“พี่จิ้น ดูสิสวยไหม?”
ร้านชุดแต่งงาน โจ๋เซวียนสวมชุดแต่งงานยืนอยู่ตรงหน้ายวี่จิ้นเหวิน จ้องเขาและยิ้ม ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสุข ความสุขที่จะได้เป็นเจ้าสาว
หน้าขาวซีดก็กลายเป็นอมชมพูมีประกาย
เพื่อเอาใจแม่สามี โจ๋เซวียนเปลี่ยนทรงผมจากผมลอนเป็นยืดตรง ยาวพาดไว้ข้างหลังเธอ ชั่วขณะหนึ่ง ยวี่จิ้นเหวินก็เห็นภาพของหนานซ่งปรากฏขึ้นอย่างงุนงง
ผู้หญิงคนนั้น ช่วงเวลาแรกที่อยู่กับเขา เธอยิ้มแย้มทุกวัน ต่อมาถูกเขาไม่แยแสเป็นเวลานาน ทำให้รอยยิ้มของเธอน้อยลงเรื่อยๆ
ความคิดของยวี่จิ้นเหวินค่อยๆผุดขึ้น สิ่งต่างๆที่เขาไม่เคยคิดมาก่อนก็ค่อยๆเอ่อล้นออกมา นึกขึ้นว่าการแต่งงานครั้งก่อนของเขาไม่ได้จัดงานแต่ง
ภรรยาที่มาจากการสุ่มเลือก ยวี่จิ้นเหวินมองเธอเป็นเพียงของประดับ ไม่ต้องพูดถึงจัดงานแต่งงาน เขาไม่ได้ไปจดทะเบียนสมรสด้วยซ้ำ ตอนนั้นทั้งร่างกายของเขานอนแนบนิ่งบนเตียง ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมลู่หนานซ่งถึงแต่งงานกับเขา เพราะเงิน หรือเพราะว่าอยากอยู่ในฐานะคุณนายยวี่?
“พี่จิ้น…”
โจ๋เซวียนเห็นผู้ชายนึ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ยกชายกระโปรงชุดเจ้าสาวขึ้น เดินไปตรงหน้าเขา เรียกเขาอีกครั้ง และถามว่า “สวยไหม?”
ยวี่จิ้นเหวินได้สติ กระตุกมุมปากของเขาเบาๆ "สวย"
โจ๋เซวียนยิ้มด้วยความพึงพอใจ จับเอวของเธอและพูดกับนักออกแบบที่อยู่ด้านข้าง: “ตรงนี้ยังมีไขมันอยู่เลย ไม่เห็นรูปร่างเอวของฉัน แก้ได้ไหม?”
นักออกแบบกล่าวว่า: “ขออภัยด้วยนะคะ ชุดแต่งงานของร้านเราต้องสั่งตัดล่วงหน้าสามเดือน และชุดนี้ก็ไม่ใช่ขนาดของคุณ เพราะว่าตอนนั้นคุณซื้อมันมาจากลูกค้าท่านอื่น รูปร่างของคุณอวบกว่าเธอเล็กน้อย…ถ้าอยากแก้ก็แก้ได้ แต่ฉันเกรงว่าจะไม่ทันงานวิวาห์ของคุณ…"
เมื่อโจ๋เซวียนได้ยินเช่นนี้ สีหน้าบึ้งทันที “พูดแบบนี้ ปัญหาอยู่ที่ฉันงั้นเหรอ?”
“ไม่ ไม่ คุณเข้าใจผิดแล้ว…”
นักออกแบบตกตะลึง เมื่อกี้ยังเป็นคุณนายที่อ่อนโยน ทำไมจู่ๆถึงเปลี่ยนไป นักออกแบบตัวเล็กๆอย่างเธอจึงรีบขอโทษคุณนายผู้สูงส่ง
โจ๋เซวียนยังคงไม่พอใจ ยวี่จิ้นเหวินพูดขึ้นอย่างใจเย็นว่า "ถ้าชุดนี้ใส่ไม่ได้ก็เปลี่ยนชุดอื่น เลือกชุดที่มันพอดีกับตัว”
นักออกแบบรีบพูด: “ยังมีอีกหนึ่งชุดที่ขนาดพอดีกับคุณหนูโจ๋…”
“ฉันเห็นแล้ว ฉันไม่ชอบชุดนั้น มันเชยมาก”
โจ๋เซวียนปฏิเสธข้อเสนอของนักออกแบบอย่างเย็นชา จากนั้นจ้องไปที่ตาของเธอ "อีกอย่าง อย่าเรียกฉันว่าคุณหนูโจ๋ เรียกฉันว่าคุณนายยวี่”
"…" นักออกแบบตะลึงไปครู่หนึ่ง
บรรยากาศเคร่งขรึมอย่างกะทันหัน
ยวี่จิ้นเหวินขมวดคิ้วและพูดว่า : "เธอลงไปก่อน เดี๋ยวพวกเราขอดูอีกที"
นักออกแบบไม่รอช้า รีบเก็บชุดที่ลองแล้วออกไปพร้อมบ่นกับเพื่อนร่วมงาน: “คุณคนนี้ผิดปกติหรือเปล่า? เรื่องมากขนาดนี้แถมยังอวดดี ดูก็รู้ว่าเป็นเมียน้อยมาก่อน!”
