สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 1003 อาจารย์พ่อกับกล่องยาใบน้อย (ฉบับอาจารย์พ่อ)
บทที่ 1003 อาจารย์พ่อกับกล่องยาใบน้อย (ฉบับอาจารย์พ่อ)
……….
กลุ่มดาวเคเก้าสิบสาม
จักรวาลกว้างใหญ่ไพศาลไร้ขอบเขต ยานอวกาศสีขาวเงินลำหนึ่งกำลังพุ่งทะยานผ่านบริเวณแถบดาวเคราะห์น้อยสีแดงเข้ม
วัตถุท้องฟ้าที่ดูเล็กในกล้องโทรทรรศน์ดาราศาสตร์นั้นแท้จริงแล้วมีขนาดใหญ่มาก และพวกมันก็มีวิถีโคจรของมันเอง กอปรกับการเคลื่อนที่เหนือความเร็วแสงของยานอวกาศ ดูเหมือนเกมหลบหลีกสิ่งกีดขวางที่น่าหวาดเสียวอย่างไรอย่างนั้น
ทว่านี่ไม่คณามือมันเลยสักนิด
อย่างไรเสียมันก็ไม่ใช่ยานอวกาศธรรมดาอยู่แล้ว แต่เป็นยานรบที่แข็งแกร่งที่สุดของท่านมาร์แชล
มันเคยเคียงข้างท่านมาร์แชลแห่งจักรวรรดิท่องกาลเวลาแห่งสงครามอันรุ่งโรจน์ทว่ายาวนานมาแล้ว สร้างผลการรบสูงสุดของทั้งกลุ่มดาวหรือแม้กระทั่งทั่วทั้งสหพันธ์เลยทีเดียว
ข่าวลือที่เกี่ยวกับมันมีมากมายนัก บ้างบอกว่ามันเป็นยานรบที่ท่านมาร์แชลใช้เงินมหาศาลสร้างขึ้น บ้างก็ว่ามันเป็นอาวุธลับที่ตกทอดมาจากปู่ของท่านมาร์แชล
แต่ก็มีข่าวลือบางข่าวที่บอกว่าตอนแรกมันเป็นเพียงหุ่นยนต์พี่เลี้ยงเด็กตัวหนึ่ง ที่เคยชงนมเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ท่านมาร์แชลน้อย
เสียงเอไออันน่ารักน่าชังดังขึ้น คล้ายเจือความสนุกตื่นเต้นเอาไว้ด้วย [ไม่สามารถหลบเลี่ยงสิ่งกีดขวางได้ กำลังดำเนินการกวาดล้าง ยกเลิกหรือไม่]
ชายที่นั่งหลับตาพักผ่อนบนเบาะนั่งไม่เหลือบตาขึ้นแม้แต่น้อย
เสียงเอไอตื่นเต้นขึ้นกว่าเดิม [เริ่มการกวาดล้างอย่างเป็นทางการ! คำเตือน…]
ยังเอ่ยไม่ทันจบ ชายบนเก้าอี้ก็ยกมือที่แม้จะสวมถุงมือขาวไว้กลับยังเห็นความเรียวยาวงดงามได้ รัดเข็มขัดนิรภัยบนเบาะนั่งอย่างไม่ยี่หระเสียงดังกริ๊ก
เอไอส่งเสียงราบเรียบเหมือนคนเป็นชื่นชมด้วยความพอใจว่า [เด็กดี]
ชายคนนั้นขยับริมฝีปากบาง “หากยังเรียกว่าเด็กอีกจะทุบแกให้พัง”
ไม่รู้เพราะโดนขู่หรือไม่เอไอจึงไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ก็ยังโชว์ข้อความบนจอแสดงผลอย่างไม่ยอมแพ้ ราวกับกำลังใช้สิ่งนี้เพื่อแสดงปณิธานอันดื้อรั้นสุดท้ายของมัน [ทุบไม่พังหรอกนะ]
ชายคนนั้นยังคงหลับตาอยู่ แต่ก็เหมือนจะเดาการกระทำของมันได้ จึงเอ่ยนิ่งเสียงนิ่ง “ยกเลือกการขับเคลื่อนอัตโนมัติ”
เอไอยอมจำนน [ท่านมาร์แชลเยี่ยมมาก!]
