สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 187 ล้างแค้น
บทที่ 187 ล้างแค้น
เหล่าฮูหยินกู้มองหมอประจำจวนด้วยความตื่นตะลึง “เจ้าว่าอย่างไรนะ ตั้งครรภ์อย่างนั้นรึ”
หมอประจำจวนเอ่ย “ใช่แล้วขอรับ เหล่าฮูหยิน ตั้งครรภ์ขอรับ!”
เหล่าฮูหยินกู้เอ่ย “เจ้าแน่ใจหรือว่าไม่ได้ตรวจผิด”
หมอประจำจวนหัวเราะ “แม้วิชาแพทย์ของข้ามิได้สูงส่ง แต่เรื่องตั้งครรภ์นั้นไม่มีทางผิดพลาดแน่นอนขอรับ! ยินดีกับเหล่าฮูหยินด้วย ที่ได้หลานชายเพิ่ม!”
สีหน้าของเหล่าฮูหยินกู้เริ่มแปลกประหลาดในทันใด
นางไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าอายุอานามคงตนก็มากขนาดนี้แล้ว ยังจะได้มีหลานได้อีกคน ยิ่งคนที่อุ้มท้องหลานชายของนางยังเป็นอนุหลิงที่ถูกนางจับกรอกยาที่ทำให้เป็นหมัน
หรือว่า…ยาที่ทำให้เป็นหมันนั่นจะสิ้นฤทธิ์หมดฤทธิ์เสียแล้ว
ตอนนั้นหมอเองก็บอกว่า ยาประเภทนี้ออกฤทธิ์แตกต่างกันไปในแต่ละคน บางคนก็ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้อีกทั้งชีวิต แต่ก็มีน้อยคนที่ผ่านไปสองสามปีก็เกิดตั้งท้องครรภ์ขึ้นมาได้
ช่างเถิด สิ้นฤทธิ์หมดฤทธิ์แล้วก็สิ้นฤทธิ์หมดฤทธิ์ไป
แต่ก่อนที่ไม่ยอมให้อนุหลิงให้กำเนิดลูกของตัวเอง เพราะกู้ฉังชิงสามพี่น้องยังเล็ก เหล่าฮูหยินกังวลว่าหากอนุหลิงให้กำเนิดลูกชายขึ้นมาจะเป็นภัยคุกคามต่อตำแหน่งของสามพี่น้อง
ยามนี้กู้ฉังชิงก็รับแต่งตั้งให้เป็นซื่อจื่อ องค์ชายแห่งจวนโหวแล้ว คือทายาทอย่างเป็นทางการของโจวนหวน กู้เฉิงเฟิงและกู้เฉิงหลินเองก็โตแล้ว ต่อให้มีน้องชายอีกคนก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด
เห็นแก่คุณงามความดีที่อนุหลิงเลี้ยงดูสามพี่น้องมานานหลายปี จะให้ยอมให้นางมีลูกชายสักคนเพื่อให้นางใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างมีสงบสุขก็ย่อมได้
มาคิดดูแล้ว เหล่าฮูหยินกู้เองก็ตื่นเต้นกับเด็กในท้องของอนุหลิงอยู่ไม่น้อยอยู่เหมือนกัน
“กี่เดือนแล้ว” นางถามหมอประจำจวน
หมอประจำจวนตอบ “ดูจากชีพจรแล้ว น่าจะได้เดือนเศษแล้วขอรับ”
ความสับสนฉายขึ้นบนใบหน้าของอนุหลิง “แต่ข้าเพิ่งจะมีระดูเมื่อไม่นานมานี้”
หมอหลวงยิ้มเอ่ย “กรณีเช่นนั้นก็เกิดขึ้นได้ขอรับ”
เหล่าฮูหยินกู้ครุ่นคิดพลางเอ่ย “ใช่แล้ว ตอนที่ข้าตั้งท้องซูเฟย ก็มีระดูอยู่หลายวันเหมือนกัน”
อนุหลิงอยากจะพูดแต่พูดไม่ออก
เหล่าฮูหยินกู้กุมมืออนุหลิงไว้ พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “มิน่าล่ะหลายวันมานี้เจ้าถึงได้ป่วย ที่แท้ก็ตั้งท้องนี่เอง เจ้ารักษาตัวให้ดี มีหลานชายจ้ำม่ำให้ข้าสักคน โจวโหวจะดูแลเจ้าเป็นอย่างดี”
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่าดูแลดีหรือไม่ เพียงแต่…
อนุหลิงกำหมัดแน่น
ทันใดนั้นก็มีเสียงรายงานของบ่าวดังขึ้น “เหล่าฮูหยิน ฮูหยินมาแล้วขอรับ”
เหล่าฮูหยินกู้ยอมรับเด็กในท้องของอนุหลิงแล้ว ยามนี้จึงอารมณ์ดีไม่น้อย “ให้นางเข้ามา”
ทว่าอนุหลิงกับหวาดกลัวขึ้นมาในทันใด นางคว้ามือของเหล่าฮูหยินไว้ “ข้า…ข้าไม่อยากพบฮูหยิน!”
