สวาทร้ายเมียนอกหัวใจ ชุด วิวาห์ไร้รัก - ตอนที่ 26
มัทนาเดินหน้าเศร้ากลับมายังห้องพัก ระหว่างก่อนจะถึงห้องก็เดินสวนกับแมทธิวเข้าพอดี
“ไหนว่าจะออกไปเที่ยวไงล่ะ”
หล่อนทักทายเขา แต่เขากลับไม่แม้แต่จะปรายตามองหล่อน สองแก้มนวลร้อนฉ่าด้วยความอับอายระคนอดสู
“ไอ้คนบ้า เกิดเป็นใบ้ขึ้นมากะทันหันหรือไง”
หล่อนเดินตามไปทุบแผ่นหลังกว้างของแมทธิวอย่างโมโห จนกระทั่งเขาหมุนตัวกลับมาและรวบข้อมือของหล่อนเอาไว้
“ไปให้พ้น! อย่ามายุ่งกับฉัน”
น้ำเสียงและแววตาของชายหนุ่มดุดันจนหล่อนตกใจ “ผีเข้าหรือไง ทำไมจะต้องทำหน้าตาดุดันขนาดนั้นด้วย”
“ก็ใครจะไปมีความสุขเท่าเธอล่ะ”
“นี่นายพูดอะไรของนาย”
“หลีกไป”
เขาไม่ต่อความยาวสาวความยืดกับหล่อนอีก ผลักหล่อนจนกระเด็นและเดินผ่านไปอย่างไม่ไยดี
หล่อนน้ำตาซึม มองตามร่างสูงใหญ่ไปจนลับตาอย่างโมโห “ไอ้คนบ้า คนป่าเถื่อน!”
บ้าจริง ทำไมความเย็นชาของแมทธิวถึงได้มีผลต่อหัวใจของหล่อนมากกว่าคำปฏิเสธของเมสันนะ
หญิงสาวยกหลังมือขึ้นป้ายน้ำตาทิ้ง ก่อนจะเดินคอตกกลับไปยังห้องพักของตัวเอง
“พ่อ…พ่อมาได้ยังไงคะ”
พอเปิดประตูห้องเข้ามาก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นบิดานั่งรออยู่
“ข้าก็มาลุ้นผลงานของแกยังไงล่ะ ว่าไงสำเร็จไหม”
คำถามของบิดาทำให้หล่อนเต็มไปด้วยความวิตกกังวล แต่ก็จำต้องพูดออกมา
“ไม่สำเร็จจ้ะพ่อ พี่ไมค์…ไม่รับรักมัท”
“โธ่…ว่าแล้วเชียว แล้วนี่จะทำยังไงดี” มนตรียกมือขึ้นปิดหน้าคร่ำครวญอย่างผิดหวัง
“เรากลับไปตั้งหลักที่กรุงเทพฯ ก่อนเถอะพ่อ แล้วค่อยคิดหาทางออกใหม่”
“ไม่ได้…เวลามันกระชั้นเข้ามาทุกทีแล้ว รอต่อไปไม่ได้อีกแล้ว แกต้องทำตามที่ข้าบอก”
“แล้วพ่อจะทำยังไงคะ”
มนตรีนิ่งเงียบไม่ตอบ แต่กอดกระเป๋าผ้าของตัวเองเอาไว้แน่น ดวงตามีความหวังเต็มเปี่ยม
เช้าวันถัดมา หล่อนพยายามพูดโน้มน้าวให้บิดากลับกรุงเทพฯ พร้อมกัน เพราะอยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว เมสันบอกชัดเจนว่ามองหล่อนเป็นเพียงแค่น้องสาว
“ข้าก็บอกแกตั้งแต่เมื่อคืนแล้วไงว่ายังกลับไปไม่ได้ เราต้องสู้ต่อไป”
“แต่มันไม่มีประโยชน์แล้วล่ะพ่อ พี่ไมค์เอ็นดูมัทเหมือนน้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น ต่อให้มัทไปสารภาพรักกับพี่ไมค์อีกครั้ง คำตอบของพี่ไมค์ก็คงไม่เปลี่ยนแปลงหรอก”
“ไม่จำเป็นต้องไปสารภาพรักแล้วล่ะ เพราะเราต้องรุกแทน”
“รุก?”
