สามีข้า คือพรานป่า - ตอนที่ 226 การแสดงที่ดี
ตอนที่ 226 การแสดงที่ดี
อย่างไรก็ตาม การมาถึงของนายน้อยหลีก็ย่อมต้องแจ้งท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะไม่ปิดบังเรื่องนี้จากใครโดยเฉพาะเฉินไฉ่อีที่คอยติดตามเรื่องนี้อยู่
ตอนนี้ผู้คนจํานวนมากต่างรายล้อมเข้ามายัง ลานหน้าโรงงานของหยุนเวียนเถียน รวมถึงผู้เฒ่าใหญ่และครอบครัวของเฉินไป่ด้วย
เดิมทีหยุนเถียนเถียนมอบหมายให้ชายผู้หนึ่งดูแลโรงงานนี้ แต่เนื่องจากเขาโกงบัญชี หลอกลวง และไว้ใจไม่ได้ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งดีที่จะมอบหมายให้สองครอบครัวช่วยกันดูแล
ทุกคนที่นั่นต่างรอคอยการมาถึงของนายน้อยหลี่อย่างใจจดใจจ่อ เพราะเขามักจะช้าและไม่ตรงเวลาเสมอ
หลี่ซื่อฮวารีบเดินทางมาทันทีที่ได้รับข่าว เนื่องจากหยุนเกียนเถียนคือเทพแห่งความมั่งคั่งของเขา ดังนั้นนายน้อยหลีจึงไม่อยากทําให้นางต้องรู้สึกขุ่นเคือง
ทันใดนั้น เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น… เฉินไฉ่อีวิ่งออกไปเพื่อหยุดรถมาด้วยความโศก เศร้า เมื่อเสี่ยวซื่อเห็นดังนั้นก็ขมวดคิ้วทันที
หลี่ซื่อหัวเดินทางมายังโรงงานแห่งนี้ด้วยความหวังใจและความสุข แต่เมื่อเห็นกิริยาของหญิงผู้นี้อารมณ์ของเขาก็จมลงทันที
ในมุมมองของหยุนเวียนเถียน เฉินไฉ่อีนับว่าเป็นหญิงที่มีมารยาร้อยเล่มเกวียน แสดงเก่งหญิงกว่าตัวละครในนิยาย และนางมักจะเปรียบตนเองเป็นนางเอกเสมอ
หลี่ซื่อหัวจ้องมองเฉินไฉ่อีอย่างเพิกเฉยด้วยแววตาดูถูกและรังเกียจอย่างถึงที่สุด
“นายน้อยหลี่ ข้าแอบมาพบท่านเป็นครั้งสุดท้าย ข้ากําลังจะแต่งงาน โอ้…แต่ข้ายังลืมท่านไปจากหัวใจไม่ได้เลย”
เฉินไฉ่อีพูดพลางเอื้อมมือหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ําตา
หลี่ซื่อหัวแสยะยิ้มด้วยความสงสัย “นางจะแต่งงานหรือไม่ ข้าต้องรับรู้ด้วยหรือ?”
ทันใดนั้น เสี่ยวซื่อผู้ปากร้ายก็พูดขึ้นทันที “นางเฉิน แม้นายน้อยหลี่จะไม่น่าเชื่อถือนัก แต่เขาก็ไม่ได้มั่วหญิงไปทั่ว แม้ผู้คนในชนบทจะยากจน แต่พ่อของเจ้าก็เป็นหัวหน้าปกครองหมู่บ้านเทพธิดามานาน คงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีเงินซื้อกระจกไว้ส่อง เช่นนั้นแล้ว กลับไปที่บ้านและส่องกระจกดูสารรูปตนเองเสีย กล้าทําเช่นนี้ได้อย่างไร?”
เมื่อได้ยินเสี่ยวซื่อพูดจาเช่นนั้นนางก็ทนไม่ได้ทันที
เฉินไฉ่อีจ้องเขม็งไปยังเขาพลางกล่าวอย่างเหยียดหยาม “เจ้าก็แค่ทาสรับใช้ นายน้อยหลี่ยังไม่ได้พูดหรือตําหนิข้าเลย เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาพูดจาเช่นนี้?”