เพียงแต่แม่นางเหยานั้นเร็วกว่า ยังไม่ทันสิ้นเสียงของนาง แม่นางเหยาก็แหวกม่านเดินเข้ามาแล้ว
แม่นางเหยายื่นกาน้ำร้อนส่งให้แม่นมฝางที่เดินตามเข้ามา พลางส่งยิ้มให้อนุหลิงแล้วเอ่ยว่า “อนุหลิงเป็นอะไรไปหรือ เหตุใดจู่ๆ ถึงไม่อยากพบข้า เมื่อวานยังดีๆ อยู่แท้ๆ เอ๊ะ เหตุใดอนุถึงนอนเช่นนั้นเล่า สีหน้าดูไม่ดีนัก”
แม่นางเหยาเอ่ยพลางหันไปมองหมอประจำจวนที่อยู่ในห้อง ก่อนจะหันไปหาเหล่าฮูหยินกู้ “ท่านแม่ อนุเป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ”
เหล่าฮูหยินกู้นานทีปีหนจะหัวเราะออกมาก่อนจะเอ่ยต่อ “อนุหลิงตั้งท้องแล้วน่ะสิ อายุครรภ์ได้เดือนเศษแล้ว”
อนุหลิงหันไปมองแม่นางเหยาด้วยหัวใจเต้นระส่ำ
แม่นางเหยาถามอย่างประหลาดใจ “ผิดพลาดประการใดหรือไม่ ตั้งแต่ท่านโหวกลับมาจากจวนบนเขา ก็ไม่ได้ไปนอนที่ห้องอนุหลิงเลย อนุหลิงจะตั้งครรภ์ได้อย่างไร”
เมื่อคำนั้นเอ่ยออกไป สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปในทันที
ท่านโหวกู้อยู่ที่จวนบนเขานานกว่าครึ่งปี เพิ่งจะกลับมาได้สองเดือน หากท่านโหวกู้หลับนอนกับอนุหลิงก่อนหน้านั้น ป่านนี้อนุหลิงก็ต้องคลอดลูกแล้ว
สีหน้าของอนุหลิงซีดเผือดราวกับกระดาษ
ทว่าใบหน้าของเหล่าฮูหยินกลับดำทะมึนราวกับถ่านไม้ “เจ้าพูดจริงรึ?”
แม่นางเหยาปั้นหน้าน้อยใจ “หากท่านแม่ไม่เชื่อ ก็เรียกท่านโหวมาถามสิเจ้าคะ”
ในเมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับทายาทของจวนโหวแล้ว เหล่าฮูหยินกู้ย่อมส่งบ่าวไปตามท่านโหวมาพบ
ท่านโหวกู้ถูกผู้บังคับบัญชาในกรมโยธากลั่นแกล้งเสียจนทำงานไม่ได้โงหัว แม้แต่ข้าวเช้าก็ยังไม่ทันได้กิน จากนั้นก็ได้ยินเสียงรายงานของหวงจง “ท่านโหว บ่าวของเหล่าฮูหยินมาพบขอรับ”
“มีเรื่องอันใดรึ” ท่านโหวกู้ถามอย่างปวดหัว
หวงจงเอ่ย “บอกว่าที่จวนมีเรื่องด่วน ในท่านกลับไปที่จวนด่วนขอรับ!”
ท่านโหวกู้ขมวดคิ้วเอ่ย “แล้วข้ากลับไปตอนนี้ได้หรืออย่างไร”
หวงจงยิ้มเจื่อน “เหล่าฮูหยินบอกว่าท่านต้องกลับไปขอรับ”
ท่านโหวกู้ยกมือก่ายหน้าผาก “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”
หวงจงเอ่ย “ข้าถามแล้ว แต่บ่าวบอกว่าเหล่าฮูหยินไม่บอก เหล่าฮูหยินต้องการถามท่านโหวด้วยตัวเอง”
เคราะห์ซ้ำกรรมซัดท่านโหวกู้ เหตุใดถึงต้องตามตัวเขาตอนนี้ด้วย
นี่เขาล่วงเกินผู้ใดเข้าอีกแล้ว!
