Midterm Fantasy - ตอนที่ 92
“รอน เป็นอะไรไปน่ะ” แพทตรงเข้ามาเกาะแขนของรอนเอาไว้ ตอนนี้รอนนั่งทรุดลงกับพื้นเนื้อตัวสั่นไปหมด
ในใจของเด็กหนุ่มตอนนี้เต็มไปด้วยความกลัวและสับสบ
ที่ผ่านมาเขาเคยฆ่าแต่มอนสเตอร์ที่โลกโน้น
สำหรับที่โลกนี้เขาเคยก็แต่ทำร้ายต่อสู้จนอีกฝ่ายฟกช้ำหรือกระดูกหัก แต่นี่คือครั้งแรกที่เขาตัดอวัยวะอีกฝ่ายจนขาดออก
เขาทำให้คนต้องพิการนิ้วด้วนมือขาด
ที่ทำให้เขากลัวก็คือ มันคือการทำโดยที่ตอนนั้นเขารู้ตัวชัดเจน แถมความรู้สึกในตอนนั้นคือความรู้สึกพึงพอใจและสะใจเสียอีก
ทั้งเรื่องการวางแผนเบี่ยงเบนความสนใจให้ไปตกที่พวกนักข่าวซึ่งในภาวะปกติรอนไม่เคยคิดอยู่ในหัว
ไม่นับสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือตอนที่เขาไม่พอใจแพทเมื่อครู่นี้ ความรู้ที่แวบขึ้นมาเหมือนอยากจะตบหน้าแพทที่มาเถียง
ความรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเมื่อครู่นี้ทำให้รอนกลัวอย่างที่สุด
[Panic]
คำๆนี้ขึ้นที่หน้าจอของรอนหากแต่เขาไม่รู้ว่าจะเอามันออกยังไง
เด็กหนุ่มไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเกิดขึ้นตามหลัง [RAGE] โดยอัตโนมัติ
เขารู้สึกกลัวอย่างที่สุด มือสองข้างกอดอกอย่างหวาดหวั่น แล้วก็รู้สึกได้ว่ามีความอบอุ่นมาห้อมล้อมร่างของเขา
“ไม่ต้องกลัวนะ แพทอยู่นี่”
เด็กสาวโอบกอดเด็กหนุ่มเอาไว้ เสียงหายใจหอบถี่ของเขาค่อยๆช้าลง ความหวาดกลัวค่อยๆสงบลงเมื่ออยู่ในอ้อมกอดนั้น
[Panic] cancelled
ความหวาดกลัวเมื่อครู่หายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เหลือแต่เพียงความรู้สึกอบอุ่นที่โอบล้อม รอนค่อยๆเลื่อนมือลงมาแล้วค่อยๆเลื่อนขึ้นไปตามแผ่นหลังของเด็กสาว ค่อยๆโอบกอดที่ร่างบอบบางตรงหน้า
ร่างของแพทสะท้านเล็กน้อยแต่ยังคงกอดรอนเอาไว้ ทรวงอกที่เคลื่อนไหวเร็วขึ้นบ่งบอกให้รู้ถึงความรู้สึกภายใน หัวใจที่เต้นเร็วสูบฉีดเลือดให้ขึ้นไปที่ใบหน้าจนแดงเรื่อ
ตึกๆ ตึกๆ ตึกๆ
รอนรับรู้ได้ถึงแรงสั่นของหัวใจของเด็กสาว
ความหวาดกลัวเมื่อครู่หายไปจนหมดสิ้นแล้ว เขาค่อยๆยกศีรษะออกจากไหล่ของแพท ตาประสานตา มองดวงหน้าใส พวงแก้มที่แดงเรื่อ เลื่อนลงไปที่ริมฝีปากอิ่มแดงคู่นั้น
แพทมองไปที่รอนร่างสะท้านขึ้นเล็กน้อย
“รอน”
“แพท”
“กลับกันเถอะ ดึกแล้ว”
เด็กสาวลุกขึ้นดึงมือของรอนขึ้นมา ก่อนจะหันกลับจูงเขากลับไปตามถนน แพทดึงไม้พลองและถุงใส่ของทั้งหมดจากมือของรอนมาถือไว้ เคลื่อนมานาไปที่แหวนเก็บของต่างมิติจากนั้นเก็บของทั้งหมดเข้าไปในแหวน
