สามีข้า คือพรานป่า - ตอนที่ 276 จบสิ้น
ตอนที่ 276 จบสิ้น
เมื่อเห็นบุตรชายอันเป็นที่รักต้องคุกเข่าต่อหน้าผู้คนมากมาย ทั้งยังถูกรุมสาปแช่ง หวงซื้อ กอดถุงผ้าสีแดงที่เป็นตัวการทําร้ายเลือดเนื้อเชื้อไขของนางไว้แน่นก่อนจะวิ่งฝ่าฝูงชนเข้าไป
“พวกเจ้าคิดทําสิ่งใด? คิดรังแกลูกชายข้าเช่นนั้นหรือ? ข้าจะบอกอะไรให้ หยุนเกียนเถียนก็เป็นเพียงสตรีหน้าไม่อายที่มาล่อลวงลูกชายข้า แล้วเหตุใดถึงกล่าวโทษเขาอยู่ฝ่ายเดียว?”
มุมปากของหยุนเถียนเกียนยกยิ้ม นางเผยสีหน้าเย้ยหยันก่อนจะกล่าวตอบ “เป็นข้าหรือที่คิดล่อลวงลูกชายท่าน? เห็นได้ชัดว่าเป็นแผนการของเฉินไฉ่อทั้งสิ้น! หวงซื่อท่านอย่าได้กล่าววาจาใส่ร้ายผู้อื่นโดยไม่มีหลักฐาน!”
หวงซื่อหันไปมองเฉินไฉ่อด้วยความอับอาย ฉับพลันใบหน้าของอีกฝ่ายก็ซีดเผือดราวกับภูตผี ท่าทีสงบเยือกเย็นอย่างที่เคยเป็นหายไปไหนเสียแล้ว!
“โอ้! นางปีศาจร้ายตนนี้มาจากที่ใดกัน? จิตใจของนางช่างน่ากลัวยิ่งนัก!”
หวงซื่อรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงอยู่ในอก ท้องไส้ปั่นป่วนไปด้วยความหวาดกลัวระคนตกใจ
“หวงซื่อท่านอย่าได้กล่าววาจาไร้สาระ! นั่นคือว่าที่ลูกสะใภ้ของท่าน นางได้มอบร่างกายอันบริสุทธิ์ผุดผ่องให้แก่ลูกชายของท่าน! ตอนนี้เกิดอยากจะไม่ยอมรับนางเป็นลูกสะใภ้ขึ้นมาหรือ? เห็นทีว่าคงสายเกินไปเสียแล้ว เพราะลูกชายของท่านหลับนอนกับนางไปแล้ว! ดูเหมือนว่าเมื่อคืนนี้เขาจะไม่ได้กลับบ้านใช่หรือไม่?”
“ไม่จริง! คนที่ลูกชายข้าหลับนอนด้วยก็คือเจ้า หยุนเกียนเถียน!”
ขณะนั้นเกิดเสียงหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางฝูงชน “ดูเหมือนบทเรียนที่ข้ามอบให้เจ้าและลูกชายคงน้อยเกินไปจึงทําให้พวกเจ้าเพ้อฝันไม่ยอมจบสิ้น!”
ขณะที่ทุกคนหลีกทางให้ หยุนเคอจูงเกวียนวัวเดินเข้ามาช้า ๆ สีหน้าเขียวคล้ําไปด้วยความกรุ่นโกรธ เมื่อของที่บรรทุกมาถูกเปิดออก… ทั้งหมดนั้นล้วนเป็นของมีค่าชั้นเลิศ! นั่นผ้าไหมสีแดงมิใช่หรือ?
หวงซื่อตื่นตกใจจนไม่อาจเปล่งเสียงอันใดออกมา จึงทําได้เพียงก้าวถอยไปหลบอยู่ด้านหลังของบุตรชาย
หยุนเสียนเถียนเยาะเย้ย “ข้านึกว่าท่านจะไม่รู้จักเกรงกลัวฟ้าดิน แต่แท้จริงเพียงแค่พรานป่าก็หวาดกลัวเสียแล้ว! เก่งกล้าสามารถถึงขั้นเสาะหายาสกปรกนี่ในหอนางโลมได้ การอบรมสั่งสอนของคนตระกูลหลินคงเป็นเช่นนี้กระมัง! หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป หลินหู… เจ้าคงไม่มีคุณ สมบัติเข้าร่วมสอบขุนนางแล้ว แต่ถึงกระนั้นก็อย่าได้กังวล อย่างไรเจ้าก็จะได้แต่งงานกับภรรยาที่ดีพร้อม หากไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมการทดสอบก็คงไม่เป็นไร!”