จากนั้นมันก็เริ่มตั้งอกตั้งใจกำจัดดาวเคราะห์น้อยที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
โดยปกติแล้ว ยานรบของสหพันธรัฐจะไม่สามารถทำลายวัตถุท้องฟ้าในอวกาศได้โดยพลการ ทว่าภารกิจในครั้งนี้ค่อนข้างเร่งด่วน และไม่มีเวลามาสนใจกฎของสหพันธรัฐแล้ว
ในขณะเดียวกัน บนดาวเคราะห์สีส้มดวงหนึ่ง ยานรบสามสิบลำก็พร้อมที่จะออกเดินทางแล้ว
นี่เป็นกลุ่มโจรสลัดดวงดาวกลุ่มใหม่ในกาแล็กซี พวกเขาส่วนใหญ่เป็นพวกเดนตายแหกคุกที่เคยปล้นสถานีขนส่งเสบียงของรัฐบาลกลางสิบแห่งและดาวส่งเสบียงของจักรวรรดิสองดวงได้สำเร็จ
สหพันธ์ให้ความสำคัญกับเรืองนี้มาก เคยส่งกองทัพมาล้อมปราบปรามแล้ว แต่ช่วยไม่ได้ที่ในบรรดาพวกเขามีคนที่เคยทรยศสหพันธ์อยู่ด้วย คุ้นเคยกับยานรบของสหพันธรัฐและวิธีการต่อสู้มาก จึงไม่ใช้ไม้แข็งกับเขา พอสู้ก็เผ่นหนี มากเล่ห์เพทุบาย
สหพันธรัฐปวดหัวหนักกับเรื่องนี้มาก
เมื่อเร็วๆ นี้ พวกเขากำลังพุ่งเป้าไปที่ดวงดาวขนส่งเสบียงในการควบคุมของตระกูลวิล และวางแผนจะลงมือในคืนนี้
ทว่าพวกเขายังไม่ทันได้ออกเดินทาง ทันใดนั้น กลางท้องฟ้ายามค่ำคืนอันมืดมิดเหนือศีรษะ ยานอวกาศสีมืดทึบลำหนึ่งได้เข้ามาหลังจากเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของดาวเคราะห์ดวงนี้ ก่อนเริ่มลดความเร็วลง ค่อยๆ ลอยอยู่เหนือยานรบสามสิบลำอย่างมั่นคง
คนแรกที่เห็นมันคือทหารรักษาการณ์ติดอาวุธ ตอนแรกเขานึกว่าเป็นพวกเดียวกันกับตน ต่อมาก็พบว่าไม่ใช่ เพราะใต้ท้องยานรบสีดำลำนั้นประทับสัญลักษณ์สหพันธรัฐเอาไว้ตัวเบ้อเร่อ
“เป็นยานรบของสหพันธ์!”
เขาเหมือนเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ!
ทุกคนระแวดระวังกันขึ้นมา พร้อมกันนั้นก็รู้สึกว่าเหลือเชื่อ
ระบบป้องกันของพวกเขาล่ะ ขัดข้องเหรอ ทำไมไม่มีการสกัดกั้นและไม่แจ้งเตือนอะไรเลย ปล่อยให้ยานรบลำนี้บุกรุกเข้ามาราวกับที่นี่ไม่มีใครอยู่ได้ยังไง
หัวหน้าโจรสลัดดวงดาวออกคำสั่งให้เตรียมรบ “มียานรบทั้งหมดกี่ลำ”
พลขับที่อยู่ข้างๆ เอ่ยด้วยความอึ้ง “ละ…ลำเดียวครับ!”
“ลำเดียว สหพันธ์ส่งยานรบมาแค่ลำเดียว” หัวหน้าโจรสลัดดวงดาวมึนงง ต้องบอกก่อนว่าต่อให้สหพันธ์เคลื่อนไหวกำลังทหารในจำนวนมากพอๆ กันกับพวกเขาก็ยังไม่อาจกวาดล้างพวกเขาได้เลย หรือว่า…สหพันธ์ไม่ได้จะมารบกับพวกเขา แต่เป็นเจรจาแทน
คิดมาถึงตรงนี้ เขาก็กระหยิ่งยิ้มย่องอย่างลำพอง “ถ้างั้นก็ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว ทำลายมันซะ!”
เจรจางั้นหรือ
ฝันไปเถอะ
เขาออกคำสั่ง แต่กลับต้องรอแล้วรอเล่าให้ยานรบลำอื่นๆ ตอบโต้กลับมา เขาขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้น”
พลขับชี้ไปยังยานรบกลางฟากฟ้าอย่างหวาดผวา “ทะ…ท่านดูสิ”
ยานรบกลางเวหาเริ่มสว่างขึ้นเป็นบริเวณกว้าง เปลือกนอกสีดำของมันเหมือนเกล็ดที่กำลังพลิกกลับ ค่อยๆ ปรากฏเป็นแสงสีเงินแสบตาทีละนิด
ในขณะที่เกิดการเปลี่ยนแปลงนี้ ตัวลำขนาดมหึมาของมันก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าทุกคน
หัวหน้าโจรสลัดดวงดาวสะดุ้งโหยง “นะ…นี่มัน…”
เรือรบลำแรกในกาแล็กซีที่มาพร้อมกับมาร์แชลในการรบทั่วสหพันธรัฐ ที่มีชื่อว่าเดสทรอยเยอร์!
