สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 949-4 ตอนอวสาน (4)
บทที่ 949 ตอนอวสาน (4)
……….
เซียวเหิงถาม “เจ้าเกาะของท่านมีกล่องยาหรือ”
ฉังคุนประหลาดใจ “มี เจ้ารู้ได้อย่างไรรึ”
กู้เจียวเสร็จสิ้นการหักดินสอประจำวันของนาง ฉังคุนไปหาหลงอี เขาไม่แน่ใจว่าหลงอียังจำเขาได้หรือไม่
กู้เจียวและเซวียนหยวนฉีไปที่ห้องหนังสือ
เซวียนหยวนฉีส่งกล่องผ้าให้กู้เจียว “ข้าไปที่เกาะเจี้ยนหลูก่อน พบว่าหลงอีเกี่ยวข้องกับเกาะอั้นเย่ จากนั้นก็ไปที่เกาะอั้นเย่ นี่คือบันทึกของเจ้าสำนักเจี้ยนหลู”
กู้เจียวอ่านบันทึกของเจ้าสำนักหรงก่อน ปรากฎว่าตอนเขาอายุแปดขวบ เขาออกจากเกาะไปพร้อมกับท่านพ่อของเขา ศิษย์พี่ของเขาได้รับบาดเจ็บ โชคดีที่หมอเทวดาคนหนึ่งยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ กล่องยาของหมอเทวดามีมีดและยาแปลกๆ
ตอนเขาอายุยี่สิบปี เขาก็ได้พบกับหมอเทวดาคนเดิมอีกครั้ง รูปร่างหน้าตาของหมอเทวดาไม่เปลี่ยนไป
ตอนอายุสามสิบปี ก็ยังเหมือนเดิม
เขารู้สึกว่าหมอเทวดาต้องกินยาอายุวัฒนะแน่ๆ และยานั้นก็ซ่อนอยู่ในกล่องยาของเขา
เขาสะกดรอยตามหมอเทวดาไปที่เกาะอั้นเย่ และพบว่าเขาเป็นเจ้าเกาะอั้นเย่ จากนั้นเขาก็พบภาพวาดในห้องหนังสือของหมอเทวดา
“มันคือภาพวาดของเจ้าแห่งเงาทมิฬคนแรก” เซวียนหยวนฉีเอ่ยพลางหยิบภาพวาดนั้นออกมาจากอกและส่งมอบให้กู้เจียวด้วยสองมือ
นี่เป็นท่าทางที่เคารพอย่างยิ่ง ผู้ใหญ่จะไม่ส่งสิ่งของให้ผู้น้อยเช่นนี้
กู้เจียวกำลังคิดเรื่องต่างๆ อยู่ในใจ ไม่ได้ใส่ใจกับรายละเอียดนี้ แต่เมื่อนางรับภาพวาด สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไป
นี่ไม่ใช่ภาพวาด
แต่มันคือรูปถ่าย
รูปถ่ายของนางในชาติที่แล้ว
…
กู้เจียวไปพบฉังคุนและขอภาพเหมือนของเจ้าเกาะคนแรก
ฉังคุนหยิบภาพวาดเก่าๆ ออกมา “นี่คือครั้งแรกที่ข้าเห็นเขา ข้ากลัวว่าวันหนึ่งข้าจะลืม เลยวาดมันออกมาแต่เนิ่นๆ”
กู้เจียวเห็นชายร่างสูง สวมรองเท้าบูททหาร สวมเสื้อคลุมยาว รูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าเย็นชา
“อาจารย์พ่อ…”
ปรากฎว่าคนที่เจ้าสำนักหรงเห็นคืออาจารย์พ่อ รูปร่างหน้าตาของเขาไม่เปลี่ยนไป ไม่ใช่เพราะเขากินยาอายุวัฒนะ แต่เป็นเพราะเขาข้ามเวลามาที่นี่ครั้งแล้วครั้งเล่า
