มัทนารีบก้าวออกจากห้องด้วยความร้อนรน เพราะกำลังจะบากหน้าไปยังบริษัทที่แมทธิวฝากให้เข้าทำงาน แต่ยังไม่ทันจะก้าวพ้นประตูบ้าน บิดาที่นั่งรออยู่ก็เรียกเอาไว้เสียก่อน
“แกจะไปไหนเหรอ”
มัทนาชะงักเท้า ก่อนจะหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับบิดา ฝืนยิ้มน้อยๆ ให้ท่าน
“จะไปทำงานน่ะพ่อ”
มนตรีลุกขึ้นยืน และเดินมาหยุดตรงหน้าบุตรสาว จ้องหน้านิ่งเล็กน้อย ก่อนจะยกมือขึ้นวางบนบ่าบอบบางทั้งสองข้าง
“ไม่ต้องไปหรอก”
“ทำไมล่ะคะพ่อ”
หล่อนประหลาดใจ
มนตรีถอนหายใจออกมายาวๆ มองหน้าบุตรสาวนิ่งนาน “ก็เพราะเงินเดือนแค่หมื่นสองหมื่น มันน้อยเกินไปสำหรับหนี้ก้อนใหญ่ที่เราจะต้องหามาชดใช้น่ะสิ”
“แต่มันก็ยังดีกว่านั่งอยู่เฉยๆ นะคะพ่อ”
คนเป็นพ่อยังคงจ้องหน้าลูกสาวเช่นเดิม
“เชื่อข้าเถอะ แกไม่ต้องออกไปทำงานหรอก เอาเวลามาคิดหาทางออกให้ครอบครัวของเราดีกว่า”
“แต่พ่อคะ…”
“มานั่งตรงนี้ แล้วฟังข้านะ”
ร่างของหล่อนถูกรั้งให้มานั่งบนโซฟาที่ตั้งอยู่ไม่ห่างนัก และพ่อของหล่อนก็ยืนค้ำตระหง่าน
“คืนนี้จะมีงานเลี้ยงประจำปีของพวกคนรวย”
“คะ?”
หล่อนก็ยังไม่เข้าใจความหมายของบิดาอยู่ดี
“เอ็งจะต้องไปร่วมงานนี้ด้วย”
จากที่เคยไม่เข้าใจจุดประสงค์ของบิดา ตอนนี้เข้าใจแจ่มแจ้งเลยทีเดียว
“มัทจะไปทำไมล่ะคะพ่อ มัทไม่ไปหรอก”
“งานนี้มีแต่พวกนักธุรกิจกระเป๋าหนักๆ ทั้งนั้น ถ้าแกไปร่วมงานนี้ รับรองแกจะต้องได้แฟนติดไม้ติดมือกลับมาแน่นอน”
ความร้อนฉ่าจากลำคอกระจายเต็มใบหน้า หล่อนมองบิดาด้วยความตกใจระคนน้อยใจ
“นี่พ่อ…จะให้มัทไปอ่อย…คนพวกนั้นเหรอคะ”
“ไม่ได้อ่อย แค่ไปเลือกผู้ชายดีๆ สักคนมาเป็นแฟนเท่านั้นเอง แกก็โตเป็นสาวตั้งนานแล้วนี่ มีแฟนเป็นตัวเป็นตนสักทีก็ไม่เห็นจะเสียหายอะไรเลย จริงไหม”
“ไม่จริงหรอกพ่อ เพราะมัทไม่ได้อยากมีแฟนตอนนี้”
สีหน้าของบิดาเครียดขรึมลง
“ข้าขอโทษนะที่ทำให้แกไม่พอใจ แต่ที่ข้าพูดเรื่องนี้ขึ้นมาก็เพราะว่าข้าอยากให้แกมีแฟนรวยๆ เพื่อจะได้มาช่วยคลี่คลายสถานการณ์ของเราในตอนนี้ แกอย่าลืมสิว่าเหลือเวลาอีกไม่ถึงอาทิตย์แล้วที่ข้าต้องคืนเงินยี่สิบล้านให้บริษัทน่ะ และถ้าไม่มีไปคืน ข้าจะต้องติดคุก”
มนตรีไหวไหล่น้อยๆ อย่างสิ้นหวัง “แต่ช่างมันเถอะ ข้าติดคุกก็คงไม่เป็นไรหรอก เพราะข้าทำตัวเอง”
“พ่อ…” หล่อนคว้ามือบิดาเอาไว้ รู้สึกอึดอัดทรมานเหลือเกิน “มัทไม่ยอมให้พ่อติดคุกหรอกนะ”
“แต่เราไม่มีเงินไปคืนคุณแมทธิว”
“มัท…” หล่อนเม้มปากแน่น น้ำตาซึม
“มัทจะไปร่วมงานเลี้ยงคืนนี้ค่ะ”
สีหน้าหม่นหมองของบิดาสว่างจ้าขึ้นในทันที
“จริงเหรอ นี่แกไม่ได้โกหกข้าใช่ไหม”
หล่อนพยักหน้ารับทั้งน้ำตา
“ถึงแม้มัทจะไม่ชอบกับการกระทำนี้เลย แต่มัทก็ยอมให้พ่อติดคุกไม่ได้หรอก”
“ขอบใจมากนะมัท…ขอบใจที่ช่วยเหลือข้า”