ในหน้าต่างบานใหญ่ของยานรบ ชายในชุดเครื่องแบบสีดำกดตามองต่ำไปยังทุกคน
เขาคือชายที่หล่อเหลาที่สุดแห่งจักรวรรดิ และเป็นชายที่โหดเหี้ยมเลือดเย็นที่สุดด้วยเช่นกัน
รูปร่างเขาสูงโปร่ง เครื่องแบบพอดีตัวสวมอยู่บนร่างเขา แม้แต่กระดุมยังกลัดขึ้นถึงเม็ดสุดท้าย ทั้งเข้มงวดและละทางโลกในเวลาเดียวกัน
ผิวพรรณของเขาซีดขาวราวกับคนตายภายใต้ลำแสงเย็นเยียบ
สองมือเขาถือคทาดาวแห่งจักรวรรดิสีทองอร่าม นี่เป็นสัญลักษณ์ระบุตัวตน และเป็นสัญญาณแห่งความตายด้วย
มาร์แชลแห่งจักรวรรดิไม่ได้มาเพื่อเจรจาสงบศึก เขามาเพื่อทลายรังโจร
ชนิดที่ไม่ให้เหลือรอดเลยสักราย
หัวหน้าโจรสลัดดวงดาวที่ก่อนหน้านี้ยังลำพองใจอยู่ มายามนี้ตื่นตระหนกไปหมดแล้ว
ไหนว่ามาร์แชลเดินทางไปไกลถึงดวงดาวเคสามสิบสี่บี โน่นแล้วไม่ใช่หรือ จะยังไม่กลับมาง่ายๆ ภายในหลายสิบปีนี้แน่นี่นา ทำไมไม่ทันไรก็…หากไม่ใช่เพราะว่ามาร์แชลไม่อยู่ ให้พวกเขาขวัญกล้ากว่านี้เป็นร้อยเท่า พวกเขาก็ไม่กล้าปล้นดาวเสบียงและสถานีอวกาศของสหพันธ์หรอก!
“ทำไงดี…ทำไงดี…” หัวหน้าโจรสลัดดวงดาวเหงื่อเย็นแตกพลั่ก
ไม่ใช่แค่เขา โจรคนอื่นๆ ก็พากันทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน
มาร์แชลท่านนี้เป็นมาร์แชลที่หนุ่มที่สุดของจักรวรรดิ และเป็นมาร์แชลเพียงคนเดียวที่สั่นสะเทือนทั้งสหพันธรัฐของกลุ่มดาวนี้ เขาเกิดมาในชนชั้นสูงที่น่าสังเวช มีทรัพยากรเพียงเล็กน้อย กลับสามารถฟันฝ่าเส้นทางอันนองเลือดในสหพันธรัฐได้
ไม่มีผู้ใดกล้าลูบคมเขา
“หนี! รีบหนี!”
