สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 923-2 ฉลองงานแต่ง (ตอนปลาย) (2)
บทที่ 923 ฉลองงานแต่ง (ตอนปลาย) (2)
……….
ตามธรรมเนียมของตระกูลเซวียนหยวน พ่อต้องเป็นคนแบกลูกสาวขึ้นหลังเพื่อส่งตัว เมื่อครั้งเซวียนหยวนจื่อแต่งงานกับอันกั๋วกงที่ยังเป็นท่านชายจิ่ง ก็เป็นเซวียนหยวนลี่ที่แบกนางขึ้นเกี้ยวเจ้าสาว
เขารับปากกับอาจื่อไว้แล้วว่า วันหนึ่งเขาเองก็จะแบกลูกสาวของพวกเขาขึ้นเกี้ยวเจ้าสาว ส่งมอบนางให้กับชายที่จะดูแลนางไปตลอดชีวิต
การนอนเป็นผักอยู่สามปีทรมานเขาจนไม่เป็นผู้เป็นคน กว่าจะฟื้นตัวขึ้นมาได้แต่ก็ยังไม่อาจเทียบกับคนปกติทั่วไป
สองขาของเขาปวดร้าวไร้เรี่ยวแรง เพียงแค่ทรงตัวก็ยากลำบากมากพอแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องแบกคนขึ้นหลัง
ทว่าแม้เขาจะเดินช้า แต่ก็ก้าวเดินอย่างมั่นคง
หากยามอยู่คนเดียวเขาจะล้มสักกี่หนก็ย่อมได้ แต่หากแบกลูกสาวแล้ว เขาจะล้มไม่ได้แม้แต่ครั้งเดียว
กู้เจียวพาดตัวบนหลังอันผอมแห้งของเขา สัมผัสได้ว่าทุกมัดกล้ามเนื้อทั้งร่างกายของเขากำลังออกแรง แต่ละย่างก้าวนั้น ท่อนขาล้วนแต่สั่นเทา
เขาเดินอย่างยากลำบาก
เพียงไม่กี่ก้าว เขาก็เหงื่อท่วมไปทั้งกายแล้ว
“ไม่อย่างนั้น ให้…” กู้เฉิงเฟิงทำใจมองไม่ได้ อยากจะเข้าไปช่วย แต่กลับถูกกู้ฉังชิงรั้งเอาไว้
กู้ฉังชิงหันไปส่ายหน้าให้เขา
กู้เฉิงเฟิงทอดถอนใจ “ก็ได้”
อันกั๋วกงแบกกู้เจียวเดินไปถึงประตูใหญ่
เมื่อเห็นว่าเขาเป็นคนแบกเจ้าสาวออกมา เซียวเหิงและเสี่ยวจิ้งคงต่างก็ตกตะลึง
เสี่ยวจิ้งคงถึงกับเผลอร้องอุทานออกมา
อันกั๋วกงแบกกู้เจียว เอ่ยสั่งเสียเสียงหนักแน่นกับเซียวเหิง “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าขอยกลูกสาวให้กับเจ้า อย่าให้นางต้องน้อยเนื้อต่ำใจ อย่าให้นางเสียน้ำตาแม้แต่หยดเดียว”
เซียวเหิงขานรับเสียงขึงขัง “ข้ารับปากขอรับ ท่านพ่อ”
อันกั๋วกงส่งกู้เจียวขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวที่ใช้แปดคนหาม
ราชาม้าเฮยเฟิงเองก็ติดตามมาด้วย
วันนี้เป็นวันงานมงคลของกู้เจียว เจ้าม้าเองก็ประดับดอกไม้แดงดอกใหญ่
ในจวน แม่นางเหยาจูงมือกู้เสี่ยวเป่ามองดูกู้เจียวนั่งเกี้ยวเจ้าสาวจากไป หยดน้ำตาไหลรินอย่างห้ามไม่อยู่อีกครั้ง
เหลียวเฉิน เซวียนหยวนฉี ท่านเหล่าโหวและพวกกู้ฉังชิงต่างเดินมาที่หน้าประตูใหญ่ เพื่อส่งตัวกู้เจียวด้วยตัวเอง
เซียวเหิง… หลังจากทักทายทุกคนเรียบร้อยก็พลิกตัวขึ้นหลังม้า
เสี่ยวจิ้งคงยังไม่คุ้นชินกับอานม้าเด็กของตัวเองนัก คลายเชือกออกไม่เป็น จึงทำได้เพียงนั่งโบกมือบนหลังม้า “ข้าไปแล้วนะขอรับ! ลาก่อนขอรับท่านพ่อบุญธรรม! ลาก่อนขอรับท่านลุงปู่! ลาก่อนขอรับอาจารย์! ลาก่อนพี่ใหญ่! ลาก่อนพี่เฉิงเฟิง! ลาก่อนพี่เหยี่ยน! ลาก่อนพี่เสี่ยวซุ่น! ลาก่อนพี่เฉิงหลิน! ลาก่อนท่านปู่ของพี่เหยี่ยน!”
