สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 941 ชีพจรตั้งครรภ์
บทที่ 941 ชีพจรตั้งครรภ์
……….
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนสีหน้าเปลี่ยน ยามนี้กู้เจียวมีสถานะเหนือกว่าใครในเรือน แม้แต่เสี่ยวอีอีก็ยินยอมให้นางคลึงเท้าเล็กๆ ของตนอยู่เสมอ เพียงนางขยับเล็กน้อยก็ก่อให้สร้างแรงกระเพื่อมได้แล้ว
เซียวเหิงเป็นคนแรกที่ตอบสนอง เขารีบลุกขึ้นยืน เดินไปหานาง และลูบหลังนางเบาๆ แล้วโค้งตัวถามนาง “เป็นอะไรหรือ ไม่สบายตรงไหนหรือไม่”
กู้เจียวกลั้นอาเจียนไว้พลางตอบ “อยู่ๆ ก็รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาน่ะ”
ดวงตาขององค์หญิงซิ่นหยางเบิกกว้างขึ้นทันที
แววตาของเซียวจี่ก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป
คนหนึ่งเคยให้กำเนิดบุตรมาแล้ว ส่วนอีกคนหนึ่งมีหญิงสาวคลอดบุตรให้เขา พูดง่ายๆ คือเคยผ่านประสบการณ์นี้มาแล้ว จึงมีความไวต่ออาการเช่นนี้มากกว่าเซียวเหิงหนุ่มน้อยที่เพิ่งเปิดประเดิมครั้งแรก
องค์หญิงซิ่นหยางเอ่ยกับเซียวจี่ “เจ้าออกไปก่อนได้หรือไม่”
เมื่อมีเรื่องส่วนตัวอยากซักถาม เซียวจี่มิใช่ขอนไม้อย่างแม่ทัพเฉียน จึงเข้าใจเป็นอย่างดี
เขาจึงเอ่ยถาม “ให้ออกไป หรือเชิญหมอหลวง”
องค์หญิงซิ่นหยางรู้สึกตกตะลึง เหลือบมองเขาอย่างประหลาดใจ ราวกับกำลังกล่าวว่าที่แท้สมองของเขาเข้าใจอะไรได้รวดเร็วเพียงนี้เลยรึ
“จุ๊” เซียวจี่เห็นนางจ้องมองจึงส่ายศีรษะด้วยความขำขัน
ภายในวันเดียว ถูกฉังจิ่ง “เก็บศพ” ก่อน แล้วถูกองค์หญิงซิ่นหยางตั้งคำถามเกี่ยวกับความฉลาดของเขา ชีวิตช่างน่าเศร้าเหลือเกิน
เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเดินออกไป
องค์หญิงซิ่นหยางหันมองกู้เจียวและถามอย่างจริงจัง “ระดูเดือนนี้มาแล้วหรือไม่”
“ฮะ” กู้เจียวตกตะลึง
“ไม่มา” เซียวจี่ตอบแทนนาง
ทุกวันใช้สิทธิ์ความเป็นสามี แน่นอนว่าจำได้ดีว่านับตั้งแต่แต่งงาน ประจำเดือนก็ไม่เคยมาเลย
เขาไม่เคยเป็นพ่อคนมาก่อน ปฏิกิริยาของเขาในเรื่องนี้จึงดูเชื่องช้าไปเสียหน่อย แต่เขาเก่งในการอ่านสีหน้าคน เมื่อแม่ของเขาเอ่ยถาม จึงเข้าใจในทันที
“ท่านแม่ ท่านคงมิใช่…”
องค์หญิงซิ่นหยางมิได้ยอมรับหรือปฏิเสธ “ระดูไม่มา พวกเจ้าก็ไม่สงสัยอะไรเลยหรือ โดยเฉพาะเจ้า เจียวเจียว เจ้าเป็นถึงหมอเลยนะ!”
กู้เจียวตอบ “ระดูข้ามาไม่ค่อยตรงเวลาในช่วงครึ่งปีมานี้”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะช่วงวัยรุ่น หรือการต่อสู้ ทำให้ใช้ร่างกายมากเกินไปจนส่งผลต่อร่างกายของนางหรือไม่ ประจำเดือนของนางในปีนี้มีทั้งสองเดือนไม่มาและมาสองรอบในหนึ่งเดือน
เซียวเหิงเดิมทีจดจำได้วันที่นางมีประจำเดือนได้ แต่เมื่อรอบเดือนของนางไม่แน่นอน เขาก็จนปัญญา
องค์หญิงซิ่นหยางประหลาดใจ “แบบนี้ก็ท้องได้…งั้นก็ต้องขอบคุณยาบำรุงครรภ์ของแล้ว!”
