“นี่แก…ยังไม่หายโกรธฉันอีกเหรอ แม่นางมัทนาสุดสวย”
ดลกรเอ่ยถามเพื่อน หลังจากนำรถยนต์ของตัวเองเข้ามาจอดที่หน้าบ้านของเพื่อนชะนีสุดเลิฟ
“ยังจะมาทำเป็นพูดดีอีก นังนัตตี้ แกรู้ไหมว่าฉันหน้าแหกไปถึงไหนๆ แล้ว พี่ไมค์คงไม่พิศวาสฉันอีกต่อไป”
“นี่แกไม่รู้อะไรเสียแล้วนังมัท ผู้ชายหล่อๆ น่ะ มักจะแพ้ผู้หญิงตลกนะยะ”
มัทนาหันขวับมองเพื่อนตาขวาง “แต่ไอ้ชุดลายดอกที่แกให้ฉันใส่ มันทำให้ฉันกลายเป็นผู้หญิงไม่มีสมอง ไม่ใช่เป็นแค่ผู้หญิงตลก นังนัตตี้บ้า ฉันไม่น่าไว้ใจแกเลย” แล้วคนพูดก็คร่ำครวญยกมือขึ้นปิดหน้า “แถมนายแมทธิวก็ยังหัวเราะเยาะฉันอีก”
“แกจะไปใส่ใจอะไรกับผู้ชายที่แกเกลียดล่ะ หมอนั่นจะคิดอะไรก็ช่างเขาสิ แกควรจะใส่ใจคุณหมอสุดหล่อมากกว่า จริงไหม”
มัทนาลดมือที่ปิดหน้าลง ก่อนจะคิดตามคำพูดของเพื่อน และก็พบว่ามันถูกต้องเลยทีเดียว
ทำไมหล่อนจะต้องไปแคร์ความคิดของแมทธิวด้วย หล่อนไม่ได้รักไม่ได้ชอบผู้ชายคนนี้สักหน่อย
“หรือว่าแกแอบคิดไม่ซื่อกับว่าที่น้องชายของสามีล่ะ นังมัท”
“เปล่านะยะ ฉันจะไปคิดอะไรกับหมอนั่นได้ยังไงกัน มีดีก็แค่หล่อ แค่รวย แค่เซ็กซี่ นอกนั้นแย่มาก”
“นี่ๆ ๆ นังมัท…ไอ้ที่แกร่ายมาน่ะ มันสเปกของผู้หญิงทั้งโลกเลยนะนั่น”
มัทนาทำหน้าไม่ถูก รีบสลัดศีรษะ “แกไม่ต้องมากลบเกลื่อนความผิดพลาดของตัวเองเลยนะนังนัตตี้ ชาบู ส้มตำ งดตลอดทั้งเดือน” คนพูดเปิดประตูก้าวลงจากรถ
ดลกรตกใจรีบลงไปอ้อนวอนเพื่อน “ข้าน้อยขอโทษแม่นางมัทนาแสนสวยที่สุดในปฐพี ข้าน้อยมีตาหามีแววไม่ ข้าน้อยจักพัฒนาตัวเองให้มากกว่านี้ เพื่อมารับใช้แม่นางมัทนาคนสวยไปชั่วฟ้าดินสลาย” กะเทยร่างบึกทำท่าเลียนแบบหนังจีนกำลังภายใน
มัทนาที่กำลังโกรธ เห็นเพื่อนรักทำแบบนี้ก็อดที่จะหลุดหัวเราะขบขันออกมาไม่ได้
“อีตุ๊ดบ้า”
“นั่นแน่ หัวเราะแล้ว แสดงว่าหายโกรธนัตตี้แล้วใช่ไหมเจ้าคะ”
ดลกรทำสีหน้าออดอ้อน จนมัทนาไม่อาจโกรธต่อไปได้อีก “ไม่โกรธแล้วก็ได้ แต่แกต้องรีบไปคิดหาทางช่วยให้ฉันสมหวังกับพี่ไมค์ โอเคไหมล่ะ”
“โอเคค่ะ” ดลกรยกมือขึ้นทำนิ้วส่งสัญญาณ
“งั้นแกกลับไปเถอะ ฉันจะพักผ่อน ไว้เจอกันนะ”
“แกแน่ใจนะว่าอยากให้ฉันกลับน่ะ”
ดลกรถามด้วยสีหน้าทะเล้น
“ยิ่งกว่าแน่ใจอีกย่ะ กลับไปได้แล้ว”
“ก็ได้ย่ะ แล้วจะไลน์หานะ”
มัทนาพยักหน้ารับน้อยๆ มองเพื่อนสนิทขับรถออกไปจากบ้านจนลับสายตา จากนั้นจึงหมุนตัวเดินเข้าไปในบ้านด้วยท่าทางหงอยเศร้าแปลกประหลาด
มัทนานั่งรอบิดากลับบ้านจนดึก จวนเจียนใกล้จะผล็อยหลับอยู่แล้วท่านจึงได้ขับรถยนต์คันโปรดเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน หล่อนรีบทะลึ่งตัวลุกขึ้นและเดินออกไปรับหน้าบ้าน
