สวาทร้ายเมียนอกหัวใจ ชุด วิวาห์ไร้รัก - ตอนที่ 54
สามเดือนต่อมา แมทธิวกับมัทนาเดินทางมาฮันนีมูนไกลถึงประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นความฝันของมัทนาที่อยากจะนอนเกลือกกลิ้งบนทุ่งหญ้ากว้างขวางสีเขียวขจีสักครั้งหนึ่งในชีวิต ร่างอรชรทรุดนั่งใต้ต้นไม้และเฝ้ามองฝูงวัวแทะเล็มต้นหญ้าสีเขียวหลังจากสามีตัวโตปูเสื่อให้แล้ว
แมทธิวทรุดลงนั่งข้างๆ ก่อนจะเอนกายลงนอนหนุนตักภรรยาและเฝ้ามองใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มของเจ้าหล่อน
“มัทชอบที่นี่หรือครับ”
“ค่ะ ชอบมากที่สุด”
หญิงสาวยิ่งฉีกยิ้มกว้างมากขึ้น
“ทุ่งหญ้าสีเขียวตัดกับท้องฟ้าสดใส แถมด้านหลังของพวกเรายังเป็นทิวเขาสูงเสียดฟ้า ถ้าที่นี่ไม่เรียกว่าสวรรค์ ก็คงไม่มีที่ไหนในโลกใกล้เคียงกับคำว่าสวรรค์แล้วล่ะค่ะ”
“แล้วมัทอยากย้ายมาอยู่ที่นี่ไหมครับ”
“คะ?”
คนตัวเล็กที่กำลังมองไปรอบๆ ตัวต้องรีบลดสายตาลงมองใบหน้าหล่อเหลาของสามีทันที ซึ่งก็เห็นเขากำลังมองหล่อนอยู่พอดี เขามองด้วยความรักและใบหน้าก็เกลื่อนไปด้วยรอยยิ้ม
“ถ้ามัทชอบที่นี่ ผมก็ยินดีจะย้ายตัวเองมาทำงานที่นี่ แล้วพามัทมาอยู่ด้วยไงล่ะครับ”
มัทนายิ้มทั้งน้ำตา มองสามีสุดหล่อด้วยความรักสุดหัวใจ
“ขอบคุณมากนะคะแมทธิว แต่อย่าทำเพื่อมัทขนาดนั้นเลยค่ะ งานของคุณอยู่ที่เมืองไทย เราก็ควรอยู่ที่นั่น…”
“แต่คุณชอบที่นี่ ผมก็แค่อยากให้คุณได้อยู่ในที่ที่คุณชอบ…”
คนตัวโตขยับลุกขึ้นนั่ง แล้วจ้องลึกเข้าไปในดวงตาหวานฉ่ำของภรรยา
“เมียของผมจะได้มีความสุขที่สุดไงครับ”
“แมทธิวคะ…ที่ไหนมีคุณ มัทก็จะมีความสุขค่ะ”
“จริงอะ”
“จริงสิคะ มัทรักคุณมากนะคะ”
ชายหนุ่มระบายยิ้มกว้าง ดวงตาแพรวพราว
“งั้นจูบผมหน่อย”
มัทนาหน้าแดงก่ำ แต่ก็ยอมทำในสิ่งที่สามีต้องการแต่โดยดี
“จูบแล้วค่ะ”
“ยังไม่พอครับ”
“คะ?”
