สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 958 สมบูรณ์
บทที่ 958 สมบูรณ์
……….
หลังจากกลับห้องหอ กู้ฉังชิงก็เล่าเรื่องราวของกู้เฉิงเฟิงให้หยวนเป่าหลินให้ฟัง
เมื่อได้ยินว่าเขามีคนในใจแล้ว หยวนเป่าหลินก็รู้ดีว่าความรักของน้องสาวคงต้องผิดหวังเสียแล้ว
นางมิได้สงสัยว่าคนที่กู้เฉิงเฟิงแอบรักคือหยวนถง เพราะหากเป็นหยวนถง คงมิใช่ปัญหาที่จะเปิดเผย
จากประสบการณ์ของผู้อ่านนิยายระดับสิบ หยวนเป่าหลินคาดเดาได้ว่ากู้เฉิงเฟิงน่าจะตกหลุมรักคนที่เขาไม่ควรรัก
นางอยากรู้อยากเห็น แต่ก็ไม่อยากสืบเรื่องส่วนตัวของน้องสามี
กลางดึก กู้เสี่ยวเป่าแวะมาหา
เขายังเด็กและแยกจากมารดาไม่ได้ ช่วงนี้แม่นางเหยาอาศัยอยู่ที่จวนหลายวัน ก็พาเขามาด้วย
ยามปกติเวลานี้เขาคงนอนหลับไปแล้ว แต่วันนี้เขานอนกลางวันนาน ทำให้ยังนอนไม่หลับ จึงมาหาพี่ใหญ่และพี่สะใภ้ใหญ่
“พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าอยากดูมายากล”
กู้เสี่ยวเป่าวัยสองขวบครึ่งพูดชัดถ้อยชัดคำ
ในวันแต่งงาน หยวนเป่าหลินเคยแสดงมายากลให้กู้เสี่ยวเป่าดูหลายอย่าง กู้เสี่ยวเป่าชอบมาก เขาคิดว่าพี่สะใภ้มีวิชาไสยเวท เก่งกาจกว่าพี่ใหญ่เสียอีก
“ได้เลย” หยวนเป่าหลินตอบตกลงอย่างเต็มใจ นางหยิบอุปกรณ์เล่นมายากลชิ้นเล็กชิ้นน้อยออกมาจากกล่องเครื่องสำอางส่วนตัว เริ่มแสดงมายากลให้กู้เสี่ยวเป่าดู
ทั้งสองคนนั่งคุกเข่าบนเตียง นางยื่นมือทั้งสองข้างให้กู้เสี่ยวเป่าดู “ไม่มีอะไรเลย ถูกต้องหรือไม่”
“อืม” กู้เสี่ยวเป่าพยักหน้า
หยวนเป่าหลินดีดนิ้วที่หลังหูของกู้เสี่ยวเป่าเบาๆ จากนั้นยกมือมาตรงหน้ากู้เสี่ยวเป่า ปลายนิ้วของนางหนีบเหรียญทองแดง
“ว้าว!” กู้เสี่ยวเป่าอุทานด้วยความตื่นเต้น
กู้ฉังชิงไม่ได้ทำสิ่งใด นั่งอยู่ข้างๆ ดูด้วยความเพลิดเพลิน
ภาพของพี่สะใภ้กับน้องชายที่อยู่ด้วยกันอย่างกลมกลืน ดูเหมือนกับเป็นครอบครัวที่แท้จริง
กู้เฉิงหลินและกู้เฉิงเฟิงอาศัยอยู่ในเรือนเดียวกัน สองพี่น้องเล่นกันอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะดังก้องไปทั่ว
เขาอาศัยอยู่คนเดียวมาโดยตลอด บรรยากาศทั้งภายในและภายนอกเรือนจึงเงียบเหงา เขาเองสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของบ้านในยามอยู่ที่ตรอกปี้สุ่ยเท่านั้น
แต่ทว่า ณ ขณะนี้ ไม่ทราบว่าทำไม เขาจึงรู้สึกอบอุ่น ราวกับว่านี่คือบ้านของเขา
หยวนเป่าหลินแสดงมายากลเสกดอกไม้บาน ในมือของกู้เสี่ยวเป่าเป็นกล่องเปล่าชัดๆ เขาเขย่ากล่องแล้วเปิดออกอีกครั้ง กลับมีดอกไม้งามบานสะพรั่งอยู่ด้านใน
หยวนเป่าหลินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นี่คือดอกไม้ที่เสี่ยวเป่าเสกออกมา!”
