สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 984 เซียวจี่หน้าเนื้อใจเสือ (ฉบับซิ่นหยาง vs เซียวจี่)
บทที่ 984 เซียวจี่หน้าเนื้อใจเสือ (ฉบับซิ่นหยาง vs เซียวจี่)
……….
เทพธิดาคงจะคิดป้องกันไว้หลายตลบแล้ว แต่ไม่คาดคิดว่าจะพลาดกระบวนหนึ่งไป ตัดชุดแต่งงานสำเร็จรูปให้หลงอี[1] ที่ไล่สังหารมาครึ่งทาง
ในเมื่อยานี้มาจากตงอี๋ ฤทธิ์ยาของตงอี๋จึงย่อมดีกว่า
หลังจากเซียวจี่หมดสติไปก็เริ่มฝัน ในฝันล้วนเป็น ‘ภาพสุดท้าย’ ที่ตัวเองเห็นทั้งสิ้น
หลงอีผู้น่ารัก หลงอีผู้หล่อเหลา หลงอีผู้เหี้ยมโหด…
สรุปก็คือมีแต่หลงอีเต็มไปหมด
นี่เป็นฤทธิ์ยา ไม่อาจต้านทานด้วยกำลังได้
เมื่อเขาฟื้นขึ้นมา ภาพของหลงอีก็ประทับลึกในหัวเขา สลัดไม่หลุด
“เจ้าฟื้นแล้วเหรอ”
เสียงขององค์หญิงซิ่นหยางดังขึ้นข้างกายเขา
เขาลืมตาขึ้นมอง พบว่าตัวเองยังอยู่ในตำหนักในของเทพธิดาอยู่ นอนอยู่บนแคร่ไผ่ปูหนังเสือ บนตัวมีหนังสัตว์ผืนหนาห่มไว้
ภายในตำหนักเผาถ่าน จึงได้ไม่หนาว
เขามองฉินเฟิงหวั่น แล้วมองไปรอบๆ เขาสาบานว่าสายตาเขากวาดผ่านที่นอนของเทพธิดาโดยไม่ได้ตั้งใจเท่านั้น
องค์หญิงซิ่นหยางแค่นเสียงเฮอะ “เจ้ายังอยากนอนเตียงของสตรีนางนั้นอยู่รึ”
เซียวจี่ที่โดนงอนโดยไม่รู้อีโหน่อีเหน่ “…” นี่มันอะไรอีกเล่า
“หลงอีเล่า” เขาเอ่ยขึ้นตามสัญชาตญาณ
ถามเสร็จก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าไม่ถูก เขาถามหาหลงอีก่อนได้อย่างไร จะถามก็ต้องถามว่าฉินเฟิงหวั่นมาที่นี่ได้อย่างไรสิ แม้ว่าคำตอบคือหลงอีเป็นคนพามาก็ตาม
องค์หญิงซิ่นหยางยังคงไม่สังเกตเห็นความผิดปกติ คิดว่าเขาเห็นหลงอีก่อนหมดสติไป พอฟื้นขึ้นมาพบว่าหลงอีไม่อยู่ ตามหลักแล้วก็ต้องถามดู
นางเอ่ย “หลงอีกับเจินเอ๋อร์ไปหายาถอนพิษให้เซียวหมิง ได้ยินเจินเอ๋อร์บอกว่าเมื่อครู่นี้อันตรายมาก เทพธิดาเหมือนอยากจะทำร้ายเจ้า โชคดีที่พวกเขามาถึงทัน”
เซียวจี่อยากจะถามอีกว่าเหตุใดหลงอีจึงไม่รอตนก่อน คำพูดมาถึงปลายลิ้นก็ข่มเอาไว้
นี่มันเรื่องอะไรกันนี่
หากถามต่อไป ฉินเฟิงหวั่นจะมองเขาอย่างไร
เขาข่มความห่วงใยต่อหลงอีเอาไว้ ถามนาง “หลงอีเป็นคนพาเจ้ามาหรือ”
ประเสริฐนัก คำก็หลงอี สองคำก็หลงอี
องค์หญิงซิ่นหยางยังคงใสซื่อ “อื้ม ไม่ได้ทำให้คนอื่นรู้ตัว พวกนางนึกว่าเจ้าถูกเทพธิดารั้งให้ค้างแรม ไม่กล้าถาม เทพธิดาถูกหลงอีฟาดสลบไปแล้ว อยู่ในห้องลับยังไม่ฟื้นเลย”