แล้วเสียงทั้งหมดของหล่อนก็ถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอแกร่งเมื่อแมทธิวเป็นฝ่ายรุกจูบเสียเอง เขาบดขยี้ปากลงมาอย่างร้อนแรงหิวกระหาย เนิ่นนานทีเดียวกว่าปากของหล่อนจะเป็นอิสระ เขาอมยิ้มและเอ่ยเสียงแหบพร่า เต็มไปด้วยอารมณ์ปรารถนา
“นี่เราไม่ได้จูบกันนานแค่ไหนแล้วนะมัท…”
หล่อนแก้มแดงไม่หยุด ก้มหน้าหลบสายตา แล้วอ้อมแอ้มตอบออกไป
“ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเลยค่ะแมทธิว”
“ว้า…นี่ผมไม่ได้จูบคุณนานขนาดนั้นได้ยังไงกันนะ”
“อุ๊ย…แมทธิว คุณจะทำอะไรคะ”
แมทธิวล้มตัวลงนอนบนเสื่อแล้วยกร่างของหล่อนให้ขึ้นมาคร่อมทับเอาไว้ ทำเอาหล่อนร้อนฉ่าไปทั้งตัว
“ผมอยากเป็นม้า”
“แมทธิวน่ะ…ที่นี่มันไม่ใช่ห้องนอนนะคะ”
หล่อนพ้อด้วยความขัดเขิน มองไปรอบๆ อย่างวิตกกังวล แต่คนตัวโตดูจะไม่สนใจอะไรเลย
“ทูนหัว…ไม่มีใครเดินมาทางนี้หรอก เชื่อผม”
“แต่ว่า…”
“ผมอยากเป็นม้า…ควบผมนะเมียจ๋า…”
หล่อนหวาดระแวง แต่ก็แพ้ลูกอ้อนของสามีจนได้ ในที่สุดก็ต้องพยักหน้ารับน้อยๆ
“มัทน่ารักที่สุดเลย…”
เขายิ้มกว้างกว่าเดิม และก็ยิ่งหล่อมากมายเหลือเกินเวลาที่เขาผ่อนคลายแบบนี้
มัทนามองแมทธิวด้วยความรักสุดหัวใจ
“เพราะมัทรักคุณมากนะคะ มัทถึงยอม…”
แล้วพ่อคนที่ยิ้มแป้นหน้าบานก็รีบรูดซิปกางเกงปลดปล่อยอะไรบางอย่างที่ใหญ่กว่าข้อมือของหล่อนออกมา แก้มสาวร้อนฉ่า แต่ไม่ใช่แค่ที่แก้มเท่านั้น เพราะหล่อนร้อนจัดไปทั้งตัว
“คุณน่ะ ลามกเสมอต้นเสมอปลายเลยนะคะแมทธิว”
มือเล็กยื่นไปกุมความแข็งแกร่งสมชายชาตรีเอาไว้ คนตัวโตถึงกับครางกระเส่าด้วยความกระสันเสียวทันที
“แค่กับคุณทูนหัว…โอ้ว…ขยับมือที่รัก…โอ้ว…”
หล่อนจัดให้เขาตามคำขอ และเมื่อเห็นว่าเขาจะระเบิดออกมารอมร่อ จึงจัดการรูดกางเกงชั้นในของตัวเองออกไป แล้วกดสะโพกอวบลงไปหาทีละนิดจนสามารถครอบครองเขาเอาไว้ทั้งหมด
“โอ้ว…มัทจ๋า…แน่นเหลือเกิน” มือใหญ่ขยำแก้มก้นแรงๆ ก่อนจะตีแรงๆ อย่างหมั่นไส้
“อา…อา…แมทธิว…อา…”
ความขัดเขินเอียงอายถูกความรัญจวนซาบซ่านขจัดจนหายไปหมดสิ้น ตอนนี้เหลือไว้เพียงความปรารถนา และความต้องการที่จะควบขี่ม้าหนุ่มแสนพยศใต้ร่างให้ยอมศิโรราบ
หญิงสาวกดสะโพกลงบนความแข็งชันครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างเมามัน เสียงครวญครางที่เต็มไปด้วยความกระสันของแมทธิวยิ่งผลักดันให้มัทนาฮึกเหิมรุนแรงขึ้น
“มัทจ๋า…โยกเก่งเหลือเกิน มัท…โอ้ว…โอ้ว…”
ใบหน้าหล่อจัดของแมทธิวบิดเบี้ยวเหยเกด้วยความกระสันรุนแรง ขณะเด้งหน้าขาขึ้นหาสะโพกอวบที่กดแนบลงมา เพื่อให้สามารถสอดประสานกันอย่างแนบแน่นล้ำลึก
“โอ้ว…มัท…ผมจะไม่ไหวแล้ว…โอ้ว…”