ทันทีที่หวงซื่อได้ยินหยุนเสียนเถียนกล่าวแทงใจดํา นางสติขาดผึ้ง ลืมสิ้นความหวาดกลัวทั้งปวง ก่อนจะก้าวออกมาจากด้านหลังอย่างรวดเร็ว
“ผู้ใดบอก? เหตุใดลูกชายของข้าจึงมิควรได้รับสิทธิ์เข้าร่วมสอบขุนนาง? เขาศึกษาเล่าเรียนมาหลายปี หากผู้ใดบังอาจทําลายอนาคตของเขา ข้าย่อมไม่มีวันปล่อยไว้แน่!”
“มิใช่ตัวท่านเองหรอกหรือที่เป็นคนทําลายอนาคตของลูกชาย? หากหญิงสาวที่ได้หมั้นหมายกันไว้แล้ว ตายไปอย่างไม่คาดคิด เรื่องนี้คงโจษจันไปทั่ว! อย่าว่าแต่สอบขุนนางเลย แม้แต่เงยหน้าขึ้นมาสู้หน้าผู้คนก็ยังทําไม่ได้ นับว่าโชคดีที่ครอบครัวแสนสุขของข้าฉลาดพอที่จะทําให้เขาได้ลิ้มรสความชั่วร้ายของตัวเอง อีกทั้งผู้หญิงที่จะมาเป็นคู่หมั้นของเขาก็ทําสําเร็จ!”
“ไม่ว่าจะเป็นการแย่งชิงภรรยาของชายอื่นหรือการทําลายความบริสุทธิ์ของหญิงสาว หาก เรื่องเช่นนี้ได้แพร่กระจายออกไป ไม่รู้ว่าจะติดคุกหลวงหรือไม่ ท่านยังคิดจะให้ลูกชายเข้าสอบขุนนางอีกหรือ?”
หลินหูดึงแขนเสื้อของมารดาไปหลบด้านหลัง เขาตระหนักได้ว่า แม้ว่ามารดาของตนจะแข็งแกร่ง แต่ในความเป็นจริงแล้วนางโง่เง่ายิ่งนัก ไม่อาจต่อกรกับแม่นางหยุนได้เลยด้วยซ้ํา!
ถึงคราวเข้าตาจนแล้ว เขาจะทําอันใดได้อีก? นอกเสียจากต้องยอมรับมัน! แต่หญิงสาวที่อยู่ข้างกายเขามีจิตใจที่ชั่วร้าย แม้ต้องแต่งงานกับนาง เขาก็หาได้มีความจําเป็นอันใดที่ต้องปฏิบัติต่อนางอย่างดีนัก หากสินสอดทองหมั้นมีไม่มากพอ ก็ปล่อยให้นางไปทํางานหาเงินเพื่อส่งเสียค่าเล่าเรียน
หยุนเสียนเถียนหยุดยั้งผู้คนที่กําลังซุบซิบนินทา “ตอนนี้เฉินไฉ่อได้สูญเสียความบริสุทธิ์ให้ลูกชายท่าน ทั้งยังถูกสามีทอดทิ้ง หากหลินหูไม่แต่งงานกับนาง ชีวิตของนางหลังจากนี้คงไปไหนไม่รอด! หากท่านยังอยากให้หลินหูสามารถเข้าร่วมการสอบขุนนางได้ จงให้เขาแต่งงานกับนางแต่โดยดี! หากไม่อยากทําตามนี้ ก็ลืมมันไปซะ แต่ถ้าหมู่บ้านของเราชื่อเสียงเสียหาย หลินหูก็จะไม่มีวันได้ดีไปด้วย!”
หลินหูจ้องเขม็งไปยังหญิงสาวที่คุกเข่าอยู่ด้านข้าง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นกล่าว “ในเมื่อเรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว แน่นอนว่าข้ายินดีที่จะแต่งงานกับนาง! แต่ครอบครัวของข้ายากจน เกรงว่าจะไม่มีสินสอดทองหมั้นให้มากมายนัก!”
สีหน้าของหวงซื้อดูน่าเกลียดยิ่งนัก “ลูกชาย เจ้าใจดีเกินไปแล้ว! การที่เรารับนางไว้เท่ากับเป็นการช่วยชีวิตนาง เจ้ากําลังพูดจาล้อเล่นอันใด เงินทองของพวกเราถูกลมพัดหายไปหมดแล้วหรือ? ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ใช่นางหรอกหรือที่เป็นคนทําลายความดีงามของเจ้า นางต้องเป็นคนรับผิดชอบ เช่นนั้นแล้วครอบครัวของเราจะยังขาดแคลนเงินทองอีกได้อย่างไร?”
