Midterm Fantasy - ตอนที่ 67
เด็กหนุ่มเดินตามกัปตันเรย์เข้าไปในห้องโถงกลางของปราสาท คบไฟที่ด้านข้างให้แสงสว่างสีเหลืองกระจายไปทั่วห้อง แสงสว่างวูบวาบตามการพลิ้วสะบัดของเปลวไฟ ภายในโถงกลางมีคนนั่งกันอยู่เกือบเต็ม
ฟากหนึ่งคือท่านโซล่า มีอา และนายทหารของเซ็นจูเรี่ยนทั้ง20 และกัปตันหน่วยทหารม้าอีก 3 คน …. หลายคนเป็นคนที่รอนไม่คุ้นหน้า ซึ่งก็เนื่องมาจากนายทหารหลายนายคือผู้ที่ขึ้นมาทำหน้าที่แทนนายทหารที่เสียชีวิตในที่รบไป
ส่วนอีกฟากของห้อง มีกลุ่มคนในชุดคลุมยาวแบบโทกานั่งอยู่ 20 กว่าคน โดยที่แถวหน้าสุดมีชายสามคนนั่งอยู่ ชายทั้งสามอยู่ในชุดโทกาสีม่วงประดับประดาด้วยริ้วด้ายสีทองที่หรูหรางดงาม เมื่อประกอบกับผมที่ออกเป็นสีเทาแล้วก็ยิ่งขับประกายให้ดูภูมิฐานยิ่งขึ้น
เมื่อรอนเดินเข้าไปถึงในห้อง เรย์ก็เดินไปนั่งประจำที่ของตนที่ด้านหลังของท่านโซล่า รอนเดินไปนั่งตรงที่นั่งที่ยังว่างอยู่ข้างๆมีอา
“นี่ของที่ท่านฝากข้าไว้” มีอายื่นโทรศัพท์ที่รอนฝากไว้ตั้งแต่ตอนเที่ยงให้ เด็กหนุ่มรับไปกดเปิดดู … ยังเปิดได้ แบตเตอรี่ยังเกินครึ่งนึงอยู่ … เขาเก็บใส่กระเป๋าตามเดิม
“ในเมื่อเด็กหนุ่มคนนี้มาแล้วเราก็กลับมาคุยเรื่องที่ค้างไว้ต่อได้แล้ว” ชายที่นั่งตรงกลางบอก
โซล่าขยับตัวนิดนึงก่อนจะหันมาทางเด็กหนุ่ม
“ทั้งสามท่านนี้คือหัวหน้าตระกูลใหญ่ทั้งสามของเมืองเรา … ท่านนี้คือท่านจอห์น ซิลเวอร์รอน ท่านนี้คือท่านปีเตอร์ ซันเดอร์ ส่วนท่านนี้คือท่านเบน เซเลนิค”
แล้วโซล่าก็หันไปทาง3คนนั้น “ส่วนนี่คือท่านรอน ….. เป็นนักเดินทางที่ผ่านมาช่วยเมืองของเรา” โซล่านิ่งไปเพราะนึกได้ว่าไม่เคยถามชื่อตระกูลของรอนมาก่อน
“รอน เฉยๆรึ” หัวหน้าตระกูลซันเดอร์เอ่ยขึ้น “แล้วชื่อสกุล ตระกูลล่ะ?”
“ท่านปีเตอร์อย่าคิดมาก พวกที่ไม่มีชื่อสกุลก็มีมากมายเป็นเรื่องปกติ” จอห์น ซิวเวอร์รอนปรามก่อนจะหันไปยิ้มให้รอน “คนที่ไม่มีระบุชื่อตระกูลก็มีมากมายไปไม่ว่าจะพวกชนชั้นล่าง พวกอาชญากร หรือพวกขุนนางตกอับที่ตระกูลด่างพร้อยเท่านั้น ท่านรอนว่าจริงไหม”
“ฮ่าๆๆๆๆ”
“ฮ่าๆๆๆ”
หัวหน้าตระกูลทั้งสามพูดอย่างไม่เกรงใจ
หลายวันมานี้มันให้คนสืบถามข้อมูลจากหลายๆทาง แม้จะไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มเป็นใครมาจากไหน แต่ว่าที่พวกมันล้วนมั่นใจคือเด็กหนุ่มคนนี้มีตัวคนเดียว และในตอนแรกที่มาโผล่ในบริเวณนี้ก็ไปปรากฎกายในหมู่บ้านเล็กๆแบบปราศจากเงินทอง ดังนั้นต่อให้หักหน้าเจ้าหนุ่มคนนี้สักเพียงไรก็คงไม่มีใครมาทำอะไรพวกมันได้
