สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 985 งานมงคล (ฉบับซิ่นหยาง vs เซียวจี่)
บทที่ 985 งานมงคล (ฉบับซิ่นหยาง vs เซียวจี่)
……….
ไยมาเรื่องจูบอีกแล้วเล่า
เซียวจี่เอ่ย “อาจจะไม่ได้ผลเสมอไป ก็แค่ลองดู”
องค์หญิงซิ่นหยางขมวดคิ้วเอ่ย “ในหัวของเจ้ามีแต่ความคิดอะไรกันนี่!”
เซียวจี่เอ่ย “ไม่เช่นนั้นข้าจะไปหาหลงอีนะ”
นี่มันคนละเรื่องกันเลย
นางจะปล่อยให้สามีตัวเองไปหาบุรุษอีกคนกลางดึกกลางดื่นได้อย่างไรกัน
“เจ้า…เจ้า…” ถ้อยคำหลังนางยากจะเค้นออกมาได้
เซียวจี่กลับรู้ดียิ่งว่านางอยากถามอะไร เขาพยักหน้าให้นางด้วยสีหน้าจริงใจยิ่ง “จริงแท้ยิ่งกว่าทองคำ หากเจ้าไม่แย่งสมาธิข้าไปอีก ในหัวข้าก็จะมีแต่หลงอี”
องค์หญิงซิ่นหยางตบหน้าผาก
เมื่อตบตีกันอยู่ในใจรอบหนึ่ง ก็เรียกความกล้า โน้มตัวลงไป จุมพิตบนแก้มเขาอย่างรวดเร็ว
เป็นฝ่ายทำเรื่องพรรค์นี้ตอนที่เขามีสติแจ่มชัดอยู่ มันช่างน่าอายเกินไปแล้ว
“ดะ…ได้ผลหรือไม่” แก้มนางแดงเห่อพลางถาม
เคราะห์ดีที่มีราตรีปกปิด ไม่เช่นนั้นท่าทางนี้ถูกเขาเห็นเข้า คงได้เขินอายกว่าเดิมแน่
เซียวจี่ขบคิดอยู่รอบหนึ่งพลางเอ่ย “เหมือนจะไม่ค่อยได้ผลนะ”
องค์หญิงซิ่นหยางทั้งเขินทั้งเคืองเอ่ย “วิธีนี้ที่เจ้าว่ามาไม่เห็นได้ผลเลย!”
เซียวจี่เอ่ยอย่างไม่รู้ชี้ไม่ชี้ “เจ้าจุมพิตแค่นั้นมันจะไปได้ผลอะไรเล่า”
องค์หญิงซิ่นหยางขนตาสั่นไหว “เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
เซียวจี่เอ่ยอย่างหน้าด้านไร้ยางอาย “ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทำตามมาตรฐานที่ข้าสาธิตให้เจ้าดูเมื่อคราก่อนสิ หรือไม่เจ้าก็ด้นสดเอง เพิ่มให้มากขึ้นหน่อย”
องค์หญิงซิ่นหยางสูดหายใจลึก!
ทำตามมาตรฐานของเขา ทั้งต้องขยับริมฝีปากทั้งต้องสอดลิ้น หากเพิ่มให้มากขึ้นหน่อย นั่นมันจะมีสภาพอย่างไร!
