สามีข้า คือพรานป่า - ตอนที่ 26 ความเกลียดชัง
การที่เฉินผิงอันสั่งให้หลินชวนฮวาทำอาหารถือเป็นเรื่องยากยิ่งสำหรับนาง
หากเป็นเมื่อก่อนไม่ว่าจะเป็นงานบ้านหรือการทำอาหารล้วนแต่เป็นหน้าที่ของเฉินเถียนเถียนทั้งนั้น แต่เนื่องจากตอนนี้ทรัพย์สินทั้งหมดอยู่ในมือของนาง หากปฏิบัติต่อนางไม่ดีก็อาจโดนขับไล่ได้
หลินชวนฮวาไม่มีทางเลือก นางจึงเดินไปที่โรงเก็บไม้พร้อมกับเคาะประตูอ้อนวอนเฉินเถียนเถียน
“เถียนเถียน… พ่อของเจ้าหิวแล้ว โปรดช่วยทำอาหารให้เขาด้วย!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเฉินเถียนเถียนอดไม่ได้ที่จะอารมณ์ดีเป็นพิเศษเพราะไม่เคยมีช่วงเวลาไหนเลยที่หลินชวนฮวาจะมาขอร้องเธอถึงที่!
“ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลามื้อเย็น เหตุใดแม่จึงไม่รีบไปทำอาหารเล่า? ท่านหรือพ่อกันแน่ที่หิว? แล้ววัตถุดิบทั้งหมดที่ท่านซ่อนไว้อยู่ที่ใดกัน? เอามาให้ข้าเสีย! หากให้ไม่มี… ข้าเกรงว่าคงต้องรอไปก่อน แม่กลับไปบอกพ่อเถิด!”
หลินชวนฮวาไม่คิดให้เฉินผิงอันรู้เรื่องนี้เพราะเขาอาจโมโหร้ายขึ้นมาอีกครั้ง
“พ่อของเจ้าหิว… งั้นเจ้าไปบอกเขาด้วยตัวเองสิ!”
เฉินเถียนเถียนลุกขึ้นมาเปิดประตูและมองหลินชวนฮวาด้วยรอยยิ้ม
“อาหารที่แม่ซ่อนไว้ไม่เหลือแล้วใช่หรือไม่?”
หลินชวนฮวารู้สึกตกใจต่อแววตาและรอยยิ้มอันมีเลศนัยของเด็กสาวตรงหน้ายิ่ง
“อ้อ มันจะหมดได้อย่างไรกันนะ? เมื่อตอนเที่ยงพ่อขอให้ข้าทำอาหารให้เขาและเฉินเฉิน แต่เนื่องจากไม่มีวัตถุดิบ ข้าจึงไม่สามารถทำให้ได้ แล้วก็… เฉินเอ๋อก็ได้บอกพ่อไปแล้วว่าแม่ไม่ยอมทำอาหารให้เขากินเลย!”
เมื่อได้ฟังอย่างนั้นหลินชวนฮวาตกใจจนตัวสั่น
‘เกิดอะไรขึ้นระหว่างที่ข้าไม่อยู่บ้าน? เฉินผิงอันรู้เรื่องทั้งหมดแล้วอย่างนั้นหรือ?’
‘เฉินเฉินบอกกล่าวอะไรกับพ่อของเขา?’
แม้หลินชวนฮวาจะรู้สึกตื่นตระหนกแต่ก็ไม่อยากให้เฉินเถียนเถียนจับได้ จึงรีบหยิบถังน้ำและเดินเข้าไปในห้องนอนของตนทันที
หลินชวนฮวาคุกเข่าลงก่อนจะนำมือและเท้าของเฉินผิงอันมาแช่ลงในน้ำเพื่อทำให้เขาใจเย็นลงแต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นดั่งที่นางคาดคิด!