นางเล่าอย่างละเอียดมาก คงจะเห็นแก่ที่เขาบาดเจ็บทั้งตัว อยากให้เขาเก็บแรงเอาไว้ไม่ต้องถามเยอะ
นึกบางอย่างขึ้นมาได้ องค์หญิงซิ่นหยางก็ล้วงยาขวดหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อกว้าง เอ่ยกับเขา “จริงสิ นี่เป็นยารักษาอาการบาดเจ็บที่เจินเอ๋อร์ค้นเจอจากตำหนักเทพธิดา เจ้าลองดู”
“นางยังมีความรู้เรื่องนี้ด้วยรึ” เซียวจี่ไม่เคยได้ยินเจินเอ๋อร์เอ่ยถึงเลย
องค์หญิงซิ่นหยางเมื่อครู่คุยกับเจินเอ๋อร์สองสามคำ นางเอ่ย “เดิมทีมารดานางเป็นคนของตำหนักเทพธิดา เคยรับใช้เทพธิดารุ่นก่อน ตำหนักเทพธิดาเชี่ยวชาญวิชาแพทย์ นางได้เห็นได้ฟังมาตั้งแต่เด็ก และเรียนรู้จากมารดามานิดหน่อย”
“น่าเสียดาย” เซียวจี่สะทกสะท้อนใจ
อายุยังน้อยก็ไร้มารดาแล้ว อาศัยอยู่ใต้ชายคาคนอื่นมาหลายปี เปลี่ยนมือก็ถูกป้าขายทิ้ง
เด็กคนนี้ช่างน่าสงสารจริงๆ
ยานี้ใช้กิน องค์หญิงซิ่นหยางจึงเทน้ำมาให้ ให้เขากินเอง
เขาครุ่นคิด สุดท้ายก็ตัดสินใจบอกเรื่องที่ตัวเองโดนยาแฝดให้องค์หญิงซิ่นหยางรู้ จะได้ไม่เกิดความเข้าใจผิดบานปลาย
“ข้ามีเรื่องอยากจะบอกเจ้า”
“เจ้าว่ามาสิ”
เวรจริงๆ !
เซียวจี่แทบอยากจะบีบคอเทพธิดาให้ตาย มาป้อนยาอะไรให้เขากันนี่!
องค์หญิงซิ่นหยางมองเขาด้วยสีหน้างุนงง
“ไม่ใช่” เขานวดหว่างคิ้ว กำลังจะอธิบาย หลงอีก็พาองค์หญิงน้อยของตงอี๋กลับมาแล้ว
เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงเลิกผ้าห่มออก เร้นกายมาหยุดตรงหน้าหลงอี “เหมิงเหมิง!”
เขาอยากฟันตัวเองตาย!
หลงอีที่ถูกเรียกด้วยชื่อเล่น “…”
องค์หญิงน้อยตงอี๋ที่ได้ยินชื่อเล่นนี้ “…”
และองค์หญิงซิ่นหยางที่ไม่เข้าใจว่าสามีตัวเองเป็นบ้าอะไรขึ้นมา “…”
เซียวจี่ใช้แรงมหาศาลมากจึงได้เบียดเทพธิดาออกไปจากหัว สุดท้ายเอาเปรียบหลงอีเสียแล้ว ยามนี้ยังจำต้องใช้แรงมหาศาลอีกคราเพื่ออธิบายความเป็นมาที่ตนโดนยาแฝดให้กระจ่างอีก
แน่นอนว่าไม่พูดถึงเรื่องที่ตนคิดถึงฉินเฟิงหวั่นอยู่ในหัวกลับไปกลับมาอยู่ตลอด บอกแต่ว่าเพิ่งกินยา หลงอีก็ปรากฏตัวขึ้นมา
องค์หญิงน้อยตงอี๋กระจ่างแจ้งโดยพลัน “อ้อ เจ้าหมดสติไปเพราะเรื่องนี้นี่เอง จบเห่แล้ว เจ้าจบเห่แล้ว! เจ้าโดนยาแฝดที่ร้ายแรงที่สุดของพวกเราตงอี๋ เจ้าตายแน่!”