“อะแฮ่ม!”
เซียวเหิงสำลักจนได้
ไม่อยากบอกแม่ของเขาว่ากินยาบำรุงครรภ์หลังจากทั้งสองคนพยายามจะมีบุตร
เขาเอ่ยกับตนเอง “แค่ครั้งเดียวชัดๆ …”
เป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่ยังไม่คุ้นเคย เก้ๆ กังๆ และมีประสบการณ์อันเลวร้าย
ครั้งนั้นครั้งเดียวก็ประสบความสำเร็จเลยหรือ จากนั้นพวกเขาคุมกำเนิดก็ไร้ความหมายนะสิ
นี่ช่าง… เสียจริงเลย
ไม่รู้ว่าจะเอ่ยอย่างไรดี
ช้าก่อน ก็แค่อาเจียนน่ะ ไม่จำเป็นต้องตั้งครรภ์เสมอไป
บางทีแม่ของเขาอาจดีใจเก้อก็เป็นได้
เซียวเหิงรินน้ำอุ่นหนึ่งถ้วยให้กับกู้เจียว และเอาจานขาหมูน้ำแดงออก
องค์หญิงซิ่นหยางชอบรสชาติจืดชืด ช่วงเวลาหลายปีที่ผ่ามาเซียวเหิงไม่อยู่ข้างกาย นางก็เริ่มกินอาหารมังสวิรัติ แต่หลังจากตั้งท้องเสี่ยวอีอี ถึงกลับมากินเนื้อสัตว์อีกครั้งเพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ จนกระทั่งยามนี้ที่ป้อนนม ก็ยังคงหยุดกินน้ำแกงปลาและอาหารประเภทเนื้ออื่นๆ ไม่ได้
แต่โดยรวมแล้ว มิได้มันเยิ้ม
อาหารประเภทขาหมูและหมูสามชั้นน้ำแดงมักปรุงมาเพื่อเอาใจเด็กๆ
ด้วยความกังวลว่าทั้งสองคนจะกินไม่ถูกปาก นางจึงสั่งให้สาวใช้ไปเอาผักดองมาเพิ่ม
หมอหลวงมาถึงอย่างรวดเร็ว ก่อนที่พวกเขาจะกินอาหารเสร็จ ก็มารออยู่ที่หน้าประตูแล้ว
“ข้าอิ่มแล้ว” กู้เจียวเอ่ย
“ข้าก็อิ่มแล้ว” เซียวเหิงเอ่ย
วันนี้อวี้จิ่นไม่อยู่ องค์หญิงซิ่นหยางจึงสั่งให้สาวใช้คนอื่นๆ ไปเก็บกวาดเรือน ส่วนนางก็พาเด็กสองคนไปที่ห้องข้างเพื่อพบหมอหลวง
ทว่าเมื่อทั้งสามคนก้าวข้ามธรณีประตู ก็ต้องตกตะลึงงันกับฉากตรงหน้า
ผู้คนล้นหลาม
ราวกับว่ายกโรงหมอหลวงมาไว้ที่นี่
แม้แต่หมอหลวงเวรยามกลางคืนของฮ่องเต้ก็ยังถูกเรียกตัวมา
เซียวจี่หันหลังยืนหลังตรงอย่างองอาจ และเอ่ยกับหมอหลวง “เข้ามาตรวจทีละคน!”
