สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 936 รักของพ่อยิ่งใหญ่ดังภูผา
บทที่ 936 รักของพ่อยิ่งใหญ่ดังภูผา
……….
ถังหมิงร่วงลงมาพร้อมกับคบเพลิงในมือ ด้านหน้าเป็นที่โล่ง ไม่มีน้ำมัน คบเพลิงตกลงมาจึงไม่เป็นไร
ส่วนถังหมิงจะตกลงมาจนสะบักสะบอมแค่ไหน ไม่ใช่เรื่องที่กู้เจียวใส่ใจ
กู้เจียวเอื้อมมือออกไป คว้าธนูของตระกูลถังไว้ด้วยความว่องไว
ถังเย่ว์ซานไม่สนใจอาการบาดเจ็บที่หน้าท้องของตัวเอง โผตัวเขาไปแล้วรับร่างถังหมิงที่กำลังตกลงมาจากกลางอากาศ
คบเพลิงตกลงพื้นโดยไม่มีผู้บาดเจ็บล้มตาย
ร่างของเขาหยุดนิ่งกลางอากาศ มองดูกู้เจียวที่กำลังเล่นกับธนูของตระกูลถัง ก่อนจะเอ่ยเสียงเกรี้ยวกราด “อย่าแตะต้องธนูของตระกูลถังของข้า!”
กู้เจียวตอบรับอย่างไม่แยแส ลูบธนูตระกูลถังตั้งแต่หัวจรดปลายอย่างได้ใจ แม้แต่สายธนูก็ไม่เว้น
ถังเย่ว์ซาน “…!!”
ถังหมิงถูกถังเย่ว์ซานแตะจุดชีพจรและถูกส่งขึ้นรถม้า
เมื่อวิกฤตคลี่คลาย เจ้าหน้าที่ก็รีบวิ่งเข้าไปในโรงน้ำชาเพื่อช่วยเหลือผู้คน
กู้เจียวและเซียวเหิงพบแม่นางเหยาและกู้เสี่ยวเป่าที่หวาดกลัวอย่างมากในห้องส่วนตัวท้ายโถงของชั้นสอง
กู้เสี่ยวเป่าเป็นเด็กที่เงียบขรึม แต่บางครั้งก็เงียบเกินไป ทำให้คนสงสาร
เซียวเหิงอุ้มกู้เสี่ยวเป่า กู้เสี่ยวเป่านอนอยู่ในอ้อมแขนของพี่เขย ไม่ขยับเขยื้อน
คงตกใจแย่เลยกระมัง
กู้เจียวประคองแม่นางเหยาที่ขาอ่อนแรงขึ้นมาก่อนจะเอ่ยถาม “ท่านแม่ บาดเจ็บหรือไม่”
แม่นางเหยาขยี้หน้าอกก่อนจะเอ่ยอย่างตกใจ “ไม่ ข้าไม่ได้บาดเจ็บ”
“มือท่านเลือดออก” กู้เจียวสังเกตเห็นหลังมือขวาของแม่นางเหยาเปื้อนเลือด
แม่นางเหยาเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะเอ่ย “อาจจะเผลอไปโดนเมื่อกี้”
กู้เจียวมองดูบาดแผลที่มือของนาง มันเป็นแผลเปิด ไม่ร้ายแรงนัก นางเอ่ย “ที่นี่ไม่ปลอดภัย ออกไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
สี่คนลงไปชั้นล่าง
รถม้าของพวกเขาจอดอยู่ใกล้ๆ กู้เจียวขึ้นรถม้าแล้วทำความสะอาดและพันแผลให้แม่นางเหยาอย่างง่ายๆ เป็นอันดับแรก เซียวเหิงส่งแม่นางเหยาและกู้เสี่ยวเป่ากลับตรอกปี้สุ่ย กู้เจียวไปรักษาชาวบ้านที่ได้รับบาดเจ็บที่เหลือ
ถังเย่ว์ซานไม่ไป
เขากำลังรอกู้เจียว
แต่เขาก็ไม่ได้เร่งเร้ากู้เจียว จนกระทั่งกู้เจียวดูแลผู้ป่วยรายสุดท้ายเสร็จ เขาจึงเรียกกู้เจียวไปที่รถม้าของเขา
ถังหมิงหมดสติไปแล้ว ชีพจรและลมหายใจของเขาไม่เสถียรนัก