มนตรีดึงร่างของบุตรสาวเข้ามากอดแนบอก พร้อมกับพึมพำพูดขอบอกขอบใจตลอดเวลา
“พี่ไมค์ไม่ไปด้วยกันจริงๆ หรือครับ”
แมทธิวที่อยู่ในชุดสูทสีขาวสะอาดราวกับเทพบุตรเอ่ยถามพี่ชายคนรองที่เดินสวนกันที่ปากทางเข้าบ้าน
“ตอนแรกก็ตั้งใจจะไปนั่นแหละ แต่วันนี้เหนื่อยจริงๆ ไปก็คงไม่มีอารมณ์พูดคุยกับใครหรอก นายไปเถอะ”
แมทธิวทำหน้าเสียดาย “พี่มาร์ตก็ไม่ไป พี่ไมค์ก็ไม่ไป หรือผมควรจะไม่ไปบ้างดีครับ”
“ไม่ดีหรอก ถ้านายไม่ไปเลย มาเลซาสโซก็จะไม่มีใครไปร่วมงานเลยน่ะสิ นายไปน่ะดีแล้ว” เมสันพูดจบก็หรี่ตามองการแต่งตัวของน้องชาย และเอ่ยชม
“แต่งตัวซะหล่อแบบนี้ ไม่ไปสาวๆ คงเสียดายแย่”
คนเป็นน้องหัวเราะขบขัน
“แหม ผมก็หล่อแบบนี้ทุกวันอยู่แล้วนี่ครับ ไม่ได้หล่อเฉพาะวันนี้สักหน่อย”
“ยกหางตัวเองก็ได้นะนายน่ะ”
เมสันส่ายหน้าเอือมระอา
“นี่ผมพูดความจริงนะครับ ไม่ได้ยกหางตัวเองแม้แต่น้อย ก็คนมันจะหล่อ ต่อให้ไม่ได้แปรงฟันสักสิบวันก็ยังหล่อครับ”
“แต่ก็คงไม่มีใครกล้าพูดกับนายหรอก เพราะปากน่าจะเน่าหนอนขึ้นไปแล้ว”
“พี่ไมค์ก็พูดไป”
สองหนุ่มหัวเราะขบขัน ก่อนที่คนเป็นพี่จะขอตัวกลับขึ้นห้องพักผ่อน ส่วนคนน้องก็ไปที่รถ และบังคับซูเปอร์คาร์คันงามให้แล่นออกจากคฤหาสน์หลังโต มุ่งหน้าไปยังสถานที่จัดงานเลี้ยงด้วยความเร็วสูง
มัทนาก้มมองเรือนร่างของตัวเองในชุดราตรีสั้นสีทองเปิดเปลือยบ่าทั้งสองข้างด้วยความไม่สบายใจนัก หลังจากก้าวลงมาจากรถคันงามที่บิดาอุตส่าห์เช่ามาจากเต็นท์ขายรถ เพื่อมารับส่งหล่อนมาในงานนี้โดยเฉพาะ หล่อนก็ยังไม่กล้าแม้แต่จะก้าวเท้าเข้าไปภายในงานเลี้ยงตรงหน้าที่จัดภายในโรงแรมหรูแม้แต่นิดเดียว
กระโปรงสีทองมันสั้นเกินไป นับครั้งไม่ถ้วนที่หล่อนต้องคอยดึงชายกระโปรงเพราะหวังว่าความยาวมันจะเพิ่มมากขึ้น แต่ไม่ว่าจะดึงจะรั้งยังไง ความสั้นของมันก็ยังเท่าเดิม
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ พยายามที่จะทำตัวให้เป็นปกติที่สุด ขณะก้าวเข้าไปในงานเลี้ยง แต่รองเท้าส้นสูงที่ตัวเองไม่ค่อยได้สวมใส่นัก มันทำให้หล่อนต้องคอยระมัดระวังตลอดเวลา
สายตาของหนุ่มน้อยใหญ่ในงานเริ่มพุ่งมาที่หล่อน ผู้หญิงที่แต่งตัวแต่งหน้าจัดเต็มเพื่อมาจับผู้ชายร่ำรวยในงานนี้โดยเฉพาะ หล่อนควรจะยินดีสิที่เริ่มเป็นที่สนใจของผู้ชายภายในงาน แต่ทำไมนะ ทำไมถึงได้รู้สึกอดสูแบบนี้
หล่อนเกลียดสถานการณ์แบบนี้ที่สุด อยากวิ่งหนีออกไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็รู้ดีว่าทำแบบนั้นไม่ได้ คำว่าบุญคุณของบุพการีมันค้ำคอจนไม่อาจจะหลีกหนีพ้น
หล่อนจำต้องโปรยยิ้มตอบกลับผู้ชายหลายคนที่ส่งยิ้มมาให้ แม้ว่าในใจจะหม่นหมองแค่ไหนก็ตาม จากนั้นก็พยายามเดินให้มั่นคงที่สุดเข้าไปในงานเลี้ยง
ผู้ชายคนหนึ่งมองหล่อนไม่วางตา หล่อนยิ้มตอบให้ และเขาก็ก้าวเข้ามาหาทักทายทันที
