สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 957 เสี่ยวเฟิงเฟิง
บทที่ 957 เสี่ยวเฟิงเฟิง
……….
หยวนถงเงยหน้าและเปล่งเสียงด้วยความไม่พอใจ “ข้ามาเดินชมโคมไฟกับพี่สาวข้า เหตุใดถึงมาที่นี่ไม่ได้!”
กู้เฉิงเฟิงจดจ้องใบหน้าของหยวนเป่าหลินและทักทายอย่างสุภาพ “พี่สะใภ้ใหญ่!”
หยวนเป่าหลินยิ้มเอ่ย “เฉิงเฟิง”
“ลงมาแล้วค่อยทักทาย!” กู้ฉังชิงเอ่ยเสียงหนักแน่น
“อ้อ” กู้เฉิงเฟิงกระโดดลงมาจากหน้าต่างอย่างเชื่อฟังและโค้งคำนับหยวนเป่าหลิน “พี่สะใภ้ใหญ่”
หยวนถงเชิดคางขึ้น ยิ้มอย่างได้ใจ “หึ!”
กู้เฉิงเฟิงเหลือบมองนางและเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ข้าไม่ได้ทักทายเจ้าสักหน่อย”
พี่ชายกู้ฉังชิงดูน่าเกรงขามอย่างยิ่ง “พูดอะไร!”
กู้เฉิงเฟิงเบ้ปาก
หยวนเป่าหลินผ่อนคลายสถานการณ์ “เฉิงเฟิง เจ้ามาชมโคมไฟด้วยหรือ เดินด้วยกันหรือไม่”
“เอิ่ม…ข้า…” กู้เฉิงเฟิงแววตาสั่นไหว
เขาไม่ได้มาชมโคมไฟ แต่มาทำงาน
เขาห่างหายจากเมืองหลวงไปหลายวัน คนรุ่นหลังก็ขึ้นมามีชื่อเสียง หากเขาไม่ออกปล้นตั๋วเงินสักสองแผ่น ตำแหน่งจอมโจรอันดับหนึ่งแห่งยุทธจักรคงรักษาไว้ไม่อยู่แล้ว
หยวนเป่าหลินเห็นเขาลังเล จึงเอ่ยอย่างเปิดเผย “หากมีธุระ ก็ไปทำก่อนเถิด”
กู้ฉังชิงจ้องเขาด้วยสายตาเย็นชา
ราวกับกำลังพูดว่าเจ้ากล้าปฏิเสธคำเชิญแรกของพี่สะใภ้ใหญ่ก็ลองดู
เขากับหยวนเป่าหลินเป็นสามีภรรยากันในยาม แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของความเคารพซึ่งกันและกัน เขาจะไม่ให้หยวนเป่าหลินถูกเมินเฉยเด็ดขาด
ยิ่งไปกว่านั้น…เขาเองที่ผิดสัญญา ทำให้นางเสียใจก่อน ยิ่งไม่ควรให้นางน้อยเนื้อต่ำใจอีกต่อไป
สองพี่น้องเข้าใจตรงกัน กู้เฉิงเฟิงเผยรอยยิ้มออกมาทันที “ข้าไม่มีธุระอะไร ชั่วครู่เพียงครุ่นคิด พี่สะใภ้กับพี่ชายออกมาเที่ยวทั้งที ข้าจะรบกวนพวกพี่หรือไม่”
หยวนเป่าหลินยิ้มตอบ “ไม่หรอก ถงเอ๋อร์ก็อยู่ด้วย”
“พี่สาว ข้ามิได้อยากไปกับ…”
หยวนถงกล่าวเพียงครึ่งเดียวก็ถูกหยวนเป่าหลินจ้องด้วยสายตาพิฆาตราวกับมีดบินของเสี่ยวหยวน ทำให้กลืนคำพูดกลับไป
“ก็ได้” นางตอบอย่างไม่เต็มใจ
ขบวนคนเดินต่อไปข้างหน้า
เทศกาลโคมไฟวันนี้คึกคักมาก มีทั้งร้านขายโคมไฟ เวทีงิ้ว และนักแสดงกายกรรมข้างถนน
