สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 1004 กู้เจียว (ฉบับอาจารย์พ่อ)
บทที่ 1004 กู้เจียว (ฉบับอาจารย์พ่อ)
……….
มาร์แชลแห่งจักรวรรดิฟื้นขึ้นมาด้วยความรู้สึกลอยละล่องอยู่กลางมหาสมุทรอันอบอุ่น สิ่งแรกที่ทำหลังจากเขาลืมตาขึ้นคือการร้องเรียกหาเดสทรอยเยอร์
ฝาแคปซูลเหนือศีรษะเขาค่อยๆ เปิดออกพร้อมกับเสียงถุงลมนิรภัยแฟบตัว
เสียงอ่อนโยนของเอไอ ดังขึ้นว่า [ห้องโดยสารพยาบาลพร้อมให้บริการคุณ คุณหลับไปทั้งหมดหนึ่งพันสองร้อยยี่สิบเอ็ดวัน ยินดีต้อนรับกับการฟื้นขึ้นอีกครั้ง ขณะนี้กำลังตรวจสอบร่างกายให้กับคุณ]
เขานอนแน่นิ่งอยู่ในแคปซูล ปล่อยให้แสงสีแดงกวาดผ่านร่างกายเขาไป
เอไอ [ตรวจสอบเสร็จสิ้น สัญญาณชีพของคุณเป็นปกติ คะแนนโดยรวมยอดเยี่ยม สมกับเป็นมาร์แชลที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวรรดิ เก่งจริงๆ !]
เป็นเสียงและขั้นตอนที่ตั้งค่าด้วยตัวของเดสทรอยเยอร์เอง ทว่ามาร์แชลกลับรู้ดี ว่ามันไม่ได้มีจิตใต้สำนึกของเดสทรอยเยอร์อยู่
จิตใต้สำนึกของเดสทรอยเยอร์อาจจะอยู่ในยานรบลำนั้นที่ถูกหลุมดำดูดกลืนไปตลอดกาลก็ได้
ข่าวลือพวกนั้นถูกต้องแล้ว ตอนแรกเดสทรอยเยอร์เป็นหุ่นยนต์พี่เลี้ยงตัวหนึ่งจริงๆ มันอยู่เคียงข้างเขาในช่วงเวลาเจริญวัยอันโดดเดี่ยวและโดนรังแกมาอย่างยาวนาน หลังจากเขาปรับเปลี่ยนยานรบของตัวเองแล้ว ก็รักษาจิตใต้สำนึกของหุ่นยนต์พี่เลี้ยงเอาไว้
ต่อมาจึงได้กลายเป็น เดสทรอยเยอร์
และเดสทรอยเยอร์คล้ายจะปลุกจิตสำนึกของตัวเองผ่านกระบวนการปรับแก้และอัพเดตครั้งแล้วครั้งเล่า
[เด็กน้อย วันนี้ก็เป็นวันที่ต้องตั้งใจหม่ำๆ ข้าวน้า!]
เสียง เอไอ น่ารักน่าหยิกดังขึ้นภายในห้องพยาบาล
และนี่เป็นหนึ่งในขั้นตอนที่เดสทรอยเยอร์ตั้งค่าไว้หลังฟื้นขึ้นมาแล้ว
……
เดสทรอยเยอร์มหึมาอย่างน่าเหลือเชื่อ ห้องโดยสารพยาบาลของมันก็กว้างขวางมากเช่นกัน จะเดินเล่นให้ทั่วทุกมุมยังต้องใช้เวลาอย่างน้อยๆ หนึ่งชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ
แน่นอนว่ามาร์แชลไม่ได้ว่างขนาดนั้น
เขากินมื้อเย็นของตัวเอง พลางปล่อยให้อุปกรณ์ของห้องโดยสารพยาบาลเชื่อมต่อกับข้อมูลของดาวเคราะห์ดวงนี้
ดาวเคราะห์ที่ชื่อว่าโลกดวงนี้กำลังอยู่ในช่วงอารยธรรมขั้นต้น พลังงานของดาวเคราะห์ยังไม่ได้รับการพัฒนาเท่ากลุ่มดาวอื่น พลังงานของสิ่งมีชีวิตบนโลกอยู่ในระดับต่ำมาก อายุขัยอยู่ได้แค่ร้อยปีเท่านั้น หลังจากตายไปก็แทบจะไม่ได้ตอบแทนเขตเอื้ออาศัยเลย