ถังเย่ว์ซานเอ่ยอย่างลำบากใจ “ข้ารู้ว่าเจ้าเกลียดหมิงเอ๋อร์ ถ้าเจ้าไม่อยากรักษาเขา ข้าก็ไม่โทษเจ้า”
กู้เจียวเอ่ย “เขาได้ป่วย ไม่จำเป็นต้องให้ข้ารักษา เพียงแค่เลิกใช้ผงอู่สือ ก็หายได้เองโดยมิต้องใช้ยา”
ถังเย่ว์ซานแทบไม่อยากเชื่อ “จริงหรือ”
“จริงสิ” กู้เจียวพยักหน้า
เรื่องนี้นางไม่ได้โกหกถังเย่ว์ซาน
ความคับข้องใจระหว่างถังหมิงกับนางจบลงแล้ว ถังหมิงจ่ายราคาสำหรับสิ่งที่เขาทำไปแล้ว ตราบใดที่ถังหมิงไม่มาสร้างปัญหาให้นางอีก นางจะไม่ฆ่าถังหมิง
“แต่มันไม่ได้เลิกง่ายขนาดนั้น” นางเน้นย้ำ
“ข้าจะคอยอยู่กับเขา” ถังเย่ว์ซานเอ่ย
กู้เจียวมองเขาอย่างประหลาดใจ
จอมพลทหารผู้ยิ่งใหญ่มีด้านที่ลึกซึ้งเช่นนี้
ถังเย่ว์ซานเอ่ยเสียงเศร้าสร้อย “อันที่จริง เขาสำนึกผิดแล้ว… ที่เขาปล่อยตัวไปแบบนั้นตอนนั้นก็ เพราะข้า เขาโกรธข้าอยู่ในใจ บวกกับพี่ชายของข้า…”
ที่ตั้งใจเลี้ยงเขาให้เสียผู้เสียคน ถึงทำให้เขามีนิสัยและมองโลกบิดเบี้ยวเช่นนี้
เขาเอ่ยอย่างรู้สึกผิด “เขาพยายามอย่างหนักที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองในช่วงสองปีที่ผ่านมา ต้องการพิสูจน์ให้ข้าเห็น ข้าปฏิเสธเขาอย่างอำมหิตครั้งแล้วครั้งเล่า”
กู้เจียวถาม “เหตุใดเจ้าถึงปฏิเสธเขา เพราะเจ้าไม่ชอบเขาหรือ”
ถังเย่ว์ซานส่ายศีรษะ “ไม่ เขาเป็นลูกชายของข้า ข้าจะไม่ชอบเขาได้อย่างไร” เขาปฏิเสธถังหมิงด้วยเหตุผลอื่น
กู้เจียวถามอย่างสงสัย “เขาทำเรื่องน่ารังเกียจมากมายขนาดนี้ เจ้าไม่เคยคิดที่จะไม่ต้องการเขาหรือ”
ถังเย่ว์ซานเอ่ยอย่างหนักแน่น “ไม่เคย เขาทำผิด ข้าจะตีเขา ด่าเขา ลงโทษเขา แต่ข้าจะไม่ทอดทิ้งเขา”
กู้เจียวครุ่นคิด
…
เหตุการณ์ของถังหมิงเกิดแทรกขึ้นกระตุกความคิดของกู้เจียวเล็กน้อย
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนรุ่นหลังที่ฉลาดและมีเหตุผลจะได้รับความรักจากพ่อแม่ แต่สำหรับลูกชายอย่างถังหมิง ถังเย่ว์ซานไม่เคยคิดที่จะละทิ้งเขาแม้แต่วินาทีเดียว
กู้เจียวรู้สึกถึงพลังที่นางไม่เคยมีจากถังเย่ว์ซาน
พลังนั้นส่งผลต่อนาง ทำให้ความคิดของนางเปลี่ยนไป
เมื่อกลับถึงตรอกปี้สุ่ย แม่นางเหยาและกู้เสี่ยวเป่าก็ไม่เป็นอะไรแล้ว แม่นางเหยาเล่นไพ่ใบไม้กับท่านย่าที่ลานบ้าน กู้เสี่ยวเป่าถูกเสี่ยวจิ้งคงที่กลับมาจากสำนักบัณฑิตพาไปที่ลานท้ายเรือนเพื่อหวีแผงคอของม้าราชาและราชาม้าเฮยเฟิง
ม้าสองตัวนอนอยู่บนพื้น