ณ ลานว่างหน้าร้านขายข้าวสาร ชายร่างกำยำเปลือยอก มือข้างหนึ่งถือดาบ อีกข้างถือกาสุรา เงยหน้าดื่มด้วยท่วงท่าที่ห้าวหาญ และพ่นออกมาอย่างแรง
ราษฎรที่ไม่รู้เรื่องคิดว่าเขาพ่นสุรา แต่หารู้ไม่ว่าเขากำลังพ่นเปลวไฟยาวออกมา
ผู้คนต่างส่งเสียงฮือฮา
หยวนถงตื่นเต้นจนปรบมือรัว
กู้เฉิงเฟิงส่ายศีรษะ ช่างไร้เดียงสาเสียจริง
หากสาวน้อยนั้นอยู่ที่นี่ คงมองกลอุบายออกตั้งแต่แรกแล้ว
ทั้งสี่คนเดินชมโคมไฟต่อ ระหว่างนั้นเกิดเหตุการณ์ขึ้นเล็กน้อย ชายร่างใหญ่ผู้แสดงพ่นไฟ แล้วเกิดพลาดพ่นเปลวไฟไปโดนคนเดินผ่าน
คนเดินถนนตกใจกลัว วิ่งหนีไปทุกทิศทุกทาง สะดุดล้มแท่นที่พวกเขาสร้างไว้ แท่นนั้นล้มไปทางฝูงชน กำลังจะกระแทกใส่หยวนเป่าหลิน กู้ฉังชิงรีบก้าวไปข้างหน้า โอบกอดหยวนเป่าหลินไว้ ใช้วิชาตัวเบาพานางออกจากจุดนั้น
“พี่สาว!” แทบจะในเวลาเดียวกัน หยวนถงก็มาช่วยพี่สาว แต่แท่นที่สองก็ล้มลงมาด้วย โชคไม่ดีที่นางสะดุดล้ม
กู้เฉิงเฟิงขมวดคิ้ว ก้าวไปข้างหน้า เตะแท่นกลับ
เขาราวกับวีรบุรุษที่ยืนขวางหน้าหยวนถง หยวนถงมองเงาของเขาด้วยความหวาดกลัว หัวใจของนางเต้นรัวอย่างรุนแรง
กู้ฉังชิงพาหยวนเป่าหลินไปไว้ที่ปลอดภัยข้างถนน “รอข้าอยู่ตรงนี้นะ”
จากนั้นก็ไปที่เกิดเหตุ
พี่น้องสองคนช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและดับไฟ เมื่อพลทหารที่ได้รับแจ้งมาถึง ความโกลาหลก็แทบสงบลงแล้ว
หยวนถงตกใจ กู้ฉังชิงและหยวนเป่าหลินส่งนางกลับจวนก่อน กู้เฉิงเฟิงยังคงอยู่ที่เกิดเหตุเพื่อช่วยเหลือด้านการตรวจสอบ
บนรถม้า หยวนถงนอนซบไหล่พี่สาว ใบหน้าซีดเผือด เห็นได้ชัดว่าเพิ่งตกใจสุดขีด
พี่น้องทั้งสองมีอุปนิสัยแตกต่างกัน หยวนถงดูภายนอกราวกับเสือ แต่แท้จริงแล้วขี้กลัว ในขณะที่หยวนเป่าหลินดูเงียบๆ แต่ภายในใจกลับเด็ดเดี่ยวและเข้มแข็งกว่าคนทั่วไป
หยวนเป่าหลินโอบไหล่ปลอบน้องสาว “กลับไปประเดี๋ยวข้าบอกท่านแม่ ให้เจ้าไปนอนด้วยสักสองคืน”
“ท่านพ่อจะโกรธข้าเอานะ” หากนางนอนกับมารดา บิดาก็ต้องนอนห้องหนังสือ
หยวนเป่าหลินหัวเราะเสียงหลง “นางมิใช่ขี้กลัวจนนอนไม่หลับหรอกหรือ”
“ใครบอกว่าข้าขี้กลัว” หยวนถงพึมพำอย่างไม่มั่นใจ นึกอะไรออกก็เอ่ยเสียงแผ่วเบา “พี่สาว…ข้ามีเรื่องอยากถามพี่”
“ว่ามาสิ” หยวนเป่าหลินตอบ
หยวนถงดวงตาสั่นไหว “น้องชายของพี่เขย…คงใกล้จะแต่งงานแล้วใช่หรือไม่ ข้าเห็นเขาไม่เด็กแล้ว ไม่รู้ว่าแต่งงานกับสาวประเภทใด นิสัยดีหรือไม่ ต่อไปพี่ก็จะเป็นสะใภ้ของเขาแล้ว”
