สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา - ตอนที่ 125 อยู่กับผมดีกว่า
มันเป็นเรื่องตลก เพราะการลำเอียงของจิ่งเหยา เรื่องนี้จึงจบลงอย่างไม่มีเหตุผล
แม้ว่าคุณนายเฟิง ยังมีเฟิงจิ้งหยวน และลู่ซือหยี่จะไม่พอใจ แต่ก็ทำได้เพียงยืนดูเฟิงจิ่งเหยาพากู้ฉางฉิงออกไป
ทั้งสองไม่ได้ออกจากงานไป เพียงแต่ไปนั่งอยู่ที่มุมหนึ่ง
"ไหนเล่าสิว่าเกิดอะไรขึ้น?"
เฟิงจิ่งเหยาที่เพิ่งนั่งลงก็ถามกู้ฉางฉิงถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
กู้ฉางฉิงไม่ได้ปกปิด เธอเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนและหลังอย่างละเอียด
"ฉันไม่ได้เอาไข่มุกนั้นมาจริง ๆ แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าไข่มุกนั้นมาอยู่ในกระเป๋าของฉันได้อย่างไร ทั้งที่กระเป๋าไม่เคยออกห่างจากมือเลย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังไปอยู่ในกระเป๋าสตางค์ใบเล็กอีก"
เฟิงจิ่งเหยาฟังแล้วขมวดคิ้วแน่น
ที่จริงแล้วในใจของเขาก็คาดเดาได้บางอย่าง
เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้นั้นทั้งแปลกและยังบังเอิญ
เพียงแต่เขายังไม่อยากจะเชื่อ และตั้งใจที่จะทำการตรวจสอบเพิ่มเติม
"เรื่องนี้ผมจะให้คนไปตรวจสอบเอง ในระหว่างนี้ คุณควรอยู่กับผมจะดีกว่า"
กู้ฉางฉิงมองไปที่แววตาอันเป็นประกายของเขา นัยน์ตาของเธอฉายแววผิดหวัง
เธอรู้ว่าเฟิงจิ่งเหยาน่าจะเดาความจริงของเรื่องนี้ได้เหมือนเธอ
แต่เขาก็ไม่เชื่อหรือไม่อยากที่จะเชื่อ
ใช่ เธอเดาออกตั้งแต่แรกว่าเรื่องนี้อาจจะเป็นแผนที่เฟิงจิ้งหยวนและพวกจัดฉากไว้ให้เธอ
สําหรับเป้าหมายของพวกเธอ ก็คงจะเป็นการใช้โอกาสนี้เพื่อขับไล่เธอออกจากบ้านตระกูลเฟิง
เพราะสิ่งที่คุณนายเฟิงแสดงออกเมื่อครู่นั้นชัดเจนมาก
ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะเฟิงจิ่งเหยามาทันเวลา เกรงว่าคุณนายเฟิงคงจะพูดออกมาอย่างไม่ไว้หน้าแล้ว
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหนื่อยใจ
เฟิงจิ่งเหยาเห็นเธอใจลอย ก็เข้าใจผิดคิดว่าเธอไม่เชื่อ และรู้สึกอึดอัดไม่สบายใจ จึงเรียกชวี่ยี่เข้ามาพบ
"ท่านประธานครับ"
ชวี่ยี่รีบเร่งเดินเข้ามา ทักทายอย่างนอบน้อม
"คุณช่วยไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดในโรงแรมทั้งหมด ดูสิว่าเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นเมื่อกี้เป็นมาอย่างไร"
"ครับ!"
ชวี่ยี่รับคำสั่งแล้วหันหลังเดินจากไป
"ทีนี้พอใจหรือยัง?"