“สวัสดีครับ ผมเอกรินทร์ เป็นเจ้าของโรงแรมอมารินที่เชียงใหม่ครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ คุณ…”
หล่อนพยายามที่จะยิ้มให้น่ามองที่สุด
“ฉัน…มัทนาค่ะ ไม่ได้เป็นนักธุรกิจอะไรหรอกค่ะ แค่มาร่วมงานด้วยเฉยๆ”
แววตาของคู่สนทนาหนุ่มหน้าตาดีฉายแววฉงนเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะออกมา
“คุณมัทนาเป็นผู้หญิงตลกดีนะครับ ผมชักสนใจแล้วสิครับ”
เขาคงคิดว่าหล่อนล้อเล่นสินะ ที่บอกว่าไม่ได้เป็นนักธุรกิจหรือทายาทของนักธุรกิจน่ะ
มัทนายังคงพยายามที่จะยิ้มให้เป็นธรรมชาติที่สุด ขณะละสายตาจากคู่สนทนามองไปยังห้องบอลรูมที่ตกแต่งเอาไว้งดงามจนน่าตื่นตาตื่นใจ
“ไม่ทราบว่าคุณมัทนามางานนี้คนเดียวหรือครับ”
“ค่ะ ฉันมาคนเดียวค่ะ”
“งั้นผมจะขออนุญาตดูแลคุณมัทนาตลอดเวลาที่อยู่ในงานเลี้ยงนี้ได้ไหมครับ”
หล่อนอยากจะปฏิเสธ แต่ทำไม่ได้ นอกจากฝืนยิ้มหวาน และตอบรับด้วยน้ำเสียงปั้นแต่ง
“ได้สิคะ ด้วยความยินดีเลยล่ะค่ะ”
“งั้นไปทางนู้นกันเถอะครับ ผมจะพาไปแนะนำให้รู้จักกับเพื่อนๆ ของผม”
หนุ่มหน้าตาดี โปรไฟล์เลิศยื่นมือมาตรงหน้า และคาดหวังจะให้หล่อนวางมือลงไปในอุ้งมือนั่น หล่อนลังเลเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจวางมือลงไปในอุ้งมือใหญ่ ผู้ชายตรงหน้าระบายยิ้มกว้าง กำลังจะรั้งหล่อนให้เดินตามไปด้านในของงาน แต่เสียงกระด้างคุ้นหูดังขึ้นเสียก่อน
หล่อนชะงัก ตัวชาดิก แข้งขาอ่อนแรงจนแทบจะล้มครืนลงกองกับพื้นพรมภายในงานเลี้ยง
หล่อนค่อยๆ หมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับเจ้าของน้ำเสียง หัวใจของหล่อนปวดหนึบ เมื่อเห็นแววตาดุดันและกล่าวหาจากแมทธิว มาเลซาสโซ
นี่เขา…มางานนี้ด้วยเหรอ…?
หากรู้ว่าเขาจะมาร่วมงานด้วย หล่อนคงจะไม่มีวันมาเหยียบที่นี่เด็ดขาด เพราะผู้ชายคนนี้คือหายนะสำหรับหล่อน หายนะ…ที่หล่อนไม่สามารถสลัดออกไปจากสมองได้สักนาที
“ไม่น่าเชื่อว่าจะได้เจอเธอในงานนี้นะ มัทนา”
ดวงตาสีน้ำเงินเข้มพราวระยับร้ายกาจ เขาจ้องมองหล่อนราวกับกำลังประเมินราคาสิ่งของ แก้มนวลร้อนฉ่า ความอับอายทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนในอุ้งมือชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อ
“ไม่…ใช่เรื่องของนาย”
“สวัสดีครับคุณแมทธิว นี่รู้จักกับคุณมัทนาด้วยหรือครับ”
มุมปากหยักสวยของแมทธิวกระตุกน้อยๆ เป็นรอยยิ้มหยัน สายตาไม่คลาดเคลื่อนไปจากร่างของหล่อนเลยแม้แต่วินาทีเดียว
“รู้จักดีเลยล่ะครับ”
“งั้นก็ดีเลยสิครับ จะได้ไม่ต้องแนะนำให้รู้จักกันให้เสียเวลา จริงไหมครับคุณมัทนา” เอกรินทร์เอ่ยกับมัทนา ซึ่งตอนนี้หญิงสาวหน้าตาซีดจนไร้สีเลือด
“ฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”
MANGA DISCUSSION