สามีข้า คือพรานป่า - ตอนที่ 225 หมดหวัง
ตอนที่ 225 หมดหวัง
หยุนเถียนเถียนรู้ดีว่าผู้คนในหมู่บ้านนี้ต่างมีที่ดินทํากินแต่ก็ไม่มากนักนอกจากบุคคลที่ทํางานในโรงงานของนางแล้วยังมีชาวบ้านบางส่วนต้องเดินทางเข้าไปทํางานในเมืองซึ่งห่างไกลและไม่คุ้มค่าแรงเลย
“ท่านป้า โปรดจงปลูกข้าวสาลีบนที่ดินแห่งนี้ในฤดูหนาวเพราะมันจะให้ผลดีอย่างไม่น่าเชื่อ
จี้ชื่อเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ เหตุใดนางจึงกล้าหาญนัก? ยอมกัดฟันซื้อที่ดินห้าสิบไร่เพื่อใช้ในการปลูกข้าวสาลีข้าอยู่ที่นี่มาหลายสิบปีแต่ไม่เคยเห็นใครปลูกพืชชนิดนี้ให้งอกงามได้
“ท่านป้า ข้ารู้ว่าทุกอย่างอาจเป็นไปได้ยากแต่ข้าไม่มีครอบครัวหรือญาติพี่น้องจึงต้องรบกวนท่านให้ช่วยดูแล”
“ส่วนเมล็ดมันเทศ ข้าจะหาให้ท่านเองจงปลูกมันเทศในฤดูการอื่น และปลูกข้าวสาลีในฤดูหนาวผลผลิตของมันเทศข้ายกให้ทั้งหมด เพราะข้าต้องการเพียงผลผลิตของข้าวสาลีและหากได้มาแล้ว ข้าจะจ่ายค่าแรงให้เป็นการตอบแทนท่านป้าคิดเห็นอย่างไร?”
จชื่อดีใจเป็นอย่างมากเพราะในฤดูหนาวนอกจากที่ต้องดูแลโรงงานแล้ว ยังมีสมาชิกในครอบครัวอีกมากที่ยังว่างงานอยู่หากทุกอย่างเป็นไปตามแผนผลผลิตมันเทศทั้งหมดก็จะกลายเป็น ของครอบครัวนาง แน่นอนว่านี่เป็นข้อตกลงที่ยอดเยี่ยม
“เถียนเถียน เจ้าพูดจริงหรือ? ด้วยวิธีนี้ครอบครัวของเราก็จะมีรายได้และไม่ต้องอดอยากอีก”
หยุนเกียนเถียนพยักหน้าอย่างหนักแน่น “เป็นเช่นนั้นและในทุกฤดูหนาวข้าจะจ่ายค่าแรงให้ ด้วยเช่นกัน”
จชื่อพยักหน้า “เถียนเถียน แม้ว่าข้าจะเคยช่วยเหลือเจ้าในอดีตแต่ก็ไม่ได้มากมายนัก ทว่าตอนนี้เจ้ากลับช่วยเหลือข้าและครอบครัวอย่างเหลือล้นจนไม่รู้จะตอบแทนอย่างไร”
“เจ้าช่างเก่งและมีเมตตายิ่งในเมื่อเจ้าช่วยข้าอย่างเต็มที่… ข้าก็จะช่วยเจ้าเช่นกัน ทุกอย่างเป็นเรื่องของการพึ่งพาอาศัยและเกื้อกูลหากใครดีต่อข้าแน่นอนว่าข้าย่อมดีตอบ”
จชื่อรู้ดีว่าหากทําการเกษตรบนที่ดินของผู้อื่นที่ไม่ใช่หยุนเถียนเถียนพวกเขาจะไม่มีทางได้รับการปฏิบัติอย่างดีเช่นนี้อย่างไรก็ตามหญิงผู้นี้ก็ยังยอมสูญเสียผลผลิตมากมายเพื่อตอบแทนที่จีชื่อเคยช่วยเหลือนางมาก่อน
“ข้ารู้ดีว่ากว่าเจ้าจะมาถึงทุกวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ครอบครัวเรายากจนนักข้าไม่รู้จะตอบแทนเจ้าอย่างไรแต่ไม่ต้องกังวลข้าจะดูแลที่ดีนทั้งหมดที่เจ้าให้มาเป็นอย่างดี… วางใจเถิด”