เมื่อมองขึ้นไปและเห็นแววตาอันอ่อนโยนของหลี่ซื่อฮวา เฉินไฉ่อีก็รู้สึกไม่อยากแต่งงานกับเจ้าบ่าวของตนซึ่งเป็นชายหนุ่มธรรมดาทันที
“นายน้อยหลี่ ข้ารู้ว่าท่านสามารถพาข้ากลับไปกับท่านได้ เหตุใดจึงไม่ทํา? ตราบใดที่ท่านยอมรับและดูแลข้า ข้าก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น”
เฉินไฉ่อีพูดพลางร้องไห้ด้วยความวิตกกังวลราวกับกําลังมีเรื่องทุกข์ใจ
เมื่อหลี่ซื่อฮวาเห็นท่าทางของหญิงสาวก็รับรู้ได้ทันทีว่านางเพียงแสร้งทําเท่านั้น
ขณะเดียวกันจางชิงเฟิงก็เดินทางมายังหมู่บ้านเทพธิดาพร้อมเนื้อสองชิ้นในมือ แม้เขาจะอ้างว่ามาที่นี่เพื่อพบพ่อตาและแม่ยาย แต่ทุกคนต่างรู้ดีว่าจางชิงเฟิงมาเพื่อพบคนรักของเขา
ในตอนแรกจางชิวไฉ่ไม่ต้องการให้ลูกชายของตนแต่งงานกับหญิงผู้นี้ จึงออกอุบายว่านางไม่ใช่หญิงบริสุทธิ์และไม่คู่ควรกับเขา
แต่จางชิงเฟิงเชื่อมั่นในชื่อเสียงของเฉินไฉ่อีมาโดยตลอด จึงมั่นใจว่าไม่มีทางที่นางจะไม่บริสุทธิ์ หญิงผู้มีความรู้ความสามารถและเพียบพร้อมเช่นนี้จะกล้าโกหกหรือทรยศเขาได้อย่างไร?
แน่นอนว่าเมื่อคนเราตกหลุมรักก็มักจะตาบอด ดังนั้นจางชิงเฟิงจึงเชื่อมั่นในตัวเฉินไฉ่อีเป็นอย่างมาก โดยไม่ได้คํานึงว่านางอาจมีแผนร้ายซ่อนอยู่
แม้จางชิวไฉ่อยากจะห้ามลูกชายเพียงใดก็ทําไม่ได้ จางชิงเฟิงเป็นคนหัวดื้อมาแต่เดิม เขาจะไม่มีวันยอมแพ้จนกว่าจะได้ในสิ่งที่ต้องการ
จางชิวไฉ่รู้สึกเสมอว่าหากเฉินไฉ่อีได้แต่งงานเข้ามาเป็นสะใภ้ ไม่ว่าก่อนหน้าเขาจะเกลียดชังหญิงสาวมากเพียงใด แต่ก็ต้องเป็นห่วงชีวิตครอบครัวของลูกชายเสมอ ยิ่งไปกว่านั้นเฉินไฉ่อีก็เป็นเพียงหญิงอ่อนแอ แน่นอนว่าลูกชายของเขาต้องลําบากเป็นแน่
ด้วยเหตุผลนี้ จางชิวไฉ่จึงไม่ต้องการให้ลูกชายแต่งงานกับหญิงสาวผู้นี้เพียงเพราะเป็นคนฉลาดและมีความรู้ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางห้ามความคิดและความต้องการของจางชิงเฟิงได้ และเขาก็ไม่ต้องการมีปัญหากับลูกชายเพียงเพราะหญิงคนเดียว
ถึงแม้ว่าจางชิวไฉ่จะพยายามผัดวันประกันพรุ่งมาโดยตลอด แต่ในท้ายที่สุดวันนี้ก็มาถึง
ในวันแต่งงาน เฉินไฉ่อได้รับคําแนะนําที่ดีมากจากพ่อของตน และนางก็ถือว่าเป็นหญิงที่สมบูรณ์แบบในระดับหนึ่ง อย่างน้อยก็มีความรู้เป็นมงกุฎประดับหัว
แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ในวันแต่งงานจางชิงเฟิงโศกเศร้าเป็นอย่างมาก เพราะเขาบังเอิญพบว่าคนรักของตนแอบออกไปเจอนายน้อยหลี่ ใบหน้าอันแดงกําด้วยความเขินอายกลับกลายเป็นโกรธแค้นทันที