อีกประการที่หัวหน้าตระกูลทั้งสามต้องการจะทำคือ เด็กหนุ่มคนนี้มีความสามารถจริง และมีศักยภาพที่จะก้าวขึ้นมามากกว่าที่เป็นอยู่ ในเมื่อช่วงของการรบป้องกันเมืองก็ได้พิสูจน์แล้วว่าทั้งหมดไม่สามารถไปด้วยกันได้ สู้รีบกดหัวให้ลงต่ำไว้ตัดไฟแต่ต้นลมจะดีที่สุด
ส่วนเจ้าเมืองโซล่าได้แต่กัดฟันข่มอาการโกรธ ถึงอย่างไรตระกูลทั้ง3ก็ควบคุมการค้าขายและเศรษฐกิจในเมืองหลายอย่าง แม้เขาเป็นเจ้าเมืองแต่หากไปขัดแย้งก็อาจจะเกิดปัญหาในภายหลังได้
“ตอบท่านหัวหน้าตระกูลซันเดอร์” รอนบอก “ ผมชื่อรอน ลาเวนเดอร์”
ทั้งสามหยุดหัวเราะและหันไปมองรอน … เด็กชายมองไปรอบๆอีกครั้งก่อนจะแนะนำตัวใหม่
“ผมชื่อรอน ลาเวนเดอร์แห่งตระกูลลาเวนเดอร์” รอนบอก “ตราประจำตระกูลของตระกูลผม เป็นรูปหนูน้อยวิ่งในทุ่งลาเวนเดอร์ … บ้านเกิดของผมอยู่อีกทวีปหนึ่งซึ่งห่างไกลจากที่นี่มาก เป็นดินแดนที่เรียกว่า Beautiful World”
หัวหน้าตระกูลทั้งสามหยุดหัวเราะ … เบน เซเลนิค ควักเอาลูกแก้วลูกหนึ่งออกมาจากย่าม ลุกเดินไปที่รอน
“ข้าแต่เทพเวอริทัส โปรดเปิดเผยความเป็นจริงต่อพวกเราทั้งหลายด้วย <Truth>”
หัวหน้าตระกูลเซเลนิคอัดฉีดมานาเข้าไปในลูกแก้วนั้น จับแขนรอนขึ้นแล้วยัดลูกแก้วลงบนมือ
“ท่านเบน! มันจะมากไปแล้วนะ” โซล่าตบโต๊ะ
“ใช่แล้ว ท่านทำแบบนี้เหมือนดูถูกกันชัดๆ”
“ท่านรอนช่วยเหลือเมืองของเราไว้ จะมาทำแบบนี้ได้ยังไง”
“การใช้เวทจับโกหกแบบนี้ใช้เฉพาะเวลาตัดสินคดีที่มีความสำคัญและไม่ใช่จะใช้กันพร่ำเพรื่อ ท่านเอามาใช้แบบนี้เท่ากับดูถูกท่านรอนชัดๆ”
นายทหารที่อยู่เบื้องหลังของโซล่าลุกขึ้นทันที … เด็กหนุ่มตรงหน้านี้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับพวกเขามาหลายวัน ตอนนี้กลับถูกกระทำหยามเหยียดเยี่ยงนี้จะให้ทนต่อไปได้อย่างไร
“ท่านชื่ออะไร” เบนถามอีกครั้งโดยไม่สนใจอะไร
“รอน”
ลูกแก้วส่องแสงเรืองเล็กๆเป็นแสงสีขาวก่อนจะกลับไปสู่สภาพปกติ เบนยิ้มก่อนจะถามต่อ
“ท่านมาที่นี่เพื่อมิใช่ว่าจะหวังหาประโยชน์จากเมืองของเรา ตอบเพียงใช่หรือมิใช่ก็พอ” เขาถามต่อด้วยประโยคที่กำกวม …
ประโยคแบบนี้หากตอบสั้นๆว่า “ใช่” มันก็จะบอกว่ารอนหวังมาหาประโยชน์ ถ้าตอบว่า “ไม่ใช่” มันก็จะบอกว่ารอนไม่ใช่ไม่หวังมาหาประโยชน์
… เป็นลูกเล่นที่ฝึกฝนในการหักหน้าอีกฝ่าย
“ผมไม่หวังหาประโยชน์ใดๆจากเมืองนี้” รอนตอบแบบขมวดคิ้ว … พวกผู้ใหญ่พวกนี้เล่นเป็นเด็กๆ … เวลานั่งอ่านในSocial media พวกสภานักศึกษาหลายที่ชอบใช้ประโยคกำกวมคำสวยหรูฟังดูยากในการถกเถียงแล้วตัดคำไปโจมตีอีกฝ่าย … เวลาตอบต้องตอบเป็นประโยคแบบนี้เพื่อป้องกันการเอาไปด่า
หัวหน้าตระกูลทั้งสามชักเอะใจ … เจ้าหนุ่มนี่ไม่หลงกลแฮะ
“พ่อแม่ของท่านทำงานอะไร” เบนถามต่อ “เป็นชาวนาชาวไร่ พ่อค้า?”