กลุ่มดาว เคเก้าสิบสาม มีสิ่งมีชีวิตหลากหลายชาติพันธุ์อาศัยอยู่เช่นกัน และเรียกสิ่งมีชีวิตอย่างพวกเขาว่ามนุษย์ ที่แตกต่างก็คือ สิ่งมีชีวิตของกลุ่มดาว เคเก้าสิบสาม มีอายุขัยยืนยาวมาก ระดับพลังงานก็สูงสุด พอตายแล้วสิ่งมีชีวิตจะสลายตัว และพลังงานของสิ่งมีชีวิตนั้นๆ ก็จะหวนคืนสู่ทั้งกลุ่มดาว
หลังจากทำความเข้าใจกับข้อมูลของโลกต่ออีกไม่น้อย เขาก็พอจะรู้ถึงความแตกต่างของตัวเองและชาวโลกได้คร่าวๆ แล้ว เขาเทียบได้กับวัยรุ่นบนโลก
มนุษย์ไม่สามารถเติบโตได้เมื่ออยู่ภายในแคปซูล หากไม่นับช่วงเวลาเหล่านั้น ความจริงเขาก็สี่สิบปีเข้าไปแล้ว เพียงแต่ว่ากลุ่มดาว เคเก้าสิบสาม ที่อายุขัยยืนยาวมาก อายุต่ำกว่าสามสิบห้าปีลงไปล้วนนับว่าเป็นเด็กเล็กหมด
ตอนที่เขาไปเข้าร่วมกองทัพที่ราชธานี หากไม่ใช่เพราะปลอมอายุก็คงจะเข้าไปไม่ได้
เขาทำความเข้าใจกับข้อมูลของชาวโลกต่ออีกจำนวนหนึ่ง จากนั้นก็เริ่มตรวจสอบสถานะเสบียงสำรองของห้องพยาบาล
เอไอ รายงานอย่างเป็นลำดับขั้นตอน เมื่อเขาอ่านถึง ‘แคปซูลกำลังเคลื่อนที่ปกติ’ เขาก็พลันชะงักงัน
เขาออกมาแล้ว ทำไมแคปซูลถึงยังเคลื่อนที่อยู่อีก
“แคปซูลอันไหน” เขาถาม
เอไอ ตอบ [แคปซูลหมายเลขสอง]
มาร์แชลเปิดแคปซูลหมายเลขสอง เห็นเด็กทารกคนหนึ่งอยู่ในนั้น จึงนึกขึ้นได้ว่าไม่กี่วันก่อนที่ตนจะออกจากกลุ่มดาว เคเก้าสิบสาม ได้ผ่านกลุ่มดาวเสบียงที่ถูกโจรสลัดดวงดาวปล้นดวงหนึ่ง แล้วเก็บทารกที่ชีวิตอยู่ในขีดอันตรายมาด้วยหนึ่งคน
เด็กคนนั้นอ่อนแอเกินไป จึงนอนอยู่ในห้องโดยสารพยาบาลตลอด
ตอนเกิดเรื่องกับเดสทรอยเยอร์ห้องโดยสารพยาบาลก็เข้าสู่โหมดสลีปโดยอัตโนมัติ กลายเป็นแคปซูลหมายเลขสอง
เอไอ [สัญญาณชีพอ่อนแรง จะเปลี่ยนห้องรักษาหรือไม่ หรือดำเนินการรักษาต่อไป]
มาร์แชลมองเด็กทารกน้อยหลับปุ๋ย นี่อาจจะเป็นสหายเพียงคนเดียวที่มาจากดาว เคเก้าสิบสาม ก็ว่าได้
เขาเอ่ย
……
ห้องโดยสารพยาบาลลงจอดบนยอดเขาแห่งหนึ่ง เนื่องจากถูกซ่อนอยู่ในอีกมิติหนึ่ง คนที่นี่จึงมองไม่เห็น
มาร์แชลเดินออกมาจากห้องโดยสารพยาบาล เขาหมายจะลงเขาไปเดินดูหน่อย
ไม่คิดว่าแรงโน้มถ่วงของที่นี่จะแตกต่างกับกลุ่มดาว เคเก้าสิบสาม เขาจึงล้มลงกับพื้นทันที
มาร์แชลไม่ได้รู้สึกอนาถแบบนี้มานานมากแล้ว ในขณะที่เขากำลังฝืนแรงโน้มถ่วงลุกขึ้นมานั้น เสียงทะเลาะเบาะแว้งก็ดังขึ้นไม่ไกลนี้
เขาเรียนรู้ภาษาแถบนี้มาเรียบร้อยแล้ว สามารถฟังออกว่าพวกเขากำลังทะเลาะอะไรกัน
เป็นหนุ่มสาวคู่หนึ่ง
ผู้หญิงพยุงครรภ์ดึงแขนผู้ชายไว้ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเอ่ย “วันนี้คุณต้องอธิบายให้มันชัดเจนไปเลย! ว่าคุณกับผู้หญิงคนนั้นมันยังไงกันแน่!”