ชั่วชีวิตนี้นางไม่เคยมุทะลุเช่นนี้มาก่อนเลย…
ช้าก่อน หรือว่าสองคืนนั้นที่นางกินยาผิด…ก็มุทะลุเช่นนี้เหมือนกัน
นึกถึงความเป็นไปได้นี้ นางก็ชักจะอยู่ไม่สุขแล้ว ข้างแก้มร้อนดั่งไฟเผา แดงจนเลือดแทบจะหยดออกมาได้
“หลงอีจ๋าหลงอี…” เซียวจี่เริ่มเรียกหลงอีอีกแล้ว
องค์หญิงซิ่นหยางกัดฟัน หลับตาลง เอียงหน้าเล็กน้อย ทาบทับเขาอย่างอาลัย
กลีบปากนางสั่นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าในใจนางตื่นเต้น
นางลังเลอยู่พักใหญ่ จึงได้ขยับริมฝีปากตัวเองเบาๆ
เซียวจี่ลมหายใจสะดุด
องค์หญิงซิ่นหยางทั้งตื่นเต้นทั้งเขินจนจะตายอยู่แล้ว ไม่ได้สังเกตเลยว่าคนใต้ร่างถูกการสัมผัสชั่วครู่นี้ที่ไม่นับเป็นอะไรได้ปลุกเพลิงปรารถนาขึ้นมาแล้ว
นางหน้าแดงปล่อยเขา ถาม “บะ…แบบนี้เล่า”
เซียวจี่สงบสติอารมณ์ครู่หนึ่ง สีหน้าเย็นชาเอ่ย “เหมือนจะได้ผลนิดหน่อย เจ้าต่อสิ”
องค์หญิงซิ่นหยางข่มความเขินอาย จุมพิตเขาอีกครา
นางทั้งกระสัน ทั้งไร้เดียงสา และไร้ทักษะใดๆ
สุดท้ายก็ยังเป็นเซียวจี่ที่ทนไม่ไหวกับความทรมานที่เกาไม่ถูกที่นี้ ยกมือสะบัดเชือกออก คว้าท้ายทอยนางแผ่วเบา จุมพิตนางอย่างลึกซึ้ง
“ดะ…ได้แล้วกระมัง”
ปลายนิ้วนางลูบกลีบปากแดงเรื่อชุ่มชื้นของตน หอบหายใจถามขึ้น
เขาเอ่ยเสียงแหบพร่า “ยังไม่พอ ฉินเฟิงหวั่น”
ค่ำคืนนี้ ภูตผีคงรู้ว่าเขาหลอกเอาจูบนางไปเท่าใด
นางนอนหลับสนิทอยู่ข้างกายเขาไปแล้ว เพราะกลัวว่าจะทับถูกแผลเขา นางจึงไม่ได้นอนอยู่ในอ้อมอกเขา แต่หันหน้าเข้าหาเขาแทน เกศาดำขลับอ่อนนุ่มเป็นประกายเงางามดุจผ้าต่วนนิลแผ่สยายบนหมอน คลอเคลียกับผมของเขา
ท่ามกลางความมืดมิด เขามองดวงหน้าหลับสนิทของนาง ข่มความเจ็บทั่วทั้งร่างไว้ ครานี้ เขาไม่ได้จุมพิตบนริมฝีปากนาง แต่กดจูบเบาๆ บนหว่างคิ้วนางแทน
…
วันรุ่งขึ้น เทพธิดาที่อยู่ในห้องลับก็ฟื้น หลงอีกับองค์หญิงน้อยตงอี๋มาหา
หลงอีสกัดจุดใบ้ของเทพธิดาไว้ ทำให้นางพูดได้
องค์หญิงน้อยตงอี๋หายาแฝดเจอในห้องลับ ก่อนมอบให้องค์หญิงซิ่นหยาง
องค์หญิงซิ่นหยางเพื่อป้องกันไม่ให้เซียวจี่เห็นหลงอี แล้วจะไปเร่งฤทธิ์ยาให้รุนแรงขึ้นกว่าเดิม จึงทิ้งเซียวจี่ไว้บนเตียงคนเดียว คลุมม่านมุ้งปิดไว้อย่างแน่นหนา ราวกับเขตหวงห้ามที่ไม่อาจเห็นเดือนเห็นตะวัน!
องค์หญิงซิ่นหยางเอ่ยกับองค์หญิงน้อยและหลงอี “พวกเจ้าออกไปก่อน ข้ามีอะไรจะคุยกับนางตามลำพัง”
ทั้งคู่ออกไปแล้ว
องค์หญิงซิ่นหยางปิดประตูห้องลับ ถือยาลูกกลอนกับเชิงเทียนเดินมาหยุดตรงหน้าเทพธิดา
เทพธิดานั่งอยู่บนพื้น ถูกมัดแบบอู่ฮวา[1] ทำได้เพียงส่งสายตาเย็นชาถลึงใส่องค์หญิงซิ่นหยาง