เสียงพูดไม่ได้ดังมาก แต่โจ๋เซวียนและยวี่จิ้นเหวินก็ได้ยินอย่างชัดเจน
สีหน้าของโจ๋เซวียนเต็มไปด้วยความโกรธ "แกพูดว่าอะไรนะ ใครเป็นเมียน้อย พูดให้มันดีๆหน่อย!"
เธอพยายามดึงนักออกแบบกลับมาด้วยความโมโห แต่ยวี่จิ้นเหวินห้ามเธอไว้ "พอแล้ว ร่างกายของเธอไม่แข็งแรง อย่าไปมีเรื่องกับเธอเลย"
“มันจะมาพูดแบบนั้นกับฉันได้ยังไง? ฉันจะเป็นเมียน้อยได้ยังไง ฉันรู้จักพี่ก่อน ลู่หนานซ่งต่างหากที่เป็นเมียน้อย!”
โจ๋เซวียนไม่พอใจที่ถูกกล่าวหา เธอปิดหน้าและร้องไห้ ดึงเสื้อของยวี่จิ้นเหวิน "ฉันไม่สน พี่จิ้นต้องไล่นักออกแบบคนนั้นออกไปจากเมืองเป่ย ฉันไม่อยากเห็นหน้ามันอีก!”
ยวี่จิ้นเหวินรู้สึกไม่จำเป็น แต่เมื่อเห็นแก้มของโจ๋เซวียนแดงก่ำด้วยความโกรธ กลัวว่าจะกระทบต่อร่างกายของเธอ เขาจึงทำได้แค่เกลี้ยกล่อม: “โอเค ตามใจเธอ”
โจ๋เซวียนได้ใจ ได้คืบจะเอาศอก "จากนั้นพี่ต้องบอกให้ทุกคนรู้ว่าฉันคือรักแรกและเป็นรักแท้ ลู่หนานซ่งเป็นเพียงคนที่เดินผ่านมา เธอเป็นมือที่สามระหว่างเรา!”
ยวี่จิ้นเหวินขมวดคิ้ว หลี่จื้อบอกเขาว่าเขาควรเชื่อฟังคำพูดของผู้หญิงที่เขารัก
แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง การได้ยินชื่อนั้น คำพูดนั้น มันทำให้รู้สึกไม่สบายใจ
…
หนานซ่งปฏิเสธคำชวนของไป๋ชี เธออยากพักผ่อนอยู่บ้าน
การนอนครั้งนี้คงจะหลับไม่สนิท
เธอคาดเดาได้อย่างแม่นยำ ไม่นานหลังจากที่เธอนอนอยู่บนเตียงก็มีเสียงดนตรีดังขึ้น
หนานซ่งขมวดคิ้ว และเกือบลืมไปว่าฉนวนกันเสียงที่บ้านไม่ดี เธอเคยบ่นกับพ่อแม่นับครั้งไม่ถ้วน แต่พวกเขาก็ปฏิเสธเธอด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย
ทุกคนในระแวกสวนกุหลาบรู้ดี คุณหนูใหญ่จะนอนหลับสนิทได้ ต้องห้ามมีเสียงการเคลื่อนไหวใดๆ
ดูเหมือนว่าหลังจากที่เธอไม่อยู่มาสามปี เธอต้องตั้งกฎใหม่
หนานหยาถูกหนานซ่งบังคับให้ออกจากห้องนอน ย้ายไปนอนห้องรับแขก มองดูห้องที่ทรุดโทรมและแออัด เธอรู้สึกโกรธมาก แต่เมื่อเห็นกระเป๋าของตัวเองที่ฉีกขาดก็ยิ่งโกรธ!
ทำไมเธอต้องมานอนในห้องแบบนี้ แต่หนานซ่งกลับได้ครอบครองห้องของเธอและนอนอย่างสบาย?
ไม่ยอมให้เธอนอนอย่างสบายใจหรอก! เปิดเสียงรบกวนดังๆ!
“บูมชาคาลาคา บูมชาคาลาคา…”
หนานหยาเปิดลำโพงให้ดังที่สุด ยืนบนเตียงเต้นส่ายหัวไปมา ทำบ้านให้กลายเป็นผับ ถือไมโครโฟนในมือข้างหนึ่ง อีกมือหนึ่งชูขึ้น สนุกสนานกับตัวเอง “ทุกคน โย่ว– พัฟ!"
เมื่อประตูเปิดออก ถังน้ำเย็นจัดก็เทใส่เธอ
MANGA DISCUSSION