สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 951 แฝดน้อยผู้เป็นที่รักของทุกคน
บทที่ 951 แฝดน้อยผู้เป็นที่รักของทุกคน
……….
กู้เจียวเตรียมอานม้าสำหรับเด็กไว้ให้จิ้งคงเป็นที่เรียบร้อย ไม่ใช่อานม้าลายเสือสุดน่ารักเหมือนคราวก่อน แต่เป็นอานม้าที่เรียบง่ายขึ้น
ภาพจิ้งคงนั่งอยู่บนอานม้าดูเท่ไม่เบาเลยทีเดียว!
ส่วนเซียวเหิงยังอยู่ที่คณะเสนาบดี เช้านี้ก่อนออกไปทำงานกู้เจียวได้บอกกับเขาแล้วว่าให้ไปหาท่านย่า
ด้วยความที่สำนักเสนาบดีต่างจากสำนักฮั่นหลินโดยสิ้นเชิง เขาไม่ได้เป็นเปียนซิวที่ทำงานเงียบๆ อยู่ในสำนักฮั่นหลินอีกต่อไป การทำงานในสำนักเสนาบดีนั้นเข้มงวดมาก ทุกย่างก้าวและการตัดสินใจของเขามีคนคอยจับตามองอยู่ตลอดเวลา
กู้เจียวจึงไม่ไปรับเขาที่สำนักเสนาบดี แต่ให้ไปเจอที่วังแทน
วันนี้บรรยากาศที่ตำหนักเหรินโซ่วครึกครื้นนัก ทั้งเซียวฮองเฮา จวงกุ้ยเฟยและตู้เสี่ยวอวิ๋นก็อยู่ที่นั่นด้วย
ครึ่งปีก่อน ตู้เสี่ยวหยุนได้ให้กำเนิดบุตรชายคนแรกขององค์รัชทายาท ฮองเฮาเซียวดีใจมาก จึงได้ทำตามสัญญาในทันที โดยไปขอพระราชทานตำแหน่งไท่จื่อเฟยให้กับนาง
ดังนั้นตู้เสี่ยวอวิ๋นในตอนนี้ก็คือผู้ดำรงตำแหน่งไท่จื่อเฟย
ตู้เสี่ยวอวิ๋นหาใช่คนทะเยอทะยาน นางเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่มีลับลมคมใน ทั้งยังเคารพรักเซียวฮองเฮาเป็นอย่างมาก ไม่แปลกใจที่เซียวฮองเฮาจะพึงพอใจนาง
และแน่นอนว่าอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ นางให้กำเนิดบุตรได้
และไม่เพียงเท่านี้ หลังจากทายาทคนแรกคลอดออกมาได้ไม่ถึงปี ตู้เสี่ยวอวิ๋นก็มีครรภ์ที่สองแล้ว
เรียกได้ว่าตู้เสี่ยวอวิ๋นเป็นสะใภ้ร่างทองตามแบบฉบับคนโบราณจริงๆ
ตอนแรกพระสนมทั้งสามท่านกำลังนั่งเล่นไพ่ใบไม้อยู่ในสวนเล็กๆ แล้วก็เรียกจวงกุ้ยเฟยเข้ามาร่วมวงด้วยเนื่องจากขาดขา
แม้จวงกุ้ยเฟยจะไม่ได้มีความโดดเด่นรอบด้านเช่นท่านย่า เว้นเสียแต่เรื่องเล่นไพ่
ในวงไพ่นี้ เซียวฮองเฮาคือคนที่เก่งน้อยที่สุด หลังจากเล่นไปได้หนึ่งชั่วยาม ก็เริ่มมีอาการหน้ามืดตาลาย
แล้วก็เล่นแพ้ตลอดทุกตา
ท่านย่าพึงพอใจอย่างมาก
ขณะเดียวกัน เซียวฮองเฮาก็กำลังวางไพ่ไม้ตายลงบนโต๊ะด้วยสายตากระหายที่จะชนะ “ข้ากำลังจะชนะแล้ว! ทุกคน ข้าชนะแล้ว!”
“เจียวเจียวมาแล้ว เลิกเล่นเถอะ” จวงไทเฮาพูดจบก็วางไพ่ในมือลงทันที
เซียวฮองเฮา “…!!”