องค์หญิงซิ่นหยางหน้าซีดเผือด “ยาชนิดนี้…มียาถอนมิใช่หรือ”
นางจำได้ว่ามียาขาวยาดำอะไรนั่นน่ะ
องค์หญิงน้อยตงอี๋ส่ายหน้า “ไม่มียาถอน เจ้าต้องจำผิดแน่ แม้ว่าจะมียาที่ตรงกันข้ามกันอย่างยาที่ทำให้คนชิงชัง แต่หากเอามาใช้เป็นยาถอน จะทำให้คนผู้นั้นสติสัมปชัญญะสับสนวุ่นวาย หากร้ายแรงก็อาจจะกลายเป็นคนเสียสติไปเลย”
องค์หญิงซิ่นหยางนึกถึงฮ่องเต้ พระองค์โดนยาแฝดสองชนิดจากจิ้งไท่เฟย ไม่กลายเป็นคนเสียสติอย่างสมบูรณ์ก็ทำพระองค์ลำบากมากแล้ว
องค์หญิงน้อยตงอี๋เอ่ยต่อ “ยิ่งไปกว่านั้น ฤทธิ์ยาของพวกเราตงอี๋จะรุนแรงอยู่นานมาก ข้าว่าพวกเจ้าอย่าทำเช่นนี้ดีกว่า”
องค์หญิงซิ่นหยางขมวดคิ้วเอ่ย “หรือว่าจะไม่มีวิธีอื่นอีกแล้ว”
นึกถึงต่อแต่นี้ไปสามีตนจะติดหลงอีทั้งวันทั้งคืน…ก็ไม่อาจทนได้แล้ว
“จำต้องรอให้หมดฤทธิ์ยาเท่านั้น” องค์หญิงน้อยตงอี๋เท้าศอกกับโต๊ะ สองมือเท้าแก้มน้อยๆ ของตนไว้พลางเอ่ย
องค์หญิงซิ่นหยางรีบถาม “ฤทธิ์ยาจะอยู่นานเท่าใด”
องค์หญิงน้อยตงอี๋ครุ่นคิดอย่างจริงจัง “อืม…แล้วแต่คนนะ ท่านโหวกินไปแค่เม็ดเดียวใช่หรือไม่ อย่างน้อยก็สิบวันครึ่งเดือน อย่างมากก็หนึ่งเดือนน่ะ”
องค์หญิงซิ่นหยางพึมพำ “นานปานนั้นเชียว…”
องค์หญิงน้อยตงอี๋เอ่ย “ไม่ให้ท่านโหวได้พบหลงอี ฤทธิ์ยาก็จะจางลงหน่อย และสามารถหายไปเร็วขึ้นด้วย”
“อย่างนี้นี่เอง…” องค์หญิงซิ่นหยางตัดสินพระทัย ตั้งแต่นี้ไปจะจับตาดูเซียวจี่ไว้ ไหนเลยจะรู้พอนางหันหน้าไป เซียวจี่ไม่อยู่ในห้องแล้ว
นางใจกระตุกวูบ รีบลุกขึ้นไปเรือนท้าย
ในลานเรือนว่างเปล่า บุรุษตัวโตสองคนนั่งยองๆ กับพื้นขุดหิมะ เป็นภาพที่สนิทสนมกลมเกลียวทีเดียว
หลงอีปั้นตุ๊กตาหิมะกองหนึ่งอัปลักษณ์จนอยากจะร้องไห้ เซียวจี่แววตาเป็นประกายเอ่ยชม “เหมิงเหมิงเก่งมาก!”