ท่านโหวกู้กลับมาถึงจวนอย่างไม่สบอารมณ์นัก
ภายในเรืองซงเฮ่อ เหล่าฮูหยินต้องการแน่ใจว่าไม่มีอันใดผิดพลาด จึงสั่งให้บริวารเชิญหมอชื่อดังมากมายมาจับชีพจรให้อนุหลิง ผลปรากฏว่าทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่านางนั้นตั้งครรภ์
เช่นนั้นก็แปลว่าตั้งท้องอย่างแน่นอน
ในเมื่อเรื่องนี้ข้องเกี่ยวกับชื่อเสียงของลูกชาย นอกจากคนที่อยู่ในเรือนในตอนนั้นแล้ว เหล่าฮูหยินก็ไม่ยอมให้ผู้ใดล่วงรู้อีก
ส่วนบรรดาหมอที่เชิญมานั้น ก็ได้รับค่าปิดปากจากเหล่าฮูหยินทุกคน
แคว้นเจามีความเชื่อแต่โบราณว่า ห้ามบอกใครหากยังตั้งท้องไม่ครบสามเดือน
บรรดาหมอคิดว่าตระกูลกู้เคร่งครัดตามประเพณี จึงรับเงินไว้ทั้งที่รู้อยู่เต็มอก ก่อนจะออกจากจวนไปอย่างชื่นมื่น
ส่วนเรื่องที่ว่าวันหน้าหากอันติ้งโหวจะไม่มีลูกนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด เพราะการตั้งครรภ์เป็นเรื่องที่ลำบากและอันตรายอยู่แล้ว ผู้ใดก็ไม่อาจรับรองได้ว่าหากตั้งครรภ์แล้วจะคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย
ท่านโหวกู้เดินเข้ามาในเรืองซงเฮ่อ แม่นมคนสนิทของเหล่าฮูหยินกู้ก็มาที่ห้องโถงตั้งแต่ก่อนหน้าแล้ว “ท่านโหว ท่านกลับมาเสียที เหล่าฮูหยินรอจนทนไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะ!”
ท่านโหวกู้ตอบ “ไม่ใช่อย่างนั้น เมื่อครู่ข้าเห็นหมอมากมายที่หน้าประตู ท่านแม่ข้าป่วยหนักอย่างนั้นหรือ”
“ไม่ใช่เหล่าฮูหยินหรอกเจ้าค่ะ…” แม่นมคนสนิทไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร ทำได้เพียงทอดถอนใด “ท่านโหวเข้าไปดูในเรือนเองเถิดเจ้าค่ะ”
นางแหวกม่านให้ท่านโหวกู้เดินเข้าไป
ภายในห้องมีเพียงแค่สี่คน เหล่าฮูหยินกู้ แม่นางเหยา แม่นมฝางและอนุหลิงที่นอนใบหน้าซีดเผือดอยู่บนเดียง
ท่านโหวกู้คำนับเหล่าฮูหยินกู้เป็นอันดับแรก “ท่านแม่” ก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ข้างกายแม่นางเหยา พอเห็นว่าแม่นางเหยาสบายดี ก็โล่งอกขึ้นมา
เขาหันไปหาเหล่าฮูหยินกู้อีกครั้ง “ท่านแม่ เหตุใดถึงรีบร้อนเรียกลูกกลับมามาเช่นนี้ เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ” เหล่าฮูหยินกู้สีหน้าเคร่งเครียด “สองเดือนมานี้เจ้าได้ไปที่ห้องอนุหลิงหรือไม่”
ท่านโหวกู้เหลือบมองแม่นางเหยา “เหตุใดท่านแม่ถึงถามเช่นนั้น”
เหล่าฮูหยินกู้ใบหน้าถมึงทึง “ไม่ต้องหันไปมองภรรยาเจ้า เจ้าบอกมาตามตรง เจ้าไปหรือไม่ได้ไป!”