อวี้หยาเอ๋อร์และแม่นมช่วยกันอุ้มเด็กแฝด พวกเขาตื่นตั้งแต่ตอนเดินทางแล้ว
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาห่างบ้านไปไกลขนาดนี้ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะยังมองอะไรไม่ชัดก็ตาม
แต่เด็กน้อยทั้งสองกลับกลอกตามองไปทางซ้ายและขวาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ตู้เสี่ยวอวิ๋นรู้สึกกระอักกระอ่วนใจเมื่อได้พบกับกู้เจียวอีกครั้ง เมื่อนึกถึงตอนที่ตัวเองยังเด็กและไร้เดียงสา นางเคยคลั่งไคล้เวินหลินหลังอย่างไม่ลืมหูลืมตา แต่สุดท้ายแล้วกลับเป็นนางที่ได้เป็นภรรยาของสามีของเวินหลินหลังและรับตำแหน่งของเวินหลินหลังแทน
นางอดรู้สึกไม่ได้ว่าตัวเองกำลังเป็นชู้อยู่…
ทั้งที่จริงแล้วกู้เจียวไม่ใช่คนที่คิดอะไรหยุมหยิมแบบนี้ด้วยซ้ำ
“ท่านย่า ท่านน้า ไท่จื่อเฟย กุ้ยเฟย” กู้เจียวเอ่ยทักทายพระสนมทั้งสี่
“ท่านย่า ท่านน้า ไท่จื่อเฟย กุ้ยเฟย” จิ้งคงก็เช่นกัน
จิ้งคงไม่ใช่ตัวเอกของวันนี้ เขาอายุเจ็ดขวบแล้ว และได้เลิกทำตัวน่ารักขายความน่าเอ็นดูมานานแล้ว หลังจากเขาทักทายผู้ใหญ่ทุกท่านแล้ว เขาก็ไปที่ตำหนักคุนหนิงเพื่อหาฉินฉู่อวี้
ทุกคนต่างให้ความสนใจและเล่นกับแฝดน้อย
ใช่แล้ว เล่นกับแฝดน้อย
ด้วยความน่ารักที่เกินต้าน ผิวพรรณที่เนียนนุ่มเอย ไหนจะความว่านอนสอนง่าย ไม่ร้องไห้งอแง โดยเฉพาะเจ้าหนูเซียวเยียนที่อ้วนจนแก้มปริเป็นซาลาเปา ทำเอาพระสนมทุกคนใจละลายไปตามๆ กัน
ขนาดจวงไทเฮาที่เป็นคนไม่ชอบเด็กนักก็ยังอดไม่ได้ที่จะอยากอุ้ม
“ไปพาอู๋โยวมาเร็วเข้า” เซียวฮองเฮากล่าวกับนางข้าหลวง
อู๋โยวเป็นบุตรชายคนแรกของไท่จื่อ ตอนนี้อายุได้แปดเดือนแล้ว อยู่ในวัยกำลังหัดคลาน
นางข้าหลวงอุ้มองค์ชายฉินอู๋โยวเข้ามาในตำหนักเหรินโซ่วเพื่อให้มาเล่นด้วยกันกับแฝดน้อย
ในฐานะเด็กทารกอายุแปดเดือนท่ามกลางเด็กแฝดอายุสี่สิบวัน อู๋โยวได้กลายเป็นพี่ใหญ่ไปโดยปริยาย ยิ่งกว่านั้นเขาไม่จำเป็นต้องห่อตัวและมือและเท้าของเขาก็เป็นอิสระมาก
พอนางข้าหลวงเอาของเล่นมาวางให้ อู๋โยวก็ไม่รอช้า รีบช่วงชิงของเล่นก่อนใคร
โดยไม่รู้เลยว่าความซวยกำลังจะมาเยือนเขาในไม่ช้า
ขณะที่นางข้าหลวงกำลังจะช่วยแฝดน้อยเปลี่ยนผ้าอ้อม
จังหวะที่นางข้าหลวงหันไปหยิบผ้า เซียวเยียนก็ใช้เท้าถีบฉินอู๋โยวทันที
ส่วนเซียวฉงที่เป็นเด็กเรียบร้อยมาตลอด ก็ยังช่วยพี่สาวของเขาถีบซ้ำ และที่แย่กว่านั้น แรงของเซียวฉงนั้นเยอะยิ่งกว่าเซียวเยียนเสียอีก
ฉินอู๋โยวที่ถูกเลี้ยงมาดั่งไข่ในหิน พอถูกรุมเช่นนี้ ทั้งรู้สึกเจ็บและรู้สึกอายในคราวเดียวกัน เป็นอันต้องร้องไห้อุแว้เสียงดัง
“ไอ้หยา องค์ชายน้อยเป็นอะไรไปหรือเพคะ” นางข้าหลวงรีบอุ้มองค์ชายอู๋โยวขึ้นมา
สีหน้าและการเคลื่อนไหวของผู้กระทำผิดตัวน้อยทั้งสองประสานกันอย่างลงตัว พวกเขารีบนอนนิ่งมองไปที่หลังคาพร้อมๆ กัน ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เซียวฮองเฮาได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ ก็รีบเดินเข้ามาแล้วอุ้มองค์ชายน้อยพร้อมกับบ่น “อะไรกัน ร้องอีกแล้วรึ ดูน้องๆ สิ เขาเรียบร้อยกันจะตาย ไม่เห็นร้องโวยวายเลย!”