องค์หญิงซิ่นหยางพลันรู้สึกว่าตัวเองโดนสวมเขาเสียแล้ว
“รีบให้พวกเขาแยกจากกันดีกว่า ไม่เช่นนั้นอาการของท่านโหวจะยิ่งหนักกว่าเดิมนะ” องค์หญิงน้อยตงอี๋เสนอแนะด้วยความจริงใจ
ฤทธิ์ของยาชนิดนี้จะค่อยๆ เข้มข้นขึ้นตามความลึกซึ้งของการใกล้ชิดกัน วันใดเมื่อถึงจุดสูงสุดแล้วจะค่อยๆ จางหายไปช้าๆ
ดูจากการแสดงออกของเซียวจี่ตั้งแต่เมื่อครู่นี้ เขาติดหลงอีมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วจริงๆ
“ยาของบิดาเจ้าหาเจอหรือยัง” องค์หญิงซิ่นหยางโพล่งถามองค์หญิงตงอี๋
องค์หญิงน้อยตงอี๋ชะงักไป ไม่รู้ว่าเพราะคำว่า ‘บิดาเจ้า’ หรือตกใจที่จู่ๆ ก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนากันแน่
นางส่งเสียงอ้อคำหนึ่ง หลุบตาลงเอ่ย “หาเจอแล้ว”
เช่นนั้นก็ไม่มีงานอื่นที่สามารถมอบให้หลงอีได้แล้ว องค์หญิงซิ่นหยางเอ่ย “ตำหนักเทพธิดายังเหลือห้องอื่นให้พักได้หรือไม่”
องค์หญิงน้อยตงอี๋เอ่ย “มี องค์หญิงอยากให้ข้าพาหลงอีไปหรือ”
“แล้วท่านเล่า” องค์หญิงน้อยตงอี๋ถาม
องค์หญิงซิ่นหยางมองเซียวจี่ที่ติดหลงอีสุดแสน ก่อนสูดหายใจลึก “ข้าจะรั้งอยู่เฝ้าท่านโหว เจ้าพักอยู่ห้องข้างๆ หลงอี ช่วยข้าดูหลงอีหน่อย”
หลงอีย่อมไม่มีปัญหา นางก็ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคิดไร้สาระอะไรอยู่
องค์หญิงน้อยตงอี๋อยากจะเอื้อนเอ่ยแต่ยั้งไว้ สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยอะไร นางพาหลงอีไปหาห้องพัก
เซียวจี่อยากตามมา แต่ถูกองค์หญิงซิ่นหยางขวางไว้
ลมหนาวพัดมาปะทะหน้า หิมะในมือเซียวจี่ละลาย หนาวจนเขาตัวสั่นสะท้าน คนก็ได้สติขึ้นมาเล็กน้อยด้วย
สีหน้าเขาซับซ้อนมองตุ๊กตาหิมะบนพื้น ก่อนถามด้วยสีหน้ายากจะเอื้อนเอ่ย “เมื่อครู่นี้…ข้าไม่ได้ทำเรื่องแปลกๆ หรอกกระมัง”
องค์หญิงซิ่นหยาง “…”
เนื่องจากทราบว่าเกิดจากฤทธิ์ยา องค์หญิงซิ่นหยางจึงไม่เคืองเขาจริงจัง นางพาเขากลับตำหนักในไป
ระหว่างนั้นสตรีอาภรณ์แดงมาอยู่หนหนึ่ง ถามเทพธิดาว่าต้องการอะไรหรือไม่
เซียวจี่เอ่ยกับนางโดยมีประตูกั้น “ไม่ต้อง คืนนี้ทุกคนออกไปให้หมด ข้าจะรับใช้เทพธิดาพักผ่อน”
องค์หญิงซิ่นหยางสวมอาภรณ์ของเทพธิดา ทำผมทรงเดียวกับเทพธิดา ให้เงาตกทอดลงบนหน้าต่างกระดาษ
สตรีอาภรณ์แดงไม่สงสัยเป็นอื่น พาคนที่เฝ้ายามออกไปให้หมดด้วยความนอบน้อม
ส่วนยอดฝีมือที่อยู่ในที่ลับก็ถูกหลงอีจัดการอย่างเงียบเชียบแล้ว
ยามหลงอีไม่อยู่ข้างกาย เซียวจี่ยังค่อนข้างมีสติดี
ตกดึก ควรเข้านอนแล้ว องค์หญิงซิ่นหยางเปลี่ยนผ้านุ่มๆ ปูบนเตียง ก่อนจะนอนลงกับเขา