บอกลาคนมากมายขนาดนี้ มือน้อยๆ นั้นโบกจนเมื่อยขบแล้ว
ทุกคนคิดในใจ รีบไปเถอะเจ้าหนู ม้าเจ้าทำเอาพวกขาตาแทบบอดอยู่แล้ว!
ราชาม้าก้าวเดินอย่างลำพองใจ ก่อนจะจากไปอย่างองอาจ
เจ้าม้าควบตีคู่ราชาม้าเฮยเฟิง
ราชาม้าเฮยเฟิงที่ทัดดอกไม้แดงเห็นแล้วก็นึกรังเกียจ คิดในใจว่าไปไกลๆ ข้า
เสียงตีกลองลั่นฆ้องไกลออกไปเรื่อยๆ หลังจากเสียงครืนเครงจบลง ถนนสายยาวนี้ก็เงียบสงัดผิดปกติ
กู้เฉิงเฟิงสั่งการองครักษ์ที่อยู่อีกฝั่งสองสามประโยค องครักษ์รับคำ ก่อนจะนำรถม้าคันใหญ่มาจากจวนติ้งอันโหว
เขาก้าวลงบันไดมายังข้างรถม้า ทว่ากลับไม่ได้ยินเสียงรอบกายแม้แต่เขา เขาเหลียวกลับไปมองทุกคน “อ้าว แต่ละคนมัวตกตะลึงอะไรกันอยู่”
“เจ้าทำอะไร” กู้เหยี่ยนถามเขา
เขาคว้าเชือกขึ้นมา ตรวจสอบม้าลากรถไปพลางเอ่ยตอบไปพลาง “วันมงคลเช่นนี้ เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ แน่นอนว่าต้องไปดื่มที่จวนเซวียนผิวโหวน่ะสิ! พวกเจ้าไม่อยากไปก็แล้วแต่ ข้าไม่บังคับหรอก วันนี้ไม่ต้องรอ ข้าไม่กลับ ไม่เมาไม่…”
ทุกคนขึ้นมานั่งบนรถม้าเรียบร้อยแล้ว!
แม้แต่กู้เสี่ยวเป่าก็นั่งอย่างว่าง่ายอยู่บนตักของกู้เหยี่ยน
เขาอ้าปากค้าง “ไม่ใช่หรอกกระมัง อย่างน้อยก็ควรเหลือที่นั่งให้ข้าบ้างสิ…”
…
หลังจากพวกเขาออกไปได้หนึ่งชั่วยามเต็ม ขบวนเจ้าบ่าวตระกูลเฉวียนก็ค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาอย่างเชื่องช้า
เถ้าแก่เนี้ยเป็นแบกกู้จิ่นอวี๋ขึ้นเกี้ยวเจ้าสาว
คนที่มาต้อนรับเจ้าสาวคือชายสวมชุดสีครามคนหนึ่ง เขายิ้มเอ่ยเสียงอ่อนโยน “ข้าคือพี่รอง ข้ามารับเจ้าสาวแทนน้องสาม”
ชุนหลิ่วที่อยู่ข้างเกี้ยวเจ้าสาวถามอย่างอดไม่ได้ “เหตุใดท่านชายสามถึงไม่มาด้วยตัวเอง”
ชายหนุ่มยิ้มก่อนจะอธิบายให้กับกู้จิ่นอวี๋ที่อยู่บนเกี้ยว “เมื่อคืนว่าน้องสามบาดเจ็บที่เท้าน่ะ ขอน้องสะใภ้โปรดเข้าใจด้วย”
กู้จิ่นอวี๋กำผ้าเช็ดหน้าแน่น เอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นปกติ “เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ รบกวนพี่รองด้วย”
บนถนนเส้นนี้ สองเจ้าสาวได้ออกเรือนพร้อมกัน
ว่ากันตามตรงขบวนรับตัวเจ้าสาวของจวนผิงชางก็ครื้นเครงไม่น้อย มีคนเกือบร้อยได้ ทว่าหากเทียบกับขบวนงานแต่งของกู้เจียวแล้ว เรียกว่าเทียบไม่ติด
แม่ทัพผี ม้าเฮยเฟิง หน่วยเงาทมิฬ ทหารตระกูลกู้ ต่างรายล้อมเดิมคุ้มกันเกี้ยวเจ้าสาวตลอดถนนดอนยาวข้างหน้า
คนที่รู้ก็บอกว่าเป็นงานแต่งเชื่อมสัมพันธ์สองแคว้น คนไม่รู้ก็คิดว่าทหารเดินสวนสนาม
เสี่ยวจิ้งคงตื่นแต่เช้า ระหว่างทางกลับจวนโหวจึงผล็อยหลับไป
เจ้าบ่าวน้อยแสนน่ารักนั่งอยู่บนอานม้าของตัว ประเดี๋ยวก็สัปหงก ประเดี๋ยวก็หงายท้อง น้ำลายไหลยืด พาให้ชาวเมืองหัวเราะชอบใจ