กู้เสี่ยวเป่าดีใจจนถอยหลัง กางมือเล็กๆ ทุบอกตัวเองอย่างเบามือ “ว้าว! เสี่ยวเป่าเก่งมาก!”
เขาไม่ได้ทำท่าเด็กน้อยผู้ไร้เดียวสาแบบนี้นานถึงครึ่งปีแล้ว
เขาเล่นอย่างมีความสุขมาก
อาการง่วงนอนของเด็กน้อยเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ หลังจากหัวเราะคิกคักอยู่พักหนึ่ง กู้เสี่ยวเป่าก็ล้มตัวนอนแผ่ราบไปกับพื้น
หยวนเป่าหลินที่ไม่เคยเลี้ยงเด็กมาก่อนตกใจกลัวว่านางทำน้องชายของกู้ฉังชิงเล่นจนสลบไป!
กู้ฉังชิงเห็นท่าทางราวถูกฟ้าผ่าของนาง แล้วกลั้นขำไม่ได้ “ไม่เป็นอะไร เขาแค่นอนหลับน่ะ ประเดี๋ยวข้าอุ้มเขากลับเอง”
“อ่า ดีแล้ว” หยวนเป่าหลินถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ตกใจหมดเลย!
กู้ฉังชิงอุ้มกู้เสี่ยวเป่าที่หลับสนิทกลับไปยังจวนของแม่นางเหยา เมื่อกลับมา หยวนเป่าหลินยังไม่นอน นางนั่งอยู่ที่โต๊ะข้างเตียง กำลังถือกระดาษอยู่ใบหนึ่งอย่างหมดหนทาง
เขาเดินเข้าไปใกล้ๆ และจำได้ว่าคือสัญญาก่อนแต่งงานของพวกเขาทั้งสอง
เขาจ้องสัญญาบนโต๊ะ คิ้วขมวดแน่นโดยไม่รู้ตัว
หยวนเป่าหลินเห็นเงาบนพื้น หันศีรษะเอ่ยกับเขา “เจ้ากลับมาแล้ว ว่างหรือไม่ มีบางเรื่องอยากจะหารือกับเจ้า”
“ว่างสิ” กู้ฉังชิงนั่งลงตรงข้ามกับนาง
หยวนเป่าหลินมองกระดาษบนโต๊ะพลางเอ่ย “สัญญาใบนี้ ข้าเพิ่งอ่านอย่างละเอียด รู้สึกว่ายามนั้นพวกเราร่างอย่างเร่งรีบ มีหลายอย่างที่ยังพิจารณาไม่ถึง แน่นอนว่าไม่ใช่ความผิดของเจ้าหรือของข้า เราทั้งคู่ไม่เคยแต่งงานมาก่อน ย่อมไม่อาจคาดเดาสถานการณ์คับขันต่างๆ หลังแต่งงานได้”
เมื่อกล่าวถึงเหตุการณ์คับขัน กู้ฉังชิงก็พลันนึกถึงคืนเข้าห้องหออันเร่าร้อนที่ไม่อาจบรรยายได้
ภาพอันแสนงดงามฉายแวบผ่านความคิดของเขา เลือดในร่างกายของเขาพลุ่งพล่าน
ห้ามคิดเด็ดขาด!
