สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 963 มู่ชิงเฉินรู้ความจริง
บทที่ 963 มู่ชิงเฉินรู้ความจริง
……….
“เป็นคนของสำนักถังหรือ” กู้เจียวอิงจากเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ ก็ได้ข้อสรุปนี้ออกมา
แววตาอาจารย์แม่หนานมีประกายเย็นชาวาบผ่าน “ถูกต้อง เป็นคนของสำนักถัง! ข้าเค้นถามจากปากคนผู้นั้นได้ข้อมูลมาไม่น้อย จึงได้รู้ว่าสำนักถังเกิดความพะวงในใจกับการออกจากสำนักของข้าอยู่ตลอดเวลา พวกเขาก็เหมือนฉีเซวียน ต่างคิดว่าข้าแอบเข้าใจวิชายุทธ์บางอย่างอย่างลึกซึ้ง จึงร่ำเรียนวรยุทธ์สูงสุดของนิกายได้ พวกเขาอยากจะจับตัวข้ากลับไปอยู่ตลอด”
กู้เจียวไม่ได้ถามอาจารย์แม่หนานว่าเหตุใดไม่บอกแต่แรก นางรู้จักนิสัยของอาจารย์แม่หนานดี ไม่อยากเพิ่มปัญหาให้ใคร
นางหันมองอาจารย์แม่หนาน สีหน้าจริงจังเอ่ย “อาจารย์แม่หนาน เรื่องสำนักถังให้เป็นหน้าที่ข้า”
อาจารย์แม่หนานมองนางด้วยความนิ่งอึ้ง “เจ้าคิดจะทำอะไรรึ”
กู้เจียวเอ่ยเสียงนิ่ง “เหยียบสำนักถังให้ราบเป็นหน้ากลอง!”
แต่ไหนแต่ไรมานิกายในยุทธภพล้วนไม่กินเส้นกันกับราชสำนัก ต่อให้เป็นพวกฉีเซวียน ก่อนจะไปสวามิภักดิ์กับตระกูลหันก็ออกจากสำนักถังเช่นกัน
กู้เจียวไร้เจตนาจะกลั่นแกล้งนิกายในยุทธภพ แต่ผู้ใดให้สำนักถังมาระรานอาจารย์แม่หนานกันเล่า เช่นนั้นก็อย่ามาโทษว่าทหารม้าเหล็กของค่ายวายุทมิฬเหยียบสำนักถังให้ราบเป็นหน้ากลองแล้วกัน
“เจียวเจียว…” อาจารย์แม่หนานไม่อยากรบกวนกู้เจียว
กู้เจียวจ้องมองเข้าไปในแววตานาง “อาจารย์แม่หนาน ตอนนั้นตระกูลกู้ขอเงินข้ายี่สิบตำลึง เพื่อตัดขาดความสัมพันธ์ของพวกเขากับกู้เสี่ยวซุ่น บิดามารดาของกู้เสี่ยวซุ่นเคยรับแท่งเงินสองแท่งไปแล้วกับมือ พวกเขาปรีดากันมาก ลูกชายไม่เอาไหนคนหนึ่งขายได้ตั้งยี่สิบตำลึง พวกเขารู้สึกว่าคุ้มค่านัก”
อาจารย์แม่หนานไม่เคยคิดเลยว่าเบื้องหลังการแตกหักของกู้เสี่ยวซุ่นกับตระกูลกู้จะเป็นความจริงที่เหลือทนเช่นนี้
“ท่านกับอาจารย์หลูปฏิบัติต่อเสี่ยวซุ่นเหมือนลูกชายแท้ๆ ข้าไม่อยากให้เสี่ยวซุ่นสูญเสียบิดามารดาที่รักเขาไป”
อาจารย์แม่หนานเงียบไปแล้ว
กู้เจียวเอ่ยต่ออีก “ยิ่งไปกว่านั้นตอนนั้นที่อาเหยี่ยนได้รับบาดเจ็บ พวกท่านก็มายังแคว้นเยี่ยนกันโดยไม่สนสิ่งใดเลยมิใช่หรือ”
พระคุณของอาจารย์แม่หนานกับอาจารย์หลูที่มีต่อน้องชายทั้งสอง ใช่ว่าจะทดแทนกันได้แค่คำพูดสองสามคำ
กู้เจียวไม่มีทางอนุญาตให้ผู้ใดทำร้ายอาจารย์แม่หนาน
ทั้งคู่นั่งกันอยู่อีกสักพัก อาจารย์หลูก็มาด้วยสีหน้ารีบร้อน
อาจารย์แม่หนานกวักมือให้เขาจากชั้นสอง เขาแหงนหน้าขึ้นมอง เห็นฮูหยินของตัวเองก็ไม่สงสัยอะไร แต่แม่นางที่นั่งตรงข้ามฮูหยินเล่าคือผู้ใด
เขามาถึงห้องส่วนตัว
“เจ้าไม่ได้รับบาดเจ็บกระมัง” อาจารย์แม่หนานถาม