“ใช่”
ดวงตาของมนตรีเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและคาดหวังเต็มเปี่ยม
“พ่อจะรุกยังไงคะ หรือว่าให้มัทไปตามตอแยพี่ไมค์อีก”
“แกจะไปไหนก็ไปเถอะ แต่หกโมงเย็นต้องมาเจอกับข้าที่ห้องนี้ โอเคไหม”
เมื่อคืนพ่อของหล่อนพักกับหล่อนในห้องนี้ “ได้ค่ะพ่อ แต่บอกหน่อยได้ไหมว่าพ่อคิดจะทำอะไร”
“ไม่มีอะไรหรอกน่ะ แกจะไปไหนก็รีบๆ ไปเถอะ”
“งั้นมัทไปเดินเล่นที่ชายหาดนะพ่อ”
“อืม”
ลูกสาวเดินหายออกไปจากห้องพักแล้ว มนตรีจึงเปิดกระเป๋าผ้าของตัวเองหยิบขวดยาอะไรบางอย่างออกมา
“ในที่สุดก็ต้องใช้แก”
มัทนามาเดินเล่นเหงาๆ อยู่บนชายหาด หล่อนถอดรองเท้าแตะ หิ้วมันด้วยนิ้วมือขณะก้าวเท้าไปบนเม็ดทรายเนียนละเอียด ความสับสนอดสูค่อยๆ เลือนหายไป บรรยากาศยามเช้าริมทะเลช่วยเยียวยาหัวใจของหล่อนให้คลายเศร้าหมองได้ชั่วขณะ
หล่อนเดินย่ำเท้าไปเรื่อยๆ ใจลอยไปไกลแสนไกลถึงใครบางคน แปลกที่หล่อนกลับไม่ได้รู้สึกเสียอกเสียใจอะไรเลยกับคำปฏิเสธของเมสัน แค่รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเท่านั้น คงเป็นเพราะหล่อนรู้อยู่เต็มอกแล้วล่ะมั้งว่าเมสันไม่มีทางรักใครได้อีกนอกจากคนรักเก่าที่เสียไป
หญิงสาวถอนหายใจออกมาแผ่วเบา สองเท้ายังคงย่ำไปบนผืนทรายที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตาเรื่อยๆ พลันสายตาก็มองเห็นร่างสูงใหญ่ของแมทธิววิ่งเหยาะใกล้เข้ามา
หัวใจของหล่อนคล้ายกำลังเต้นระบำฮาวาย ร่างกายหยุดสนิทไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ แม้แต่จะกะพริบตาก็ยังทำไม่ได้แม้แต่น้อย นี่หล่อนกำลังเป็นอะไรไป ทำไมถึงได้รู้สึกคล้ายกับร่างกายต้องคำสาปเพียงแค่มีเขาปรากฏเข้ามาในสายตาเท่านั้น
มัทนาพยายามควบคุมตัวเองด้วยการผ่อนลมหายใจออกมาทางปาก และบอกตัวเองให้หันไปทางอื่น เมื่อแมทธิววิ่งเข้ามาใกล้มากยิ่งขึ้น แต่สายตาไม่รักดีกลับเอาแต่จ้องมอง มองเขาราวกับเขาคืออาหารจานโปรดที่ตัวเองกำลังโหยหาอยากกัดกิน
ทำไมเดี๋ยวนี้ในสายตาของหล่อน แมทธิวจะต้องมีเสน่ห์เพิ่มมากขึ้นแบบนี้นะ เขามีเสน่ห์น่ามองมากขึ้น จนหล่อนรู้สึกได้ถึงความหวั่นไหวภายในอกอย่างชัดเจน
บ้า…บ้าที่สุด!
หล่อนกัดฟัน ละสายตาจากเขา และเร่งฝีเท้าย่ำลงบนพื้นทรายเร็วขึ้น หล่อนต้องไปให้ไกลจากผู้ชายคนนี้ ผู้ชายที่มีอิทธิพลกับจิตวิญญาณของหล่อนมากขึ้นทุกขณะ
“โอ๊ย…”
ความเจ็บแปลบแล่นเข้ามาภายในร่างกาย เมื่อรู้สึกได้ถึงบาดแผลที่ฝ่าเท้า หล่อนก้มลงมองพื้นทรายและฝ่าเท้าของตัวเอง เลือดสีแดงสดไหลออกมา
“บ้าจริง…ทำไมโชคร้ายแบบนี้นะ”
หล่อนบ่นว่าตัวเองทั้งน้ำตา กำลังจะกัดฟันลุกขึ้นยืนเพื่อกลับไปทำแผลที่ห้องพัก แต่แขนเรียวถูกกระชากเอาไว้เสียก่อน
“อ๊ะ…”
หล่อนหันไปมองเจ้าของมืออบอุ่น ก่อนจะหน้าแดงก่ำ หัวใจเต้นโครมครามเมื่อเห็นว่าเป็นใคร
“แมทธิว…”
ใบหน้าหล่อจัดราบเรียบไร้อารมณ์ ดวงตาคมกริบจ้องมองมาที่ฝ่าเท้าของหล่อน
