Midterm Fantasy - ตอนที่ 96
Midterm fantasy 96
เสียงหมาป่าหลังเงินหอนยาวดังมาจากที่ไกลๆทำให้เด็กสาวตื่นตัวขึ้น เธอรีบแบกร่างของรอนออกจากพื้นที่โล่งนี้แล้วเดินเข้าไปในป่า ป่าในปลายหน้าหนาวนี้มีเพียงแต่ต้นไม้ที่ยืนต้นแห้ง หิมะที่เริ่มละลายเผยให้เห็นพื้นดินโล่งเบื้องล่าง
“คุณรอน ทนหน่อยนะคะ อีกเดี๋ยวก็จะถึงแล้วค่ะ”
“โรล่า … นี่เรากำลังจะไปไหนกัน”
“ข้างหน้าเป็นเนินเขาเล็กๆค่ะ ที่เนินเขานี้มีสุสานของนักรบมังกรอาร์ย่าอยู่ ทางเข้าสุสานเจาะเป็นช่องถ้ำ เราเข้าไปหลบหนาวได้”
เด็กสาวแบกร่างของรอนต่อไปอย่างไม่ปริปากบ่น ร่างของรอนหนาวสั่นอยู่บนหลัง ไออุ่นจากปากพ่นออกมาเป็นหมอกควันขาว
ใช้เวลาอีกไม่กี่นาที ทั้งสองคนก็มาถึงลานกว้าง
“ถึงแล้วค่ะ”
เด็กสาวบอก รอนเงยหน้าขึ้น มองไปข้างหน้าด้วยความประหลาดใจ
ที่นี่คือสถานที่ที่เขาโผล่มาที่โลกนี้เป็นครั้งแรก ที่แท้ก็คือสุสานของนักรบมังกรแห่งแสงอาร์ย่าคนนั้น
“ดีเลย ถ้าเป็นที่นี่เรามีโอกาสรอดแล้ว”
“คะ?”
“ที่ด้านในสุดมันมีประตูอยู่ครับโรล่า เป็นประตูเวทมนตร์ ถ้าหากเราเข้าไปในห้องนั้นแล้วปิดประตูล่ะก็ มอนสเตอร์ก็ตามเราเข้าไปไม่ได้” เขาบอกอย่างตื่นเต้น “ข้างในมีน้ำผึ้งและน้ำใส่ผลึกแก้วเวทมนตร์เอาไว้ ถ้าเข้าไปข้างในได้ล่ะผมก็จะกินอาหารพวกนั้นเพื่อรักษาตัวเองได้”
“เอ๊ะ!”
เด็กสาวมองหน้ารอนอยากจะถามอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่ได้ถามออกไป ตอนนี้การหาที่หลบภัยและรักษารอนสำคัญกว่า
เธอพยุงร่างเด็กหนุ่มไปจนถึงทางเข้า แต่แล้วรอนก็ยกมือขึ้นห้ามเอาไว้
“หยุดก่อนอย่าเพิ่งเข้าไป”
รอนมองไปข้างหน้าแล้วสบถออกมาอย่างโมโห
เพราะเมื่อเขาย่างเท้าเข้าไปในทางเดิน ที่เพดานของทางเข้าสุสานก็มีแถบพลังชีวิตกระพริบขึ้นมา
“ค้างคาว”
รอนก้าวเท้าอีกก้าวหนึ่ง เสียงเท้าเหยียบก้อนหินดังแกรก ก้องเข้าไปในทางเดิน สิ่งที่เขาเห็นก็คือ แถบพลังชีวิตที่กระพริบเพิ่มขึ้น
ค้างคาว! ค้างคาวเป็นร้อยๆตัว!