“ข้าไม่เป็นไร เจ้าเล่า” อาจารย์หลูเอ่ย
“ข้าก็ไม่เป็นไร รีบดูเร็วเข้าว่าผู้ใดมา” อาจารย์แม่หนานยิ้มแย้มมองกู้เจียว “เจ้าต้องจำไม่ได้แน่”
สายตาอาจารย์หลูตกลงบนใบหน้างดงามเกลี้ยงเกลาของกู้เจียว พักใหญ่ทีเดียวจึงเอ่ยตะกุกตะกักขึ้น “คะคะคะคงไม่ใช่เจียวเจียวกระมัง”
“อาจารย์หลู” กู้เจียวอมยิ้มทักทาย
อาจารย์หลูโซเซ กระแทกกับผนังด้านข้าง
เจียวเจียวจริงๆ หรือนี่
นี่เปลี่ยนหน้าหรือไร
ไม่สิ หากแยกพินิจองคาพยพดูก็ไม่ได้แตกต่างจากแต่ก่อนเลย แต่ปานนั่นหายไปแล้ว ทั่วทั้งร่างราวกับเปลี่ยนเป็นคนใหม่
“หน้าของเจียวเจียวหายแล้ว” อาจารย์แม่หนานไม่ได้พูดถึงเรื่องจุดแดงพรหมจรรย์
อาจารย์หลูคิดว่าฝีมือการแพทย์ของกู้เจียวสูงส่ง รักษาตัวเองหายแล้ว เขาปลาบปลื้มมากทีเดียว
เขาไม่ตัดสินคนที่ภายนอก กู้เจียวก็ไม่ แต่ในฐานะผู้อาวุโส เขาก็ยังไม่อยากให้สายตาไม่ค่อยดีเหล่านั้นตกอยู่บนร่างกู้เจียวอยู่ดี
กู้เจียวถาม “อาจารย์หลู อาจารย์แม่หนาน ยามนี้พวกท่านพักกันที่ใดหรือ เป็นเรือนเก่าสมัยก่อนนั้นหรือไม่”
อาจารย์แม่หนานเอ่ยเสียงนุ่ม “พวกเราย้ายมาเมืองชั้นในแล้ว อยู่ที่ตรอกหลิ่วชุ่ย”
กู้เจียวเอ่ยอย่างเบิกบาน “ทางเดียวกันกับจวนกั๋วกงเลย หากพวกท่านไม่รังเกียจละก็ ตอนเย็นไปทานอาหารสักมื้อที่จวนกั๋วกงด้วยกันเถิด จิ้งคงเห็นพวกท่านจะต้องดีใจมากแน่”
ทั้งคู่ยากที่จะปฏิเสธการเชื้อเชิญได้ จึงเช่ารถม้าคันหนึ่งจากร้านรถม้าละแวกนี้ ไปยังจวนกั๋วกงด้วยกันกู้เจียว
ทั้งสามไปที่เรือนอันกั๋วกงกันก่อน ไม่เห็นเสี่ยวจิ้งคง กลับดันเจอเงาร่างคุ้นตาอีกคนแทน
อาภรณ์ขาวตลอดร่าง รูปร่างสูงโปร่ง รูปโฉมงดงาม สูงส่งไร้เทียมทาน
ไม่ใช่มู่ชิงเฉินที่ไม่ได้พบกันนาน จะเป็นผู้ใดอีกเล่า
มู่ชิงเฉินได้ยินว่าอันกั๋วกงกลับเซิ่งตูแล้ว จึงรีบวางภาระหน้าที่ในมือ มาเยี่ยมเยือนทันที
เขาเพิ่งออกมาจากเรือนของอันกั๋วกง ไม่คาดคิดเลยว่าจะมาเจอ…กู้เจียวตรงหน้าประตู
แม้แต่อาจารย์แม่หนานยังได้ยินว่าความจริงแล้วผู้บัญชาการน้อยทหารม้าวายุทมิฬเป็นสตรี ในฐานะที่เขาเป็นหนึ่งในสิบตระกูลใหญ่ จะไม่ทราบได้อย่างไร
กู้เจียวสวมกระโปรงยาวมัดเอวสีเขียว รูปร่างบอบบาง บั้นเอวคอดกิ่ว เนื้อผ้าเป็นผ้าไหมผืนบางเนื้อนิ่มชั้นดี คราต้องแสงตะวัน จะสะท้อนวิบวับแวววาวปกคลุมบางๆ ชั้นหนึ่ง
ผ้าชนิดนี้เป็นผลิตภัณฑ์ประจำถิ่นของแคว้นจิ้น โดยแคว้นจิ้นส่งมาบรรณนาการให้ราชินี
ราชินีไม่เหลือไว้ให้ตัวเองสักพับ ส่งมาที่จวนอันกั๋วกงทั้งหมด
เหตุใดเขาจึงรู้เรื่องพวกนี้ได้น่ะหรือ เพราะเขาเป็นคนตรวจนับและส่งเครื่องบรรณนาการแคว้นจิ้นมา
สายตาเขาตกลงบนใบหน้าของกู้เจียวในที่สุด
จากนั้น เขาก็ตกตะลึงอย่างหนัก
อาจารย์แม่หนานรู้สึกถึงบรรยากาศแปลกๆ นางหันไปมองกู้เจียว “เจียวเจียว ข้ากับอาจารย์หลูเจ้าไป…”
“อาจารย์แม่หนาน!”