ยิ่งอยู่ใกล้ๆ หล่อนก็ยิ่งหัวใจเต้นแรง จนต้องยกมือขึ้นทาบอกเอาไว้เพราะเกรงว่าก้อนเนื้อภายในจะกระดอนออกมา
“อยู่เฉยๆ ฉันจะพากลับโรงแรม”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงห่างเหินเย็นชา ขณะช้อนร่างของหล่อนขึ้นมาไว้บนอ้อมแขน กลิ่นเหงื่อจากการออกกำลังกายยามเช้าจากเรือนร่างกำยำช่างหอมหวานสำหรับหล่อนเหลือเกิน แก้มนวลแดงก่ำ ร้อนวูบวาบไปทั้งตัวด้วยความรู้สึกที่น่าละอาย
“ขอบใจ…แต่ฉันกลับเองได้”
“อย่ามาอวดดี เลือดไหลขนาดนี้จะเดินกะเผลกกลับไปเองได้ยังไงกัน” น้ำเสียงของเขาก็ยังเย็นชาเช่นเดิม
หล่อนแนบหน้ากับแผงอกกว้าง ได้ยินเสียงหัวใจของเขาดังตุบตับอยู่ข้างๆ หู และก็อดเผลอยิ้มออกมาไม่ได้ “นายเป็นห่วงฉันเหรอ”
คนที่กำลังเดินอยู่ชะงักเท้า หรี่ตาลงมองหล่อน ดวงตาสองคู่สบประสานกัน และหัวใจของหล่อนก็สั่นสะเทือนรุนแรง จนต้องเป็นฝ่ายเสหลบตาเสียเอง
“ฉันก็แค่พูดเล่นน่ะ นายจะมาห่วงฉันทำไม จริงไหม”
เขาไม่ได้พูด ไม่ได้โต้ตอบอะไรหล่อนอีก นอกจากเดินต่อไปเรื่อยๆ จนไปถึงโรงแรม
“เธอเท้าเจ็บ รบกวนหาคนมาทำแผลให้เธอด้วยครับ”
เขาวางร่างของหล่อนบนโซฟาที่ล็อบบี้หรู และพูดกับพนักงานสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม
“ไม่ทราบว่าภรรยาของคุณผู้ชายไปโดนอะไรมาคะ”
“เธอไม่ใช่ภรรยาผมครับ แต่เป็นว่าที่พี่สะใภ้” แมทธิวตอบเสียงต่ำลึก ก่อนจะลุกขึ้น
“ฝากเธอด้วยนะครับ”
“ด้วยความยินดีค่ะ”
แล้วแมทธิวก็ก้าวยาวๆ เดินตรงไปที่ลิฟต์ ก่อนจะหายเข้าไปในนั้น หล่อนมองตามไปด้วยความน้อยใจ
“คนบ้า…จะช่วยก็ช่วยให้ตลอดรอดฝั่งสิ”
“เอ่อ คุณผู้หญิงคะ ฝ่าเท้าไปโดนอะไรมาเหรอคะ”
“เปลือกหอยน่ะค่ะ ฉันซุ่มซ่ามไม่ทันระวังก็เลยเผลอไปเหยียบมันเข้า”
“งั้นเดี๋ยวดิฉันเอารถมาให้นั่งนะคะ จะได้พาไปห้องปฐมพยาบาลค่ะ” พนักงานของโรงแรมที่แมทธิวฝากฝังหล่อนเอาไว้พูดขึ้นอย่างมีน้ำใจ “เอ่อ ขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ”
“ได้สิคะ มีอะไรหรือเปล่าคะ”
พนักงานสาวยิ้มหวาน แก้มแดงเล็กน้อย “คุณผู้ชายคนเมื่อกี้นี้…เอ่อ มีคนรักแล้วหรือยังคะ”
มัทนาที่ยิ้มแย้มรอฟังคำถามอยู่หน้าบูดขึ้นในทันที “ยังไม่มีเป็นตัวเป็นตนหรอกค่ะ ว่าแต่น้องถามทำไมคะ”
“อ้อ…ก็แบบว่าคุณเขาหล่อมากน่ะค่ะ ก็เลยอยาก…”
“ถ้าคิดจะยื่นใบสมัครมาเป็นแฟนล่ะก็หยุดคิดเถอะค่ะ เพราะตอนนี้ก็แถวยาวมากแล้ว”
มัทนาเกลียดตัวเองนักที่รู้สึกโมโหความหล่อไม่บันยะบันยังของ แมทธิวขึ้นมามากมายขนาดนี้
ไอ้คนบ้า…จะหล่ออะไรนักหนาเนี่ย!
“เอ่อ คุณจะไปไหนคะ รอรถเข็นก่อนค่ะ”
“ฉันจะกลับห้องค่ะ เดี๋ยวจะไปทำแผลเองบนห้อง ขอตัวนะคะ”
เพราะโมโหมาก ทำให้มัทนากัดฟันเดินกะเผลกไปที่ลิฟต์ และก้าวหายเข้าไปในนั้นทันที
“แค่พี่สะใภ้ ทำไมจะต้องหวงก้างด้วยก็ไม่รู้”
พนักงานสาวหน้าตาสะสวยบ่นอุบ ก่อนจะเดินกลับไปประจำที่หน้าเคาน์เตอร์ของตัวเองเช่นเดิม