อย่าว่าแต่เขาและโรล่าที่บาดเจ็บและไม่มีอาวุธเลย ต่อให้เป็นในเวลาปกติที่มีอาวุธพร้อม ค้างคาวมากขนาดนี้ก็มากเกินกว่าที่เขาจะต่อสู้ได้ ยังไม่นับว่าทางเดินตรงนี้มีช่องทางเข้าไปด้านในอีกหลายโค้งหลายมุม
ดูเหมือนว่าค้างคาวในป่าต่างเข้ามาหลบหนาวในถ้ำกัน
“กี๊ดๆๆๆๆ”
พลังชีวิตของค้างคาวบางตัวหยุดกระพริบ ก่อนที่มันจะตื่นตัวแล้วเริ่มออกบินมุ่งมาทางคนทั้งสอง รอนรีบดึงตัวโรล่าออกมาจากถ้ำไปยืนที่กลางลานกว้างเบื้องนอก ค้างคาวบินออกมาบินวนที่หน้าปากถ้ำ 20 กว่าตัว ก่อนจะบินกลับเข้าไป
“เห็นทีเราคงใช้ถ้ำนี้ไม่ได้ โรล่าพอจะรู้จักถ้ำอื่นๆที่ตื้นๆบ้างไหม ถ้ำลึกมันไม่หนาวก็จริงแต่ว่าคงมีค้างคาวหรือสัตว์อื่นไปหลบ เราเข้าไปไม่ได้หรอก” รอนบอก
“ดูเหมือนจะมีที่ด้านโน้นค่ะ ไปกันค่ะโรล่าพยุงช่วย”
ทั้งสองเดินต่อไปอีกเล็กน้อยก็พบถ้ำอีกแห่ง ถ้ำนี้ลึกแค่ 6-7เมตร รอนเช็คดูจนแน่ใจว่าไม่มีมอนสเตอร์หรือสัตว์อื่นอยู่ภายในแล้วจึงค่อยเดินเข้าไป
“เราจะทำยังไงต่อดีคะ ไม่มีใครรู้ว่าพวกเราอยู่ตรงนี้”
“ไม่ต้องห่วงหรอกโรล่า ถ้าเราทนถึงเที่ยงคืนได้เมื่อไหร่เดี๋ยวผมก็กลับไปติดต่อแพทได้เอง ขอแค่ผ่านตอนนั้นไปได้ก่อน”
เด็กสาวประคองรอนนอนลงที่ด้านในสุดของถ้ำ จากนั้นออกไปที่ด้านนอกครู่ใหญ่ๆก่อนจะกลับมาพร้อมกับกิ่งไม้หอบใหญ่
โรล่าใช้มีดทำครัวแสตนเลสที่พกอยู่ประจำตัดกิ่งไม้เท่าที่จะพอหาได้มากองรวมกัน ดวงอาทิตย์กำลังจะตกแล้ว เด็กสาวคิดว่าจะต้องก่อกองไฟเพื่อป้องกันสัตว์ร้ายและมอนสเตอร์ หากแต่ว่ากิ่งไม้ที่ใช้ได้หายากเหลือเกิน ประมาณดูด้วยสายตาแล้วคงพอถึงแค่เที่ยงคืนเท่านั้น
“คุณรอนจะไปไหนคะ อย่าเพิ่งลุกค่ะ คุณยังบาดเจ็บอยู่นะ”
“ผมต้อง หา อาหาร”
“อาหาร?”