หยวนเป่าหลินยิ้ม “เป็นห่วงข้าขนาดนี้เลยรึ”
หยวนถงตอบอย่างมั่นใจ “ก็พี่เป็นพี่สาวข้าหนิ”
…
หลังกลับจากจวนตระกูลหยวน ก้าวเข้าห้องหอ หยวนเป่าหลินก็เอ่ยกับกู้ฉังชิงถึงเรื่องของกู้เฉิงเฟิง “…เรื่องงานแต่งของเฉิงเฟิงจัดการหรือไม่”
กู้เฉิงเฟิงอายุไม่น้อยแล้ว หากมิใช่เพราะกู้ฉังชิงพี่ชายคนโตยังไม่แต่งงาน กู้เฉิงเฟิงกับกู้เฉิงหลินคงถูกเร่งเร้าให้แต่งงานไปนานแล้ว
ยามนี้เขาแต่งงานแล้ว ถึงเวลาที่กู้เฉิงเฟิงต้องแต่งงานเช่นกัน
กู้ฉังชิงตอบ “ไว้ข้าถามท่านแม่ให้นะ”
หยวนเป่าหลินเอ่ยถาม “ข้าหมายความว่า…เขาจะมีคนที่ชอบหรือไม่”
“คนที่ชอบ” คิ้วของกู้ฉังชิงขมวดแน่น “ไว้ข้าไปถามให้”
กลางดึก กู้เฉิงเฟิงปล้นตั๋วเงินมาได้หนึ่งแผ่น จึงรู้สึกดีมาก
ทันทีที่เขาเดินเข้าห้องก็เห็นพี่ชายราวกับมหาเทพนั่งอยู่ในห้องของเขา เขาตกใจมาก “พี่ใหญ่! อะไรเนี่ย! ดึกดื่นขนาดนี้แล้ว ไม่กลับไปอยู่เป็นเพื่อนพี่สะใภ้ใหญ่ กลับมาห้องข้าทำไม!”
“ข้ามีเรื่องสำคัญจะถามเจ้า” กู้ฉังชิงเอ่ย
มิใช่ว่ามีหลักฐานที่ข้าออกปล้นหรอกนะ
เป็นไปไม่ได้ เขาเองระวังตัวอย่างมาก
กู้เฉิงเฟิงเก็บความสงสัยเอาไว้ เดินไปหาพี่ชายโดยสีหน้าไม่เปลี่ยน “พี่ใหญ่ มีเรื่องด่วนอะไรถึงต้องถามกลางดึกเช่นนี้”
กู้ฉังชิงตอบ “ไม่ด่วนหรอก แต่พี่สะใภ้ใหญ่อยากรู้ ข้าเลยมาถามน่ะ”
พี่ชายรักพี่สะใภ้มากเพียงนี้เลยหรือ
แล้วพี่ใหญ่เองรู้ตัวหรือไม่
กู้เฉิงเฟิงหัวเราะคิกคักพลางตอบ “พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ให้มาหา พี่ก็มาเลยหรือ พี่แต่งงานกับนางปลอมๆ มิใช่รึ”
กู้ฉังชิงสีหน้าเคร่งขรึม
กู้เฉิงเฟิงรู้ตัวว่าพูดผิด รีบยกมือปิดปากตัวเอง
“เจ้ารู้ได้อย่างไร” กู้ฉังชิงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
กู้เฉิงเฟิงชนเข้ากับตอ กัดฟันตอบ “ข้า…ข้าแค่… บังเอิญ…เห็น…หนังสือสัญญา…ของพวกพี่กับ… ในห้องหนังสือ…”
กู้ฉังชิงมองเขาด้วยความสงสัย “ข้าซ่อนไว้ขนาดนั้น…”
กู้เฉิงเฟิงบ่นพึมพำ “ก็ข้าคือจอมโจร! พี่ซ่อนไว้ลับแค่ไหน ข้าก็หาเจอทั้งนั้นนั่นแหละ…”
เขาสัมผัสได้ถึงสายตาพิฆาตจากพี่ชาย เนื้อตัวสั่นเทา รีบเอ่ยอย่างจริงจัง “ประเด็นไม่ได้อยู่ตรงนี้! ประเด็นคือผมจะเก็บความลับให้พี่ใหญ่อย่างแน่นอน!”