“ยังไม่นอนอีกเหรอมัท” น้ำเสียงของบิดาอู้อี้จนหล่อนอดแปลกใจไม่ได้
“พ่อเมาเหรอคะ”
“ดื่มมานิดหน่อยน่ะ” บิดาเดินผ่านหล่อนเข้าไปภายในบ้าน มัทนารีบเดินตามไป
“เดี๋ยวนี้พ่อดื่มบ่อยนะคะ แถมกลับบ้านค่ำด้วย พ่อมีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า บอกมัทได้นะคะ” หล่อนเต็มไปด้วยความไม่สบายใจกับทีท่าของบิดา
มนตรีหยุดเดิน ก่อนจะหมุนตัวกลับมามองลูกสาว มองตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ก่อนจะวกสายตามาจับจ้องที่ใบหน้าของมัทนา
“แกโตเป็นสาวแล้วเนอะ”
“แหม ก็มัทอายุยี่สิบสองแล้วนี่พ่อ ก็ต้องโตสิคะ ว่าแต่พ่อเถอะ ทำไมวันนี้มองมัทแปลกๆ”
บิดาของหล่อนคล้ายกับกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ภายในใจ แต่จนแล้วจนรอดท่านก็ไม่ยอมพูดออกมา
“งั้นแกก็ไปนอนเถอะ เดี๋ยวข้าก็จะไปนอนเหมือนกัน”
“พ่อ”
“อะไร”
“มัทยังหางานทำไม่ได้ แต่มัทจะพยายามหาอีกเรื่อยๆ” หล่อนบอกบิดาอย่างมีความหวัง
มนตรียิ้มสิ้นหวัง ส่ายศีรษะไปมา “ตอนนี้มันสายไปแล้วล่ะ ต่อให้แกได้งานทำ เงินเดือนดีๆ แค่ไหน มันก็ไม่ทันการแล้ว”
“พ่อพูดเหมือนเรากำลังมีวิกฤติทางการเงินอย่างนั้นแหละ” หล่อนหรี่ตามองบิดา
“แล้วถ้ามันใช่ล่ะ”
มัทนาหัวเราะเบาๆ คิดว่าบิดาล้อเล่น “มัทจำได้ว่าพ่อมีบัญชีเงินฝากอยู่ตั้งหลายล้าน”
มนตรีขยับเท้าเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าบุตรสาว ยกสองมือขึ้นจับบ่าบอบบางของหล่อนเอาไว้
“แล้วถ้าตอนนี้เราไม่มีเงินแล้ว และยังเป็นหนี้ท่วมหัวล่ะ แกคิดว่าจะช่วยเหลือพ่อยังไง”
หล่อนเบิกตากว้างอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะหัวเราะเบาๆ “พ่อล้อมัทเล่นใช่ไหมคะ พ่อคงอยากให้มัทรีบหางานทำ”
บิดาของหล่อนถอนหายใจแผ่วเบา ก่อนจะคลายมือออกจากหัวไหล่ทั้งสองข้างของหล่อน
“ข้าไปนอนก่อนนะ”
“พ่อจะกินข้าวก่อนไหม”
“ไม่ล่ะ ข้าอยากนอน”
บิดาเดินจากไปแล้ว แต่หล่อนกลับยังไม่สามารถขยับเขยื้อนเท้าให้เดินตามไปได้ ลางร้ายบางอย่างที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไรกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ทุกขณะ
“พ่อดูแปลกๆ ไป”
หล่อนบ่นเบาๆ กับตัวเอง พยายามคิดหาเหตุผลของริ้วรอยความเคร่งเครียดและสายตาวิตกกังวลของบิดาว่ามันเกิดขึ้นเพราะอะไร แต่หล่อนก็คิดไม่ออก
บางทีหล่อนอาจจะคิดมากไปเองก็ได้…หญิงสาวปลอบตัวเองเช่นนั้น ก่อนจะตัดสินใจเดินกลับห้องนอนของตนเอง
MANGA DISCUSSION