ทั้งสองเดินไปตามถนน รถแล่นผ่านมาเป็นระยะบนถนนยามดึกสงัด ทั้งสองคนไม่พูดอะไรกันจนถึงรั้วบ้านของแพท
“Windwalk เอ๊ะ Windwalk”
แพทพยายามร่ายเวทแต่ร่ายไม่ได้ รอนล้วงเข้าไปในกระเป๋าหยิบผลึกแกนมอนสเตอร์ส่งให้แพทดูดซับพลังสามชิ้น
“[Wind Walk]”
ร่างของเด็กสาวเบาขึ้นมาในพริบตา
“ไปก่อนนะ พรุ่งนี้เช้าเจอกันที่โรงเรียน” เด็กสาวบอก
“อื้อ หลับฝันดีนะ”
“อือ”
แพทเล็งหน้าต่างห้องตนเองจากนั้นกระโดดขึ้นไป เธอเข้าไปในห้องนอนจากนั้นโบกมือให้รอน เขาโบกมือแล้วกลับไปที่ตรงจุดที่ซ่อนจักรยานจากนั้นขึ้นถีบเต็มแรง
ปัง!ครืดๆๆๆๆ
“อ้าว ชิบละ โซ่ขาด”
รอนมองดูโซ่ที่ขาดออกแล้วนึกได้ เวทMightที่ใช้ไปยังทำงานอยู่นี่หว่า
“เอาวะ แบกกลับก็ได้ เวทMightยังใช้ได้อยู่ วิ่งแป๊บเดียวก็ถึง ฮึบ”
ตัวอักษร [Might] ที่หน้าจอกระพริบแวบอยู่พักนึงก่อนจะแวบหายไป จักรยานในมือกลับมาหนักตามปกติทันที
“เชี้ยทททท พลังหมด” รอนมองดูนาฬิกา “ชั่วโมงนิดๆแฮะ หนึ่งม้วนใช้ได้ชั่วโมงนึงนี่เอง”
เขาถอนหายใจแล้วเข็นจักรยานเดินกลับไปตามถนนที่เงียบสงัด
เช้าวันถัดมาข่าวหน้าหนึ่งของทุกช่องลงข่าวการทลายแหล่งค้ามนุษย์ครั้งใหญ่ มีหญิงสาวชาวต่างชาติจำนวน28คนได้รับการช่วยเหลือ ข่าวส่วนใหญ่ลงข้อมูลคล้ายๆกัน แต่มีเพียงช่องเดียวที่ลงข่าวอย่างละเอียด มีภาพที่เกิดเหตุอย่างละเอียดครบถ้วน มีภาพผู้ได้รับการช่วยเหลือและการสัมภาษณ์ รวมไปถึงภาพที่เกิดเหตุและเหล่านักเลงที่ได้รับบาดเจ็บ(แน่นอนว่าไม่ลืมที่จะเซ็นเซอร์หน้าตาและชื่อนามสกุลของนักเลงเหล่านี้อย่างครบถ้วน)
“หนอย เจ้าธนัทมันไปถึงที่เกิดเหตุคนแรกได้ไงวะ พวกเราเฝ้าที่สถานีตำรวจทั้งวันทั้งคืนไปพร้อมตำรวจยังช้ากว่ามันอีก”
“ใช่ แล้วนี่ช่องมันทำสกู๊ปข่าวแบบเจาะลึก มันมีภาพก่อนเกิดเหตุตั้งเยอะแยะได้ไง หรือมันส่งคนเข้าไปถ่ายก่อนวะ”
“เป็นไปได้ว่ะ เมื่อเช้าบอกอช่องเราติดต่อไป เจ้าธนัทมันบอกว่าจะมีรูปของที่เกิดเหตุก่อนเกิดเรื่องจะขายให้”
“ฮ่าฮ่าฮ่า สุดยอด บอกแล้วใช่ไหมว่าช่องเราจะต้องได้ข่าวมาแบบสุดๆ” ธนัทตบบ่าช่างภาพคู่ใจ
“แต่เฮีย ถ้าพวกนั้นมันรู้ว่าเราได้มือถือของพวกมันมาพวกเราจะซวยเอานะ”
เมื่อคืนนี้พอทั้งคู่กลับออกจากที่เกิดเหตุก็พบว่าที่กระบะท้ายรถมีถุงเปื้อนเลือดตกอยู่ พอดูภายในก็เป็นโทรศัพท์มือถือจำนวนมาก
แวบแรกที่พบ ธนัทกดปิดเครื่องมือถือทุกเครื่องและถอดแบตเตอรี่ออกทั้งหมด จากนั้นจัดการให้ลูกน้องช่วยกันถอดซิมการ์ดและต่อสายข้อมูลว่าภายในมีอะไร แล้วก็พบว่าภายในมือถือหลายเครื่องมีภาพภายในหมู่ตึกของเป๋ง บางภาพมีภาพถ่ายภายในคุกใต้ดินที่ซึ่งนักข่าวไม่ได้รับอนุญาตให้ลงไปทำข่าวด้วย