รอจนชวี่ยี่จากไปแล้ว เฟิงจิ่งเหยาก็เลิกคิ้วขึ้นมองไปที่กู้ฉางฉิง
แม้ว่ากู้ฉางฉิงจะไม่ได้พูดอะไร แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็ดูจะจริง
อย่างไรก็ตาม ถ้าสามารถตรวจสอบให้ชัดเจนได้ก็เป็นเรื่องที่ดี เพื่อป้องกันไม่ให้มีใครถือเป็นข้ออ้างมาเล่นงานเธอในภายหลังอีก
ในขณะเดียวกัน ทางด้านเฟิงจิ้งหยวนกับคุณนายเฟิง พอฝูงชนแยกย้ายกันไป อารมณ์ทั้งคู่ก็ลุกเป็นไฟ
เพียงแต่คุณนายเฟิงนั้นเป็นแม่งานยังต้องต้อนรับรับรองแขก เธอจึงพูดเรื่องไม่ดีของกู้ฉางฉิงให้กับเฟิงจิ้งหยวนต่ออีกเล็กน้อย แล้วก็แยกตัวไปดูแลแขกเหรื่อ
พอเธอจากไป เฟิงจิ้งหยวนก็ไปหาลู่ซือหยี่
"แย่จริง ๆ นึกว่าที่นี่จะสามารถทำลายชื่อเสียงของนังแพศยากู้ฉางซินนั่นได้แล้วเชียว ใช้โอกาสนี้ให้พี่สะใภ้ไล่หล่อนออกไปจากบ้านตระกูลเฟิง คิดไม่ถึงเลยว่าจิ่งเหยาจะปกป้องหล่อนด้วยวิธีนี้!"
ลู่ซือหยี่ฟังเธอพูด ใบหน้ามืดมนลงจนแทบจะหลั่งเป็นเลือดได้
เธอก็ไม่เคยคิดเลยว่าพี่จิ่งเหยาจะปกป้องนังสารเลวกู้ฉางซินนั่นอย่างไม่มีขอบเขต
"ไม่เป็นไร ต่อให้ที่นี่เธอจะเอาตัวรอดไปได้ เราก็ยังมีโอกาสอื่นอีก ไม่เชื่อว่าพี่จิ่งเหยาจะช่วยเธอไว้ครั้งหนึ่งแล้วยังจะช่วยอีกเป็นครั้งที่สอง!"
เธอพูดอย่างกระหายเลือด ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความพยาบาท
……
กู้ฉางฉิงไม่รู้ว่าแผนการยังคงดําเนินต่อไป เธอนั่งอยู่ที่มุมห้องกับเฟิงจิ่งเหยา เพิ่งจะได้สงบลงไม่นาน ก็มีคนแวะเวียนมากล่าวทักทายอย่างต่อเนื่อง
"เฟิงจิ่งเหยา คุณไปดูแลแขกเถอะค่ะ"
หลังจากที่เพื่อนอีกคนได้เข้ามาทักทายเสร็จ กู้ฉางฉิงก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากออกมา
หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ทำให้เธอรู้สึกเหนื่อยมากและไม่ต้องการเข้าสังคม
"คุณอยู่คนเดียวผมไม่วางใจ"
เฟิงจิ่งเหยาขมวดคิ้วตอบ ทําให้กู้ฉางฉิงตะลึงงันไป ใจเต้นรัวโดยไม่รู้ตัว
"ไม่มีอะไรต้องกังวลเลย คุณไปเถอะค่ะ จะให้แขกเป็นฝ่ายเข้ามาหาอย่างเดียวก็คงไม่ดี อีกอย่างฉันก็อยากจะไปพักผ่อนที่เลานจ์สักหน่อย รู้สึกเพลียเล็กน้อยน่ะค่ะ"
เมื่อพูดจบ เธอก็กำปั้นทุบเอวทำราวกับเหนื่อย
เฟิงจิ่งเหยามองเธออยู่นาน ก่อนจะพยักหน้า
"ก็ได้ คุณไปเถอะ ถ้ามีอะไรก็ให้รีบติดต่อผม"
เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม กู้ฉางฉิงโบกมือ แล้วลุกขึ้นเดินจากไป
เมื่อเธอจากไปแล้ว เฟิงจิ่งเหยาก็เข้าไปในงาน
มู่เฉาเกอเห็นเขาแต่ไกล เห็นว่าเขาอยู่คนเดียว ก็ถือแก้วเหล้า
เดินเข้าไป
"คุณกู้ล่ะ?"
"เธอเพลียนิดหน่อย ไปพักที่ห้องรับรองแล้ว"
เฟิงจิ่งเหยาตอบเสียงเรียบ
มู่เฉาเกอฟังแล้วก็ยกมุมปากขึ้นพูดหยอกล้อว่า "พูดจริง ๆ นะ ไม่ค่อยเห็นคุณออกหน้าเพื่อใคร เธอ……พิเศษสำหรับคุณใช่ไหม?"
