สามีข้า คือพรานป่า - ตอนที่ 175 แค่บะหมี่ชามหนึ่ง
สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 175 แค่บะหมี่ชามหนึ่ง
หยุนเถียนเถียนก้มหน้าลงยิ้มหวาน ในขณะที่หลี่ซื่อฮวาจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาแห่งความสเน่หา ภาพนี้ช่างดูเข้ากันแต่ก็ขัดตายิ่งนัก
สีหน้าของหยุนเคอมืดมน เขาก้าวเท้าเข้าไปตรงนั้นแม้ว่าจะทําอะไรไม่ได้แต่ก็นั่งลงที่โต๊ะเพื่อขัดจังหวะเหตุการณ์ที่คิดว่าบาดตาบาดใจ
หลี่ซื่อฮวาขมวดคิ้ว นี่หยุนเคอกําลังประกาศความเป็นเจ้าของใช่หรือไม่?
ส่วนหยุนเถียนเถียนยังคงหัวเราะจนน้ําหูน้ําตาไหล “หยุนเคอเจ้าลองทายดูสิว่าหลี่ชุนเถียวจะได้รับผลกรรมแบบไหน?”
หยุนเคองุนงงและไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหน หญิงสาวถามโดยไม่ได้คาดหวังคําตอบจากเขา
“เจ้าคิดดูว่าเนื้อตากแห้งของเราใช้เวลารมควันกี่วันกว่าจะออกจากเตาแต่เนื้อที่หลี่ซุนเกียวทํานั้นรมควันเพียงแค่สองสามวันเนื้อยังคงมีความชื้นอยู่ในสภาพอากาศเช่นนี้ยากที่รักษาคุณภาพของเนื้อตากแห้งไว้ ข้าไม่รู้ว่าหลี่เฟิงจะรู้สึกอย่างไรเมื่อเห็นว่าในบ้านเต็มไปด้วยหนอนแมลงวัน!”
“ถึงแม้ว่าตอนนี้จะขายดีอยู่มาก แต่ก็ยังมีความแตกต่างของรสชาติ ตระกูลใหญ่เหล่านั้นจะไม่โลภเห็นแก่ของถูกเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้แน่ อีกอย่างหลังจากลองชิมไปแล้วคงไม่ใครกลับไปซื้ออีก ข้าอยากรู้นักเนื้อตากแห้งสองพันจินจะสามารถเลี้ยงแมลงวันได้ที่ตัว?”
หลี่ซื่อฮวาเองก็หัวเราะออกมาเช่นกัน ถ้าเรื่องนี้เป็นจริง นายหญิงหลี่จะตกใจเพียงใดและน้องชายของนางจะมองพี่สาวด้วยสายตาเช่นไร? อย่างน้อย ๆ ความโกรธนี้คงทําให้นางแทบกระอักตาย!
“ท่านลองนึกดู คนผู้นั้นจะไม่อารมณ์เสียหรือ ในฐานะผู้กระทําผิดไม่รู้ว่าหลี่ชุนเถียวจะมีปัญญารับมือกับคนที่มาชําระบัญชีแก้นกับนางได้หรือไม่?”
แต่มีเรื่องที่ไม่ค่อยตลก หลี่ซื่อฮวาไม่ได้หัวเราะออกมาอย่างมีความสุขนัก ในใจของหยุนเคอคงคิดว่าคู่หมั้นตัวน้อยของเขากําลังถูกจีบซึ่ง ๆ หน้า
“เอาล่ะ! พวกเจ้าเป็นผู้ชายเหมือนกันคงมีเรื่องให้สนทนากันมากมาย อย่างไรก็นั่งคุยกันไปก่อน ข้าจะไปเตรียมอาหารกลางวันและเอาของที่จะเสนอขายให้นายน้อยหลี่มาด้วย”
เมื่อหยุนเสียนเถียนลุกออกไปก็เหลือเพียงชายร่างใหญ่สองคนพวกเขาไม่สามารถหาหัวข้ออะไรมาสนทนากันได้เลยจริง ๆ
“คุณชายหลี่ แม้ว่าตอนนี้หยุนเถียนเถียนจะยังไม่แต่งงานแต่เมื่อถึงเวลาข้าจะแต่งงานกับนางและย้ายมาอยู่ด้วยกันทันที”
มุมปากของหลี่ซื่อฮวากระตุกเล็กน้อย เจ้าจะแต่งงานก็ไม่ใช่เรื่องของข้า จะมาโอ้อวดต่อหน้าข้าเพื่ออันใดกัน?