ทั้งคืน กู้เจียวไม่ได้ทำสิ่งใดเลย นั่งอยู่บนเก้าอี้ให้หมอหลวงจับชีพจร
ในที่สุด ทุกคนล้วนได้ข้อสรุปตรงกันว่าเป็นชีพจรตั้งครรภ์
“ใต้เท้าทั้งหลายลำบากแล้ว” องค์หญิงซิ่นหยางมอบซองแดงให้กับหมอหลวงทุกคน หมอหลวงที่ถูกเซวียนผิงโหวให้มา ก็ลืมความไม่พอใจไปเสียหมดสิ้น
“พอแล้ว พวกเจ้าทั้งสองก็รีบกลับไปพักผ่อนเถิด” นางเอ่ยกับพวกเซียวเหิง “สามเดือนแรกต้องระวังหน่อย ห้ามประมาท”
ดูเหมือนจะห้ามพวกเขาไม่ให้ทำสิ่งใดเลย เห็นทีคงเป็นไปมิได้ จึงได้แต่ขอร้องให้ระมัดระวัง
เซียวเหิงไอเสียงเบา “ขอครับท่านแม่”
เขาจูงมือเจียวกลับเรือนหลันถิง
เซียวจิ้งคงกับซ่างกวานชิ่งไม่อยู่ที่บ้าน
เรือนหลานถิงจึงเงียบสงัดมาก
คนทั้งสองสองคนเดินเล่นบนทางเดินหินที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้ บ่าวรับใช้โค้งคำนับทั้งสอง เซียวเหิงก็ยกมือขึ้น ทุกคนเข้าใจและถอยไปอย่างเงียบๆ
อวี้หยาเอ๋อร์อุ้มเสื้อผ้าที่ตากแห้งสนิทแล้วเดินมาจากระเบียงทางเดิน กำลังจะเรียกคุณหนู ก็ถูกแม่นมข้างๆ ดึงแขนเสื้อนางไว้
แม่นมส่ายศีรษะให้กับนาง
“อ้อ” อวี้หยาเอ๋อร์ไม่เขลา หันหลังกลับไปที่เรือนของนาง
“เมื่อครู่…ใช่แพ้ท้องหรือไม่” เซียวเหิงเอ่ยถาม
จากกินข้าวจวบจนบัดนี้ กู้เจียวมิได้เอ่ยสิ่งใดเลย
เขาไม่รู้ความคิดของนาง ได้แต่พยายามชวนคุย
กู้เจียวพยักหน้า “น่าจะ น่าจะใช่นะ”
นางยอมเอ่ยปาก เซียวเหิงก็โล่งใจ หันไปมองใบหน้าที่ดูสงบนิ่งของนาง แต่ไม่อาจคาดเดาได้ว่าภายในใจของนางจะสงบดั่งภายนอกหรือไม่
“อันที่จริงแล้ว การมีลูกก็ไม่เลวนะ” เขาเอ่ยเสียงเบา “ลูกชายก็เหมือนจิ่งคงและเสี่ยวเป่า ลูกสาวก็เหมือนอีอี คิดแบบนี้แล้ว ก็ดูน่ารักไม่เบาเลยว่าหรือไม่”
กู้เจียวเหลือบมองเขาด้วยความประหลาดใจ “เจ้าชมจิ้งคงว่าน่ารักเนี่ยนะ”
เซียวเหิงงุนงงไปชั่วขณะ “อืม…ข้าพูดผิดงั้นหรือ เขาไม่น่ารักรึ”
หากไม่น่ารัก เจ้าจะโดนเขาหลอกได้อย่างไร มิหนำซ้ำยังให้เขามาติดพันทั้งวันไม่รำคาญอีกต่างหาก
กู้เจียวตอบ “เขาน่ะน่ารัก แต่แค่แปลกใจที่ได้ยินจากปากเจ้า”
ทั้งสองทะเลาะกันตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกัน กระทั่งบัดนี้ ต่างฝ่ายต่างชิงไหวชิงพริบ งัดอาวุธทั้งสิบแปดชนิดมาเชือดเฉือนกัน อย่าคิดว่านางไม่รู้
กระดาษหน้าต่างบอกว่าจะจิ้มให้ทะลุก็ทะลุขึ้นมาจริงๆ
เซียวเหิงยิ้มอย่างสุภาพ
จวนองค์หญิงสวยงามน่ารื่นรมย์ การออกแบบและจัดวางสวนจัดได้ว่าติดอันดับหนึ่งในสามของเมืองหลวง
สายลมเย็นพัดผ่าน กลิ่นหอมดอกไม้พัดโชยมา สร้างความสดชื่นใจนัก
ทั้งคู่เดินต่อไปอีกพักหนึ่ง