“ใช่ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปผมคงทนได้ไม่ถึงเที่ยงคืนแน่” เด็กหนุ่มบอก “แต่ถ้ามีอาหาร ผมกินมันเข้าไป มันจะช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของผมได้”
“แล้วคุณรอนจะไปหาอาหารที่ไหนคะ แถวนี้ไม่มีสัตว์ ไม่มีพืชที่กินได้เลยนะคะ”
“ค้างคาว ถ้าฆ่ามันได้สักตัวห้าตัวสิบตัวแล้วกินมันเข้าไป น่าจะช่วยเพิ่มพลังชีวิตผมได้บ้าง”
เด็กหนุ่มพูดอย่างเหนื่อยล้า มองไปที่หน้าจอสเตตัสของตน
HP 4.5/82
{Bleeding -1/hr}
{Freezing -0.5/hr}
รอนมองหน้าจอสเตตัสอย่างกระวนกระวาย ถ้าปล่อยแบบนี้ไปเรื่อยๆเขาจะมีเวลาเหลืออีกแค่ 3 ชั่วโมง ขณะที่ตอนนี้เป็นเวลา 18.30 เหลือเวลาอีก 5 ชั่วโมงครึ่ง
ถ้าไม่แก้ไขอะไรเขาต้องแย่แน่ๆ
“มันอาจจะไม่ขนาดนั้นก็ได้นะคะ ถ้าคุณได้พักอาจจะดีขึ้นก็ได้” โรล่าพยายามบอก เธอพยายามร่ายเวทรักษาให้รอนแต่ว่าพลังเวทในร่างกายของเธอแทบไม่เหลือแล้ว ไม่ว่าจะทำยังไงก็ร่ายเวทรักษาไม่ได้
“หน้าจอสเตตัสของผมมันบอกว่าตอนนี้ผมมีพลังชีวิตของผมลดลงจากเลือดออกและความหนาว ถ้าคำนวณตามนี้ผมจะอยู่ได้อีกแค่2-3ชั่วโมง สเตตัสมันไม่โกหกหรอก”
“ความหนาว?”
โรล่าหันไปร่ายเวทไฟทำอาหาร ไฟค่อยๆก่อตัวขึ้นที่กิ่งไม้ จากนั้นเธอก็ก่อกองไฟจนใหญ่ขึ้น ความอบอุ่นค่อยๆแผ่ขยายตัวขึ้นรอบๆที่ปากถ้ำ เธอประคองรอนลงนั่งข้างๆกองไฟ
“เป็นยังไงบ้างคะ”
“ดีขึ้นบ้าง แต่ยังไม่ได้ครับ พลังชีวิตยังตกอยู่”รอนบอก ปากซีดขาวสั่นอยู่บ้าง ที่หน้าจอยังขึ้น {Freezing -0.25} เขาค่อยๆล้มเอนตัวลงนอนอย่างหมดแรง เสื้อที่เปียกชุ่มถูกกดจนน้ำไหลออกมา
“คุณรอนคะ ถอดเสื้อผ้าออกค่ะ”เด็กสาวมองเห็นปัญหาแล้ว ตั้งแต่เธอและรอนขึ้นจากน้ำมา เสื้อผ้าของทั้งสองคนเปียกชุ่มน้ำไปหมด จนเมื่อครู่ที่รอนถอดเกราะออกถึงได้เห็นว่าเสื้อเปียก แม้แต่เธอเองก็เช่นกัน แต่ด้วยความกังวลเธอเลยไม่สังเกตว่าชุดของตัวเองก็เปียกชุ่มและมือของเธอก็ชาจนแทบไม่รู้สึกอะไร
“คุณรอนนอนลงค่ะ”
เด็กสาวจับร่างของเด็กหนุ่มนอนลงที่พื้น ถอดรองเท้าถุงเท้า จากนั้นปลดเข็มขัด ถอดเสื้อและกางเกงออกเหลือเพียงกางเกงในตัวเดียว แล้วก็จับร่างของรอนขึ้นนั่งตรงเข้าอิงกับกองไฟ เด็กหนุ่มครางจากเจ็บแผล อาการสั่นลดลงบ้างแต่ยังคงมีอยู่ ที่แผ่นหลังที่เปลือยเปล่าของเขายังคงเย็นเฉียบ โรล่าลองพลิกด้านรอนให้เอาด้านหลังเข้าหากองไฟบ้าง แต่พอเปลี่ยนด้าน ด้านหน้าก็หนาวแทน