เขาครวญคราง ยกศีรษะขึ้นดูดอมยอดทรวงที่กระเพื่อมอยู่ตรงหน้าแรงๆ ขณะที่มือใหญ่รวบเอวคอดเอาไว้ และกระชากเข้าหาสุดพลัง ปลดปล่อยให้แม่จ๊อกกี้สาวได้ควบคุมตามแรงอารมณ์ เฝ้ามองหล่อนยามสุขสมอยู่บนร่างอย่างลุ่มหลง ก่อนจะจับร่างอวบอัดพลิกลงนอนคว่ำกับเสื่อ และเปลี่ยนถ่ายอำนาจสวาทมาสู่อุ้งมือตัวเองอีกครั้ง เขาอัดกระหน่ำเข้าใส่จากทางด้านหลัง มือใหญ่กระชากเอวคอดให้เด้งเข้าหาสุดแรง ครั้งแล้วครั้งเล่า
“อา…อา…แมทธิว…อา…”
ไม่ช้าร่างอรชรก็สั่นเกร็งไปทั้งร่าง บอกให้รู้ว่าสุขสมอย่างแรงกล้า แมทธิวกัดฟัน พยายามจะรั้งตัวเองเอาไว้ แต่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน ความคับแน่นและความฟิตของร่องสาวก็ทำให้เขาพ่ายแพ้ราบคาบเหมือนเช่นทุกครั้ง
“โอ้ว…โอ้ว…มัท…บีบรัดดีเหลือเกิน โอ้ว…”
เขาแตกระส่ำเข้าใส่ร่างอวบอัดของเมียรักครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างรุนแรง และเต็มไปด้วยความสุขสม
สองร่างล้มลงนอนราบกับเสื่อและกอดก่ายกันเอาไว้แนบแน่น แมทธิวจูบซอกคอระหงอย่างแสนรัก
“ผมรักคุณนะ มัทนา…รักเหลือเกิน…”
“มัทก็รักคุณค่ะ แมทธิว…”
มัทนาบอกสามีหนุ่มทั้งน้ำตา กอดรัดเขาเอาไว้แน่น กำลังจะซุกหน้าเข้ากับแผงอกกว้าง แต่เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นเสียก่อน
“เอ่อ…มัทลืมปิดเสียงน่ะค่ะ”
หล่อนทำหน้าสำนึกผิด เพราะจำที่ตกลงกับแมทธิวเอาไว้ได้ ว่าจะไม่รับโทรศัพท์ของใครทั้งนั้นในช่วงเวลาที่ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ด้วยกันที่นี่
“รับเถอะ ไหนๆ เขาก็โทรมาขัดจังหวะเราแล้ว” แมทธิวหัวเราะขบขันพลางมองภรรยาตาไม่กะพริบ เพราะทรวงอกขาวเนียนยังเปลือยเปล่า ล่อสายตาและปลายลิ้นอยู่
“นัตตี้…มีอะไรกับฉันเหรอ” มัทนากรอกเสียงไปตามสายเมื่อเห็นว่าเบอร์ใครโทรเข้ามา
“แก…ฉันมีข่าวดีจะบอกแกน่ะ” เสียงตื่นเต้นของดลกรที่ดังมาเข้าหู ทำให้มัทนาอดอยากรู้ด้วยไม่ได้
“มีอะไรเหรอนัตตี้ อย่าบอกนะว่าแกได้ผู้ใหม่แล้ว”
“บ้าน่ะสิ ฉันยังไม่มีผู้ใหม่เลย แต่…ฉันได้งานแล้ว”
“จริงเหรอ งานอะไรนัตตี้”
คนถามก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน
“งานคอสตูมไงแก…งานที่ฉันใฝ่ฝันยังไงล่ะ”
มัทนายิ้มเจื่อนๆ ก่อนจะถามเพื่อนออกไปอีกครั้ง
“แกแน่ใจนะว่าแกจะรับงานนี้น่ะ”
“แน่ใจมากเลยแก…ฉันไม่เคยมั่นใจอะไรเท่านี้มาก่อนนะ รับรองว่าละครที่ฉันเป็นคอสตูมให้เนี่ยจะต้องดังเป็นพลุแตกแน่ๆ ผู้คนจะต้องกล่าวขานถึงเสื้อผ้านักแสดงสวยๆ ที่ฉันเป็นคนจัดการให้…” เสียงของดลกรเต็มไปด้วยความเพ้อฝัน
“แก…แกไปเป็นคอสตูมให้กองละครเรื่องอะไร” น้ำเสียงของมัทนาเต็มไปด้วยความหวั่นใจ
“มนตร์รักลูกทุ่งไงแก เห็นไหมงานถนัดฉันเลย ลายดอกกำลังมา ฉันบอกแกแล้ว จำได้ไหม”
มัทนาแทบจะกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่ “ใช่…ฉันจำได้ว่าลายดอกกำลังมา…”