หยุนเถียนเถียนรู้สึกละอายใจแท้จริงแล้วราคาของข้าวสาลีนั้นสูงกว่ามันเทศมากไม่ว่าอย่างไรนางก็ได้กําไรมหาศาลอยู่ดี
“ท่านป้า อย่าพูดเช่นนั้นเลย อันที่จริงข้าได้กําไรจากสิ่งนี้อย่างมหาศาลเพราะราคาข้าวสาลีสูงกว่ามันเทศมากทั้งยังต้องปลูกและดูแลอย่างพิถีพิถันแต่นี่คือสิ่งที่นายน้อยหลี่ต้องการหากท่านทําได้ข้าจะยกที่ดินให้สามไร่”
จชื่อจ้องมองหยุนเถียนเถียนดวยความพาคภูมิใจราวกับเห็นความรุ่งโรจน์อันยิ่งใหญ่ที่กําลังจะเกิดขึ้นแม้ในยามทุกข์ใจหยุนจิงเอ๋อก็ยังไม่สามารถข้ามผ่านเรื่องราวต่าง ๆ ไปได้แต่หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้ากลับรู้จักลุกขึ้นต่อสู้อย่างเด็ดเดี่ยวและเข้มแข็ง
“เถียนเถียน ข้าได้ยินมาว่าเจ้าวางแผนที่จะยกโรงงานให้ครอบครัวผู้เฒ่าใหญ่… พร้อมสําหรับสิ่งนี้หรือไม่?”
หยุนเถียนเถียนพยักหน้าอย่างสงบ “ข้าไม่ได้วางแผนที่จะอยู่ในหมู่บ้านนี้อีกต่อไป ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นทําให้ต้องเจ็บช้ํามากพอแล้วข้าต้องการย้ายไปอยู่ในเมืองเพื่อจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้นและเฉินเอ่อเองก็จะได้ไม่ลําบากเรื่องการไปเล่าเรียน”
อันที่จริงก็มีแต่พวกชาวบ้านที่เกลียดชังและคอยกลั่นแกล้งหยุนเถียนเถียนอย่างไม่หยุดหย่อนแม้ท่านผู้เฒ่าจะพยายามห้ามปรามเพียงใดก็ไม่เป็นผล
“แต่ข้าไม่เคยทําให้เจ้าต้องเจ็บช้ําใจเลยตอนนี้ความสุขของเจ้าไม่ได้อยู่ในหมู่บ้านเทพธิดาอีกต่อไปแม้ข้าอยากเกลี้ยกล่อมหรือห้ามไม่ให้เจ้าจากไปเพียงใดก็คงทําไม่ได้เฉินไฉ่อีกําลังจะแต่งงานในอีกไม่กี่วันข้างหน้าเจ้าอยากไปร่วมงานหรือไม่?”
หยุนเถียนเถียนตกตะลึง “นางอยากเป็นนาง บําเรอของหลี่ชื่อฮวาไม่ใช่หรือ?จะแต่งงานได้อย่างไรกัน?
“อืม อย่างไรเสียท่านหัวหน้าหมู่บ้านก็เคยช่วยเหลือและดีต่อข้ามาก่อน… ข้าควรเอาของขวัญไปมอบให้นางเสียหน่อย”
จชื่อหยักหน้า “เป็นที่รู้กันดีว่าเฉินไฉ่อีมีชื่อเสี ยงที่ไม่ดีในหมู่บ้านและคงไม่มีใครอยากแต่งงานกับหญิงเช่นนี้ทว่าเรื่องนี้ก็เป็นที่เล่าลือกันในหมู่บ้านเท่านั้นแน่นอนว่าคนต่างหมู่บ้านจะไม่มีทางรับรู้แต่ใครจะคิดว่าชะตาชีวิตของนางจะถูกลิขิตให้ครองคู่กับลูกชายของจางชิวไฉ่!”
หยุนเถียนเถียนยิ้ม “หากนางดําเนินชีวิตอย่างสัตย์ซื่อต่อสามีชะตากรรมนี้ก็ถือว่าเป็นพรแต่หากนางยังไม่รู้จักพอและทําเรื่องน่าละอายทุกสิ่งก็จะกลายเป็นคําสาปแช่ง!”