“….. พ่อของข้า ……” รอนคิดว่าจะอธิบายยังไงดีให้เข้าใจถึงงานสถาปนิก
คิดไม่ออก
“พ่อของท่านทำงานยังไง …. หรือว่าอาชีพ สถานที่ทำงานของพ่อของท่านมันน่าอับอายนัก” จอห์นเอ่ย
รอนยังนึกไม่ออกว่าจะอธิบายยังไง งั้นอธิบายที่ทำงานละกัน “ พ่อของข้า ทำงานใต้คนเพียงหนึ่ง เหนือคนนับพัน”
ทุกคนในห้องผงะ … ใต้คนเพียงหนึ่ง เหนือคนนับพัน ! ต้องตำแหน่งใหญ่แค่ไหนกัน
แล้วทุกคนก็จ้องไปที่ลูกแก้ว มันส่องแสงสีขาวประกายออกมา เด็กคนนี้ไม่ได้โกหก!
ส่วนรอนจำได้ว่าพ่อเคยบ่นบอกว่าบริษัทไปตั้งสำนักงานบนชั้นบนสุดของตึก แถมที่ไม่พอ ห้องทำงานพ่อไปอยู่ตรงชั้นลอยของสำนักงานตรงใต้ตำแหน่งห้องพนักงานเสาสัญญาณโทรศัพท์
จอห์น ซิลเวอร์รอนโบกมือให้เบนเปลี่ยนคำถาม
“แล้วแม่ของท่านล่ะ”
“แม่ของข้าเป็นแค่แม่บ้านธรรมดา” รอนตอบ
ลูกแก้วในมือเปลี่ยนเป็นสีดำขุ่นทันที
“ท่านรอน … ท่านปิดบังอะไรอยู่หรือเปล่า” เบนแสยะยิ้ม
รอนนึกได้ … แม่ของเขาถึงจะอยู่บ้านตลอดแต่ไม่ได้เป็นแม่บ้านเฉยๆ แต่ทำเครือข่ายขายตรงนี่หว่า …. เชรด! ลูกแก้วนี้มันบอกได้ว่าเขาโกหกแม้ว่าเขาจะลืมนึกไปและตอบแบบบริสุทธิ์ใจ!
“ท่านรอน ถ้าหากไม่สะดวกใจไม่ต้องตอบก็ได้” โซล่าโบกมือ “คำถามพวกนี้ไม่เห็นเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เราประชุมกันเลย”
“ท่านรอน แม่ท่านทำอะไรรึ” เบนถามอย่างไม่ปล่อย ในเมื่อเป็นคำถามที่เจ้าหนุ่มนี่โกหก ก็ต้องมีอะไรให้คุ้ยแน่ๆ
“แม่ของผมทำงานเครือข่าย …” รอนบอก … จะให้บอกว่าทำขายตรงยังไงฟะ
“เครือข่าย …. เครือข่ายอะไร?”
“….. เอ่อ …. เป็นงานแบบว่า …. แบบที่มีลูกน้องคอยส่งข้อมูลข่าวสารเพื่อขอคำแนะนำ จากนั้นแม่ของผมก็จะให้คำแนะนำเพื่อให้ลูกน้องลงมือปฏิบัติอีกที” รอนบอก
“เครือข่าย ลูกน้อง ???” หัวหน้าตระกูลคิดในใจ … งานอะไรกัน … รึว่า ….
“แม่ท่านมีลูกน้องสักเท่าไหร่ … งานที่ทำนี่เป็นแบบเปิดเผยทั่วไปหรือในทางลับ” จอห์น ซิลเวอร์รอนฉุกคิดแล้วถาม
“…… คนในเครือข่ายของแม่ผมมีราวๆพันกว่าคน ทำงานอยู่ทุกที่ในอาณาจักร ทั้งในเมือง นอกเมือง บางครั้งก็ไปอาณาจักรข้างๆบ้าง” รอนค่อยๆนึก “ ส่วนเปิดเผยไหม ผมนึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะตอบยังไง … เบื้องหน้าแต่ละคนก็เป็นครู เป็นแม่บ้าน เป็นคนทำงานทั่วไป ทหาร ช่างฝีมือ หรือแม้แต่นักเรียน … แต่ปกติไม่มีใครรู้หรอกว่าทำงานในเครือข่าย”
‘ฟ ฟ ฟ ฟ ฟ ฟ ฟ ฟ ฟ ฟ ฟ ฟ ฟ’ คนในห้องสบถในใจ …. มารดาท่านเถอะ! งานที่มีเครือข่ายไปทั่วอาณาจักร มีลูกน้องนับพัน และแทรกซึมโดยฉากหน้าทำอาชีพหนึ่งและปกติไม่มีใครรู้ว่าทำอะไร !!! มันก็มีแต่พวกนักฆ่าหรือไม่ก็สายลับเท่านั้น
“ข้าเข้าใจแล้ว …..” เบนไม่ถามอะไรต่อ เดินไปหยิบลูกแก้วออกจากมือเด็กหนุ่ม