เฟิงจิ่งเหยาได้ยินดังนั้นก็หลุบตาลงมองเธอแวบหนึ่ง
แต่แทนที่จะตอบคำถามของเธอ เขากลับเพียงจิบไวน์และพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า "เธอไม่ใช่คนแบบนั้น"
มู่เฉาเกอเห็นเขาหลีกเลี่ยงไม่ตอบ เธอก็ไม่ได้ซักไซ้ต่อ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า "เรื่องนี้ฉันเชื่อค่ะ เพราะคุณกู้ก็ถูกเลี้ยงดูตามใจมาตั้งแต่เด็ก มีของดีอะไรที่เธอยังไม่เคยเห็นอีก ต่อให้จะชอบของสิ่งนั้นมากแค่ไหน ก็คงจะไม่หยิบเอาไปดื้อ ๆ"
เฟิงจิ่งเหยาพยักหน้าราวกับเห็นด้วยกับสิ่งที่เธอพูด แต่สายตาไม่ได้มองที่เธอ แต่กลับมองไปที่สถานที่ที่กู้ฉางฉิงจากไปด้วยสีหน้าที่คาดเดาไม่ได้ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ในใจ
มู่เฉาเกอสังเกตเห็นความเหม่อลอยของเขา เมื่อมองตามสายตาของเขา แววตาก็ส่องประกาย
ด้านกู้ฉางฉิงที่จากไป
ขณะที่เธอกําลังจะพักผ่อนนั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
ก่อนที่เธอจะถามว่าเป็นใคร ก็มีบทสนทนาดังขึ้นที่นอกประตู
"ประธานกู้ มาหาคุณกู้เหรอครับ?"
"ใช่ครับ ก็เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ ผมกลัวว่าเด็กคนนี้จะรู้สึกไม่สบายใจ เป็นห่วงก็เลยมาดูสักหน่อย"
"โอเค ถ้าเช่นนั้นผมก็ไม่ถ่วงตัวคุณไว้แล้ว"
บทสนทนาจบลงเพียงเท่านี้ กู้ฉางฉิงเองก็รู้แล้วว่าคนข้างนอกนั่นคือใคร
ขณะที่เธอกําลังจะไม่สนใจ เสียงเคาะประตูของกู้หงเซินก็ดังขึ้นอีก
"ฉางซิน นี่พ่อเอง พ่อรู้ว่าลูกอยู่ข้างใน เปิดประตูให้พ่อหน่อยดีไหม?"
แม้คำพูดของเขาจะดูอ่อนโยน แต่กู้ฉางฉิงก็ฟังออกว่ามันแฝงด้วยคําข่ม
เธอไม่มีทางเลือกนอกจากเปิดประตูให้เขาเข้ามา
"คุณหาฉัน……"
ก่อนที่เธอจะพูดจบ กู้หงเซินก็ตัดบทขึ้นมาเสียก่อน
"ช่างน่าอับอาย ไม่เคยเห็นโลกมาก่อนหรือไง? ของที่อยู่ที่นี่นึกจะหยิบเอาตามใจชอบก็ได้อย่างนั้นเหรอ?"
หากไม่ใช่เพราะการตบคนนั้นจะทิ้งร่องรอยไว้ ในเวลานี้เขาอยากจะตบหน้ายัยสมองตื้นคนนี้สักสองสามที
"คุณหมายความว่าอย่างไร? คุณสงสัยฉันเหรอ?"
ใบหน้าของกู้ฉางฉิงเย็นชาลงทันทีหลังจากได้ฟังคำพูดเขา "ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้ขโมย คุณไม่เชื่อฉันงั้นเหรอ?"
กู้หงเซินแค่นเสียงเย็นชา "จะขโมยหรือไม่แกรู้ดีอยู่แก่ใจ ฉันขอเตือนเอาไว้ หากแกยังกล้าทําเรื่องเช่นนี้อีก ทําลายชื่อเสียงของฉางซินล่ะก็ ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่!"
เมื่อพูดจบ เขาก็ไม่สนใจว่าสีหน้าของกู้ฉางฉิงจะดูแย่แค่ไหน เขาสะบัดแขนเสื้อแล้วเดินออกไป!
กู้ฉางฉิงมองตามแผ่นหลังที่เดินจากไปของเขาก็โกรธจนตัวสั่น มือไม้สั่นไปหมด
ความคับแค้นอันไม่มีที่สิ้นสุดแผ่ซ่านไปทั่วก้นบึ้งของหัวใจ ใจของเธอเต็มไปด้วยความเย็นชา