คราวนี้ฉินอู๋โยวร้องไห้หนักกว่าเดิม
ไม่นาน เซียวเหิงก็เดินทางมาถึง
เมื่อเห็นดังนั้น จวงกุ้ยเฟยจึงเอ่ยขอตัว ทว่าจวงไทเฮาห้ามไว้ “อยู่ก่อนสิ คนกันเองทั้งนั้น”
ฟังจบ จวงกุ้ยเฟยก็เริ่มรู้สึกแสบจมูกทันที
นี่พระมาตุจฉายังเห็นนางเป็นครอบครัวเดียวกันอยู่อีกอย่างนั้นหรือ
ทั้งเรื่องที่จวงไท่ฝู่พ้นอำนาจ หนิงอ๋องถูกกักบริเวณ ตระกูลจวงทั้งหมดถูกเนรเทศ จากที่คิดว่าตนเองก็คงหนีไม่พ้นความตาย แต่พระมาตุจฉากลับฝ่าฝืนเสียงคัดค้านจากทุกคนและช่วยตนไว้ได้
ต่อจากนี้ ตนจะไม่กระทำเรื่องโง่ๆ อีกแล้ว
จากนั้นเซียวฮองเฮาก็วานคนไปตามฉินฉู่อวี้และจิ้งคงให้มาร่วมโต๊ะอาหารด้วยกัน ส่วนไท่จื่อออกไปปฏิบัติราชการนอกเมือง ก็เลยไม่ได้เรียกให้มาร่วม
อีกทั้งตอนแรกก็ไม่ได้อยากเรียกให้ฮ่องเต้มาร่วม แต่พระองค์ก็ทรงโผล่มาเอง
“เสด็จแม่!”
เสี่ยวหงหงมาแล้ว!
เขาเอ่ยทักทายนางด้วยความกระตือรือร้น
จวงไทเฮากลอกตามองบนทันที
ทุกคนรับประทานอาหารกันพร้อมหน้าที่ตำหนักเหรินโซ่ว ฉินอู๋โหยวส่งเสียงเจื้อยแจ้ว จิ้งคงและฉินฉู่อวี้วิ่งไล่จับกันอย่างสนุกสนาน ส่วนจวงไทเฮา เซียวฮองเฮา และตู้เสี่ยวอวิ๋นต่างก็พูดคุยกันอย่างออกรส ซุบซิบเรื่องนั้นเรื่องนี้เต็มไปหมด
หลังจากเสร็จมื้อเย็น เซียวเหิงก็มาเล่นกับแฝดน้อย ส่วนกู้เจียวไปนั่งมองพระจันทร์เป็นเพื่อนท่านย่า
ตำหนักเหรินโซ่วเคยเป็นตำหนักที่เย็นชา ไร้ความอบอุ่น ไม่มีใครกล้าย่างกราย แต่บัดนี้ ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว
ฉินกงกงเฝ้ามองนายของตัวเองด้วยสายตาภูมิใจอยู่ห่างๆ พลางคิดในใจ
เส้นทางชีวิตของพระองค์ขึ้นๆ ลงๆ มาตลอด ทรงไร้ทายาท จนพระองค์ทำใจแล้วว่าจะต้องจากไปอย่างลำพัง แต่ในที่สุด สวรรค์ก็ทรงสงสารและเห็นใจพระองค์ และได้มอบความสุขให้กับพระองค์
หลังจากเซียวเหิงและกู้เจียวเอ่ยร่ำลาท่านย่าเสร็จ พวกเขาและเจ้าแฝดก็เดินทางกลับจวนองค์หญิง
พอกลับมาถึง พวกเขาก็ตรงไปหาองค์หญิงซิ่นหยางก่อน
แฝดน้อยเริ่มหิวข้าวแล้ว อวี้จิ่นจึงหยิบขวดนมมาเตรียมให้ พวกเขายังเด็กเกินไปที่จะดื่มเอง ดังนั้นต้องมีคนป้อนพวกเขา
เสี่ยวอีอีตัวน้อยซึ่งอายุได้หนึ่งขวบสามเดือนแล้ว อาสาที่จะรับภารกิจสำคัญนี้
“อีอี ป้อนเอง” เจ้าหนูอีอีเอ่ยขึ้น
องค์หญิงซิ่นหยางเคยมีนิสัยที่ไม่ยอมให้ลูกๆ ของนางทำอะไรเอง แต่หลังจากที่เซวียนผิงโหวมีส่วนร่วมในการเลี้ยงดูลูกๆ มุมมองของนางก็เปลี่ยนไปมาก
“เจ้าถือไหวไหม” องค์หญิงถามอีอี
“ไหวสิ!” อีอีน้อยตอบอย่างมั่นใจ
แล้วองค์หญิงก็ยื่นขวดนมให้อีอี
อีอีตัวน้อยก้าวขึ้นไปบนเก้าอี้ แล้วปีนขึ้นไปบนเตียงเล็กๆ ของเจ้าแฝดเพื่อป้อนนมให้
ต้องป้อนหลานชายตัวน้อยก่อน เพราะเขาผอมเกินไป!