“ครับ” รอนโล่งใจ ที่แท้ที่นี่ก็มีคนทำงานขายตรงเหมือนกันนี่เอง
“เอาล่ะ เราเข้าเรื่องที่คุยกันต่อไว้เมื่อครู่ … ความจริงวันนี้เรามีประชุมกันหลายเรื่อง แต่มีบางเรื่องที่เกี่ยวข้องกับท่านรอนและพวกเราต่างเห็นไม่ตรงกัน” โซล่าบอก “ข้าเลยคิดว่าต้องถามความเห็นจากท่านรอนเสียก่อน … นั่นคือเรื่องสินสงคราม”
“ สินสงคราม?” รอนเอ่ยขึ้น
“ใช่แล้ว …. การรบครั้งนี้ ท่านรอนมีความชอบมากที่สุด ทั้งจัดทำอุปกรณ์ยิงหินป้องกันเมือง ทั้งบุกออกไปแนวหน้าหลายครั้ง ช่วยป้องกันเมืองไว้หลายรอบ และที่สำคัญคือเป็นคนสังหารดราซัคได้ …. ข้าจึงเสนอว่าควรจะแบ่งสินสงครามในครั้งนี้ให้ท่านรอนให้มากที่สุด” โซล่าตอบ ก่อนจะเลื่อนรายนามสิ่งของหลังการรบให้รอนดู
“พวกข้าไม่เห็นด้วย … การรบทั้งหมดคือพวกเราทั้งหมดร่วมมือร่วมใจกัน … ทหารรบนอกเมือง 3ตระกูลใหญ่ดูแลความสงบในเมือง ความสูญเสียล้วนมากมาย ไหนเลยจะแบ่งปันสินสงครามให้คนนอกได้” หัวหน้าตระกูลเซเลนิคกล่าว
“พวกท่านทำอะไรกันที่ไหน” นายทหารคนนึงร้องขึ้น “ตระกูลซิลเวอร์รอน พอมีการรบที่ประตูตะวันตกก็ย้ายคนหลบหนีไม่ได้ป้องกันเมืองสักนิด”
“งานของเราประจักษ์ชัดอยู่ พวกเราช่วยดูแลความสงบในเมือง … ทุกท่านก็เห็นว่าระหว่างการรบภายในเมืองไม่มีเหตุวุ่นวายใดๆ เห็นได้ชัดว่าเป็นผลงานของพวกเรา” จอห์น ซิลเวอร์รอนบอก
“ท่าน! …..”
นายทหารทุ่มเถียงกับคนจากสามตระกูลอย่างโมโห ส่วนรอนนั่งดูรายชื่อของที่โซล่าจดมาให้
… นี่มันอัลลัย!
ผลึกแกนมอนสเตอร์จากบรรดาออร์คและมอนสเตอร์ที่ฆ่าได้ … จะเอาไปทำไมในเมื่อที่ได้จากมีอาเมื่อคราวก่อนยังเหลืออีกเป็นกระบุง
เขี้ยวออร์ค เพื่อเอาไว้แลกเป็นเงิน … จะเอาไปทำไม ในเมื่อตอนนี้เงินเหรียญทองที่ได้จากการขายยายังเหลืออีกเพียบ
อาวุธมีดดาบเกราะจากออร์คที่ยึดมาได้ … ของห่วยๆแบบนั้น จะเอาไปทำไม
ไม้เท้าจอมเวทดราซัค ใช้ร่ายเวทโดยไม่เปลืองมานา … สัส ตรูไม่มีเวทมนตร์
ชุดคลุมจอมเวทเพื่อเพิ่มการฟื้นพลังมานา … สัสสส ตรูไม่มีเวทมนตร์
สร้อยเครื่องรางเพิ่มพลังโจมตีเวทมนตร์ … สัสสสสสส ตรูไม่มีเวทมนตร์
แหวนเก็บของต่างมิติ 8 วง [ยังไม่ได้เปิดผนึกดูภายใน] … สัสสสสสสสสสสสสสส ตรูไม่มีเวทมนตร์ ตรูเปิดไม่ได้
รอนเงยหน้าดู … ฝ่าย 3 ตระกูลใหญ่และทหารทุ่มเถียงกันหนักหน่วง ฟังจากการเถียงทะเลาะดูแล้วแม้ทหารจะมีอำนาจ แต่พวก3ตระกูลก็มีบทบาทในเมืองไม่น้อย ไม่แปลกที่จะมีการเถียงแย่งการตัดสินใจกันแบบนี้
เด็กหนุ่มถอนหายใจ คิดอะไรบางอย่าง จากนั้นกดๆโทรศัพท์แล้ววางคว่ำไว้ที่โต๊ะตรงหน้า
“ท่านโซล่าครับ” รอนหันไปบอก “ทั้งหมดนี้ ผมยกให้ท่านโซล่าจัดการแล้วกันครับ ผมไม่ขอรับไว้”
คนทั้งห้องหยุดเถียงกันแล้วหันมามองเป็นตาเดียว ‘ไม่ขอรับของเอาไว้!’