ราชาม้ารู้สึกเหนื่อยหน่าย กลอกตามองบน
แต่มันก็ทำอะไรไม่ได้ เจ้าเฮยเฟิงจะถีบมันเอา
…ถึงแม้จะอายุครบสามปีแล้ว แต่ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฮยเฟิง นี่มันเรื่องที่น่าเศร้ากว่าเรื่องเศร้า
เฮยเฟิงเป็นมิตรกับลูกมนุษย์มาก กู้เสี่ยวเป่านอนราบอยู่บนคอของมัน
เขาเพิ่งพบเจอเรื่องสะเทือนขวัญ พลังอันแข็งแกร่งและอ่อนโยนของเจ้าเฮยเฟิงช่วยปลอบประโลมเขา
กู้เสี่ยวเป่าไม่กลัวแล้ว
ยามเย็น ของเซวียนหยวนฉีและลูกชาย พร้อมทั้งอันกั๋วกงก็มาที่นี่เช่นกัน
อันกั๋วกงนั้นพิถีพิถันเรื่องเยี่ยมบ้าน โดยปกติจะเลือกเวลาที่ท่านย่าอยู่ด้วย
ทั้งสามมอบของขวัญวันเกิดที่เตรียมไว้ให้กู้เสี่ยวซุ่น
กู้เสี่ยวซุ่นมึนงงเล็กน้อย
มันเป็นแค่วันเกิดเล็กๆ เหตุใดมีผู้ยิ่งใหญ่มาเยี่ยมมากมาย
จากนั้นในตอนกลางคืน กู้ฉังชิงและกู้เฉิงเฟิงก็มาหาเช่นกัน
เมื่อมองดูของขวัญวันเกิดที่เต็มอ้อมแขน เขาก็มึนงงจนกลายเป็นต้นไม้แข็งทื่อ “ไม่จำเป็นต้องทำเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้หรอกน่า… แค่สิบเจ็ด… ไม่ใช่พิธีบรรลุนิติภาวะเสียหน่อย… พวกเจ้าฉลองวันเกิด ให้ข้า… หรือหาข้ออ้างมาที่ตรอกปี้สุ่ย”
กู้เฉิงเฟิงขยิบตา “เจ้าว่าไงล่ะ”
กู้เสี่ยวซุ่นเข้าใจในทันที เขาเอ่ยอย่างมั่นใจ “แน่นอนว่าต้องเป็นวันเกิดของข้า!”
พี่น้องตระกูลกู้ “…”
กู้เฉิงเฟิงหัวเราะเจื่อน “สมองที่เรียบง่าย… ก็ดีเหมือนกัน”
เนื่องจากอากาศร้อน อาหารเย็นจึงถูกจัดเตรียมไว้ที่ลานบ้าน
คืนนี้ จี้จิ่วอาวุโสเป็นคนทำอาหาร เขาทำอาหารแคว้นเจาตามที่เด็กๆ ชอบ ทั้งยังคำนึงถึงรสนิยมของอันกั๋วและพ่อลูกเซวียนหยวนฉีด้วย จึงทำอาหารแคว้นเยี่ยนอีกสองสามอย่าง
เสี่ยวจิ้งคงเอ่ย “ท่านปู่ ข้าอยากกินข้าวเหนียวน้ำตาลแดง”
จี้จิ่วอาวุโสตอบโดยไม่ลังเล “หมดแล้ว”
“ไม่ทันไรก็หมดแล้วหรือ” ไทเฮาจวงพึมพำ นางก็อยากกินเหมือนกัน
จี้จิ่วอาวุโสกระแอมเบาๆ เอ่ยกับเสี่ยวจิ้งคงด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ดูเหมือนว่าจะยังมีแป้งข้าวเหนียวเหลืออยู่ในไห ข้าจะไปดู”
เสี่ยวจิ้งคงกอดอกพลางเอ่ย “ท่านย่าอยากกินก็มีขึ้นมาเสียอย่างนั้น ทีข้าละไม่มี! ท่านปู่ลำเอียง!”
เมื่อเอ่ยจบ เขาก็เดินไปที่ห้องครัวอย่างเคร่งขรึม ทำข้าวเหนียวน้ำตาลทรายแดงมาถ้วยหนึ่ง โรยด้วยงาขาว แล้ววางไว้… ตรงหน้าจวงไทเฮา
ไกลจากเสี่ยวจิ้งคงมาก!
เสี่ยวจิ้งคงที่เอื้อมไม่ถึงแม้จะปีนบันได “….”