“ก็ใช่น่ะสิ เออ นี่แก…ฉันจะบอกอะไรแกให้นะ นอกจากตอนนี้ลายดอกกำลังมาแรงแซงทางโค้งแล้ว เสื้อคอบัวก็กำลังกลับมาฮิตนะแก สนใจไหม เดี๋ยวฉันจะรับอาสาเป็นคนช่วยแกแต่งตัว ตอนที่แกต้องตามคุณแมทธิวสุดหล่อออกงานเลี้ยงน่ะ”
“เอ่อ ไม่ดีรบกวนแกดีกว่านัตตี้…ฉันขอให้แกรุ่งเรืองๆ นะ ขอให้ละครโด่งดังมาก…”
“แหม แกไม่ต้องเกรงใจฉันหรอก ฉันยินดีทำให้แกฟรีๆ เลย เอานะ อย่าขัดความตั้งใจของฉันสิ”
“แต่ว่า…”
“เอาเป็นว่าแกตกลงแล้วก็แล้วกันนะ งั้นแค่นี้แหละ ฉันไม่กวนเวลา สวีตของแกกับคุณแมทธิวสุดหล่อแล้วล่ะ บายจ้ะ แล้วเจอกันที่เมืองไทยนะเพื่อนเลิฟ จ๊วบบบ”
แล้วดลกรก็วางสายไปทันที ทิ้งให้มัทนานั่งหน้าเจื่อนโดยมีโทรศัพท์แนบหูอยู่เช่นเดิม
“นัตตี้มีอะไรหรือครับ ทำไมคุณถึงได้ทำหน้าเหมือนกินยาขมแบบนั้นล่ะ”
มัทนาวางโทรศัพท์ลงที่เดิม ก่อนจะขยับกลับมาล้มตัวนอนเคียงข้างสามีตัวโตอีกครั้ง จากนั้นก็ช้อนตาขึ้นมองเขาตาปรอยๆ
“คุณจำชุดลายดอกที่มัทใส่เมื่อก่อนได้ไหมคะ ที่คุณไล่ให้มัทไป ตามหาพี่คล้าวน่ะค่ะ”
แมทธิวที่อมยิ้มบางๆ อยู่หลุดหัวเราะก๊ากออกมา “อ๋อ จำได้สิครับ มันติดตาผมมาก จนตอนนี้เวลาคิดย้อนไปถึงทีไร ผมก็อดหัวเราะไม่ได้สักที นี่ผมว่าจะถามนานแล้วว่าทำไมกล้าใส่ชุดนั้นออกมาจากบ้านล่ะ จิ้งจกไม่ทักบ้างเหรอครับ”
หญิงสาวทำหน้ามุ่ย ก่อนจะบอกออกมาเสียงอ่อย “จิ้งจกทักตั้งหลายตัวเลยค่ะ แต่นัตตี้น่ะสิบอกว่าสวย ใส่แล้วคนมองทั้งตลาดแน่ๆ มัทก็เลยใส่ออกมา”
แมทธิวหัวเราะขบขัน
“แล้วนี่ที่โทรมาเรื่องอะไรล่ะครับ”
“นัตตี้โทรมาบอกว่าได้งานเป็นคอสตูมให้ค่ายละครค่ายหนึ่งค่ะ”
“ก็ดีแล้วนี่ครับ นัตตี้จะได้มีงานทำเสียที”
“มันก็ดีหรอกค่ะ ถ้านัตตี้ไม่บอกว่าจะมาเป็นคนดูแลเสื้อผ้าให้มัทตอนที่ต้องออกงานเลี้ยงกับคุณน่ะค่ะ”
คนที่หัวเราะอยู่ชะงักกึก ก่อนจะรีบผุดลุกขึ้นนั่งและส่ายหัวดิกเลยทีเดียว
“ไม่เอานะมัท…ลายดอกต้องไม่มีนะครับ”
“ลายดอกอาจจะไม่มีค่ะ แต่จะมีเสื้อคอบัวมาแทน…”
สองสามีภรรยามองหน้ากัน ก่อนจะถอนหายใจออกมาแรงๆ อย่างพร้อมเพรียง
“ผมว่าเราควรจะลืมเรื่องนัตตี้ไปก่อน ไม่งั้นน้ำผึ้งพระจันทร์ของเราต้องขมแน่ๆ ทูนหัว…”
มัทนาพยักหน้ารับน้อยๆ ก่อนจะระบายยิ้มหวาน
“มัทก็เห็นด้วยค่ะ”
“งั้น…”
คนตัวโตผลักหล่อนนอนหงาย และคร่อมทับลงมาหาทันควัน
“อุ๊ย…แมทธิว…”
“มาต่อกันเถอะ ผมมีแรงโยกแล้วทูนหัว…”
“แต่เรา…เพิ่งทำกันไปเองนะคะ”
สองมือเล็กดันแผงอกกว้างเอาไว้ แก้มนวลแดงก่ำ
“ยังไม่อิ่มอีกเหรอคะ…”
“กับมัท…ผมไม่เคยอิ่ม”
ปากร้อนจัดแนบนาบลงมาบนหน้าผากมน
“ขอผมอีกครั้งนะทูนหัว”
หล่อนมองเขาด้วยรอยยิ้ม ยิ้มทั้งดวงตาและหัวใจ ก่อนจะพยักหน้าน้อยๆ
“ค่ะ…กี่ครั้งก็ได้ค่ะ”
แล้วการเสพสมร้อนฉ่าก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ประดุจดั่งดอกไม้งามยามได้รับหยาดพิรุณโปรยจนแย้มกลีบเบ่งบาน หัวใจสองดวงเกี่ยวกระหวัดรัดรึง แนบแน่นชั่วนิจนิรันดร์
อวสาน