“ท่านรอน …. แบบนี้ไม่ได้นะ ท่านเป็นคนที่มีผลงานมากที่สุดในนี้นะ” มีอาร้องบอก
“ตอนนี้เมืองของเราเพิ่งผ่านการรบมา ยังต้องอาศัยทรัพย์สินเงินทองในการฟื้นฟูเมือง ชาวบ้านต่างสูญเสียญาติพี่น้อง กองทหารอ่อนกำลัง ของพวกนี้ควรเก็บไว้เพื่อฟื้นฟูเมืองมากกว่า” รอนบอก “ และอีกอย่าง ทรัพย์สินในแหวนของดราซัค แม้ผมไม่รู้ว่าข้างในมีอะไร แต่เชื่อว่าต้องมีบางอย่างที่มันแย่งชิงได้มาจากประชาชนรอบๆที่มันเข่นฆ่าทำร้าย … ของพวกนี้ผมรับมันไว้ไม่ได้หรอกครับ”
“ถ้าหากผมต้องการในทรัพย์สินพวกนี้ … ตอนที่ผมฆ่าดราซัคได้ ผมอยู่ตรงนั้นเพียงผู้เดียว จะเก็บแหวนสัก 4-5 วง ก็ทำได้ … นี่ก็น่าจะเป็นเหตุผลที่ชัดพอแล้วว่าถึงให้ตอนนี้ผมก็ไม่รับอยู่ดีครับ” รอนพูด … พลางคิดเสียดายในใจ … ถ้าตรูมีเวทมนตร์นะ ฮึ่มๆๆๆ แหวนทุกวงเจอเก็บเรียบไปแล้ว
“ฮ่าๆๆๆๆ ดี ดี อย่างน้อยยังไม่ใช่คนเนรคุณ ยังมีจิตสำนึก” ปีเตอร์หัวเราะ
“ท่าน! …..” โยฮันลุกขึ้นชี้หน้า
“ท่านโซล่าครับ … ผมว่า ในเมื่อเรื่องที่ต้องคุยกันต่อจากนี้เป็นเรื่องของผม … ก็ให้พวกนายทหารทั้งหลายไปพักก่อนแล้วกัน แล้วท่านโซล่าอยู่กับผมไปก่อน” รอนบอกกับเจ้าเมืองพลางหลิ่วตาไปทางโยฮันที่กำลังโกรธ
เจ้าเมืองพยักหน้าให้ ตอนนี้นายทหารทั้งหลายกำลังโกรธ ถ้าปล่อยไว้แบบนี้คงไม่ใช่เรื่องดี ในเมื่อรอนยอมถอยขนาดนี้แล้วเขาก็ไม่อยากให้เสียเรื่อง
“งั้นพวกท่านกลับไปก่อน เดี๋ยวข้าจะอยู่ตรงนี้กับท่านรอนเอง”
“แต่ว่า”
“ไป … กลับกันก่อน” โซล่ากระพริบตาถี่ๆ
“กลับกันก่อนเถอะครับ ผมขอร้อง” รอนบอกพลางลุกขึ้นแล้วดึงมือมีอาให้เดินตาม มีอาลุกตามแบบงงๆ …
จากนั้นรอนและโซล่าก็ขอร้องพลางต้อนนายทหารทั้งหมดเดินลงจากบันไดโถง จนภายในห้องโถงประชุมเหลือเพียงแต่คนของสามตระกูลใหญ่
“ข้าแต่เทพเวอริทัส โปรดเปิดเผยผู้ที่ซ่อนแอบลอบฟังข้าพเจ้า <Detect>”
เบน เซเลนิคร่ายเวทและยกมือขึ้นดู
“ในห้องไม่มีผลึกบันทึกเสียง พวกเราคุยกันได้” หัวหน้าตระกูลเซเลนิคบอกกับทุกคน
“เรื่องสินสงครามก็หมดไปแล้ว เจ้าหนุ่มนั่นยอมเลิกราง่ายๆ” ปีเตอร์พูด
“พอจบจากตอนนี้ เราจะต้องจัดการให้โซล่าแบ่งสินสงครามให้พวกเราอย่างน้อยครึ่งนึง” จอห์นบอก “พวกนั้นรบภายนอก พวกเราดูแลภายใน ครึ่งนึงเหมาะสมที่สุดแล้ว”
“ท่านนี่ร้ายกาจนัก ทั้งๆที่ซิลเวอร์รอนย้ายบ้านหนีตอนที่ประตูตะวันตกเจอโจมตี” เบนหัวเราะ “แล้วเรื่องค่าชดเชยให้ชาวเมืองที่ตายไปล่ะ”
“ค่าชดเชยชาวเมืองที่ตายเป็นเรื่องของเมืองกาล่า ไม่เกี่ยวกับพวกเรา … ยังไงพวกชนชั้นล่างจะตายไปสักเท่าไหร่ก็ไม่เห็นต้องสนใจ ถ้าเมืองไม่มีเงินให้ยิ่งดี เพราะครอบครัวที่ลำบากก็จะต้องขายที่ขายทรัพย์สิน พวกเราจะกดราคาซื้อได้ในราคาถูก” จอห์นบอก
“ถูกต้อง”
“ดีแล้ว”
สมาชิกตระกูลที่นั่งเบื้องหลังพยักหน้ากัน
“แล้วเรื่องเครื่องยิงหินและแบบแปลนล่ะ” เบน เซเลนิคถาม “เจ้าเมืองและพวกช่างไม้มันบอกว่าตกลงกับท่านรอนไว้แล้วว่าจะไม่ใช้ต่อ”