ท่านอนที่ไม่อาจอธิบายได้ของเทพสงครามในวันหน้าได้ดูชาวบ้านทั้งเมืองเห็นกับตาแล้ว ทั้งยังนับว่าเป็นประวัติศาสตร์มืดของเขา
เซียวเหิงหัวเราชอบใจมองเจ้าเด็กน้อย ก่อนจะอุ้มเขาขึ้นมาแล้ววางบนเกี้ยวเจ้าสาวของกู้เจียว
เขาหลับลึกเหลือเกิน น่าจะพลาดพิธีไหว้ต่อจากนี้ทั้งหมด
หลังจากมาถึงจวน สาวใช้ก็อุ้มเสี่ยวจิ่งออกไป
เซียวเหิงจับมือของกู้เจียว พยุงนางลงจากเกี้ยวเจ้าสาว
เถ้าแก่เนี้ยยื่นผ้าแพรสีแดงให้ คู่บ่าวสาวแบ่งกันถือชายผ้าคนละฝั่ง
ทั้งสองถือผ้าแพรแดงเดินเข้าจวน
เสียงประทัดดังรัวลั่นไปทั่วถนนทั้งเส้น
ภายในจวน เสียงคนเซ็งแซ่
กู้เจียวเอ่ยกระซิบข้างกายนาง “ไม่ต้องตื่นเต้น”
กู้เจียว “อืม”
เถ้าแก่เนี้ยให้สัญญา “เชิญเจ้าสาวข้ามกองไฟ”
กู้เจียวก้าวข้ามไปผ่านไปอย่างง่ายดาย
เถ้าแก่เนี้ยยิ้มเอ่ย “เชิญเจ้าสาวเหยียบกระเบื้อง”
กู้เจียวกระซิบถามเซียวเหิง “ต้องเหยียบให้แตกหรือไม่แตก”
เถ้าแก่เนี้ยได้ยิน นางยิ้มพลางเอ่ย “เหยียบแตกเลยจ้ะ ยิ่งละเอียดยิ่งดี”
ประโยคสุดท้ายแค่พูดเล่น ความจริงแค่เหยียบให้แตกก็พอแล้ว
เมื่อนางเอ่ยจบ กู้เจียวก็เหยียบในทันที ทำเอาแผ่นกระเบื้องกลายเป็นผงกระเบื้อง
เถ้าแก่เนี้ย “…”
เซียวเหิง “…”
ทั้งสองเข้าไปยังโถงพิธี
เซวียนผิงโหวและองค์หญิงซิ่นหยางนั่งประจำที่
วันนี้เป็นวันแต่งงานของลูกชาย น้อยนักที่เซวียนผิงโหวจะไม่ซุกซน นั่งสงบนิ่งประจำที่ตั้งแต่เจ้าจวบจนตอนนี้
เซียวเหิงและกู้เจียวก้าวข้ามธรณีประตูเข้ามา
เถ้าแก่เนี้ย “คำนับหนึ่ง คำนับฟ้าดิน”
เซียวเหิงและกู้เจียวหมุนตัวพร้อมเพรียง หันหน้าไปทางนอกประตูแล้วคำนับ
เถ้าแก่เนี้ย “คำนับสอง คำนับบุพการี”
ทั้งสองหมุนตัวกลับมาอีกครั้ง ก่อนจะนับเซวียนผิงโหวและองค์หญิงซิ่นหยางที่นั่งอยู่
องค์หญิงซิ่นหยางน้ำตาคลอหน่วย
เซวียนผิงโหวไม่ได้มองนาง แต่กุมมือนางไว้เบาๆ
ไม่ได้มีเจตนาเกี้ยวพาราสีแต่อย่างใด
องค์หญิงซิ่นหยางยิ่งอยากร้องไห้ยิ่งกว่าเดิม นางเองก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด
เถ้าแก่เนี้ย “สามีภรรยาคำนับกันและกัน”
เซียวเหิงและกู้เจียวหันหน้าเข้าหากัน
ไม่จำเป็นต้องเอื้อนเอ่ย ไม่จำเป็นต้องมีคำสาบาน ทั้งสองจ้องมองกันอย่างลึกซึ้งผ่านผ้าคลุมหน้าสีแดงสง
สี่ปีแล้ว ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง
ทั้งสองคนคำนับให้แก่กันและกัน
ขอบคุณที่แต่งงานกับข้า
ขอบคุณที่มาสู่ขอข้า
ชีวิตที่เหลือหลังจากนี้ โปรดชี้แนะด้วย
สุดท้ายน้ำตาขององค์หญิงซิ่นหยางก็ไหลลงมา
เซวียนผิงโหวกุมมือนางแน่น
เถ้าแก่เนี้ยหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยด้วยความยินดี “ส่งตัวเข้าเรือนหอ…”