“เมื่อครู่นี้ข้าไม่ได้ทำอะไรจริงๆ กระมัง” เขาถาม
“ไม่นี่” องค์หญิงซิ่นหยางเอ่ยโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า ช่วงเวลาสำคัญ ทางที่ดีอย่าเอ่ยชื่อของหลงอีออกมาจะดีกว่า
“ยาถอนพิษของเซียวหมิงได้มาหรือยัง” เขาถามขึ้นอีก
“ได้มาแล้ว” องค์หญิงซิ่นหยางเอ่ย
เซียวจี่คล้ายปลดภาระหนักอึ้งลง “เช่นนั้นก็ดี เซียวหมิงโดนพิษมานานเกินไป หากปล่อยไว้เกรงว่าจะอันตรายถึงชีวิต”
เขาเอ่ยพลางชะงักไป “เช่นนั้นก็เหลือช่วยเซียวเอินกับเซียวเจ๋อออกมาแล้ว”
“เจ้าคิดจะทำเช่นไร” องค์หญิงซิ่นหยางถาม
เซียวจี่วิเคราะห์ “อาจไล่สังหารเข้าไปในคุกใต้ดินของกษัตริย์ตงอี๋ ช่วยพวกเขาส่งคนออกมา วิธีนี้อันตรายเกินไป หลงอีไปคนเดียวไม่พอ ข้าบาดเจ็บสาหัสไปก็ไร้ประโยชน์”
องค์หญิงซิ่นหยางไม่ตอกหน้าเขาว่า ‘ยามนี้เจ้ากลับรู้ตัวแล้วรึ ตอนเอ่ยถ้อยคำไร้สาระพวกนั้นกับข้าไยจึงมั่นอกมั่นใจเสียเสียดฟ้าปานนั้นเล่า’ อย่างหาได้ยาก
เซียวจี่เอ่ยอีก “หรือไม่พวกเราก็เอาเทพธิดาไปแลกกับเซียวเอินและเซียวเจ๋อ แต่ทำเช่นนี้ก็เสี่ยงเช่นกัน หากกษัตริย์ตงอี๋ไม่ยอมแลก กองทัพใหญ่ฝ่าวงล้อม พวกเราได้ตายอยู่ที่นี่กันหมด”
จากวรยุทธ์ของหลงอีนั้น เขาต้องฝ่าวงล้อมออกไปได้แน่ แต่หากพาคนไปด้วยคงยาก
องค์หญิงซิ่นหนางขมวดคิ้ว “นี่ก็ไม่ได้ นั่นก็ไม่ได้…”
“ยังมีวิธีที่สามอีก” เซียวจี่เอ่ยถึงตรงนี้ก็หยุดเว้นอีก ครานี้หยุดไปค่อนข้างนาน “ดำเนินพิธีแต่งงานต่อไป กษัตริย์ตงอี๋จะมาร่วมงานแต่งงานของเทพธิดาแน่ ให้หลงอีอาศัยจังหวะนี้ลักพาตัวกษัตริย์ตงอี๋ไป”
องค์หญิงซิ่นหยางอารมณ์พลุ่งพล่านขึ้นมามาก
นางพลิกตัวมาหา ใช้ศอกยันร่างไว้พลางมองเขา “เจ้าอยากแต่งงานกับเทพธิดาจริงๆ รึ”
นึกถึงภาพที่เขากราบไหว้ฟ้าดินกับสตรีอื่น นางก็ชักจะอยู่ไม่สุขแล้ว!
“อีกทั้ง…อีกทั้งนางก็ไม่มีทางร่วมมือด้วยหรอก!” นางเอ่ยอย่างโมโห
เซียวจี่เอ่ย “อ่า ที่เจ้าว่ามาก็ใช่ว่าจะไร้เหตุผล นางไม่มีทางร่วมมือแต่โดยดีแน่ เว้นแต่ว่า…จะป้อนยาแฝดให้นางด้วย ให้นางเกิดชอบพอข้า…”
“เจ้าฝันไปเถิด!” องค์หญิงซิ่นหยางมองเขาอย่างเย็นชาดุจน้ำแข็ง ปฏิเสธความเห็นเขาในพรวดเดียว
เซียวจี่ถอนหายใจอย่างจนปัญญา “แต่ว่า นอกจากงานแต่งงานแล้ว ก็ไม่มีวิธีที่ดีไปกว่านี้ที่จะล่อกษัตริย์ตงอี๋มาได้แล้วนะ”
องค์หญิงซิ่นหยางหันหลังหนี นางนอนอยู่ฝั่งนอก ประการแรกสะดวกดูแลเซียวจี่ในยามราตรี ประการที่สองป้องกันไม่ให้เซียวจี่ไปหาหลงอีกลางดึก
นางหันหน้าหาโต๊ะของตำหนักใน และบนโต๊ะมีชุดแต่งงานของเทพธิดาวางอยู่พอดี