“เรื่องนั้นเราจะต้องบังคับให้เจ้าหนุ่มนั้นมอบให้พวกเราให้ได้ หรือถ้ามันไม่ยอม พรุ่งนี้ก็ให้คนของเราไปยึดมาสักเครื่องนึงแล้วจัดการถอดชิ้นส่วนศึกษา” ปีเตอร์บอก
“ที่สำคัญ เราจะต้องลงคะแนนเสียง ขับไล่ให้เจ้ารอนออกจากเมืองไป เพราะพอเราเอาส่วนแบ่งจากสินสงครามไป แล้วโซล่าไม่มีเงินช่วยเหลือชาวเมือง เราจะได้ปล่อยข่าวได้ว่าเป็นเพราะเจ้าหนุ่มนั่นมันฮุบสินสงครามไปครึ่งนึง” หัวหน้าตระกูลซิลเวอร์รอนบอก “ชาวเมืองก็จะโกรธแค้นเจ้าเด็กนั่นแทน จากนั้นเราก็เอาเงินเหลือๆมาแจกจ่าย ความนิยมในพวกเราก็จะมากขึ้น”
“ถูกต้อง …. ตั้งแต่มันมา การค้าขายยาที่พวกเราอุตส่าห์กักตุนไว้ก็ซบเซาและขาดทุน ถ้ามันอยู่ต่อไป ความนิยมต้องมากขึ้นแน่ๆ”
“ฮ่าๆๆๆ ท่านนี่มีความคิดอ่านที่เยี่ยมจริงๆ ชาวเมืองพวกนี้โง่ถึงขนาดนั้น มันต้องไม่รู้แน่ๆว่าพวกเรามีแผนที่ลึกซึ้งขนาดไหน”
ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ทุกคนหัวเราะกัน
“พอๆๆ พวกมันกลับมากันแล้ว” เบนบอก
โซล่า รอน และมีอากลับเข้ามาในห้อง แล้วนั่งลง … คนของสามตระกูลใหญ่นั่งยิ้มกันถ้วนหน้า
“ท่านโซล่า เรามาคุยต่อกัน” ปีเตอร์บอก “เรื่องเครื่องยิงหิน”
“อย่างที่ข้าบอกไป แบบแปลนเครื่องยิงหิน ข้าสัญญากับท่านรอนไว้แล้วว่าจะไม่เปิดเผยที่ใด” โซล่าหน้าตึงใส่ “ของที่มีค่ามหาศาลนี้ ท่านรอนให้มาฟรีๆเพื่อชาวเมือง เราผิดสัญญาไม่ได้”
จากนั้นเจ้าเมืองก็หยิบแบบแปลนที่รวบรวมมา เดินไปยังคบไฟแล้วเผาทิ้งทั้งหมด
“ท่าน ….!” จอห์นพูดก่อนที่จะหยุดไป … เดี๋ยวให้คนไปยึดเครื่องมาสักเครื่องพรุ่งนี้ก็แล้วกัน “แล้วก็แล้วไปเถอะ”
“งั้นเรื่องสุดท้าย … เรื่องเจ้าหนุ่มคนนี้ … พวกเราตัดสินใจตรงกันว่าเจ้าหนุ่มคนนี้จะต้องออกจากเมืองไป”
“……” รอนมองไม่พูดอะไร
“ตั้งแต่มันปรากฏกายขึ้นมา เมืองของเราก็มีแต่เรื่องวุ่นวาย มีทั้งโรคระบาด ทั้งนักรบมังกรที่บุกตีเมือง พวกเราเลยตกลงใจว่าควรให้มันออกจากเมืองนี้ไป”
“พวกท่าน !!!” มีอาตะโกน “ท่านก็รู้ว่ามันไม่เกี่ยวกัน ออร์คโจมตีหมู่บ้านมาพักใหญ่แล้ว โรคระบาดก็มีมาก่อนแล้ว”
“……..” หัวหน้าตระกูลซิลเวอร์รอนมองหน้าทั้ง 3 คนแล้วพูดขึ้น “งั้นข้าจะบอกตรงๆ พวกเราไม่ชอบหน้ามัน”
“เอาอย่างนี้แล้วกันพ่อหนุ่ม ถ้าพรุ่งนี้เช้าเจ้ายังอยู่ในเมืองนี้ … พวกเราทั้งสามตระกูลจะให้ร้านค้าทั้งหมดหยุดการขายอาหารให้ชาวเมือง … ถึงแม้ว่าจะมีร้านค้าอื่นๆที่ขายอยู่ แต่ถ้าพวกเราหยุดทั้งหมด ราคาอาหารก็ต้องขึ้นแน่นอน ชาวเมืองต้องลำบาก … เจ้าจะเลือกแบบไหน”
“งั้นผมจะออกจากเมืองคืนนี้ครับ” รอนตอบสั้นๆ
“ท่านรอน!” โซล่าร้องเสียงหลง
“ท่านโซล่าครับ … ตอนนี้เมืองกำลังลำบาก … ในการรบครั้งนี้ สามตระกูลใหญ่ไม่ได้ช่วยเหลือพวกเราในการรบใดๆเลยหากแต่หลบหลังผู้หญิงและคนชราที่ ดังนั้นทรัพยากรทั้งหมดจึงมีมากที่สุด หากผมอยู่ต่อไปชาวเมืองจะลำบาก … ดังนั้นผมจะไปครับ”