จู่ๆ เสียงเล็กๆ อันปรีดาระคนประหลาดใจของเสี่ยวจิ้งคงก็ดังขึ้นในลานเรือน
อาจารย์แม่หนานยิ้มมองกู้เจียวกับมู่ชิงเฉินแวบหนึ่งพลางเอ่ย “พวกเราไปหาจิ้งคงกันก่อนนะ พวกเจ้าคุยกันไปก่อน”
เอ่ยจบ นางก็ลากอาจารย์หลูที่ชักอยากจะรู้เรื่องชาวบ้านไปหาจิ้งคงแล้ว
ปฏิกิริยาของกู้เจียวนิ่งเฉยกว่ามู่ชิงเฉิน นางเอียงศีรษะเล็กน้อย ทักทายมู่ชิงเฉินปกติ “มู่ชิงเฉิน”
โดยใช้เสียงดั้งเดิมของตัวเอง
มู่ชิงเฉินนิ่งอึ้งไปอีกหน
สองมือของกู้เจียวเอาไพล่หลัง ครุ่นคิด “อืม…ไม่ได้พบกันนาน ยังเหมือนเดิมเลย”
พบกันอีกคราหลังจากแยกกันไปนาน เขาทักทายกันแบบนี้รึ
มู่ชิงเฉินปรับตัวกับตัวตนสตรีเพศของนาง ไปจนถึงรูปโฉมของนาง แล้วค่อยปรับตัวกับเสียงของนางต่อ ใช้เวลาหนึ่งนาทีเต็มๆ
แววตาเขามีอารมณ์นับไม่ถ้วนที่กู้เจียวอ่านไม่ออกวาบผ่าน ราวกับเหลือเชื่อ และเหมือนอย่างอื่น สรุปคือซับซ้อนมาก
“มู่ชิงเฉิน เจ้าเป็นอะไรไป” กู้เจียวถาม
มือมู่ชิงเฉินที่มีแขนเสื้อบังไว้กำหากันแน่นทีละนิด เขาเดินเยื้องย่างไปหากู้เจียวเนิบช้า น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ย “วันนี้ข้ามา นอกจากมาเยี่ยมอันกั๋วกงแล้ว ก็มีเรื่องอยากพบเจ้าด้วย”
กู้เจียวเลิกคิ้ว “พบข้ารึ เรื่องอะไร”
มู่ชิงเฉินมองไปรอบๆ “ตรงนี้สายตาคนมากมาย หลบฉากมาคุยกันหน่อย”
พวกวายร้ายในจวนกั๋วกงถูกกำจัดหมดไปนานแล้ว เหลือแค่คนที่ไว้ใจได้ทั้งสิ้น
กู้เจียวมองเขาอย่างประหลาดใจ “ก็ได้ เจ้ารอข้าเดี๋ยว”
นางเข้าไปในเรือน พาอาจารย์แม่หนานกับอาจารย์หลูไปพบอันกั๋วกง จากนั้นจึงพามู่ชิงเฉินไปที่ศาลารับลมไกลหูไกลตาคนของจวนกั๋วกง
กู้เจียวยืนอยู่ในศาลา เอ่ยกับเขา “ยามนี้เจ้าพูดได้แล้ว”
มู่ชิงเฉินลังเลครู่หนึ่ง ก่อนล้วงตุ๊กตาผ้าตัวหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อกว้าง
นั่นเป็นตุ๊กตาผ้าที่น่าสะพรึงมาก มีปากกว้างดุจอ่างโลหิต มีฟันแหลมคม ซ้ำดวงตาก็หลุดหัวก็ล้าน
ในหัวมีความทรงจำที่กู้เจียวปล่อยร้างมันเอาไว้ผุดขึ้นมา นางในชาติก่อนเคยทำตุ๊กตาผ้าเช่นนี้
“ยินยินเป็นคนให้ข้า” มู่ชิงเฉินมองตากู้เจียวพลางเอ่ย
กู้เจียวนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะคว้าตุ๊กตาผ้าตัวนั้นมาด้วยความกระจ่าง “เจ้ารู้หมดแล้ว”