“เช่นนั้นก็ขอแสดงความยินดีกับพี่หยุนล่วงหน้า!”
หยุนเคอรู้สึกพอใจอย่างมากเมื่อได้ยินเช่นนี้ ส่วนหลี่ชื่อฮวานั้นเมื่อเห็นท่าทางของเขาก็รู้สึกคันไม้คันมืออยากจะต่อยหน้าเขาสักหมัด
ไม่รู้จริง ๆ ว่าเหตุใดหยุนเถียนเถียนถึงไปชอบพอผู้ชายหนวดรกรุงรังเช่นนี้? หนวดเคราเขียวครึ้มนั่นไม่สามารถบอกได้ด้วยซ้ําว่าหน้าตาของเขาเป็นอย่างไร หากวันใดโกนหนวดขึ้นมาอาจจะจําไม่ได้เลยด้วยซ้ํา
แต่หลี่ซื่อฮวาก็มีมารยาทพอที่จะไม่ไปถามเรื่องหยุมหยิมเช่นนี้กับหยุนเถียนเถียน อย่างไรก็ต้องไว้หน้าหญิงสาวอยู่บ้าง
ในที่สุดก็ถึงเวลามื้อเที่ยง หลี่ซื่อฮวาต้องใช้ความอดทนอย่างมากที่จะไม่กลับไปเสียก่อน
หยุนเถียนเถียนไม่ได้ทําอาหารมื้อใหญ่ หลังจากเข้าไปในครัวสักพักนางก็นําบะหมี่สามชามออกมา
ดวงตาของหลี่ซื่อฮวาเบิกกว้าง “ไม่สิ! นี่มันก็แค่บะหมี่ชามหนึ่งแม้ว่าสิ่งนี้จะค่อนข้างแพงแต่ก็ไม่ใช่ของหายากในเมืองนี้ อีกทั้งต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งในการขนส่งมาจากทางเหนือ เหตุใดเจ้าถึงคิดได้แค่นี้”
หยุนเถียนเถียนเผยรอยยิ้มลึกลับบนใบหน้าของนาง “อันที่จริงเมืองของเราก็ไม่ได้อยู่ทางใต้เกินไปนัก หากต้องการท่านสามารถปลูกข้าวสาลีได้ และตอนนี้ก็ถึงช่วงฤดูปลูกข้าวสาลีแล้วในหมู่บ้านยังมีพื้นที่รกร้างอีกมากมายที่เราสามารถนํามาปลูกข้าวสาลีก่อนได้ ต่อไปราคาของแป้งจะได้ถูกลง”
“ที่สําคัญที่สุดคือบะหมีของข้าแตกต่างจากของผู้อื่น แม้หน้าตาจะดูธรรมดาแต่ท่านก็ไม่สามารถสบประมาทได้ ลองกินดูก่อน เถิด!”