ไม่รู้ว่าใครตะเบ็งเสียงตะโกนขึ้น ทุกคนคล้ายตื่นจากฝัน พากันกระโดดขึ้นยานรบ เตรียมตัวหลบหนี
สายตาเย็นชาของมาร์แชลแห่งจักรวรรดิมองโจรสลัดดวงดาวที่ทำลายเข่นฆ่าประชาชนคนธรรมดาไปนับไม่ถ้วน ราวกับกำลังมองมดแมลงที่ตื่นตระหนกแตกกระเจิงฝูงหนึ่ง
[เดสทรอยเยอร์ขอคำสั่ง] เสียงโมโนโทนของเอไอเย็นเยียบดุจน้ำแข็งขึ้นมา
มาร์แชลเอ่ยทีละถ้อยทีละคำ “ดำเนินการแผนทำลายล้าง”
เสียงโมโนโทนของเอไอดังขึ้นอีกหน
[กำลังเริ่มดำเนินการแผนทำลายล้าง ประชาชนโปรดอพยพ]
[กำลังเริ่มดำเนินการแผนทำลายล้าง ประชาชนโปรดอพยพ]
[กำลังเริ่มดำเนินการแผนทำลายล้าง ประชาชนโปรดอพยพ]
[เริ่มนับถอยหลัง]
ตัวเลขนับถอยหลังสองนาทีส่องแสงเรียงเป็นแถวปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยดวงดาว
พวกโจรสลัดดวงดาวว่องไวมาก แค่หนึ่งนาทีก็ขับยานรบแต่ละลำเผ่นไปแล้ว
ภายใต้สถานการณ์ที่ขับเคลื่อนที่เหนือกว่าความเร็วแสง เพียงแค่หนึ่งนาทีก็สามารถไปยังดาวเคราะห์หลายดวงได้แล้ว
แม้ว่าบนพื้นจะไม่มียานรบแล้ว แต่การนับถอยหลังบนนภาสีมืดก็ยังดำเนินต่อไป
จนกระทั่งหมดเวลา เดสทรอยเยอร์เริ่มเปิดการไล่โจมตียานรบที่หลบหนี
……
สามสิบวินาทีต่อมา
จักรวาลก็กลับมาเงียบสงบ
ภายในห้องนักบิน เสียงโมโนโทนของเอไอของยานเดสทรอยเยอร์กลับมาน่ารักน่าเอ็นดูอีกครั้ง “เด็กน้อย ได้เวลากินข้าวแล้วน้า มื้อเย็นวันนี้เยอะแยะไปหมดเลย”
ทว่าสุดท้ายมาร์แชลก็ยังไม่ได้กินมื้อเย็นนี้อยู่ดี ในระหว่างที่พวกเขาเดินทางกลับได้เจอเข้ากับการล่มสลายของดวงดาว
ดาวใหญ่ดวงนี้ล่มสลายมานานแล้ว และค่อนข้างที่จะคงที่มาตลอด คาดว่ามันยังต้องใช้เวลาอย่างน้อยๆ หนึ่งแสนปีถึงจะลุกไหม้ ไม่รู้เพราะสาเหตุใดทำให้มันลุกไหม้ก่อนเวลาอันควร และสองสามวินาทีสุดท้ายของการล่มสลายก็ก่อตัวเป็นหลุมดำ
เดสทรอยเยอร์ถูกแรงโน้มถ่วงจากหลุมดำดึงดูด
เสียงเตือนที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนดังขึ้นภายในห้องนักบิน
กลับกลุ่มดาวเคเก้าสิบสาม ไม่ได้แล้วสิ
มาร์แชลรับมือกับความตายของตนอย่างใจเย็นและสงบนิ่ง
เขาออกรบทั่วทุกสารทิศ ต้องมีสักวันที่ต้องตายในระหว่างทำศึก
เขาจับสะพานเดินเรือ เอ่ยเสียงเบา “เดสทรอยเยอร์ หน้าที่ของแกสิ้นสุดลงแล้ว แกเป็นเกียรติยศของจักรวรรดิ”
เสียงเอไอเงียบไปนาน ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างเคร่งขรึมว่า [มาร์แชล คุณก็เหมือนกัน]
วินาทีต่อมา ก็ได้ยินมันพูดเสียงเรียบว่า [เปิดใช้งานแคปซูล]
ภาพภายในห้องนักบินเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หน้าต่างที่เดิมมีอยู่ก่อนหน้านี้หายไป มีผนังแขวนฉากกั้นเข้ามาแทนที่
จากนั้นแคปซูลหรูหราที่มีเสบียงเพียงพอสำหรับหลายศตวรรษก็ลอยขึ้นจากพื้น
มาร์แชลขมวดคิ้ว “เดสทรอยเยอร์ แกคิดจะทำอะไร”
เสียงเอไอยังคงราบเรียบ
[แยกแคปซูล เปิดทำงานห้องโดยสารพยาบาล]
[คลังอาวุธเตรียมออกโจมตี ต้อนรับแรงโน้มถ่วงจากหลุมดำ]
[ลาก่อน มาร์แชล]
เพิ่งจะเอ่ยจบ การโจมตีอันน่าสะพรึงก็ตลบอบอวลทั่วแคปซูล คลื่นสมองของมาร์แชลมีความถี่ถึงจุดสูงสุด ก่อนที่อาการวิงเวียนรุนแรงจะเข้าโจมตี เขาก็หมดสติไปแล้ว
บนหน้าจอปรากฏตัวอักษณจำนวนหนึ่งขึ้นมา
[จับดาวเคราะห์ที่อยู่อาศัยได้พบ]
[ยืนยันตำแหน่ง]
[กลุ่มดาวราศีกันย์ ทางช้างเผือก โลก]