“คุณรอน ขออนุญาตนะคะ”
เด็กสาวจัดท่ารอนให้นั่งใกล้ๆกองไฟ จากนั้นก็ถอยไปยืนที่ด้านหลัง ค่อยๆปลดเกราะหนังของตนออก
รอนนั่งตัวสั่นที่หน้ากองไฟ ได้ยินเสียงหนักๆของเกราะที่ตกสู่พื้น ตามด้วยเสียงของผ้าที่เลื่อนหลุดลงจากร่างกาย ก่อนที่โรล่าจะลงมานั่งข้างๆเขาผิงไฟ ในสภาพเปลือยเปล่า
เด็กสาวนั่งอิงผิงไฟครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นไปที่ด้านหลังของเด็กหนุ่ม จากนั้นโอบกอดเข้าที่แผ่นหลัง ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านจากเนื้อที่ผิงไฟแทรกซึมเข้าไปในแผ่นหลังของรอน ร่างที่กำลังสั่นด้วยความหนาวค่อยๆหยุดอาการสั่นลง
{Freezing:Resolved}
สเตตัสกระพริบขึ้นก่อนที่จะหายไป
“คุณรอนคะ ตอนนี้สเตตัสขึ้นว่ายังไงบ้างคะ”
“เรื่องพลังชีวิตลดจากความหนาวหายไปแล้วครับ” เด็กหนุ่มตอบอย่างอ่อนแรง “ขอบคุณโรล่ามาก”
ทั้งสองอยู่ในท่านั้นพักใหญ่ๆ แม้จะอยู่ในสภาพที่เปลือยเปล่าและกอดสัมผัสแนบชิด แต่ทั้งคู่ก็ไม่มีอารมณ์คิดอะไรเกินเลยไปจากนั้น
โรล่าที่ปราศจากเสื้อผ้า หนาวยะเยือกที่แผ่นหลัง
รอนที่เต็มไปด้วยบาดแผล พลังชีวิตยังคงลดลงช้าๆจาก {Bleeding}
ในสภาพแบบนี้ไม่มีใครคิดไปถึงเรื่องอื่น มีเพียงแต่ความรู้สึกอบอุ่นภายในใจ ที่เกิดขึ้นเมื่อรับรู้ได้ว่ามีคนที่ห่วงใยไม่ทิ้งกันอยู่เคียงข้าง
“คุณรอนยังพอทนไหวไหมคะ พอทนถึงเที่ยงคืนได้ไหม”
เด็กหนุ่มส่ายหน้าที่ซีดเผือด ถ้าเป็นตามนี้ พลังชีวิตของเขาจะหมดก่อนเที่ยงคืน 1 ชั่วโมง
เด็กสาวครุ่นคิด แล้วตัดสินใจถามออกไป
“คุณรอนคะ คุณรอนเป็นผู้ใช้ศิลานักปราชญ์ใช่ไหมคะ”
เด็กหนุ่มเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ “โรล่ารู้?”
“คุณรอนรู้ถึงภายในของสุสานท่านอาร์ย่า , สามารถรู้ได้ว่าในถ้ำมีมอนสเตอร์ทั้งที่มองไม่เห็น , เพิ่มพลังชีวิตได้ด้วยการกินอาหาร ไม่นับว่าครั้งนั้นที่ออกไปสู้กับก็อบลิน คุณรอนหายตัวได้แล้วกลับมาพร้อมกับอาวุธ สามารถเปิดสเตตัสพลังชีวิตได้ เท่านี้โรล่าก็พอจะเดาได้แล้วค่ะว่าคุณรอนใช้ศิลานักปราชญ์ของนักรบมังกรอยู่”
เด็กสาวบอก
“ใช่ ผมได้ศิลานักปราชญ์มา” เขาตอบสั้นๆอย่างเหนื่อยอ่อน “แต่ดูเหมือนมันจะไม่ช่วยอะไรผมได้แล้ว”
“ไม่หรอกค่ะ ยังมีวิธี ถ้าคุณรอนกินอาหารก็จะเพิ่มพลังได้ไม่ใช่เหรอคะ”
“แต่เราไม่มี….”