ไม่รู้อย่างไร นางนึกไปถึงงานแต่งงานที่นางไม่ยินยอมเมื่อหลายปีก่อน
นางก็เคยสวมชุดแต่งงานเช่นกัน ทว่ามาพร้อมคำสั่งให้จับตาดูเขาไว้ และเตรียมพร้อมสังหารเขาตลอดเวลา
ยามนี้นางยังจดจำตอนลงจากเกี้ยวเจ้าสาวได้อยู่เลย ผ้าไหมแดงมาช้าไปก้าวหนึ่ง เขายื่นมือมาให้นางเสียก่อน
นางไม่ได้รับ รอคนรับใช้ส่งผ้าไหมแดงมาแทน
เรื่องราวหลังจากนั้นอวี้จิ่นบอกนางว่าการทำพิธีตอนกราบไหว้ฟ้าดินนั้นนางไม่ละเอียดรอบคอบ แต่เซียวจี่ซื่อสัตย์จริงใจตลอดพิธี ทุกการคำนับล้วนคำนับลงไปมากกว่านางไม่น้อย
พวกแขกเหรื่อต่างหัวเราะเยาะเขาบอกว่าวันหน้าบ้านเขาเมียจะเป็นใหญ่แน่
เด็กหนุ่มเซียวจี่เอาแต่ยิ้ม ไม่ได้ขุ่นเคือง
แต่เด็กหนุ่มใสซื่อสมบูรณ์แบบคนนั้น ถูกนาง ‘ฆ่า’ ตายในคืนวันแต่งงานแล้ว
นางหลบตาลง เอ่ยเสียงแผ่ว “เช่นนั้นก็ได้ เจ้าแต่งงานกับเทพธิดาเถิด หลังจากนางได้สติแล้ว ข้าจะป้อนยาแฝดให้นาง ให้นางเชื่อฟังเจ้า จัดพิธีแต่งงานกับเจ้าให้ราบรื่น”
เซียวจี่ขมวดคิ้ว ช้าก่อน นี่มันแตกต่างจากที่ตนคาดไว้นี่
ไม่ควรเป็นเจ้าริษยาข้าที่แต่งงานกับสตรีอื่น เจ้าจึงอาสาแต่งกับข้าเองหรอกหรือ
เซียวจี่ไม่พอใจ!
เขาข่มความเจ็บปวดทั่วร่างเอาไว้ก่อนลุกขึ้นมา
องค์หญิงซิ่นหยางพลิกตัวมามองเขาอย่างระแวดระวัง “เจ้าจะทำอะไร”
เซียวจี่เอ่ยนิ่งๆ “ข้าจะไปหาหลงอี”
ยาออกฤทธิ์อีกแล้วหรือ… องค์หญิงซิ่นหยางขมวดคิ้ว เอ่ยเสียงเย็น “ห้ามไปนะ! นอนลงเดี๋ยวนี้!”
เซียวจี่เบ้ปาก นอนหลงอย่างคับข้องใจยิ่ง
องค์หญิงซิ่นหยางไม่ค่อยวางใจเท่าใดนัก นางหาเข็มขัดไหมเส้นหนึ่งมามัดข้อมือตัวเองกับเขาไว้ ยามนี้ในที่สุดเขาก็ไปหาหลงอีไม่ได้แล้ว
เซียวจี่แค่นเสียงเฮอะเอ่ย “ฉินเฟิงหวั่น แม้ว่าข้าจะบาดเจ็บ แต่กะอีแค่เข็มขัดเส้นเดียว ข้าก็ยังแกะได้อยู่ดีนะ”
องค์หญิงซิ่นหยางครุ่นคิด มัดมืออีกข้างเขาไว้กับหัวเตียงต่อ
เซียวจี่ “…”
เซียวจี่ทอดมองฟ้า “หลงอีจ๋า…หลงอี…”
องค์หญิงซิ่นหยางทนไม่ไหวเอ่ย “เจ้าหุบปากนะ!”
“หุบไม่ได้หรอก ในหัวมีแต่หลงอี” เซียวจี่โยนความผิดได้อย่างหนักแน่นมีเหตุผลยิ่ง “ฤทธิ์ยาน่ะ”
องค์หญิงซิ่นหยางกำหมัดดังกึดๆ
เซียวจี่เอ่ยกวนบาทาต่ออีก “เจ้าอยากไม่ให้ข้าพร่ำเพ้อหาหลงอีก็ได้นะ แย่งสมาธิข้าไปสิ”
“แย่งอย่างไร” องค์หญิงซิ่นหยางถาม
เซียวจี่เอ่ยอย่างหน้าไม่อายยิ่ง “เจ้า จูบข้าหน่อยสิ”
[1] ตัดชุดแต่งงานให้หลงอี มาจากสำนวน ตัดชุดแต่งงานให้ผู้อื่น หมายถึง เหน็ดเหนื่อยทำอะไรสักอย่าง โดยที่ตัวเองไม่ได้รับผลประโยชน์หรือผลดีใดๆ เลย และบางทีผลประโยชน์ที่ตัวเองหวังจะได้กลับกลายเป็นของผู้อื่น