ท่านโหวกู้กระแอมพลางเอ่ย “ไปม่มาหนึ่งครั้งขอรับ”
“แล้วค้างคืนหรือไม่” เหล่าฮูหยินกู้ถาม
“ไม่ได้ค้างแน่นอนขอรับ!” ท่านโหวกู้ตะโกนลั่น “ข้าแค่ผ่านทาง หลินเอ๋อร์อยู่ที่เรือนของนางพอดี จึงเรียกข้าเข้าไป ข้าเข้าไปคุยกับหลินเอ๋อร์สองสามคำก็กลับออกมาขอรับ!”
ยามนั้นแผลของกู้เฉิงหลินยังไม่หายดี ต้องนั่งรถเข็น ลูกข่างที่เขาเล่นลอยไปติดบนเพดาน เขาจึงเข้าไปเก็บลูกข่างให้ก็เท่านั้น
เหล่าฮูหยินกู้สีหน้าจริงจัง “อย่าเห็นว่าภรรยาเจ้าอยู่ที่นี่ เจ้าถึงได้พูดเช่นนี้”
ท่านโหวกู้สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาในทันใด “ข้าเปล่านะขอรับ!”
“เจ้าออกไปก่อน” เหล่าฮูหยินกู้พูดกับแม่นางเหยา
“เจ้าค่ะ” แม่นางเหยาคำนับให้ ก่อนจะหันหลังเดินออกไปข้างนอก
ท่านโหวกู้คว้าแขนเสื้อของนางไว้อย่างแผ่วเบา พลางกระซิบข้างหูนาง “ข้าไม่ได้ไปจริงๆ เจ้าเชื่อข้าเถิด”
แม่นางเหยาไม่เอ่ยคำใด ดึงชายเสื้อกลับมาก่อนจะเดินออกไปจากห้องโดยไม่พูดจาแม้สักคำ
“เจ้าบอกความจริงกับข้ามา!” เหล่าฮูหยินกู้หันไปมองลูกชายของตัวเอง
ท่านโหวกู้เอ่ยอย่างร้อนใจ “ที่ลูกพูดเป็นความจริงขอรับ!”
เรียวคิ้วหงอกขาวของเหล่าฮูหยินกู้ขมวดแน่น “หากเจ้าพูดเช่นนั้น หมายความว่าก้อนในท้องนางไม่ใช่ฝีมือเจ้าอย่างนั้นหรือ”
ท่านโหวกู้ชะงักไป “ก้อนอะไรหรือขอรับ”
เหล่าฮูหยินกู้เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์นัก “นางตั้งท้อง ได้เดือนเศษแล้ว”
กว่าจะทำใจยอมรับเด็กคนนี้ได้ แต่กลับกลายเป็นลูกนอกไส้ ทำเอาเหล่าฮูหยินกู้เดือดเป็นไฟ!
ท่านโหวกู้หันไปมองอนุหลิงด้วยสีหน้าเย็นชา
แม้เขาจะไม่ได้ชอบอนุหลิง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมให้อนุหลิงสวมเขาให้เขา!
อนุหลิงโมโหจะเป็นหน้ามืดไปตั้งแต่ก่อนหน้าแล้ว เมื่อตื่นขึ้นมากลับกลายเป็นว่าพอลืมตาขึ้นก็สบกับสายตาอาฆาตของท่านโหวกู้ นางตัวสั่นงันงกจนเกือบเป็นลมไปอีกรอบ!
นางคลานลงมาจากเตียง คุกเข่าลงข้างเตียงพลางคว้ามือท่านโหวกู้ไว้ “ท่านโหว! ข้าไม่ได้ตั้งท้องนะเจ้าคะ! ข้าไม่ได้ท้อง!”
ท่านโหวกู้กระชากมือกลับ “ท้องหรือไม่ท้อง ตัวเจ้าย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจไม่ใช่หรือ”
“ข้าไม่ได้ท้องจริงๆ” อนุหลิงถูกใส่ร้ายอย่างหนัก
คราวนี้ร้ายแรงเสียยิ่งกว่าตอนถูกกล่าวหาว่าวางยาพิษแม่นางเหยาแล้วตัวเองกลับโดนพิษเองเสียอีก
ในใจของนางเฝ้าคิดถึงเพียงชายผู้นี้ ตั้งแต่อายุได้สิบกว่าปีก็เริ่มเทิดทูนเขา เพื่อที่จะได้แต่งงานกับเขา นางวางแผนอย่างแยบยลมากมาย นางจะทรยศเขาได้อย่างไร!