“ทุกคนฟังไว้ หากมีใครถามให้บอกไปว่ามีคนส่งซิมการ์ดมาให้ที่สถานี” ธนัทบอกรุ่นน้องทุกคน
“ว่าแต่ใครส่งมาครับพี่” น้องคนนึงถาม
“บอกไม่ได้ ด้วยจรรยาบรรณไม่สามารถบอกได้” ธนัทตอบ “แหล่งข่าวคนนี้กล้าสู้กับอิทธิพลมืด เราเสี่ยงให้ความลับรั่วไหลไม่ได้ และเรื่องแบบนี้ยิ่งให้คนรู้น้อยที่สุดยิ่งดี”
“พวกนายไม่รู้แหละดีแล้ว มันอันตราย พี่รู้คนเดียวก็พอ” ธนัทยิ้มและกวาดสายตาไปรอบๆ รุ่นน้องหลายสิบชีวิตต่างมองเขาด้วยแววตาเป็นประกาย ความนับถือพุ่งขึ้นถึงขีดสุด
“สุดยอด”
“พี่คือไอดอลของผม”
หลายคนอุทานออกมา
ความรู้สึกดีแผ่ซ่านไปทั่วสรรพางค์กาย ธนัทไม่รู้หรอกว่าคนที่เอามือถือมาใส่ท้ายรถเป็นใคร แต่การทำให้ลึกลับคลุมเครือแบบนี้ก็ดี มันทำให้รุ่นน้องทุกคนมองเขาอย่างนับถือ
ดีไม่ดีถ้าช่องที่ใหญ่กว่าเชื่อว่าเขามีการติดต่อกับแหล่งข่าวลึกลับคนนั้น อาจจะสนใจติดต่อเขาให้ไปร่วมงานด้วยก็เป็นได้
ธนัทไม่ลืมที่จะทำลายโทรศัพท์ทุกเครื่องที่ได้มาให้สิ้นซาก เขาขับรถกระบะตระเวนเอามันไปแยกหย่อนทิ้งในถังขยะหลายแห่ง ทยอยกดเปิดเครื่องและหย่อนทิ้งลงไป ถ้าพวกนักเลงนั่นเกิดใช้โปรแกรมติดตามขึ้นมาก็จะพบกับความสับสนเพราะถังขยะที่เอาไปทิ้งนั้นห่างจากสำนักงานข่าวของเขาตั้งเยอะ
แถมถ้าขายภาพให้กับช่องอื่น พวกแก๊งค์นั่นก็จะงงไปเองว่าตกลงต้นฉบับมาจากไหน
บอกอหนุ่มขับกระบะกลับมาที่สำนักงาน หัวเราะให้กับความฉลาดปราดเปรื่องของตนเองโดยไม่รู้ตัวเลยว่าใต้ยางสำรองที่อยู่บนกระบะ มีไอโฟนสองเครื่องไหลถูกดันเข้าไปซ่อนอยู่ใต้นั้น
ที่ร้านขายเครื่องดนตรีขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง วันนี้บรรยากาศคึกคักเป็นพิเศษ มีคนเดินเข้าจากหน้าร้านไปยังหลังร้านหลายสิบคน
และที่หลังร้านนั้นชายร่างผอมสูงผิวขาวใส่แว่นตากลมมองที่หน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างโมโห ภาพตรงหน้าคือภาพเหตุการณ์ตอนที่ห้องประชุมของเป๋งโมบายเจอบุก เด็กหนุ่มที่ใส่หน้ากากและหมวกสีดำอัดนักเลงทั้งหลายจนน่วมไปหมด แม้จะถูกยิงขาจนเลือดอาบก็ยังต่อสู้จนชนะ
โต้งมิวสิคโมโหอย่างที่สุด สินค้าที่เสียหายไป28คนทำให้ลูกค้าไม่พอใจอย่างมาก ความเสียหายหลักล้าน ไม่นับว่าธุรกิจรับจ้างไลค์แชร์เถื่อนและซิมเถื่อนที่เป๋งโมบายคุมอยู่ก็เจอทำลายไปด้วย
“เฮียโต้งครับ ได้เรื่องแล้วครับ”
“ทนายจิว นั่งก่อน” โต้งชี้ไปที่เก้าอี้ “ว่าไง มีข้อมูลอะไรเพิ่มบ้าง”
