สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - ตอนที่ 1365 ตอนจบพาร์ทสุดท้าย
ชายหนุ่มกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นายน้อยเป็นคนที่พูดน้อยมาก แต่อาจเป็นเพราะหลายปีมานี้ เขาต้องดูแลน้องสาว เพื่อน้องสาวแล้วจึงยอมเดินออกมา ไม่เก็บตัวเงียบอีกต่อไป”
“เมื่อยามจำเป็นก็จะคุยกับพวกผมบ้าง”
เย้นหว่านน้ำไหลลงมาซิกๆ จากเบ้าตา
เธอไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือเสียใจ ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ บีบให้โห้หยูเซิงรักษาโรคเก็บตัว
โห้หยูเซิงเห็นน้ำตาของเย้นหว่านไหลแล้วไม่รู้จะทำอย่างไร ร่างน้อยๆ ของเขายืนขึ้นจากเก้าอี้เล็กๆ นิ้วน้อยๆ ประสานกัน
“หนูพูดอะไรผิดเหรอครับ”
“เปล่า เปล่า”
เย้นหว่านหันไปมองเขา แล้วนั่งยองลงไปด้านหน้าเขา พลางพูดพลางยิ้ม “หนูทำได้ดีมาก หยูเซิง แม่ดีใจมาก”
บางทีพลางยิ้มพลางร้องไห้ของเย้นหว่านอาจไม่สมเหตุสมผลนัก โห้หยูเซิงจึงขมวดคิ้วมองเธอด้วยความสงสัย และก็ไม่พูดจาไม่จา
หลังจากครู่หนึ่งผ่านไป เขายื่นมือน้อยๆ ไปที่หน้าของเย้นหว่านแล้วเช็ดน้ำตาเบา
การกระทำของเขาทำให้เย้นหว่านซาบซึ้งจนสะอึกสะอื้น น้ำตาก็ยิ่งไหลพรั่งพรูออกมาไม่หยุด แล้วก็อดไม่ได้ที่จะโอบตัวโห้หยูเซิงมากอดไว้
โห้หยูเซิงรู้สึกไม่คุ้นชิน จึงยกมือน้อยๆ ขึ้นเพื่อจะผลักเย้นหว่าน แต่ก็ไม่ได้ผลัก
เย้นหว่านยิ่งมีความสุขมากขึ้นไปอีก กอดเขาไว้แน่นอย่างความพึงพอใจ ราวกับจะกอดรัดเด็กน้อยนี้เข้าไปในกระดูกของตัวเอง ไม่ต้องการที่จะแยกจากพวกเขาไปอีกแล้วในชีวิตนี้
หลังจากกอดร้องไห้อยู่สักพัก ได้แสดงความคิดถึงที่มีต่อเขาทั้งหมดออกมาแล้ว เย้นหว่านถึงได้คลายโห้หยูเซิงออกอย่างอาลัยอาวรณ์
เบ้าตาเธอแดงก่ำ ถามเขาอย่างสะอึก “น้องสาวละครับ”
โห้หลีเฉินได้บอกเธอไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ แล้วว่าแรบบิทถูกแช่แข็งไว้ ดังนั้นเธอได้เตรียมใจไว้ตั้งแต่แรกแล้ว
โห้หยูเซิงเบนสายตาไปมองกล่องเหล็กขนาดเล็กที่อยู่ตรงหน้า
เย้นหว่านขมวดคิ้ว “อยู่ด้านในเหรอ”
โห้หยูเซิงพยักหน้า
กล่องใบเล็กๆ นี้ ถูกปิดมิดชิดประหนึ่งโลงศพ
เห็นแล้วเย้นหว่านถึงกับหดหู่ทรมานใจ เมื่อคิดว่าแรบบิทถูกปิดอยู่ด้านในสามปี ก็ยิ่งเจ็บปวดใจ
ชายหนุ่มเดินเข้ามา “คุณนายครับ ชีวิตของคุณหนูตกอยู่ในอันตราย นายท่านได้กำชับว่า นอกจากเขา ห้ามเปิดกล่องนี้เด็ดขาด”
เย้นหว่านเข้าใจความหมายและความกังวลของเขา
เธอกล่าว “ฉันรู้ ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนี้โห้หลีเฉินเขา…… ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนหมดสติไปแล้ว เขาจะต้องมาพร้อมกับฉันอย่างแน่นอน”
ขณะพูด เย้นหว่านเปิดวิดีโอที่บันทึกไว้ตั้งแต่แรกให้ชายหนุ่มดู
ชายหนุ่มขมวดคิ้วแน่น “นายท่านเขา…..”