นางเอ่ยเสียงสะอื้น “ท่านโหว ถึงคนอื่นจะไม่เชื่อ ข้าก็ไม่สน แต่ท่านต้องเชื่อข้านะเจ้าคะ!”
น่าเสียดายที่ท่านโหวกู้ไม่เชื่อ
อนุหลิงโอดครวญ “เป็นฮูหยิน! ต้องเป็นฮูหยินแน่นอน! เป็นฝีมือของนาง! เมื่อวานนางชงชาดอกไม้ให้ข้า ชาดอกไม้นั่นต้องมีปัญหาแน่นอน!”
“ชาดอกไม้นั่นเป็นของข้า!” เหล่าฮูหยินกู้เดือดดาล
อนุหลิงรีบเอ่ยในทันใด “ข้าหมายความว่า…นางลงมือยามชงชา…ชาที่นางให้ข้า…ต้องมียาอยู่ในนั้นแน่นอน!”
“มียาที่ทำให้คนท้องด้วยหรือ” เหล่าฮูหยินกู้กำลังบอกว่านางมีอายุมาจนถึงป่านนี้แล้ว ยังไม่เคยได้ยินว่ามียาเช่นนั้นมาก่อน! อนุหลิงคิดว่านางเป็นคนโง่หรืออย่างไร!
แน่นอนว่านั่นไม่ใช่ยาที่ทำให้ตั้งท้อง แต่เป็นยาที่ควบคุมให้ชีพจรของคนเปลี่ยนไปก็เท่านั้น
ทว่าอนุหลิงนั้นโชคร้ายนัก ไม่ใช่แค่ชีพจรของนางที่เปลี่ยนไป แต่ยังเกิดผลข้างเคียงจากยาอีกด้วย จึงแสดงอาการของคนท้องอ่อนๆ ออกมาทั้งหมด
อนุหลิงเหลียวไปมองเหล่าฮูหยินกู้อีกครั้ง “ท่านแม่! ท่านจำไม่ได้หรือว่าท่านให้ข้าดื่มยาที่ทำให้เป็นหมัน แล้วข้าจะตั้งท้องได้อย่างไร”
เหล่าฮูหยินกู้ส่งเสียงเย้ยหยัน “บางทียาอาจจะสิ้นฤทธิ์หมดฤทธิ์แล้วก็ได้!”
ท่านโหวกู้เพิ่งเคยได้ยินเรื่องยาที่ทำให้เป็นหมันครั้งแรก เพียงแต่นั่นไม่สำคัญอีกต่อไป นางหญิงสารเลวผู้นี้มีคบชู้ลับหลังเขา แถมยังตั้งท้องลูกคนอื่นอีกต่างหาก!
น่าโมโหชะมัดเสียจริง!
อนุหลิงเห็นว่าทั้งสองคนไม่เชื่อ นางก็กัดฟันกรอด “เช่นนั้นก็ดี พวกท่านไม่เชื่อข้า คิดว่าข้าเป็นชู้กับชายอื่นลับหลังท่านโหว เช่นนั้นพวกท่านก็ลากคอชายชู้นั่นออกมาสิเจ้าคะ!”
นางไม่เหมือนแม่นางเหยาที่มีคนรักเก่าหรอกนะ!