พวกเขาเป็นเพียงคู่สามีภรรยาในนาม การคิดถึงเรื่องเช่นนี้ ถือเป็นการล่วงเกินหยวนเป่าหลินในทางความคิด
เขาบังคับตัวเองให้ใจนิ่งลง จ้องหยวนเป่าหลินแล้วเอ่ยเอ่ยถาม “ฉะนั้น เจ้าหมายความว่า…”
ต้องการขอหย่าหรือ
เพราะเขาเป็นสัตว์เดรัจฉาน ไม่รักษาสัญญา ความร่วมมือของพวกเขาจึงสิ้นสุดลง
หยวนเป่าหลินมองสัญญาพลางเอ่ย “ข้ากำลังคิดว่า เราควรร่างสัญญาฉบับใหม่เพื่อระบุรายละเอียดเพิ่มเติมในบางประเด็นที่คลุมเครือ”
กู้ฉังชิง “ได้ทั้งนั้น”
หยวนเป่าหลินเหลือบมองเขาและเอ่ย “เจ้าไม่จำเป็นต้องรีบตอบตกลง ฟังรายละเอียดก่อน”
กู้ฉังชิงใบหน้านิ่งเฉย “พูดมาได้เลย”
“ข้อแรก เดิมทีตกลงกันไว้ว่า ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถขอหย่าได้ทุกเมื่อ…แต่เจ้าเคยบอกว่า เจ้าจะไม่ขอหย่าอีกต่อไป”
“ใช่ ข้อนี้ เจ้าสามารถเรียกร้องได้ฝ่ายเดียว” เขาแตะต้องนาง ผิดต่อสัญญาที่ทั้งคู่ตกลงกันไว้ สมควรแล้วที่เขาจะถูกเพิกถอนสิทธินี้
หยวนเป่าหลินหยิบพู่กัน จุ่มลงในหมึกบนแท่น “ถ้าอย่างนั้นข้าจะเขียนลงไปแล้วนะ”
“ได้” กู้ฉังชิงตอบ
หยวนเป่าหลินเขียนเสร็จ อ่านข้อต่อไป “ข้อสองและข้อสามไม่มีปัญหา ข้อสี่คือ ‘ร่วมมือกับอีกฝ่ายสร้างภาพลักษณ์ของคู่สามีภรรยาที่กลมเกลียวเท่าที่จะทำได้ แต่ห้ามเรียกร้องสิ่งที่มากเกินไป’ แล้วการร้องขอแบบไหนที่นับว่ามากเกินไป ยามนั้นเราไม่ได้พูดถึง”
“เจ้าจะร้องขออะไรก็ย่อมได้ ขอเพียงข้าทำได้” กู้ฉังชิงตอบ หยุดชะงักครู่หนึ่งก่อนเสริม “ตราบใดที่ไม่ขัดต่อกฎหมายบ้านเมืองและครอบครัว”
หยวนเป่าหลินกลอกตาไปมา “แล้วหากเป็นสิ่งที่เจ้าทำได้ แต่เจ้าไม่ยอมทำล่ะ ตัวอย่างเช่น เจ้าเพิ่งกลับมาจากค่ายทหาร เหนื่อยมาก ข้าอยากให้เจ้ามาเอาใจข้า เจ้าจะยอมหรือไม่”
กู้ฉังชิงครุ่นคิด “ได้”
“แม้แต่เรื่องนี้ก็ได้หรือ…” หยวนเป่าหลินพึมพำเสียงเบา เม้มริมฝีปาก ไอเสียงเบา แล้วเอ่ยถามอย่างจริงจัง “แล้วหากข้าไม่ให้เจ้ารับอนุเลยล่ะ”
“ได้” เขาเองก็ไม่มีแผนจะรับอนุอยู่แล้ว
หยวนเป่าหลินนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง มองเขาด้วยสายตาเบิกกว้าง “อย่าตอบตกลงกันง่ายๆ นะ คิดดูให้ดีก่อน ประเดี๋ยวข้าเขียนลงไปแล้ว เจ้าจะไม่มีโอกาสเปลี่ยนใจ”
กู้ฉังชิงสบตากับดวงตาใสซื่อของนาง เอ่ยอย่างจริงจัง “ข้าไม่เปลี่ยนใจ”
หยวนเป่าหลินเอ่ยเสียงเบา “นั่นแปลว่า…ข้าสามารถทำอะไรกับเจ้าได้ตามอำเภอใจใช่หรือไม่”
“ตราบใดที่ไม่ขัดต่อกฎหมายบ้านเมืองและครอบครัว” กู้ฉังชิงย้ำ
หยวนเป่าหลินเอ่ย “ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นขุนนางของราชสำนัก ไม่ให้ไปเผาบ้านฆ่าคนหรอก อะไร…ก็ได้จริงๆ หรือ”
กู้ฉังชิงพยักหน้า
หยวนเป่าหลินกลอกตาอีกครั้ง และเอ่ยถาม “รวมไปถึงห้ามเจ้านอนห้องหนังสือด้วยหรือไม่”
“ทำไมหรือ” กู้ฉังชิงเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
หยวนเป่าหลินกะพริบตา เอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “ก็เจ้าไปนอนห้องหนังสือ…คนอื่นจะคิดว่าเราสองสามีภรรยาไม่ถูกกัน เหล่าบ่าวรับใช้ในจวนจะนินทาว่าร้ายข้าได้!”