เฉินผิงอันที่หิวจนสามารถกลืนช้างได้ในคำเดียวไม่พอใจยิ่งกับการกระทำของนาง
“ทำแบบนี้เพื่ออะไรกัน ลุกขึ้นมา! ข้าหิว ไปเรียกอีเด็กขี้ครอกมาทำอาหารเดี๋ยวนี้!”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงดุร้ายและเต็มไปด้วยความโมโหของเฉินผิงอัน หลินชวนฮวาจึงขอโทษเขาทันที “สามี… โปรดยกโทษให้ข้าด้วย ที่ข้าทำลงไปก็เพราะว่ารักและกลัวเจ้าจะรังเกียจข้า!”
‘หืม? เกิดอะไรขึ้นกับนาง? เหตุใดจึงต้องขอให้ข้ายกโทษให้?’
“ข้ารู้ว่าข้าผิด! แต่ข้าทำอาหารไม่เป็นและไม่เคยทำเลย ดังนั้นทุกครั้งที่ข้าทำอาหารมันจึงไม่อร่อย ข้าเกรงว่าเจ้าจะไม่ชอบ ที่ผ่านมาทุกมื้อเป็นฝีมือของเถียนเถียน แม้ข้าจะอยากทำเพียงใด… แต่ให้เถียนเถียนจัดการคงดีกว่า!”
เมื่อได้ยินดังนั้น เฉินผิงอันก็มองไปยังภรรยาผู้น่าสงสาร น้ำตาที่ไหลอาบแก้มของนางทำให้เฉินผิงอันรู้สึกเห็นใจ เขารู้สึกเข้าใจจึงไม่ได้ต่อว่าอะไรนางอีก
ที่ผ่านมาหลินชวนฮวาบังคับและใช้งานเฉินเถียนเถียนโดยให้นางทำอาหารและนำมาบอกสามีว่าเป็นฝีมือของตนเองโดยตลอด แต่ตอนนี้กลับบอกว่าอาหารแสนอร่อยทั้งหมดเป็นฝีมือของเฉินเถียนเถียน แสดงว่าการโบยตีและลงโทษที่ผ่านมาของเฉินผิงอันนั้นเป็นเรื่องเข้าใจผิด… เฉินผิงอันเข้าใจมาโดยตลอดว่าลูกสาวเป็นคนเกียจคร้าน แต่แท้จริงแล้วทั้งหมดเป็นเพราะหลินชวนฮวาหลอกลวงเขา!
ขณะนั้นหลินชวนฮวาสั่นสะท้านอย่างหวาดกลัว
‘อาจเป็นเพราะนางไม่เหมือนชาวบ้านทั่วไป หลินชวนฮวามาจากครอบครัวที่มั่งมีจึงไม่แปลกหากจะทำอาหารไม่ได้ ทุกอย่างดู…ดูสมเหตุสมผลใช่ไหม?’ เฉินผิงอันนึกไตร่ตรองอย่างปลอบใจตัวเอง
ยิ่งในตอนนี้เฉินเถียนเถียนหลายเป็นหญิงที่รักความสะอาด นางมักจะลุกขึ้นมาล้างหน้าให้ผ่องใสเสมอ แม้จะผอมไปหน่อย แต่ก็ยังนับว่างดงามขึ้นกว่าแต่ก่อนและยังเย่อหยิ่งมากขึ้นด้วย!
ขณะที่หลินชวนฮวาเป็นหญิงงามที่เจ้าอารมณ์… แต่สำหรับเฉินผิงอันแล้ว หลินชวนฮวาเป็นหญิงที่เพียบพร้อมกว่าหญิงอื่นมากโข
เฉินเถียนเถียนเป็นดั่งพายุไฟที่คอยแผดเผาผู้อื่นอยู่เสมอ ทุกครั้งที่นึกถึงนางก็ทำให้เฉินผิงอันรู้สึกไม่มีความสุขสักนิด!
ในทางกลับกันหลินชวนฮวาเป็นหญิงที่อ่อนโยนและมีเมตตา แม้ในตอนนี้จะมีปัญหาแต่นางก็ไม่เคยต้องทำให้เขาเดือดร้อนเลยสักครั้ง
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลินชวนฮวาจึงเป็นหญิงที่ดีที่สุดสำหรับเฉินผิงอัน!