ท่านโหวกู้เรียกหวงจงเข้ามา สั่งให้เขาไปตามหาชายชู้ของอนุหลิง
“นี่มันเรื่องอะไรกัน พับผ่าสิให้ตายสิ!” หวงจงตามสืบอย่างจนใจ
สถานที่ที่เขาค้นเป็นแห่งแรกคือเรือนของอนุหลิง ไม่ใช่ว่าเขาสงสัยว่าชายชู้จะแอบซ่อนตัวอยู่ที่นี่ แต่ที่นี่คือที่อยู่อาศัยของอนุหลิง ก็ย่อมต้องทิ้งเบาะแสอะไรไว้บ้าง
ทว่าวินาทีที่หวงจงก้าวเข้าไปในเรือน เงาร่างผอมบางของใครคนหนึ่งก็ข้ามกำแพงเข้ามาเช่นกัน
นางเข้ามาในห้องของอนุหลิง ตั้งใจว่าจะทิ้ง “หลักฐานความผิด” ของอนุหลิงไว้
แต่กลับกลายเป็นว่านางพบใครคนหนึ่งเข้า
กู้ฉังชิง
กู้ฉังชิงก็เพิ่งมาถึงเช่นกัน
ผ้าม่านปิดสนิทไร้แสงลอดผ่าน ภายในห้องมืดมิด แต่กู้ฉังชิงก็รู้ได้ในทันทีว่าคือกู้เจียว
ทั้งสองจ้องกันตาเขม็ง ก่อนจะชะงักไปครู่หนึ่ง
กู้เจียวเอ่ย “ข้ามาวางของนิดหน่อยน่ะ”
กู้ฉังชิงอ้าปากก่อนจะกระแอมขึ้นมาพลางเอ่ยเสียงเคร่งขรึม “บังเอิญนัก ข้าก็เหมือนกัน”
กู้เจียว “…”
กู้ฉังชิง “…”
กู้เจียวคิดในใจ เหตุใดทุกครั้งที่แอบวางกับดักจะต้องเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ร่ำไป
นางไม่เก่งพอที่จะทำภารกิจเพียงคนเดียวหรือ
กู้เจียววางหลักฐานเท็จที่จี้จิ่วอาวุโสเป็นคนปลอมขึ้นมาลงในลิ้นชัก
กู้ฉังชิงเองก็วางของอีกชิ้นของตัวเองลงไปเช่นกัน
ทั้งสองนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง
กู้เจียวเอ่ย “อย่าวางด้วยกันเลย”
กู้ฉังชิง “ข้าก็คิดว่าเช่นนั้น”
ทั้งสองหยิบหลักฐานของตัวเองออกมาพร้อมกัน ก่อนจะวางชิ้นหนึ่งไว้ในตู้เสื้อผ้า และวางอีกชิ้นหนึ่งไว้ใต้หมอน
“หวงจงมาแล้ว!” กู้ฉังชิงได้ยินความเคลื่อนไหวนอกเรือน ก็รีบเอ่ยเตือนกู้เจียว ตั้งใจว่าจะพากู้เจียวหนีออกไป ทว่าพอเหลียวกลับไปก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของกู้เจียวแล้ว!
กู้ฉังชิงคิด …ไม่จำเป็นสินะ
อนุหลิงที่อยู่ในเรือนซงเฮ่อได้สติขึ้นมาแล้ว แม่นางเหยายืมมือเหล่าฮูหยินใส่ร้ายนางสินะ
แม่นางเหยาไม่มีทางเข้ามายุ่มย่ามในเรือนของนางได้แน่นอน
มิเช่นนั้นนางจะวางยาตนในเรือนซ่งเฮ่อหรือ
อยากหาก็หาไปเถอะ!
นางเองก็อยากจะรู้นักว่าหวงจงหาอะไรเจอเหมือนกัน!
“ท่านโหว! เหล่าฮูหยิน! หาเจอแล้วขอรับ!”
หวงจงถือกล่องสองใบพลางรีบเดินจ้ำเข้ามา
อนุหลิงขมวดคิ้ว นี่มันเรื่องอะไรกัน
ท่านโหวกู้และเหล่าฮูหยินกู้เปิดกล่องออก
ทั้งสองเปิดกล่องที่กู้เจียวเป็นคนวางก่อน ในความฝันยามที่กลับมาถึงจวนโหวนนั้น อนุหลิงแอบตามหาหมอ สืบหาสูตรยาที่จะรักษาโรคเป็นหมันของตัวเองมาตลอด เพียงแต่อนุหลิงนั้นระวังตัวเป็นอย่างมาก ทุกครั้งที่ได้เห็นสูตรยาก็จะรีบเผาทิ้งทันที
กู้เจียวปลอมสูตรยาขึ้นมาใหม่ให้กับนาง
ฝีมือของจี้จิ่วอาวุโสช่างยอดเยี่ยมนัก รู้จักปลอมเป็นของเก่า แม้แต่สูตรยาเมื่อสิบกว่าปีก่อนก็ปลอมออกมาได้
นอกจากสูตรยาแล้ว จี้จิ่วอาวุโสก็ยังแสดงถึงสองบทบาท เขียนจดหมายรักต้องห้ามอีกกว่าสิบฉบับ
จี้จิ่วอาวุโสมาจากครอบครัวยากจน ก่อนจะตั้งตัวได้ก็อาศัยเขียนกลอนชมจันทร์หาเงินประทังชีวิตจนขายดิบขายดีเป็นอันดับหนึ่งมานานหลายปี เจ้าบทเจ้ากลอนแค่ไหนไม่ต้องพูดถึง!