เรื่องเกิดขึ้นแล้ว กู้ฉังชิงไม่อาจลบความทรงจำของเขาได้ จึงทำได้เพียงขมขู่ “หากเจ้ากล้าหลุดปากแม้แต่คำเดียว ข้าจะหักขาเจ้า!”
กู้เฉิงเฟิงเบ้ปาก
“มาก่อกวนข้าจนเกือบลืมเรื่องสำคัญไปเลย” กู้ฉังชิงกุมขมับด้วยความหงุดหงิด “พี่สะใภ้ใหญ่เจ้าอยากรู้ว่าเจ้ามีคนในใจแล้วหรือไม่”
กู้เฉิงเฟิงนั่งลงบนเก้าอี้ข้างพี่ใหญ่ของเขา “ทำไมรึ พี่สะใภ้ใหญ่จะหาคู่ให้ข้าหรือ”
กู้ฉังชิงตอบ “จะว่าอย่างนั้นก็ได้ หากเจ้าไม่มี…”
“ข้ามี!” กู้เฉิงเฟิงรีบเอ่ยแทรก
กู้ฉังชิงมองเขาด้วยความงุนงง “เจ้ามีอะไร”
กู้เฉิงเฟิงเผยแววตาจริงจังที่แทบไม่เคยปรากฏ “พี่ใหญ่ เรื่องอื่นยินดีฟังพี่และท่านปู่ แต่เรื่องนี้ ข้าอยากฟังใจตัวเอง”
กู้ฉังชิงตกตะลึง สายตาจดจ้องใบหน้าจริงจังของเขา “เจ้ามีสาวที่หมายปองไว้แล้วหรือ ตระกูลใด บอกมา ประเดี๋ยวพี่ให้จวนโหวไปสู่ขอ ไม่ว่าฐานะของตระกูลนั้นจะเป็นเช่นไร ขอเพียงเจ้าชอบ พี่กับท่านปู่ก็ไม่ขัดข้อง”
กู้เฉิงเฟิงก้มหน้าศีรษะ เอ่ยเสียงเบา “พี่ใหญ่ ข้ามีคนที่ชอบอยู่แล้ว แต่ความรู้สึกนี้ ข้าจะเก็บไว้คนเดียวตลอดไป”
“เจ้า…” กู้ฉังชิงได้ยินก็รู้สึกงุนงง “น้องรองมีคนในใจแล้วรึ เหตุใดเขาในฐานะพี่ใหญ่ถึงไม่รู้เรื่องเลย
เพราะเขาไม่เคยเห็นน้องรองพัวพันกับผู้หญิงมาก่อน
ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ้ำ
“เป็นแม่นางจากตระกูลใด นางไม่ชอบเจ้า หรือว่านางก็มีคู่หมั้นแล้ว” กู้ฉังชิงเอ่ยถาม
“พี่ใหญ่ อย่าถามอะไรอีกเลย” กู้เฉิงเฟิง เงยหน้ายิ้มราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “อย่างไรเสียข้าก็ไม่ต้องสืบทอดตระกูลอยู่แล้ว เรื่องแต่งงาน…ก็ช่างเถอะ ท่านปู่อยากอุ้มหลาน มีพี่ใหญ่ มีเฉิงหลิน รวมถึงกู้เหยี่ยนและเสี่ยวเป่าอยู่แล้ว มีคนสืบทอดวงศ์ตระกูลจำนวนมาก ก็ปล่อยข้าไปเถิด”
เขาตัดสินใจใช้ชีวิตที่เหลือเพื่อปกป้องหญิงสาวที่อยู่ในใจของเขา
……….