“เป๋งโมบายบอกว่าศัตรูยึดมือถือของทุกคนไป และมีการโทรคุยกับคนชื่อธนัท ซึ่งก็อย่างที่เห็นในวงจรปิด มีนักข่าวชื่อธนัทมาถึงที่เกิดเหตุก่อนคนอื่น แถมช่องมันมีข่าวละเอียดมากผิดปกติ มีบางภาพถ่ายก่อนเกิดเรื่อง ลางภาพพี่น้องของเราบอกว่าเป็นภาพที่ถ่ายไว้ในมือถือ”
“ทนายจิวหมายความว่า”
“ใช่ นักข่าวนั่นอาจจะให้ข้อมูลคนลึกลับนั่น และโทรศัพท์ที่หายไปอาจจะอยู่กับนักข่าว” ทนายวางสมุดลงที่โต๊ะ “นี่คือข้อมูลโทรศัพท์ อีเมล์ พาสเวิร์ดของพี่น้องที่เจอจับ เฮียโต้งเอาไปเปิดโปรแกรมค้นหาได้”
“อีกอย่าง ไอ้เป่าลูกน้องเป๋งโมบายบอกว่ามันคิดว่ามันรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ก่อนหน้านั้นมันเจอนักเรียนม.ต้นคนนึงใช้ไม้พลองเล่นงานพวกมันซะยับ แล้วเด็กนั่นไปโผล่ในข่าวด้วยเห็นว่าวันนั้นเจอกระจกบาดแขนบาดเจ็บ”
“เฮ้ยใครก็ได้ เอาข้อมูลนี่ไปเปิดดูที่อยู่ของโทรศัพท์ซิ แล้วส่งคนไปที่โรงเรียน ไปดูซิว่าเด็กนี่มันคือคนเดียวกับที่บุกพวกเราหรือเปล่า”
โต้งมิวสิคเดินเข้าไปในห้อง ลูกน้องที่เชี่ยวชาญคอมพิวเตอร์ของมันจัดการเช็คโทรศัพท์ทีละเครื่อง
“เฮียโต้ง เครื่องเจอปิดหมดเลย”
“หมดเลยเรอะ” เฮียโต้งถามอย่างหัวเสีย
“เดี๋ยวผมตั้งทุกเครื่องไว้ก่อน ถ้าเครื่องไหนเปิดให้มันเด้งที่อยู่ขึ้นมา” ลูกน้องกดคีย์ข้อมูล “เดี๋ยวนะ เดี๋ยว ไอโฟนสองเครื่องเปิดอยู่ โทรเข้าได้”
มันรีบกดตัดสายทันที ดูไปที่เบอร์ จากนั้นเอาไอแพดเปล่ามา
“ไอโฟนสองเครื่องที่ยังเปิดอยู่เป็นของคนที่ชื่อเป่ากับซ้ง เดี๋ยวผมลงทะเบียนไอแพดสองเครื่องนี่ก่อน”
มันลงทะเบียนเครื่องอย่างรวดเร็วจากนั้นเปิดโปรแกรมตามหาไอโฟน สัญญาณขึ้นบนหน้าจอในที่เดียวกัน
“สำนักข่าว สำนักงานข่าวที่ไอ้นักข่าวที่ชื่อธนัทมันทำงานอยู่” โต้งชี้ไปที่แผนที่ ขณะที่จุดไอโฟนทั้งสองค่อยเคลื่อนตัวไปตามถนน
“เฮีย มีมือถือเปิดเครื่องแล้วจุดสัญญาณขึ้นที่เดียวกับไอโฟนสองเครื่องนั้น”
เฮียโต้งมองดูภาพบนหน้าจอทั้งหมด ดูเหมือนไอโฟนสองเครื่องจะตกอยู่บนรถ และรถก็เคลื่อนไปเรื่อยๆ ก่อนที่จะเปิดเครื่องมือถือทิ้งไว้ จากนั้นก็เคลื่อนรถต่อไป
“ไอ้นี่ ไอ้นี่มันจงใจเปิดมือถือแล้วเอาไปทิ้ง กะจะให้เราตามรอยไม่ถูก” โต้งมิวสิคทุบโต๊ะก่อนจะมองไปที่หน้าจอ จุดไอโฟนกลับไปที่ตำแหน่งแรก ที่ตำแหน่งของสำนักข่าว “ส่งคนไปดู เค้นนักข่าวนั่นมาให้ได้ว่าไอ้หน้ากากดำนั่นคือใคร เป็นอะไรกับมัน ถึงได้โทรคุยกันแล้วเอามือถือไปให้ไว้”
“แล้วส่งคนไปโรงเรียน ไปดูซิว่าไอ้เด็กนักเรียนชายที่ไอ้เป่าบอกว่าเก่งพลองคือใครมาจากไหน ใช่คนที่มาล้วงคองูเห่ารึเปล่า”
“คนที่ขัดขวางแก๊งค์เมษาต้องชดใช้!”