หลี่ซื่อฮวายังคงมีสีหน้าสับสนมึนงง แต่เขาก็ยื่นตะเกียบไปคืบบะหมี่ที่น่าตายั่วน้ําลายขึ้นมาด้วยความหิว
เมื่อรสชาติของบะหมี่แผ่กระจายในปากหลี่ซื่อฮวาก็ตกใจแม้จะถูกส่งตัวมายังพื้นที่ห่างไกลแต่เขาก็เคยเห็นโลกกว้างมาก่อน
ถึงบะหมีจะเป็นอาหารหลักของคนทางตอนเหนือแต่รสชาติก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ โดยเฉพาะสําหรับคนทางใต้ที่ไม่คุ้นเคยกับการทานบะหมี่ มันช่างไม่น่าอภิรมย์เอาเสียเลย
ด้วยเหตุนี้จึงไม่ค่อยมีบะหมี่ขายในร้านอาหาร เพราะไม่เป็นที่นิยมมากนัก
แต่บะหมี่ชามนี้รสชาติที่ถูกปากคนทางใต้อย่างแน่นอน
หยุนเคอตาโตเมื่อได้ทานบะหมีที่อยู่ในชาม จากนั้นเขาก็เร่งความเร็วในการกินเพื่อแสดงถึงความชื่นชอบต่ออาหารชามนี้
หยุนเถียนเถียนกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “เป็นอย่างไร? เห็นหรือยังว่าข้าไม่ได้โกหกท่าน? หากนําบะหมีพวกนี้ไปขายในร้านอาหารท่านคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น?”
เมื่อเห็นหยุนเคอทานอย่างเอร็ดอร่อย เขาก็ไม่สนใจตอบคําถามของหยุนเถียนเถียน แต่ก้มหน้าลงกินบะหมี่เช่นกัน
เสี่ยวซื้อเองก็ตกตะลึง แม้ว่าบะหมีชามนี้จะดูดีกว่าบะหมีทั่วไปแต่นายน้อยก็มิใช่คนขัดสน ดูเถิด สูดบะหมี่เสียงดังเช่นนั้นน่าเกลียดเสียจริง!
เคล็ดลับความอร่อยของบะหมี่ชามนี้มาจากเนื้อไก่ที่ซื้อจากเถาเปาเครื่องปรุงรสจากต่างยุคถูกห่อด้วยกระดาษน้ํามันโดยเสี่ยวเถา จากนั้นก็ปรากฏในมือของหยุนเถียนเถียน
รสชาติจึงอร่อยกว่าบะหมี่ที่ปรุงด้วยน้ํามันและเกลือของทางตอนเหนือมาก ไม่น่าแปลกใจเลยที่คนโบราณสองคนนี้จะกินเข้าไปอ ย่างไม่รักษาท่าที่
โดยเฉพาะพริกน้ํามันที่ลอยอยู่ด้านบน แม้ว่าหลี่ซื่อฮวาจะรู้ว่ามันทํามาจากพริกไทยและน้ํามันแต่ก็ไม่รู้วิธีการทํา น่าเหลือเชื่อมากที่ไม่เคยมีพ่อครัวคนไหนค้นพบวิธีการที่แสนง่ายดายเช่นนี้
ด้วยความคิดที่อนุรักษ์นิยมและอวดดีของคนโบราณทําให้พวกเขารู้วิธีสืบทอดประสบการณ์ของคนรุ่นก่อน แต่ลืมหาแนว
เมื่อกินบะหมี่หมดไปหนึ่งชามหลี่ซื่อฮวาก็ประหลาดใจมาก เขากินจุขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ในคราแรกที่บะหมี่ชามใหญ่ถูกยกออกมาเขารู้สึกว่ามันน่ากลัวมาก แต่เมื่อกินไปแล้วเขาก็คิดว่ามันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ
อีกด้านหนึ่ง หยุนเคอมองหยุนเถียนเถียนด้วยดวงตาเป็นประกาย เขาเติบโตจากทางตอนเหนือถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะอยู่ทางใต้แต่เขาก็ยังคงชอบบะหมี่มาก
แม้ว่าจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องค่อย ๆ ยอมรับวัฒนธรรมการกินของทางใต้ แต่บะหมี่ชามนี้รสชาติดีกว่าที่บ้านเกิดของเขาเสียอีก
ดูจากทักษะการทําอาหารของหญิงสาวผู้นี้เขาจะไม่มีวันเสียใจเลยหากได้แต่งนางเข้าบ้าน!