ความไร้ยางอายของหวงซื้อทําให้ผู้คนมิอาจมองข้ามไปได้ บางคนที่มีความยุติธรรมอย่างแรงกล่าถึงกับกลอกตาใส่นาง แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นเรื่องในบ้านของผู้อื่น ไม่มีใครอยากเข้าไปยุ่งวุ่นวายด้วย นี่คือบทเรียนที่เฉินไฉ่อสมควรได้รับมัน!
เนื่องจากต้องคุกเข่าบนพื้นอยู่เป็นเวลานาน เฉินไฉ่อแทบสิ้นไร้เรี่ยวแรง หมดปัญญาที่จะโต้เถียงกับหวงซื่ออีกต่อไป ทําได้เพียงส่งสายตาหาพ่อแม่ของนางและหวังให้พวกเขายื่นมือเข้ามาช่วย
น่าเสียดายที่ตอนนี้เฉินซึ่งไม่อาจกล่าววาจาใดออกมาได้เลย เขาเป็นหัวหน้าหมู่บ้านมาหลายปี แต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่าค่าพูดของตนช่างไร้ค่ายิ่งนัก! ต่อให้พยายามเข้าไปเจรจาอยู่หลายครั้งแต่ก็ถูกทุกคนขัดจังหวะอยู่ร่ําไป!
หยุนเถียนเถียนเปิดปากหาว นางตื่นแต่เช้าตรูทั้งยังตะเบ็งเสียงอยู่นาน ตอนนี้ชักเริ่มหิวแล้วด้วย
“เอาล่ะ! จบเรื่องแล้ว! ขอให้ทุกคนที่รู้เรื่องนี้อย่าได้แพร่งพรายออกไป ปล่อยให้พวกเขาสองคนจัดการเรื่องนี้ให้เหมาะสม! เฉินไฉ่อีนับว่าโชคดีนักที่ยังมีชีวิตรอด จากนี้ไปจงรักษาชีวิตของเจ้าเอาไว้ให้ดี! แต่อย่าได้มายั่วยุข้าอีก ไม่เช่นนั้นเจ้าจะได้อยู่อย่างทุกข์ทรมาน!”
จากนั้นหยุนเถียนเถียนล้วงเงินห้าตาลึงจากแขนเสื้อยื่นให้เฉินไป “ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ต้องขออภัยจริง ๆ ห้องเดิมของท่านที่ให้ข้ายืม ตอนนี้เสียหายหมดแล้ว แน่นอนว่าข้ายังอยากอาศัย อยู่ในบ้านต่อไป แต่ข้าไม่ต้องการข้าวของข้างในนั้น ได้โปรดช่วยหาคนมาทําความสะอาด และซื้อของใช้ดี ๆ ให้ข้าอีกสักชุด”
จนถึงตอนนี้ใบหน้าของเฉินไปยังคงเขียวคล้ํา เขาพยักหน้าตอบรับ “แม่นางหยุน ขออภัยยิ่ง นักที่ข้าปล่อยให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นในบ้านของข้า อย่าได้กังวลเรื่องห้องพัก ข้าจะดูแลเรื่องนี้เอง เจ้าสามารถอยู่ได้อย่างสบายใจและเตรียมตัวสําหรับงานแต่งงาน”
หยุนเถียนเถียนยิ้มพร้อมกับรั้งตัวหยุนเคอที่กําลังจะวิ่งหนี “เอาล่ะ! พวกเรายังจะต้องโกรธเคืองอันใดกัน? มีเรื่องมงคลเช่นนี้เกิดขึ้นในหมู่บ้าน เราควรร่วมยินดี! เดิมที่พวกเขาคิดใช้แผนการกับข้า ดังนั้นพวกเขาก็ควรได้รู้ซึ้งถึงรสชาติของเอาคืนจากข้าเช่นกัน! หากเจ้ายังโกรธอยู่ ข้าคงทุกข์ใจยิ่งนัก
หญิงสาวที่ตนหมายปองในหัวใจแต่ไม่อาจไขว่คว้ามาได้กําลังส่งยิ้มให้ชายอื่น หลินหูรู้สึกไม่พอใจนักเมื่อมองเห็นใบหน้างดงามพร่างพรายนั้น แล้วหันกลับมามองใบหน้าน่าเกลียดราวปีศาจร้ายที่อยู่ข้าง ๆ เขา ในใจรู้สึกราวกับกําลังกลืนกินยาขมเกินจะทน