“อันที่จริงแล้ว…” กู้เจียวเอ่ยปาก
จู่ๆ หัวใจของเซียวเหิงก็ตึงเครียด ราวกับว่าเขากลัวจะได้ยินคำพูดที่ไม่อยากฟังออกมาจากปากของนาง จึงชิงตัดสินใจด้วยตัวเองก่อน “อันที่จริงแล้ว พวกเรายังเด็กกันอยู่เลย ข้าเองก็เพิ่งเข้ารับตำแหน่ง จึงไม่มีเวลามากพอในการดูแลลูก…”
เมื่อเขาพูดเช่นนี้ ก็หายใจติดขัด
อึดอัดเหลือเกิน
พูดไม่ออก
กู้เจียวหยุดเดิน ทั้งพวกเขายังคงจับมือกันอยู่ เขาจึงหยุดเดินไปด้วย
กู้เจียวจ้องมองเขา “เจ้าไม่อยากได้เด็กคนนี้หรือ”
“ข้ามิได้หมายความว่าอย่างนั้น” เซียวเหิงโต้กลับตามสัญชาตญาณ เขาจะไม่ต้องการได้อย่างไร เขาเพียง…
ช้าก่อน นางถามเขารึ
ดวงตาของเขากะพริบและมองนางอย่างประหม่า “เจียวเจียว เจ้า เหตุใดถึงถามเช่นนี้ เจ้าอยากได้หรือไม่”
กู้เจียวก้มศีรษะมองท้องแบนราบของนางแล้วพยักหน้า
ความปิติยินดีฉายแววไปทั่วดวงตาของเซียวเหิง “เจียวเจียว…”
“เหตุใดเจ้าถึงทำสีหน้าเช่นนี้ คิดว่าข้าจะไม่อยากได้งั้นหรือ”
เซียวเหิงยิ้มกลบเกลื่อน ไม่ได้ตอบคำถามตรงๆ แต่เอ่ยต่อ “แล้วเหตุใดเมื่อครู่ถึงนิ่งเงียบไม่พูดอะไรเลยเน่า ข้านึกว่าเจ้าไม่พอใจเสียอีก”
“ข้าแค่ยังตั้งตัวไม่ทันน่ะ” นางมองท้องตนเองอย่างจริงจัง “เหตุใดถึงมีลูกได้เล่า”
นางกลายเป็นเด็กน้อยที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นไปเสียแล้ว
เซียวเหิงรู้สึกเอ็นดูนางจนหัวใจแทบละลาย บนโลกนี้จะมีคนดีเฉกเช่นเจียวเจียวได้อย่างไรกัน
เขาลูบศีรษะของนาง อดที่จะถามไม่ได้ “เหตุใดถึงเปลี่ยนใจกะทันหัน”
กู้เจียวตอบด้วยความสัตย์จริง “ไม่ใช่กะทันหัน หลังจากครั้งนั้นที่ได้เจอกับถังเย่ว์ซาน ดูเหมือนว่าความรู้สึกภายในใจจะเปลี่ยนไปไม่น้อยเลย”
เพราะว่าถังหมิงไม่ได้เป็นลูกชายที่สมบูรณ์แบบ เขาถึงขั้นแยกไม่ได้ว่าเป็นลูกชายที่ดี เขามีนิสัยและข้อบกพร่องมากมาย แต่ถังเย่ว์ซานก็ไม่เคยรักเขาน้อยลงเลย เขาไม่เคยคิดทอดทิ้งบุตรชายคนนี้
นางสูญเสียพลังที่มีในวัยเด็กไปอย่างน่าเสียดายเพราะถูกทอดทิ้ง แต่ก็ได้กลับคืนมาจากถังเย่ว์ซาน
เซียวเหิงไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า คนที่เปลี่ยนใจนางได้จะเป็นชายหนุ่มผู้นี้
เขาโอบกอดนางไว้แน่น ลูบศีรษะของนางอย่างเบามือ เขามีหลายสิ่งหลายอย่างที่อยากจะพูด อยากจะขอบคุณนาง อยากจะชื่นชมนาง แต่เมื่อคำพูดถึงข้างปาก กลับพบว่าไม่มีคำพูดอันใดที่สามารถสาธยายความรู้สึกของเขาได้อย่างแท้จริง
เขาเพียงโอบกอดนางแน่นขึ้น ให้นางรับรู้ถึงอารมณ์ความรู้สึกของเขา
เขาต้องการมีลูกกับนาง
เขารอคอยการมาถึงของเจ้าตัวน้อย