“พวกเขาไม่กล้าหรอก” กู้ฉังชิงเอ่ย
“เจ้าตกลงหรือไม่ล่ะ” หยวนเป่าหลินจี้ถาม
ว่ากันตามตรง การนอนเตียงเดียวกับนางนั้น ทดสอบขีดจำกัดความอดทนของเขาในฐานะผู้ชายอยู่ไม่น้อย เขาไม่ได้มีปัญหาด้านนั้นเสียหน่อย
กู้ฉังชิงหายใจเข้าลึกๆ ตอบอย่างจริงจัง “ต่อจากนี้ไป ข้าจะไปประจำการที่ค่ายทหาร จะกลับมาเฉพาะช่วงเทศกาลเท่านั้น แต่หากเจ้ายืนกราน ข้าจะนอนห้องเจ้า อีกอย่าง เจ้าวางใจได้ เรื่องล่วงเกินเจ้าจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว”
หยวนเป่าหลินโกรธและเก็บตัวเงียบ
กู้ฉังชิงมองท่าทางของนาง รู้สึกสับสนว่าตัวเองพูดอะไรผิดไปหรือไม่ “เจ้าไม่พอใจหรือ กลัวข้าทำไม่ได้ใช่หรือไม่ ข้าบอกแล้วว่าจะย้ายไปอยู่ค่ายทหาร ก็จะย้ายไปจริงๆ บอกแล้วว่าจะไม่ล่วงเกินเจ้า ก็จะไม่ทำอีกเด็ดขาด”
หยวนเป่าหลินเอ่ยเสียงเบา “แล้วหากข้ายอมให้เจ้าล่วงเกินล่ะ”
กู้ฉังชิงมองนางด้วยความตกตะลึง
หยวนเป่าหลินกระแอมพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงน้อยใจ “ข้า ข้า ข้า…ข้าหมายความว่า…ข้าถูกเจ้า… ล่วงเกินแล้ว… ต่อไปจะแต่งงานใหม่คงไม่ได้แล้ว…แต่ให้ข้าเป็นภรรยาปลอมๆ ของเจ้าไปตลอดชีวิตก็คงจะน่าสงสารเกินไป… เจ้าบอกว่าจะไม่ทอดทิ้งข้า แต่คำพูดของบุรุษไว้ใจไม่ได้! เผื่อวันหนึ่งวันใดเจ้าเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา ข้าก็แก่ตัวลงแล้ว เจ้าจะให้ข้าทำอย่างไร”
กู้ฉังชิงในสนามรบ วางแผนรอบคอบ ปรับตัวเก่ง กลยุทธ์เฉียบแหลม แต่บางเรื่องกลับดื้อรั้นยิ่งกว่าปู่เขาเสียอีก
ยกตัวอย่างเช่น เขาเชื่อว่าตนเป็นทหารพลีชีพมาโดยตลอด ไม่เคยคิดสงสัย จนกระทั่งกู้เฉิงเฟิงแทงเขาจนเลือดอาบ
ยามนี้เขาจึงเชื่อสนิทว่าหยวนเป่าหลินไม่มีใจให้เขา ฉะนั้นไม่ว่าหยวนเป่าหลินจะร้องขออะไรแปลกๆ พูดอะไรแปลกๆ เขาก็คิดว่าเป็นเพียงสิ่งที่จำเป็นสำหรับความร่วมมือ เป็นเพราะสถานการณ์บังคับ
และเขาก็ทำผิดก่อน จึงไม่มีสิทธิต่อรองกับหยวนเป่าหลิน
เขาหันมองหยวนเป่าหลิน “เจ้าต้องการให้ข้าทำอย่างไร”
หยวนเป่าหลินก้มศีรษะลงด้วยความเขินอาย บิดผ้าเช็ดหน้า และเอ่ยด้วยใบหน้าแดงก่ำเล็กน้อย “อย่างน้อยควรมีลูกเป็นของตัวเองไว้สักคน จะได้มีที่พึ่งพิงในยามแก่เฒ่า…”
กู้ฉังชิงตกตะลึง
……….