…
ในตอนท้ายของอาหารเย็น กู้เสี่ยวซุ่นกินบะหมี่อายุยืน เสี่ยวจิ้งคงและกู้เสี่ยวเป่าต่างก็ได้บะหมี่อายุยืนชามเล็กๆ คนละชาม
วันนี้เป็นวันเกิดของกู้เสี่ยวซุ่น จึงไม่บังคับให้เด็กๆ ฝึกฝนวรยุทธ์
เซวียนหยวนฉีไปที่ลานท้ายเรือนเพื่อเล่นกับเสี่ยวจิ้งคงและคนอื่นๆ กู้เหยี่ยนฉวยโอกาสที่ไม่มีใครอยู่ ลากกู้ฉังชิงไปที่ลานบ้านของท่านปู่
“มีอะไรหรือ” กู้ฉังชิงถามกู้เหยี่ยน
กู้เหยี่ยน “ติวเข้ม”
กู้ฉังชิงตกตะลึงครู่หนึ่ง ก่อนจะรู้ว่ากู้เหยี่ยนต้องการฝึกมวยต่อจากครั้งที่แล้ว
แรงจูงใจในการฝึกฝนวรยุทธ์ของกู้เหยี่ยนนั้นเรียบง่าย เพียงเพื่ออวดเจ้าเณรน้อย เขาไม่ได้คาดหวังว่าตัวเองจะกลายเป็นเทพเจ้ากังฟูหรือจอมยุทธ์จริงๆ
กู้ฉังชิงไม่สนใจจุดประสงค์ของเขา การฝึกฝนวรยุทธ์สามารถเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงได้ ตราบใดที่เขาเต็มใจ ก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่สอนเขา
เขามองกู้เหยี่ยนด้วยความรักใคร่พลางเอ่ย “เจ้าเรียนมวยเพลงที่แล้วจบแล้ว ข้าจะสอนวิชาฝ่ามือให้เจ้า”
ดวงตากู้เหยี่ยนเป็นประกาย “ฝ่ามือทรายเหล็กหรือไม่ แบบที่อยู่ในทรายร้อนๆ ได้”
กู้ฉังชิงหัวเราะ “ไม่ใช่ เจ้าต้องฝึกฝนถึงระดับนั้น ต้องฝึกฝนอย่างหนักเป็นเวลาเจ็ดหรือแปดปี”
“โอ้” กู้เหยี่ยนแค่อยากจะเก่งเร็วๆ ไม่ได้จะอยากฝึกหนัก
กู้ฉังชิงสอนวิชาฝ่ามือที่ดูเหมือนทรงพลัง แต่จริงๆ แล้วสามารถเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงได้
…
ดึกแล้ว เด็กๆ เหนื่อยจากการเล่น กู้เจียวและคนอื่นๆ ก็ถึงเวลากลับบ้านได้แล้ว
ท่านย่าแก่แล้ว ทั้งกู้เจียวและเซียวเหิงต่างก็ไม่ได้บอกเรื่องเจี้ยนหลูกับนางต่อหน้าท่านปู่
เซวียนหยวนฉีและอันกั๋วกงรู้เรื่องนี้ ทั้งสองถามเซียวเหิงเป็นการส่วนตัว ถึงได้รู้ข่าวเรื่องท่านชายหมิงเย่ว์จากปากเขา
พวกเขานั่งรถม้ามาพร้อมกับเสี่ยวจิ้งคงที่หลับใหลทันทีที่ขึ้นรถม้า
เซวียนหยวนฉีกอดเสี่ยวจิ้งคง
คนที่ลากรถคือราชาม้าและเจ้าเฮยเฟิงอีกตัว
เมื่อมีราชาม้า รถม้าก็ขับเคลื่อนด้วยตัวเองได้ทั้งหมด
เจ้าเฮยเฟิงเดินไปเรื่อยๆ อย่างเชื่องช้า เพื่อเฝ้าดู ไม่ให้ราชาวิ่งออกนอกลู่นอกทาง
เซวียนหยวนฉีเอ่ย “พวกเจ้าวางแผนที่จะปล่อยข่าวเพื่อล่อคนของเจี้ยนหลูออกมาลองก่อนใช่ไหม”
เซียวเหิงพยักหน้า “ใช่แล้ว ถ้าแผนนี้ใช้ไม่ได้ พ่อข้าจะไปเจี้ยนหลูด้วยตัวเอง”
“คนของเจี้ยนหลูจะไม่มา” เซวียนหยวนฉีเอ่ยอย่างมั่นใจ
“เพราะเหตุใด” กู้เจียวมองเขาด้วยความสับสน
เขาเอ่ย “ประมุขแห่งเจี้ยนหลูหายตัวไปหลายปีแล้ว ถ้าพวกเขาจะมา พวกเขามาตั้งนานแล้ว พ่อของเจ้าเพิ่งมีลูกสาว ไม่สะดวกที่จะแยกจากภรรยาและลูกๆ ครั้งนี้ข้าและเจิงเอ๋อร์จะไปเอง”