เฉินไฉ่อีที่ไม่รู้ว่าเจ้าบ่าวของตนซุ่มดูอยู่ก็พูดอย่างข่มขื่นว่า “นายน้อยหลี่ หากท่านยอมรับข้า.. ข้าก็ยินดีจะเป็นทาสรับใช้ที่เชื่อฟังของท่าน”
หลี่ซื่อฮวาหันมองและพบกับชายหนุ่มผู้หนึ่ง ซึ่งดูเหมือนขุนนางกําลังยืนอยู่พร้อมถือเนื้อในมือใบหน้าของเขาแดงกําด้วยความโกรธซึ่งทําให้นายน้อยหลี่รับรู้ได้ทันทีว่า เขากําลังทิ้งเฉินไฉ่อีอยู่
ดังนั้นนายน้อยหลี่ผู้ซึ่งมองดูความโชคร้ายนี้ก็เริ่มต้นการแสดงของเขาเช่นกัน
“เฉินไฉ่อี เจ้ากําลังจะบอกว่าต้องการติดตามข้าในฐานะทาสและสาวใช้อย่างนั้นเหรอ? แต่ข้าได้ยินมาว่าเจ้ากําลังจะแต่งงานกับลูกชายของจางชิวไฉ่ไม่ใช่หรือ?”
แววตาของเฉินไฉ่อีเปล่งประกายด้วยความดูถูกก่อนจะกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “นายจางเป็นเพียงชายผู้โงเขลา จะเปรียบกับท่านได้อย่างไร? ข้าเพียงทําตามคําสั่งของพ่อเท่านั้น แท้จริงแล้ว ข้าไม่ได้เต็มใจจะแต่งงานกับชายผู้นั้นเลย”
แน่นอนว่าใบหน้าของจางชิงเฟิงซีดเผือดทันที เมื่อได้ยินคําพูดนี้
หลี่ซื่อฮวาแสยะยิ้มด้วยความรังเกียจก่อนจะพูด “เจ้าตามข้ามาไม่ใช่เพราะต้องการเป็นทาสหรอก… ต้องการเป็นเมียมากกว่า เป็นการดีที่จะขอร้องข้า เพราะหากแต่งงานกับลูกชายของนางจาง เจ้าก็จะได้เป็นเพียงภรรยาของคนชนชั้นธรรมดา เท่านั้น”
เฉินไฉ่อีคิดว่าโอกาสของนางมาถึงแล้ว เพราะในที่สุดนายน้อยหลีก็ยอมอดทนที่จะพูดคุยกับตน เฉินไฉ่อีพยายามแสดงออกถึงความดีและความงามให้นายน้อยหลี่ได้เห็นโดยไม่สนใจผู้ใดเลย
“ข้ารัก เทิดทูน และบูชาท่านเพียงผู้เดียว”
หลี่ซื่อฮวามองเฉินไฉ่อีพลางแสยะยิ้ม “เจ้าพูดเช่นนี้เพื่อเอาใจข้าสินะ ไม่กลัวบ้างหรือว่าหากจางชิงเฟิงมาได้ยินเข้าจะเสียใจ? ลองหันหลังไปดูสิว่าใครยืนอยู่ตรงนั้น?”
เมื่อได้ยินดังนั้น เฉินไฉ่อีจึงหันหลังกลับไปมองทันที ก่อนจะพบว่าจางชิงเฟิงกําลังยืนมองนางอยู่ด้วยความเสียใจปนโกรธแค้น
เฉินไฉ่อีตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก นางไม่อยากเชื่อว่าชายที่กําลังยืนอยู่ตรงหน้าจะเป็นจางชิงเฟิง อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้คงไม่มีอะไรสําคัญไปกว่าการประจบประแจงนายน้อยหลี่
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เฉินไฉ่อก็หันศีรษะกลับมาอีกครั้ง “นายน้อยหลี่… ข้าไม่ต้องการแต่งงานกับชายผู้นี้จริง ๆ ท่านเป็นเพียงบุรุษเดียวที่ข้ารัก”
จางชิงเฟิงเสียใจมากจนตั้งสติไม่ได้ เขาเดินโซเซถอยหลังไปหลายก้าวก่อนจะล้มลงกับพื้น