“ได้รับบาดเจ็บสาหัส รักษาชีวิตได้ไว้แล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะฟื้นตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ เขาตอนนี้อยู่ที่ตระกูลเย้น ปลอดภัยมาก ฉันมาครั้งนี้ก็เพื่อจะมารับแรบบิทกับหยูเซิงกลับไป มีลูกๆ คอยปั่นป่วนอยู่ข้างๆ เขา บางทีอาจจะทำให้เขาฟื้นขึ้นมาเร็ว”
ชายหนุ่มขมวดคิ้วด้วยความลำบากใจ
ให้เย้นหว่านเข้ามานั้นไม่ใช่ปัญหาอะไร แต่ว่าการเปิดกล่องแล้วนำคุณหนูออกมานั้น เป็นเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับชีวิต ต่อให้เป็นเย้นหว่าน เขาก็ไม่กล้าที่จะรับปากไปแบบง่ายๆ
“ฉันรู้ว่านายกังวลเรื่องอะไร บางทีนายอาจไม่เข้าใจเท่าฉัน บนตัวของแรบบิทยังมีสิ่งที่หลงเหลือจากยาเสริมความแกร่ง ขอเพียงผู้ควบคุมยาตัวนี้กดปุ่มสวิตช์ แรบบิทก็จะเสียชีวิตทันที เหตุนี้ชีวิตของแรบบิทจึงอยู่ในกำมือของคนอื่น อีกทั้งอาจจะเสียชีวิตกะทันหันได้ทุกเมื่อ”
ดังนั้นโห้หลีเฉินถึงได้เลือกแช่แข็งเธอไว้ที่นี่ ต่อให้คนเหล่านั้นจะกดปุ่มสวิตช์ปิดเปิด แรบบิทก็จะไม่เสียชีวิต”
ชายหนุ่มมองเย้นหว่านด้วยความประหลาดใจ
เธอเข้าใจมากกว่าเขาจริงๆ เขารับคำสั่งพาเด็กสองคนนี้มาที่นี่ แช่ตัวแรบบิทไว้ และก็รู้เพียงว่าแรบบิทเผชิญกับอันตรายที่อาจต้องเสียชีวิตได้ทุกเมื่อ จึงต้องแช่น้ำแข็งเพื่อรักษาชีวิต
และที่โห้หลีเฉินต้องอยู่เมืองหนานนั้น ทำทุกอย่างก็เพื่อนช่วยชีวิตแรบบิท
“นายวางใจได้ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังคือฝู้ยวนกับเจมส์ และยังมีท่านอาวุโสเจ็ด ฝู้ยวนกับเจมส์เสียชีวิตแล้ว ส่วนท่านอาวุโสเจ็ดโดนเชื้อไวรัส มีชีวิตอยู่ไม่ถึงสองเดือน ตอนนี้พวกเราจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว และแรบบิทปลอดภัยแล้ว”
เย้นหว่านอธิบายให้ชายหนุ่มฟังอย่างอดทน เธอทั้งเคารพอีกทั้งซาบซึ้งที่พวกเขาดูแลเด็กๆ มาตลอดสามปี
“ฉันเป็นแม่ของแรบบิท เมื่อใดที่มีอันตรายแม้แต่เพียงเศษเสี้ยวน้อยนิด ฉันย่อมไม่มีทางยอมให้ปลดล็อกแรบบิทอย่างแน่นอน”
ชายหนุ่มมองสายตาที่หนักแน่นของเย้นหว่าน ความลำบากในจิตใจเกิดความหวั่นไหว จนในที่สุดก็เกิดการเอนเอียง
แม้จะไม่มีคำสั่งจากปากของโห้หลีเฉิน แต่ว่ามีจุดหนึ่งที่เขาไม่สงสัยเลยสักนิดเดียว เย้นหว่านคือแม่แท้ๆ ของแรบบิท ย่อมเป็นห่วงชีวิตของแรบบิทมากกว่าใครๆ
ไม่ว่าอย่างไร เธอไม่มีทางที่จะนำชีวิตของแรบบิทมาเสี่ยงเด็ดขาด
“คุณนายรอสักครู่นะครับ ผมจะเปิดกล่องเหล็ก การฟื้นจากการถูกแช่จะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง”
เย้นหว่านพยักหน้า มองกล่องเหล็กด้วยความตื่นเต้น
โห้หยูเซิงก็ตื่นเต้นด้วยเช่นกัน มือน้อยๆ กำขึ้นเป็นกำปั้นแน่น ดวงตาไม่กะพริบ
เฝ้ามาสามปี ในที่สุดแรบบิทก็จะออกมาแล้ว
