารถนอนบนเตียงของข้าได้! หยุนเคอ เจ้าหน้าไม่อายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?”
ชายหนุ่มมองนางด้วยท่าทางไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็กล่าวว่า “เอาเถิด ความผิดของข้าเอง!”
ไม่ยอมรับย่อมไม่เป็นอันใด แต่หากยอมรับหยุนเถียนเถียนคงมีแคล้วระเบิดใส่ หยุนเคอแสดงออก ราวกับกล่าวหาว่านางมิยอมรับสิ่งเลวร้ายที่ทําลงไป ทั้งยังปัดความผิดให้ผู้อื่น
หยุนเถียนเถียนมองขึ้นฟ้าอย่างไร้คําพูด นางมิได้ทําเรื่องเลวร้ายอะไรเสียหน่อย!
“ช่างเถิด! แต่งงานเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว เรื่องแย่ ๆ นั้นก็แล้วกันไปดีหรือไม่? ลุกขึ้นเร็วเข้า ข้าหิวแล้ว!”
หยุนเคออดยกยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นเช่นนั้น เขารีบก้มหัวเก็บเสื้อมาสวมใส่ก่อนจะวิ่งตรงไปยังห้องครัว
อย่าได้ทําให้สตรีที่หิวโหยโกรธาโดยเด็ดขาด ฉะนั้นแล้วรีบไปหาอะไรเต็มท้องนางจะดีกว่า!
หยุนเถียนเถียนนั่งอยู่ตรงโต๊ะเครื่องแป้ง มือสางผมแผ่วเบา ขณะที่ในใจยังคงสาปแช่ง
ทว่ามีรู้นึกอะไรขึ้นได้จึงก้มหน้าปิดบังใบหน้าแดงก่ําเอาไว้ นางไม่เคยมองกระจกมาก่อน ใบหน้านั้นแดงราวกับต้นดอกท้อ
ครั้นก้าวเท้าออกจากห้องหยุนเคอก็จัดเตรียมอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย เขาเหลือบเห็นก่อนซาลาเปาไม่เป็นทรงสองก้อนบนหัวของเด็กน้อย นางยิ้มอย่างมิใคร่พอใจ
“มาเถิด! ข้าจะช่วยเจ้าทําผมใหม่ หากออกไปทั้งแบบนี้ผู้คนได้หัวเราะเยาะเจ้าแน่!”
หยุนเถียนเถียนอับอายเล็กน้อย นางลดศีรษะลงพร้อมชี้ไปยังก้อนกลม ๆ “ข้าไม่เคยทําผมทรงนี้มาก่อน ไม่รู้เช่นกันว่าแบบนี้ถูกหรือไม่ ไม่สิ เจ้ารู้วิธีหวีผมได้อย่างไร เคยฝึกทําให้สตรีอื่นหรือ?”
น้ําเสียงของหญิงสาวฟังดูอันตรายมากขึ้นเรื่อย ๆ หยุนเคอจึงรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว “เป็นเพราะตอนเด็กข้าเคยเห็นท่านแม่ทําบ่อย ๆ ข้าจะลองทําให้ดู แต่หากมันออกมาไม่ดีอย่ากล่าวโทษข้าเล่า!”