ผู้ชายชักแขนตัวเองหนีอย่างเย็นชา ก่อนเอ่ยอย่างรำคาญ “คุณอย่างี่เง่าได้ไหม”
ผู้หญิงชูโทรศัพท์มือถือขึ้นอย่างโมโห “ฉันงี่เง่างั้นเหรอ ไอ้คนแซ่กู้! ฉันจับได้คาหนังคาเขาหมดแล้ว!”
ผู้ชายมองรูปถ่ายในโทรศัพท์มือถือแวบหนึ่ง ขมวดคิ้วเอ่ย “คุณแอบถ่ายไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
ผู้หญิงเอ่ยเสียงเย็น “ฉันต้องแอบถ่ายด้วยรึไง พวกคุณสองคนเปิดเผยโจ่งแจ้งกันขนาดนั้น! เหลือแค่เข้ามาอยู่ในบ้านแล้ว!”
ผู้ชายเอ่ยอย่างไม่เกรงใจ “คุณอย่าเพ้อเจ้อ ผมกับเธอไม่ได้มีความสัมพันธ์อย่างที่คุณคิด แค่เพื่อนร่วมงานกัน กินข้าวด้วยกัน คุณหยุดระแวงได้แล้ว! สายมากแล้ว ผมต้องกลับบริษัทแล้ว! คุณเรียกรถกลับเองแล้วกัน!”
เขาเอ่ยจบก็สลัดผู้หญิงทิ้งเดินขึ้นไปบนยอดเขา
อีกฝั่งหนึ่งของยอดเขาคงจะเป็นลานจอดรถ
ผู้หญิงไล่ตามมาด้วยความโมโห “ไอ้คนแซ่กู้! ฉันตั้งท้องอยู่นะ คุณคิดจะทิ้งฉันให้อยู่ที่นี่คงเดียวเหรอ!”
ทั้งคู่ยื้อยุดฉุดกระชากกันไปมา ครั้นมาร์แชลเดินผ่านพวกเขาไป ผู้หญิงไม่ทันระวังจึงกระแทกโดนเขาเข้า
เนื่องจากยังปรับตัวกับแรงโน้มถ่วงโลกไม่ได้ มาร์แชลจึงหลบไม่พ้น
แหวนของผู้หญิงขูดหลังเขาบาดเจ็บ เลือดสีสดไหลซึมออกมา
ผู้หญิงไม่ได้เอ่ยขอโทษ
เขามองคราบเลือดบนแหวนของเธอ ก่อนใช้ภาษาท้องถิ่นเอ่ย “ส่งแหวนมาให้ผม”
“ไสหัวไป! ชนฉันแล้วจะให้ชดใช้คุณด้วยแหวนอีกหรือไง! ฝันไปเถอะ! ขอทานจากที่ไหน…” ผู้หญิงด่าทอใส่หน้าปาวๆ หมายจะด่าว่าขอทานหลงมาจากไหนกัน แต่เมื่อสบกับดวงหน้าอ่อนเยาว์หล่อเหลาเกินจริงของเขา ก็พลันชะงักไปเลย
เด็กหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง สวมเครื่องแบบสีดำเรียบกริบ ทั่วทั้งร่างมีกลิ่นอายละทางโลกและเข้มงวด
ผู้หญิงนิ่งอึ้ง
ในขณะนั้นเอง ผู้ชายก็เดินไปไกลแล้ว
ผู้หญิงไม่มีเวลามาสนใจเด็กหนุ่มที่แต่งตัวด้วยเครื่องแบบทหาร เร่งฝีเท้าไล่ตามไป
เขาทอดมองแผ่นหลังที่ค่อยๆ ไกลออกไปของเธอ ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น “ทางที่ดีคุณอย่าได้บาดเจ็บเลย…”
น่าเสียดายที่ในระหว่างที่ผู้หญิงห้ามไม่ให้ผู้ชายขึ้นรถก็ได้รับบาดเจ็บเสียแล้ว
สองเดือนต่อมา ทารกหญิงตัวขาวจ้ำม่ำคนหนึ่งก็ลืมตาดูโลก
เสียงร้องของเธอกังวานใส หน้าตาสะสวยกว่าเด็กแรกเกิดทั่วไป
คนในบ้านตั้งชื่ออันไพเราะให้กับเธอว่า กู้เจียว