ส่วนเฉินเถียนเถียนเป็นเพียงเด็กกำพร้าไร้ประโยชน์ ยิ่งไปกว่านั้นนางก็ไม่ใช่… เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เฉินผิงอันก็เอื้อมมือพยุงร่างกายของหลินชวนฮวาขึ้น
“เอาล่ะ! ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการสิ่งใด หากทำอาหารไม่เป็นก็ไม่ต้องทำ! ปล่อยให้เด็กขี้ครอกนั้นจัดการ แล้วเจ้าค่อยเรียนรู้เอาจากนาง เถียนเถียนเป็นเจ้าของทรัพย์สินทั้งหมดในบ้านไม่ใช่หรือ? จะปล่อยให้คนในครอบครัวหิวได้อย่างไร? หากกล้าทำเช่นนั้น ข้าจะไปยังหน่วยงานราชการเพื่อฟ้องร้องนางทันที!”
เมื่อได้ยินดังนั้น หลินชวนฮวาจึงยิ้มและเอนตัวลงบนอกของสามีผู้โง่เขลาอย่างเสแสร้งก่อนจะแสยะยิ้มด้วยความสะใจโดยที่ไม่มีใครเห็น
แม้หลินชวนฮวาจะไม่เคยได้เห็นความงดงามของนางหยุน แต่ชาวบ้านก็อธิบายถึงความไร้ที่ติของนางได้อย่างน่าตกตะลึง!
หลินชวนฮวาเคยได้ยินมาว่าเฉินผิงอันช่วยชีวิตนางไว้ในป่าจึงได้แต่งงานพร้อมสินสอดทองหมั้นมากมาย แต่ในท้ายที่สุดแล้วหญิงงามผู้นี้ก็พ่ายแพ้ให้กับหลินชวนฮวา เพราะชายชนบทผู้โง่เขลาเช่นเฉินผิงอันมองเห็นเพียงหลินชวนฮวาเท่านั้นในสายตา เช่นนี้หญิงใดจะเทียบเคียงนางได้อีก?
เฉินเถียนเถียนที่รอฟังอยู่ด้านนอกก็ได้ยินทุกอย่างทั้งหมด นางคาดหวังว่าผู้เป็นพ่อจะลงโทษหลินชวนฮวาบ้าง แต่นางไม่คิดว่าเฉินผิงอันจะยอมอ่อนข้อให้หลินชวนฮวาถึงเพียงนี้ ‘นี่มันอะไรกัน? หญิงผู้นี้มีเวทมนต์หรืออย่างไร? นางทำให้ชายผู้นี้เพิกเฉยต่อลูกสาวได้จริงๆ หรือ?’
‘ไม่สิ! ต้องมีบางอย่างไม่ถูกต้อง!’
เพราะเฉินเถียนเถียนเป็นตำรวจและไม่เคยเชื่อว่าในโลกนี้จะมีความรักที่แน่วแน่จนทำให้เกิดความเกลียดชัง โดยเฉพาะความเกลียดชังที่พ่อมีต่อลูกสาว!
‘แต่… เพราะเหตุใดกัน?’
เฉินเถียนเถียนจำแม่ผู้ให้กำเนิดของตนไม่ได้เลย แต่กลับรู้สึกได้ว่าแม่เป็นหญิงที่เงียบขรึมและอ่อนโยน เมื่อก่อนเฉินเถียนเถียนและพ่อไม่ได้ผิดใจกันมากนัก แต่หลังจากที่แม่ป่วยจนเสียชีวิตทั้งสองก็ไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีกเลย
‘เป็นเพราะแม่พวกเขาจึงยอมคุยกันอย่างนั้นหรือ? เพราะเหตุใดกัน?’
ยิ่งคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่เฉินเถียนเถียนก็ยิ่งสงสัยมากเท่านั้น!