“ฮ่าๆๆ ด่าได้ดี” เบนตบมือให้ มันไม่ได้ใส่ใจอะไรกับคำด่านัก ตราบใดที่ถูกด่าแล้วผลประโยชน์ยังอยู่ในมือ จะเจอด่าแค่ไหนก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย
“งั้นผมขอไปเก็บข้าวของแล้วลาก่อน” รอนลุกขึ้นหยิบโทรศัพท์ที่วางบนโต๊ะแล้วเดินออกไป
“ท่านรอน รอก่อน”
“ท่านรอน”
โซล่ากับมีอาวิ่งตามรอนออกไป … คนของสามตระกูลใหญ่ต่างหัวเราะตบมือกันในชัยชนะ
“ท่านรอน …. ท่านรู้ได้ยังไงว่าพวกมันจะให้ท่านออกจากเมือง”
“ผมคุยกับเรย์ก่อนจะเดินเข้าไปข้างใน เรย์บอกว่าท่านโซล่ากับหัวหน้าตระกูลใหญ่กำลังเถียงกันเรื่องการใช้แบบแปลนเครื่องยิงหิน” รอนบอก “ ผมมั่นใจว่าถ้าท่านโซล่าไม่ตกลง ทางนั้นต้องหาทางทำอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้แน่ๆ”
“แถมก่อนการรบครั้งที่ผ่านมา พวกนั้นส่งคนมาพูดให้ร้ายผม ดังนั้นผมเลยคิดว่าพวกมันจะต้องเล่นงานอะไรผมสักอย่างแน่ๆ”
“ต้องขอโทษคุณรอนด้วนะคะ ที่พวกเราไม่สามารถช่วยคุณรอนได้ ทำให้คุณรอนต้องลำบากไปด้วย”
รอนยิ้มให้ “ ไม่ต้องคิดมากครับ ความจริงแล้วก่อนจะมานี่ผมเพิ่งเดินทางไปคุยกับคุณเบรเซอร์เพื่อบอกลา …ความจริงคืนนี้คือกำหนดที่ผมตั้งใจจะออกเดินทางอยู่แล้ว”
“และไหนๆผมก็จะไปอยู่แล้ว สู้ใช้การไปของผมสร้างประโยชน์จะดีกว่า”
“ประโยชน์อันใดรึ?” โซล่าถาม
“เดี๋ยวคืนนี้คงได้รู้กันครับ” รอนบอก “ยังไงหลังจากผมไปแล้วรบกวนท่านทั้งสองช่วยดูแลชาวบ้านหมู่บ้านโอลเซ่นด้วยนะครับ”
“ได้ ไม่ต้องเป็นห่วง” เจ้าเมืองรับคำ
รอนเดินจากมา หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดฟังเสียงที่อัดไว้ในห้องประชุม
… เขาฟังทั้งหมดแล้ว ก็จัดการถ่ายโอนเข้าโปรแกรมตัดเสียง ตัดบางเสียงออกไป
ค่ำคืนนั้นก่อนเที่ยงตืน ขณะที่ทุกคนนอนหลับในห้วงนิทรา
“เรื่องสินสงครามก็หมดไปแล้ว เจ้าหนุ่มนั่นยอมเลิกราง่ายๆ”
“พอจบจากตอนนี้ เราจะต้องจัดการให้โซล่าแบ่งสินสงครามให้พวกเราอย่างน้อยครึ่งนึง”
ชาวเมืองต่างตื่นขึ้นเพราะเสียงคุยที่ดังขึ้นทั่วเมือง
“นั่นเสียงของท่านปีเตอร์ หัวหน้าตระกูลซันเดอร์นี่นา”
“เสียงนั่นข้าจำได้ เสียงหัวหน้าตระกูลซิลเวอร์รอน”
ชาวเมืองต่างเงี่ยหูฟังเสียงที่ดังขึ้น
“ค่าชดเชยชาวเมืองที่ตายเป็นเรื่องของเมืองกาล่า ไม่เกี่ยวกับพวกเรา … ยังไงพวกชนชั้นล่างจะตายไปสักเท่าไหร่ก็ไม่เห็นต้องสนใจ ถ้าเมืองไม่มีเงินให้ยิ่งดี เพราะครอบครัวที่ลำบากก็จะต้องขายที่ขายทรัพย์สิน พวกเราจะกดราคาซื้อได้ในราคาถูก”
เหหหหหห อะไรกัน ทำไมหัวหน้าตระกูลซิลเวอร์รอนพูดอะไรแบบนี้ได้
“ที่สำคัญ เราจะต้องลงคะแนนเสียง ขับไล่ให้เจ้ารอนออกจากเมืองไป”
“ถูกต้อง …. ตั้งแต่มันมา การค้าขายยาที่พวกเราอุตส่าห์กักตุนไว้ก็ซบเซาและขาดทุน”
อะไรกัน!!! หัวหน้าตระกูลใหญ่ทำอะไรแบบนี้เรอะ!