กู้เจียวกำภาพวาดแน่น “เขาไปไหนแล้ว”
ฉังคุนเอ่ยอย่างเศร้าโศก “เขาตายแล้ว”
ดวงตาของกู้เจียวเบิกกว้าง “เจ้าว่าอะไรนะ”
ฉังคุนถอนหายใจ “ทุกครั้งที่เขามาที่นี่ เขาจะปลูกหญ้าจื่อเฉ่า แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง หญ้าจื่อเฉ่าชุดแรกก็ไม่สามารถปลูกได้ ต่อมาเขาเสียชีวิต ก่อนตายเขาขอให้ข้าฝังเขาไว้ใต้หญ้าจื่อเฉ่า เจ้าว่าแปลกไหม ปีต่อมา บริเวณที่เขาฝังศพก็มีหญ้าจื่อเฉ่าขึ้นเต็มไปหมด”
กู้เจียวจ้องมองภาพวาดอย่างว่างเปล่า ทันใดนั้นน้ำตาก็ไหลออกมา
…
ตอนกลางคืน
เย่ชิงมาที่ห้องของกู้เจียว
กู้เจียวนั่งเงียบๆ อยู่ข้างหน้าต่าง
เย่ชิงอ้าปากเล็กน้อยพลางเอ่ยเบาเสียงแผ่วเบา “ตอนนี้… ข้าควรเรียกท่านว่าอะไรดี คุณหนู ท่านผู้บัญชาการน้อย ฮูหยินเซียว หรือ…”
กู้เจียวเอ่ย “อะไรก็ได้ อาจารย์ของเจ้า…”
เย่ชิงมาอยู่ตรงหน้านาง ก้มหน้าลงสูดหายใจเข้าลึกๆ กลั้นเสียงสะอื้นในลำคอ เอ่ยด้วยน้ำเสียงปกติ “อาจารย์ของข้าออกเดินทางไปทั่วโลกแล้ว ก่อนจากไป เขาไปพบข้าที่เกาะอั้นเย่ เขาฝากบางอย่างให้ข้าส่งมอบให้ท่าน”
กู้เจียวรับกล่องแล้วเปิดออก
เป็นรูปปั้นดินเหนียวสามตัวที่นั่งอยู่ใต้ต้นท้อ และภาพเหมือนของนายพลที่ไร้ใบหน้า
ตอนนี้ใบหน้าถูกเติมเต็มโดยกั๋วซือแล้ว
เป็นใบหน้าของนางในชาติที่แล้ว
เจ้าแห่งเงาทมิฬคือนาง นางคือเจ้าแห่งเงาทมิฬ
เย่ชิงหันหลังกลับและยกมือขึ้น เช็ดน้ำตาที่อยู่ในดวงตาอย่างลับๆ พลางเอ่ยอย่างใจเย็น “อาจารย์มีเรื่องหนึ่ง ให้ข้าเล่าให้ท่านฟัง”
กู้เจียวเอ่ย “เจ้าว่ามาสิ”
เย่ชิงเรียบเรียงถ้อยคำก่อนจะค่อยๆ เล่าออกมา
“กาลครั้งหนึ่ง มีจอมเวทย์ที่ยากจนและสิ้นหวังผู้หนึ่ง แต่เพราะล่วงเกินท่านชายจากตระกูลใหญ่เข้าจึงถูกซ้อมปางตายอยู่ริมถนน เมื่อใกล้สิ้นลม มีหญิงงานนั่งเทพเซียนนางหนึ่งช่วยเขาเอาไว้ นางพูดว่า ‘เจ้าหน้าเหมือนสหายเก่าของข้าคนหนึ่ง’”
“เพราะใบหน้าที่คล้ายกัน หญิงผู้นั้นจึงรักษาเขา ดูแลเขา สอนทุกอย่างที่นางรู้ให้เขา และพาเขาไปรู้จักกับบุตรชายของตระกูลเซวียนหยวน”
“เขาคิดว่าสหายเก่าคนนั้นต้องสำคัญกับนางมาก เขาเคยคิดที่จะแสร้งทำเป็นคนคนนั้น แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ทำ”