เด็กหนุ่มกำลังจะพูดออกไป แต่แล้วโรล่าก็ผละออกจากหลังของเขาก้มลงหยิบมีดแล้วเฉือนที่ฝ่ามือตนเอง
เด็กสาวขมวดคิ้วนิดนึง เธอไม่รู้สึกเจ็บมือ มือของเธอหนาวจนซีดเขียวไปหมดแล้ว เลือดแทบไม่ไหลออกมา เด็กสาวเลื่อนไปที่ท้องแขน ลองกรีดอีกครั้ง แต่เช่นเดิมเลือดออกมาน้อยมาก จริงสินะ มันเย็นเกินไปจนไม่มีเลือดมาเลี้ยง ถ้าอย่างนั้นต้องหาที่อื่นที่อุ่นกว่า
เด็กสาวก้มลงมองที่ร่างของตน เมื่อครู่เธอเพิ่งกอดรอนไป ทางด้านหน้ายังคงอุ่นอยู่
ฉึก!
มีดปักกรีดไปตื้นๆที่หน้าอก เพื่อไม่ให้เผลอแทงลึกเกินไป เด็กสาวจึงเลือกตำแหน่งที่เหนือหน้าอกเล็กน้อย เลือกตรงที่เห็นเส้นเลือดมาเลี้ยงชัดๆ เพราะเป็นจุดเดียวที่กรีดแผลเล็กๆแล้วน่าจะได้เลือดมากที่สุด
แต่เลือดก็ค่อยๆไหลออกมาช้าๆแล้วก็หยุดไป ไม่ว่าจะบีบเค้นยังไงก็ไม่ยอมไหลออกมา คงเพราะเธอถอยร่างออกจากแผ่นหลังของรอนแล้วและผิวหนังเริ่มเย็นลง
คงต้องให้อุ่นกว่านี้ แต่จะอิงไฟรึก็จะไม่คงไม่ทันเลือดหยุดไหล
เธอหันไปหารอน ชี้ที่แผลแล้วพยักหน้าเบาๆ
“ขอบคุณนะ”
รอนตอบก่อนจะจับมือของโรล่าขึ้นปิดบังทรวงอกให้มิดชิดก่อนที่จะเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้บาดแผล ค่อยๆประกบริมฝีปากลงไปแล้วค่อยๆดูดเลือด
[+1][+1][+1] …
เขาถอยใบหน้าออก
“พอแล้วล่ะ”
“คะ?”
“แค่นี้ก็พอจะอยู่ไปจนถึงตอนเที่ยงคืนแล้ว”
รอนตอบอย่างเกรงใจ แต่เด็กสาวส่ายหน้าไม่เห็นด้วย
“ยังเหลือเวลาอีกนานกว่าจะถึงเที่ยงคืน ถ้าตอนนี้มีมอนสเตอร์อะไรบุกเข้ามาลำพังโรล่าคงทำอะไรไม่ได้แน่” เด็กสาวบอก “ดูเหมือนเลือดที่คุณรอนต้องใช้ในการเพิ่มพลังก็ไม่ได้มากอะไรด้วย คุณรับเอาไว้เถอะค่ะ ฟื้นพลังให้มากที่สุด เราทั้งสองคนจะได้ปลอดภัยมากขึ้น”
เด็กหนุ่มพยักหน้า ค่อยก้มใบหน้าลงไปที่ทรวงอกของเด็กสาวและบรรจงดูดรับเลือดอีกครั้ง
[+1][+1][+1][+1] …
รอนหลับตาลง สเตตัสพลังชีวิตค่อยๆไต่เพิ่มสูงขึ้น สเตตัส{Bleeding}กระพริบขึ้นถี่ๆก่อนจะหายไป
กระทั่งพลังชีวิตแตะที่ 50 เขาก็หยุด
ด้วยพละกำลังที่เพิ่มมากกว่าคนทั่วไป พลังชีวิตที่เท่านี้ก็เพียงพอสำหรับการต่อสู้กับมอนสเตอร์ทั่วๆไปด้วยมือเปล่าแล้ว
เด็กหนุ่มถอนริมฝีปากออกก่อนจะลุกไปหยิบชุดของตนที่แห้งแล้วมาคลุมร่างของเด็กสาวไว้
“ขอบคุณนะโรล่า”
เด็กสาวพยักหน้าให้ “ตอนนี้โรล่าน่าจะพอใช้เวทรักษาได้บ้างแล้ว คุณขยับเข้ามา..”