องค์หญิงซิ่นหยางเอ่ยนิ่งๆ “ไม่ต้องมองข้าเช่นนั้น ข้าไม่มีทางให้คนคลายจุดใบ้เจ้าหรอก ข้าจะทำข้อตกลงกับเจ้า เจ้ารับปากข้า ให้กะพริบตาหนึ่งที ไม่รับปากก็กะพริบตาสองที”
…
เวลาหนึ่งเค่อต่อมา องค์หญิงซิ่นหยางก็ออกมาจากห้องลับพลางเอ่ยกับหลงอี “ปล่อยนางได้แล้ว”
หลงอีเข้าไปแก้มัดกับคลายจุดให้
องค์หญิงน้อยตงอี๋ถามองค์หญิงซิ่นหยาง “นางกินลงไปแล้วหรือ”
องค์หญิงซิ่นหยางส่งเสียงอืม “กินแล้ว น่าจะไม่มีใจเป็นอื่นกับข้าแล้วล่ะ”
องค์หญิงน้อยตงอี๋เอ่ยเตือนด้วยความหวังดี “ท่านระวังไว้ก่อนดีกว่า ฤทธิ์ยาชนิดนี้มันแล้วแต่บุคคล แตกต่างกันมากด้วย”
องค์หญิงซิ่นหยางพยักหน้าอย่างเอ้อระเหย “ข้ารู้ เหลืออีกสองวันก็ถึงวันแต่งงานแล้ว คนที่ไปมาหาสู่จะเยอะมากขึ้น เจ้ากับหลงอีอย่าปรากฏตัวให้คนเห็นจะดีกว่า”
นึกบางอย่างขึ้นมาได้ นางก็เอ่ยอีก “หรือไม่ก็ให้หลงอีส่งเจ้ากลับไปก่อน ถึงเวลานั้นพวกเราจับตัวกษัตริย์ตงอี๋กัน อาจจะไม่มีเวลาดูแลเจ้า”
องค์หญิงน้อยตงอี๋เอ่ย “ข้าเป็นวรยุทธ์ ปกป้องตัวเองได้”
นางยืนกรานรั้งจะอยู่ต่อ และที่นี่อยู่ไกลจากค่ายทหารแคว้นเจามากเกินไป ส่งกลับไปจะไม่ทันกาล ให้กลับไปเองก็ไม่วางใจ องค์หญิงซิ่นหยางจึงไม่ได้เอ่ยเสนอไปส่งนางกลับอีก
องค์หญิงซิ่นหยางกับเซียวจี่กลับมาถึงห้องปีกข้างห้องเดิม หลงอีกับองค์หญิงน้อยตงอี๋หลบซุ่มอยู่ในที่ลับของเทพธิดา จับตามองทุกการกระทำของนางไว้อย่างใกล้ชิด รวมถึงสังเกตการเปลี่ยนแปลงของฤทธิ์ยาด้วย
เกิดฤทธิ์ยาหมดลง พวกเขาก็จะใช้วิธีแข็งกร้าว
ทว่าเหมือนฤทธิ์ยาแฝดจะใช้ได้ทีเดียว เทพธิดาเชื่อฟังองค์หญิงซิ่นหยาง ไม่ได้เล่นลูกไม้อะไร
พริบตาก็ถึงวันแต่งงานแล้ว เซียวจี่ตื่นตั้งแต่เช้า พอลืมตาขึ้นก็พบว่าฉินเฟิงหวั่นไม่อยู่ ถามสาวใช้หน้าประตูจึงได้ทราบว่านางถูกเทพธิดาเรียกไปหา
เทพธิดาไม่มีทางเรียกตัวนาง น่าจะเป็นนางที่กลัวทางเทพธิดาจะเกิดปัญหา จึงไปจับตาดูเทพธิดา
เขาไม่คิดเป็นอื่น มองชุดมงคลบนโต๊ะด้วยความเสียดาย ก่อนจะสวมใส่มันเอง
แม้ว่าจะเป็นการแต่งงานปลอมๆ แต่เซียวจี่ก็รู้สึกไม่มีความสุขอยู่ดี เดี๋ยวตอนทำพิธีจะพยายามทำลวกๆ หน่อย
หลังจากแต่งกายเรียบร้อย เขาก็ไปรอเทพธิดาอยู่หน้าเรือนนอนของเทพธิดา
รอไม่นาน เทพธิดาในชุดแต่งงานมงกุฎหงส์ก็เดินออกมาจากตำหนักในท่ามกลางพวกหงหลวนคอยคุ้มกันส่ง
ในมือหงหลวนถือผ้าไหมแดงเส้นหนึ่ง นางยื่นปลายหนึ่งให้เทพธิดา อีกปลายหนึ่งยื่นใส่มือเซียวจี่
เซียวจี่มองไปรอบๆ ไม่เห็นฉินเฟิงหวั่น ก็เดาว่านางน่าจะรออยู่ในห้องลับ
หงหลวนนำทางอยู่ข้างหน้า