“สิ่งที่โชคดีที่สุดในชีวิตของเขาคือการได้พบนางและสิ่งที่เขาเสียใจที่สุดคือการทำนายโชคชะตานั้น”
“จากนี้ไปหนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล อย่าได้ตามหาเขาอัก”
ดังนั้น กั๋วซือไม่ใช่ผู้ที่ข้ามกาลเวลามา แต่เป็นคนที่รู้จักนางที่ข้ามเวลามา
กั๋วซือไม่ใช่อาจารย์พ่อ แต่มีใบหน้าคล้ายกับอาจารย์พ่อ
อาจารย์พ่อที่แท้จริงได้ถูกฝังอยู่ใต้ดอกจื่อเฉาบนเกาะอั้นเย่แล้ว
…
เมื่อเซียวเหิงมาถึงห้อง เย่ชิงก็จากไปแล้ว
กู้เจียวกำลังเผากระดาษเงิน
เตาไฟสองเตา
เซียวเหิงมองนางด้วยความสงสารพลางเอ่ย “อันหนึ่งเผาให้เจ้าเกาะอั้นเย่คนแรก อีกอันหนึ่งคือ…”
กู้เจียวเอ่ยเบาๆ “สหายเก่าน่ะ”
…
เกาะอั้นเย่อยู่ไกลกว่าแคว้นเยี่ยน หากกลับไปตอนนี้จะต้องเจอกับสภาพอากาศอันโหดร้ายของทุ่งน้ำแข็งพอดี ฉังคุนและฉังจิ่งจึงพักอยู่ที่จวนโหวชั่วคราว
นี่เป็นความตั้งใจของกู้เจียว นางวางแผนที่จะไปที่เกาะอั้นเย่ เมื่อฤดูใบไม้ผลิมาถึง นางคงจะคลอดลูกแล้ว
เมื่อถึงเวลานั้น นางจะกลับไปพร้อมกับฉังคุนและฉังจิ่ง
เดือนสิบ ซ่างกวนชิงกลับสู่แคว้นเยี่ยน
ขึ้นเดือนสิบสองในเดือนเดียวกัน ราชเลขาหยวนเป็นไข้หวัด ร่างกายเขามิได้แข็งแรงเหมือนแต่ก่อน
ราชเลขาหยวนรู้สึกว่าเขาไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ จึงยื่นหนังสือลาออกต่อฝ่าบาท
ฝ่าบาทพยายามรั้งตัวเขาไว้หลายครั้ง จนกระทั่งเดือนสองปีถัดมาจึงอนุญาตให้ราชเลขาหยวนลาออกได้ โดยมีเซียวเหิงเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งราชเลขาประจำคณะเสนาบบดี
ในที่สุดราชเลขาที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์แห่งหกแคว้นก็เข้ารับตำแหน่ง
และในวันแรกที่เซียวเหิงเข้ารับตำแหน่ง กู้เจียวก็เกิดปวดท้องขึ้นมา
ใต้เท้าราชเลขายังไม่ทันนั่งได้นั่งเก้าอี้ก็ล้มหน้าขมำต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาทยามถวายบังคม จนหมวกขุนนางเอียงกระเท่เร่!
เหล่าขุนนางในคณะเสบดีไม่เคยเห็นใต้เท้าเซียวท่าทีร้อนรนเช่นนี้มาก่อน จึงพากันตกตะลึงตาค้าง
เซียวเหิงไม่สนใจภาพลักษณ์ของตัวเองอีกต่อไป รีบควบม้ากลับจวน!