“อ้ะ (อ้า) ปาก” อีอีน้อยเอ่ยกับเซียวฉงน้อย
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ยอมอ้าปาก อีอีจึงมัดมือชกยัดเข้าปากให้ทันควัน
พอเซียวฉงดูดนมไปได้จุบนึง อีอีตัวน้อยก็ดึงขวดนมออก แล้วเอาเข้าปากตัวเอง
นี่คือวิธีป้อนนมให้น้องของอีอี เจ้าดูดหนึ่งคำ ข้าดูดสองคำ
ไม่แปลกที่เซียวฉงตัวเล็กกว่าใครเพื่อน ทั้งหลงอีที่คอยป้อนนมให้แต่เซียวเยียน ทั้งอีอีที่เอาแต่แย่งนมของเขา
เซียวฉงช่างน่าสงสารเสียจริง
“อีอี นี่เจ้าแย่งน้องกินอีกแล้วรึ” องค์หญิงซิ่นหยางถามลูกสาวตัวน้อย
“ไม่ ไม่นะ อีอีไม่ได้ทำนะ” อีอีน้อยเรอเอิ้กออกมา
องค์หญิงซิ่นหยาง “…”
…
วันถัดมา กู้เจียวพาเจ้าแฝดไปที่ตรอกปี้สุ่ย โดยมีเซียวเหิงตามไปสมทบหลังเลิกงาน
ทุกคนในตรอกรู้ข่าวที่กู้เจียวได้ลูกแฝด จึงรีบเข้ามาห้อมล้อมเด็กน้อยทั้งสอง
เจ้าแฝดไม่มีท่าทีงอแงแม้แต่นิด ซ้ำยังทำเสียงน่ารักเป็นครั้งคราว ทำเอาทุกคนใจละลายไปตามๆ กัน
ทันใดนั้น ป้าหลิวก็รู้สึกว่าเจ้าเสี่ยวเป่าไม่เป็นที่นิยมอีกต่อไป และอยากได้เจ้าฝาแฝดมาครองใจจะขาด!
ตอนนี้เสี่ยวเป่าอายุสองขวบครึ่ง แก้มตุ้ยของเขาเริ่มหายไป เขาดูผอม แต่เขาฉลาดมาก
ทว่าไม่กระตือรือร้นเลยสักนิด
ยกตัวอย่างเช่น วานให้เสี่ยวเป่าช่วยให้นมน้อง ก็ไม่มีทีท่าจะแย่งนมน้องแต่อย่างใด
ทำตามหน้าที่อย่างดี สั่งให้ทำอะไรก็ทำแบบนั้น
“ท่านพี่”
ตอนนี้เขาเรียกู้เจียวว่าท่านพี่ได้คล่องปากแล้ว
“ว่าไงอาเป่า” กู้เจียวหันไปหาเขา
“น้องๆ ตัวเล็กจัง” เขาพูดขึ้นขณะที่มองเจ้าแฝด
กู้เจียวหัวเราะขึ้นมาทันที “พวกเขาเป็นหลานเจ้า ไม่ได้เป็นน้องเจ้า”
กู้เสี่ยวเป่าดูเหมือนจะไม่คุ้นเคยกับสองคำเรียกนี้เลย เขาเคยได้ยินแต่คำว่าหลานชายหลานสาว เพราะ
บ้านของลุงจ้าวที่อยู่ข้างๆ ก็มีหลานเหมือนกัน
และเขาคิดไปว่า มันคือความหมายเดียวกัน
“ข้ายังไม่แก่สักหน่อย” กู้เสี่ยวเป่าเอ่ย พลางคิดในใจ
มีแต่คนแก่ๆ เท่านั้นไม่ใช่รึที่จะมีหลานได้
“ฮ่าๆ !” กู้เจียวหัวเราะลั่นทันที
……….