เด็กหนุ่มยิ้มและใช้นิ้วชี้ปิดแนบไปที่ริมฝีปากของเด็กสาว
“ตอนนี้ผมไหวแล้ว คุณรักษาแผลที่มือและแขนก่อนเถอะครับ”
โรล่าใช้เวทรักษาออกมา แผลที่มือหดตื้นขึ้น มืออุ่นขึ้นเล็กน้อยและขยับได้ รอนใช้ช่วงเวลานี้นำเสื้อผ้าของโรล่าและของเขาที่เหลือมาอังไฟให้อุ่นขึ้น
กรร!
เสียงขู่ดังมาจากเบื้องนอก ร่างสีดำสนิทค่อยๆปรากฎขึ้นที่หน้าถ้ำ ร่างของเสือดำที่ผอมโซจนมองเห็นซี่โครงปรากฎขึ้นมาห่างๆ ดูเหมือนกองไฟจะทำให้มันลังเล
โชคดีที่รอนและโรล่าไม่ได้ตัดสินใจไปล่าค้างคาว ไม่เช่นนั้นเขาคงไปเจอกับเสือตัวนี้ที่ด้านนอกแล้ว
รอนเดินไปหยิบมีดและเกราะหนังของโรล่ามาสวมเอาไว้ ยืนที่ตรงกองไฟใกล้กับเด็กสาว ตอนนี้ต่างจากเมื่อครู่ที่สู้กัน หากมันจะโจมตีต้องเดินลุยไฟกองใหญ่นี้เข้ามา หรือไม่ก็ต้องกระโจนข้าม
หากมันกระโจนข้ามลอยในอากาศ เขาก็ยังมีโอกาสจะต่อยหรือแทงมันด้วยพลังหมัด 100 กิโลได้
รอนและโรล่านั่งจ้องเสือดำผ่านเปลวไฟ เวลาค่อยๆผ่านไปอย่างช้าๆโดยไม่มีทีท่าว่ามันจะหนีไปที่อื่น จากที่เห็นชัดเจนว่าเสือตัวนี้ตื่นมาในช่วงที่ยังเป็นหน้าหนาว และมอนสเตอร์ที่ลดลงจากการจัดการของชาวบ้านทำให้มันไม่มีอะไรกิน
มันต้องการล่าเขาทั้งสองคน!
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ เปลวไฟค่อยๆลดลงช้าๆ รอนก็เติมฟืนที่เหลือเข้าไปเรื่อยๆจนหมด เวลาใกล้เที่ยงคืนเข้าไปทุกที ทุกที
“โรล่า”
“คะ?”
“ชุดของคุณยังไม่แห้งดี ใส่เสื้อผ้าของผมก่อนแล้วคุณเดินเข้าไปหลบที่ด้านใน”
“ค่ะ”
เด็กสาวค่อยๆกลัดกระดุมสวมเสื้อและกางเกงของรอน จากนั้นลุกเดินไปที่ด้านหลังถ้ำ หันกลับมามองเด็กหนุ่มตรงหน้า
“โรล่า”
“คะ”
“เดี๋ยวผมจะหายไปแวบนึง ไม่ต้องตกใจนะ”
รอนบอก มองเวลา23.59น.ในหน้าจอ
“เดี๋ยวผมจะกลับมา”
“ผมสัญญา”