กู้เจียวตั้งท้องลูกแฝด ท้องของนางใหญ่กว่าหญิงมีครรภ์ทั่วไป และกำหนดคลอดก็เร็วกว่าปกติยี่สิบวัน
นางปวดท้องขณะกำลังเดินเล่นในสวนกับองค์หญิงซิ่นหยาง แต่นางยังค่อนข้างใจเย็น
องค์หญิงซิ่นหยางไม่ใจเย็น เมื่อเห็นว่ากู้เจียวยังเดินกลับเองได้ นางถึงกับสงสัยในชีวิตของตัวเอง
เซียวจี่ เหอะๆ ตอนที่ข้าเห็นเจ้าเดินกลับห้องคลอดอย่างใจเย็น ข้าก็สงสัยในชีวิตตัวเองเหมือนกัน
เดิมทีมีเด็กนึ่งคนเข้ามาในอุ้งเชิงกรานแล้ว แต่วันนี้ ปรากฎว่าตำแหน่งของเด็กทั้งสองกลับไม่เข้าที!
หมอตำแยกับนางผดุงครรภ์ต่างตกตะลึง
แล้วมันเกิดอะไรขึ้น หรือว่า… คนนี้ถูกอีกคนเตะไปข้างๆ
หมอตำแยหายใจเข้าลึก แล้วค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออก “ไม่ต้องตกใจ ไม่ต้องตกใจ ถ้าตำแหน่งของทารกไม่ถูกต้อง เราก็แค่ปรับให้ถูกต้อง เราจะปรับคนไหนก่อน”
นางคลำท้องของกู้เจียว “คนนี้ คนนี้อยู่ใกล้กว่า!”
ทันทีที่นางเอ่ยจบ กำลังจะออกแรง ทารกอีกคนก็เตะเข้าที่ท้องของกู้เจียว และเขย่าเท้าเล็กๆ ของตัวเองไปที่หน้าท้องของกู้เจียว
หมอตำแยมึนงงอีกครั้ง “นี่มันอะไรกันอีกเนี่ย”
นางผดุงครรภ์ผงะไปครู่หนึ่ง พลางเอ่ยตะกุกตะกัก “เขา (นาง) อาจจะหมายความว่า… เขา (นาง) อยากจะออกมาก่อน”
ยามย่ำค่ำ เสียงร้องก้องกังวานดังไปทั่วท้องฟ้ายามเย็น คุณหนูตระกูลราชเลขาถือกำเนิดแล้ว!
สิบห้านาทีต่อมา ท่านชายแห่งตระกูลราชเลขาก็ได้ถือกำเนิดเช่นกัน
มังกรและหงส์เป็นสัญลักษณ์มงคล แสงสีทองอร่ามทั่วทั้งจวน ชาวเมืองทั่วทั้งเมืองหลวงต่างได้เห็นปรากฏการณ์นี้ พากันเล่าลืมว่าเป็นสวรรค์ประทานพร
เซียวเหิงไม่ทันได้สนใจเด็กทั้งสอง เขาไปที่ห้องคลอดเป็นอย่างแรก
เด็กน้อยที่ถูกอุ้มโดยหมอตำแยและนางผดุงครรภ์ดูเหมือนจะรู้สึกผิดเล็กน้อย ราวกับว่าพวกเขากำลังบ่นว่าท่านพ่อของพวกเขายังไม่ได้อุ้มพวกเขาหลังจากที่พวกเขาเพิ่งเกิด
เซียวเหิงตรงไปที่ข้างเตียง
กู้เจียวเพิ่งคลอดลูกทั้งง่วงทั้งเหนื่อย ไม่มีแรงแม้แต่จะพูด
ทันใดนั้น นางมองเห็นเงาร่างสูงโปร่งเดินเข้ามาท่ามกลางแสงอาทิตย์อัสดง
เขายื่นมือเรียวขาวดุจหยกนั้นมาแตะหน้าผากของนาง
นั่นคือฝ่ามือที่งดงามที่สุดที่นางเคยเห็น
(จบบริบูรณ์)
……….