ชายหนุ่มเปิดกล่องเหล็กออก ในกล่องเหล็กมีเครื่องมือต่างๆ ติดตามรอบข้าง ด้านในมีไอหมอกขาว อุณหภูมิต่ำมาก
และในกล่องมีเด็กสาวน้อยนอนแน่นิ่งอย่างเงียบๆ รูปร่างหน้าตาน่ารัก จิ้มลิ้ม ลักษณะเหมือนเด็กอายุสองขวบ
เธอนอนหลับตาด้วยขนตาที่งามงอน ราวกับตุ๊กตาหุ่นจำลอง
มือของเย้นหว่านกำแน่นขึ้น น้ำตาไหลซึมอยู่ในเบ้าตา
เธอไม่เคยถามโห้หลีเฉินเกี่ยวกับเรื่องนี้ และก็ไม่กล้าที่จะถาม
การแช่แข็ง จะหยุดการเจริญเติบโตใช่หรือไม่
ตอนนี้ความจริงประจักษ์อยู่ตรงหน้า สามปีผ่านไป แรบบิทไม่มีการเจริญเติบโต
“สามปีมานี้ การเจริญเติบโตของคุณหนูได้หยุดลง สามปีมานี้เรียกได้ว่าไม่มีอยู่จริงสำหรับคุณหนู แต่คุณนายไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมใช้แค่เทคโนโลยีเบื้องต้นเท่านั้น เมื่อคุณหนูฟื้นขึ้นมา จะไม่มีผลกระทบหรือผลข้างเคียงแต่อย่างใด เธอจะเติบโตอย่างแข็งแรงเช่นปกติ”
คำพูดนี้เหมือนกับก้อนหินก้อนมหึมาที่ทำหัวใจของเย้นหว่านหล่นตุ๊บลงไป
เธอพึมพำเบาๆ “บางทีนี่อาจจะเป็นเรื่องที่ดี เช่นนี้แรบบิทสามารถใช้ชีวิตช่วงวัยสอง สาม สี่ ห้าขวบของเธอ”
โห้หยูเซิงมองตรงไปยังกล่องด้วยแววตาปริบๆ ไม่มีความแตกต่างไปจากความทรงจำของเขา
เขายกมุมปากขึ้นเบาๆ แววตาเต็มไปด้วยความรัก ความอ่อนโยน
……
เฮลิคอปเตอร์บินตรงมาที่ลานจอดเครื่องบินของตระกูลเย้น
ประตูห้องโดยสารถูกเปิดออก เย้นหว่านจูงโห้หยูเซิงที่อายุห้าขวบ แล้วอุ้มแรบบิทที่อายุสองขวบ เดินลงมาจากเฮลิคอปเตอร์
แรบบิทอยู่ในอ้อมกอดของเย้นหว่าน ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยแสงประกาย
“แม่คะ ปาปาจะนอนอีกนานแค่ไหนคะ”
“พวกหนูก็ปลุกที่ข้างหูคุณพ่อบ่อยๆ สิ บางทีอาจจะนอนอีกไม่นานก็ได้นะ”
เย้นหว่านกล่าวอย่างอ่อนโยน ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความรัก
แรบบิทชูกำปั้นน้อยๆ ด้วยใบหน้าแน่วแน่ “หนูจะปลุกพ่อลุกจากเตียงให้ได้!”
จากนั้น ก้มหน้าไปมองโห้หยูเซิง “พี่ พี่ก็มาปลุกปาปาด้วยกันนะ”
โห้หยูเซิงเม้มปาก แล้วตอบกลับอย่างจริงจัง “จ๊ะ”
เย้นหว่านมองทั้งคู่ที่คนหนึ่งตัวเล็กอีกคนตัวใหญ่ ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มขึ้น ในใจเต็มไปด้วยความสุข
ตอนนี้ครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว เหลือเพียงรอให้โห้หลีเฉินฟื้นตื่นขึ้นมา
เขาจะฟื้นตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่นะ……
ระหว่างที่ครุ่นคิด ฝีเท้าของเย้นหว่านได้ชะงักหยุดขึ้น เธอมองไปทางชายที่ยืนอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ตรงข้ามด้วยความตะลึง
เขาสวมชุดสูทลำลอง ใบหน้านั้นหล่อเหลาราวกับเทพบุตร มุมปากของเขายกรอยยิ้มขึ้น แววตาที่ดูอบอุ่น
ทำให้คนจิตใจหวั่นไหวขึ้นในทันใด
เขาอ้าแขนสองข้างขึ้น “ที่รัก มานี่สิ”
——จบบริบูรณ์——