ชาวเมืองที่ตื่นเพราะเสียงที่ได้ยินต่างลุกออกมานอกบ้านและวิจารณ์
“เอาอย่างนี้แล้วกันพ่อหนุ่ม ถ้าพรุ่งนี้เช้าเจ้ายังอยู่ในเมืองนี้ … พวกเราทั้งสามตระกูลจะให้ร้านค้าทั้งหมดหยุดการขายอาหารให้ชาวเมือง”
“งั้นผมจะออกจากเมืองคืนนี้ครับ”
เสียงของรอนดังตอบรับ
…. ห๊ะ!
ชาวเมืองที่ได้ยินต่างนิ่งกันไป
เด็กหนุ่มที่ช่วยเหลือเมืองตั้งแต่วันก่อน ช่วยเรื่องยา ช่วยเรื่องการรบ ช่วยเรื่องเครื่องมือเครื่องไม้ในการต่อสู้ และทั้งยังกำจัดดราซัคได้
มาตอนนี้เพราะถูกกดดันบีบคั้นจากพวกตระกูลใหญ่ที่ใช้ชาวบ้านมาเป็นข้อต่อรอง … เด็กหนุ่มคนนี้กลับต้องออกจากเมืองไปโดยยังไม่ได้ร่ำลา
มันจะมากเกินไปแล้ว
“พวกซิลเวอร์รอนมันจะมากเกินไปแล้ว”
“พวกซันเดอร์อีก”
“ท่านโซล่าก็ถูกพวกมันกดดัน”
“ว่าแต่ทำไมไม่ได้ยินเสียงของท่านเบน เซเลนิค … หรือท่านไม่ได้เข้าประชุม”
ชาวบ้านที่โกรธแค้นต่างเดินทางไปด่าทอที่หน้าคฤหาสน์ของสองตระกูลใหญ่ แม้ว่าจะเป็นเวลาเลยเที่ยงคืนแล้วก็ตาม
“เข้าไปดูเร็ว!” เสียงทหารรับจ้างตะโกน พวกมันนำคนจากบ้านซิลเวอร์รอนบุกเข้าไปในหอกระจายเสียง ที่หอนี้มีปล่องกระจายเสียงทั่วเมืองและหากจะประกาศอะไรก็เพียงใช้เวทขยายเสียงเท่านั้น
“มันล็อคจากข้างใน พังประตูเลย จับมันให้ได้”
ประตูเปิดโพละเข้าไป ทุกคนมองเข้าไปตรงปล่องกลาง…
นอกจากกระดาษม้วนเวทขยายเสียง ไม่มีผู้ใดอยู่ตรงนั้น
ที่บ้านตระกูลซันเดอร์และซิลเวอร์รอน
“ต้องเป็นฝีมือเจ้าเบน เซเลนิค แน่ๆ มันเป็นคนเช็คเองว่าไม่มีผลึกบันทึกเสียง … แถมในบรรดาคำพูดที่กระจายออกมาไม่มีเสียงมันเลย … ไอ้คนทรยศ”
ที่บ้านตระกูลเซเลนิค
“ทำไมไม่มีเสียงเราเลย … แล้วเป็นไปได้ยังไง ก็เราเช็คแล้วว่าไม่มีการบันทึกเสียงนี่นา … นี่มันตั้งใจให้เราแตกหักกับอีกสองตระกูลชัดๆ”
คืนนั้นทั่วทั้งเมืองสว่างไสว … เหล่าช่างไม้และชาวเมืองที่ได้ยินแผนการยึดเครื่องยิงหิน ต่างพร้อมใจกันไปทำลายเครื่องยิงหินทั้งหมดทิ้งป้องกันการยึดขโมย
…
ส่วนที่กระโจมตรงตลาดทิศใต้ โรล่ามองออกไปทางประตูเมืองด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย …
“คุณรอน …”