เซียวจี่ไม่เคยเห็นชาวตงอี๋แต่งงาน แต่ว่ากันว่าพิธีแต่งงานไม่ค่อยเหมือนกัน ทว่าเมื่อพวกเขามาถึงโถงใหญ่ที่ใช้ทำพิธี เขาก็พบว่าข่าวลือผิดพลาด
กระถางไฟ แส้ม้า เศษกระเบื้อง นี่มันพิธีแต่งงานของแคว้นเจามิใช่หรือ
เขาเดินไปข้างหน้าอย่างรำคาญยิ่ง ไม่อยากรอเจ้าสาวด้วยซ้ำ เจ้าสาวถูกเขาดึงจนเกือบจะล้ม
เจ้าสาวถลึงตาใส่เขาผ่านผ้าคลุมหน้า ยกชายกระโปรงหนักอึ้ง พลางกระโดดขึ้นไปบนอานม้า
จากนั้นนางก็กระโดดข้ามกระถางไฟอย่างปลอดภัย
จากนั้นก็เหยียบเศษกระเบื้อง เห็นเพียงเจ้าสาวยกเท้าขึ้นสูง กระทืบลงไปอย่างแรง เรี่ยวแรงอันแข็งแกร่งนั้นทำเอาหงหลวนตกใจยกใหญ่
ก็แค่เหยียบเศษกระเบื้องเท่านั้น ท่านไม่ต้องออกแรงเพียงนี้ก็ได้เจ้าค่ะ
เศษกระเบื้องแหลกลาญหมด เจ้าสาวใต้ผ้าคลุมพรูลมหายใจโล่งอก ราวกับพอใจกับเรี่ยวแรงของตัวเองมาก
เซียวจี่ขมวดคิ้ว
บ่าวสาวเข้าไปในห้องโถงที่ประดับห้อยผ้าไหมแดงอยู่เต็มไปหมด กษัตริย์ตงอี๋กับองค์ชายทั้งหลายเข้าประจำที่กันนานแล้ว
เซียวจี่ขมวดคิ้วอีกหน
ตาเฒ่ามาแล้วหรือ
หลงอีมัวทำอะไรอยู่ เหตุใดยังไม่ลงมืออีก
“หนึ่ง คำนับฟ้าดิน!”
พิธีกรตำหนักเทพธิดาเอ่ยขึ้น
เซียวจี่กับเจ้าสาวหันหลังกลับไปหาฟ้าดินนอกประตู ค้อมกายคำนับลงไป
เซียวจี่โค้งคำนับแค่ครึ่งเดียว เขาปรายหางตามอง พบว่าเทพธิดาคำนับได้จริงใจยิ่ง
“สอง คำนับบรรพชน!”
เทพธิดาคือผู้นำพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ ตัดความสัมพันธ์กับบิดามารดาในโลกโลกีย์ไปแล้ว ยามแต่งงานย่อมไม่คำนับบิดามารดา ที่คำนับคือรูปปั้นบรรพบุรุษของตำหนักเทพธิดา
เซียวจี่กับเจ้าสาวหันหน้าไปหารูปปั้นต่อ ครานี้ เซียวจี่คำนับลวกๆ กว่าเดิม แทบจะค้อมกายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
การกระทำของเขาเรียกความไม่พอใจจากแขกเหรื่อมาก เพียงแต่ไม่อาจตำหนิต่อหน้าธารกำนัลได้
สุดท้ายเป็นการคำนับกันของสามีภรรยา
เซียวจี่นั้นปฏิเสธ แต่เขาเห็นอย่างชัดเจนว่าอีกฝ่ายโค้งคำนับให้ต่ำมาก แฝงความจริงใจและไว้วางใจทั้งหมดเอาไว้ ราวกับจะฝากชีวิตต่อจากนี้ไว้กับเขา
แววตาเขาวูบไหว ใจพลันเต้นผิดจังหวะ
“เสร็จพิธี!”
พร้อมกับพิธีกรตำหนักเทพธิดาเอ่ยจบ เงาร่างกำยำสายหนึ่งก็ทะยานลงมาจากฟ้า ด้วยมาดมังกรคำราม ทะเลครวญ มาหยุดตรงหน้ากษัตริย์ตงอี๋อย่างแรง
การเคลื่อนไหวของเขาทั้งรุนแรงและรวดเร็วยิ่ง ทุกคนเห็นเพียงภาพติดตาเท่านั้น เมื่อพวกเขารู้สึกตัวขึ้นจะไปคุ้มกันฝ่าบาท กษัตริย์ตงอี๋ก็ถูกหลงอีบีบคอเอาไว้แล้ว!
[1] มัดแบบอู่ฮวา ขั้นแรกให้พันเชือกรอบคอ แล้วอ้อมไปด้านหลังมัดมือที่ไพล่กันเอาไว้