จชื่อมองไปรอบ ๆ ก่อนจะกระซิบหยุนเถียนเถียนว่า“ข้าได้ยินมาว่าภรรยาของท่านหัวหน้า หมู่บ้านรู้สึกภูมิใจเป็นอย่างมากเมื่อข่าวลือเรื่องที่ลูกสาวต้องการเป็นนางบําเรอของนายน้อยหลี่ถูกเผยแพร่ออกไป!
หยุนเทียนเถียนตกตะลึงและถามขึ้นทันที”ท่านป้าหมายความว่าอย่างไร?”จะไม่ให้ภู มิใจได้อย่างไรในเมื่อทุกคนต่างรู้ดีว่านายน้อยหลี่เป็นขุนนางแต่ข้าได้ยินมาว่าคราก่อนเขาป่วยขณะที่กําลังสอบเลื่อนขั้นเพราะสุขภาพไม่ดีแต่ก็สามารถสอบผ่านและกลายเป็นขุนนางได้หากเขาลงสอบขั้นต่อไปก็อาจได้เป็นนักปราชญ์! ตระกูลหลี่ก้าวย่างได้อยากมั่นคงเพราะเขาใช่หรือไม่?! “หยุนเสียนเถียนแสยะยิ้มนายน้อยหลี่ย้าย เข้ามาอยู่ในบ้านของผู้เฒ่าใหญ่อย่างกะทันหันแสดงว่าต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเป็นแน่ ไม่เช่นนั้นท่านหัวหน้าหมู่บ้านคงไม่รีบจัดงานแต่งงานให้ลูกสาวเช่นนี้!”
อย่างไรก็ตาม เฉินไฉ่อีก็เป็นหญิงที่มีความทะเยอทะยานเป็นอย่างมากและนายน้อยนี้ก็คารมคมคายไม่น้อยจึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากนางจะมีความคิดอยากเป็นนางบําเรอของเขา
ไม่ใช่เรื่องแปลกหากหญิงสาวผู้หนึ่งจะคิดเช่นนี้แต่ที่น่าแปลกใจคือภรรยาของท่านหัวหน้าหมู่บ้านกล้าเปิดเผยเรื่องเหล่านี้ออกมาได้อย่างไร?”ข้าเพียงสงสัยว่าเหตุใดภรรยาของท่านหัวหน้าหมู่บ้านจึงพูดเช่นนี้ออกมาได้?”จชื่อตอบกลับด้วยรอยยิ้ม”ไม่มีใครรู้ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของนางคืออะไรและไม่มีใครเข้าใจว่าเหตุใดนางจึงภาคภูมิใจนักแต่อันที่จริงเจ้าบ่าวในวันนี้คือลูกชายตระกูลจางไม่ใช่นายน้อยหลี่”
เดิมที่หยุนเกียนเถียนตั้งใจจะฝากของขวัญไปให้แต่เมื่อได้ยินเช่นนี้นางกลับรู้สึกอยากไปดูให้เห็นกับตา
แม้หลี่ซื่อฮวาจะไม่ใช่ขุนนางที่เก่งกล้าแต่ก็รวยและหล่อเหลาเอาการจนทําให้เฉินไฉ่อคลั่งไคล้จนอยากเป็นนางบําเรอ
เจ้าบ่าวของนางเป็นคนเช่นไรกัน? เหตุใดเขาจึงสามารถเอาชนะนายน้อยหลี่ได้?”
จ่อชื่อนั่งลงอย่างสบายใจพลางครุ่นคิดถึงสิ่งที่ต้องทําที่บ้านไม่นานก็นึกออกจนถี่ถ้วน ขณะที่ หยุนเกียนเถียนไม่เข้าใจถึงเหตุผลที่เฉินไฉ่อีทําเช่นนี้เพราะอาจสามารถทําให้ผู้คนหัวเราะเยาะ นางและครอบครัวได้!
และเนื่องจากเฉินไปต้องการมาเป็นคนดูแลร้านอาหารของนายน้อยหลีในอนาคต หยุนเกียนเถียนจึงต้องร้องขอให้หลี่ซื่อฮวากลับมายังหมู่บ้านนี้อีกครั้ง