“กั๋วซือเล่าให้ข้าฟังแล้ว” มู่ชิงเฉินกำหมัดแน่น ดวงใจขมขื่นขึ้นมา “ที่แท้เจ้าก็ไม่ได้หลอกข้า เจ้าเคยบอกว่าเจ้าจะกลับมา… เจ้าก็กลับมาจริงๆ …”
กู้เจียวไม่มีความทรงจำทั้งหมดของจิ่งยินยิน เรื่องพวกนี้ที่มู่ชิงเฉินเอ่ยถึงนางก็จำไม่ได้แล้ว มีเพียงสิ่งเดียวที่มั่นใจได้ จิ่งยินยินสามารถพูดถ้อยคำนี้ออกมาได้ ก็หมายความว่านางรู้ความลับของการข้ามภพแล้ว
นางรู้ว่าตัวเองสามารถกลับมาที่นี่ได้อีกครา
“ยินยินร่างกายไม่แข็งแรงมาโดยตลอด” มู่ชิงเฉินเอ่ย “หญ้าจื่อเฉ่าไม่อาจหลอมรวมเข้ากับนางได้ ตอนนั้นองค์กษัตริย์เคยส่งคนไปลอบสังหารยินยิน แต่ความจริงแล้ว สาเหตุการตายที่แท้จริงของยินยินคือพิษจื่อเฉ่า”
นึกไม่ถึงว่ากั๋วซือจะเล่าให้มู่ชิงเฉินฟังแม้แต่เรื่องนี้
กู้เจียวเอ่ย “เกี่ยวกับจิ่งยินยิน เจ้ายังรู้เรื่องใดอีกบ้าง อย่างเช่น ตัวตนอื่นของนาง”
“เจ้าน่ะหรือ” มู่ชิงเฉินสีหน้าซับซ้อนมองนาง
ดูท่าจะไม่รู้เรื่องเจ้าแห่งเงามืด
กู้เจียวคืนตุ๊กตาผ้าให้เขา
“เจ้าไม่เอากลับคืนไปหรือ” มู่ชิงเฉินถาม
“ให้เจ้าต่างหากล่ะ” กู้เจียวเอ่ย
มู่ชิงเฉินถือตุ๊กตาผ้าที่อยู่กับตนมานานเป็นสิบกว่าปี ความคิดพลุ่งพล่านอยู่ในทรวงเขายากจะดับได้ “ถ้าหากว่า…ข้าสมมตินะ…”
ยังไม่ทันเอ่ยจบ กู้เจียวก็ก้าวขึ้นหน้าก้าวหนึ่ง ยกมือกอดเขาแผ่วเบา
มู่ชิงเฉินตัวแข็งทื่อ เบิกตาโตอย่างเหลือเชื่อ
กู้เจียวเอ่ย “นี่เป็นสิ่งที่ยินยินมอบให้เจ้า”
มู่ชิงเฉินตัวแข็งทื่อ สองแขนกลับสั่นขึ้นเล็กน้อย ขอบตาเขาแดงก่ำขึ้นโดยไม่รู้ตัว เขาเงยหน้าขึ้น บังคับให้น้ำตาไหลย้อนกลับคืน
เขายกแขนขึ้น หมายจะกอดยินยินของตน
ทว่ามือของเขาชะงักค้างกลางอากาศ หยุดอยู่ห่างจากนางหนึ่งชุ่น
สุดท้ายเขาก็ช้าไป
กู้เจียวชักมือกลับ เหลือบตาขึ้นมองเขา เอ่ยด้วยความจริงจัง “มู่ชิงเฉิน ขอบคุณนะ”
ขอบคุณที่เจ้าปกป้องยินยิน และขอบคุณที่เจ้าดูแลอันกั๋วกง
มู่ชิงเฉินจัดการอารมณ์ของตัวเองได้ทัน เอ่ยอย่างเอ้อระเหย “ข้าพูดจบแล้ว เจ้ารีบไปหาอันกั๋วกงเถิด อย่าให้เขารอนาน ข้าก็ควรกลับแล้วเช่นกัน”
กู้เจียวเอ่ย “ข้าส่งเจ้าเอง”
มู่ชิงเฉินเอ่ย “ไม่ต้อง เจ้าไปก่อนเลย”
“เช่นนั้นก็ได้”
กู้เจียวบอกลาเขา หันหลังเดินลงจากศาลา
ทอดมองร่างงามค่อยๆ หายลับไปในแสงอัสดง ในที่สุดมู่ชิงเฉินก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาหันหลังหนี หลับตาลง หยดน้ำตาอุ่นร้อนไหลริน
……….