Midterm Fantasy - ตอนที่ 63
“ทุกคนเตรียมพร้อม พวกมันมาที่กำแพงแล้ว”
“เตรียมธนู ยิง ยิง”
“เร็วเข้า เตรียมที่ดันบันได ถ้าพาดขึ้นมาเมื่อไหร่ดันมันลงไปได้เลย”
สำหรับกำแพงเมืองที่สูงเพียง5-6 เมตรแบบนี้ หากพาดบันไดได้สำเร็จก็ใช้เวลาไม่นานก่อนที่ฝ่ายข้างล่างจะปีนขึ้นมาได้สำเร็จ นี่ยังไม่นับว่ามุมในการพาดบันไดบนกำแพงเตี้ยๆมักกว้างกว่าการพาดกำแพงสูงๆทำให้ฝ่ายป้องกันดันบันไดให้ตกลงไปยากกว่า ทำให้คนที่ทำหน้าที่เฝ้ากำแพงต้องมีประสบการณ์การรบที่มากพอ
แต่สำหรับประตูเมืองนั้น ถ้าอีกฝ่ายเป็นมนุษย์ก็อาจจะน่ากังวล แต่นี่ศัตรูคือมอนสเตอร์ที่ไม่มีเครื่องมือใดๆในการทำลายประตูเมือง ดังนั้นทุกฝ่ายจึงให้ชาวบ้านคอยเป็นกำลังเสริมข้างล่าง ส่วนเครื่องยิงหินถูกดึงไปตั้งที่ถนนตรงหน้าบ้านพักเด็กกำพร้าห่างจากประตูเมืองราวๆ200เมตร
“ยิงมันๆ”
“อ้าก”
“ระวัง ออร์คก็มีธนู!”
ทหารและนักผจญภัยบางคนถูกลูกศรปักเข้าที่คอหรือไหล่ ต่างถูกทยอยขนลงมาที่ด้านล่างให้นักบวชหญิงทั้งสองคนใช้เวทรักษา พอดีขึ้นแล้วคนที่ไหวก็กลับขึ้นไปสู้ต่อ …
ทุกคนต่างวุ่นกับการยิงธนูและหลบป้องกันจนไม่ทันสังเกตว่าแม่ทัพออร์คไปอยู่ที่ประตู จากนั้นวางม้วนหนังคลี่ลงตรงหน้าประตู สอดผ่านใต้ประตูเมืองไปเล็กน้อย… จนกระทั่งมันเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วจึงส่งสัญญาณให้ออร์คอื่นๆหลบจากประตูเมือง
“พวกมันถอยแล้ว?!” ใครคนนึงตะโกน
“ไม่ใช่นะ มันถอยตั้งหลัก … แต่ในมือนั่นมัน” ทหารชี้ไปที่มือแม่ทัพออร์คที่ถือแกนมอนสเตอร์อยู่ “เฮ้ยที่ประตูมีม้วนเวทมนตร์”
“หลบออกจากประตู!!!!”
ตูม!!!!
แสงไฟวาบขึ้นมา ชาวเมืองสองคนที่เดินไปดูว่าออร์คสอดอะไรเข้ามาใต้ประตูเมือง ไม่มีโอกาสร้องใดๆ เมื่อแรงอัดและลูกไฟฉีกร่างกระจายตรงนั้น ส่วนประตูเมืองนั้นก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ ไม้หนาหนักฉีกแตกเป็นชิ้นจากการระเบิด ไฟท่วมประตูไม้ รอยแตกที่เกิดขึ้นมองลอดไปเห็นออร์คที่ยืนรออยู่ด้านนอก
“โฮกกกกก!” ออร์คที่รออยู่ต่างโห่ร้องตะโกนแล้ววิ่งตรงมาทุบดันประตู ดาบหนาหนักของพวกมันฟันเจาะประตูให้เปิดแตกออก ก็อบลินตัวเล็กหลายตัวแหวกช่องเข้ามาได้ ชาวเมืองที่รออยู่ยกหอกในมือขึ้น
“ทุกคนเตรียมตัว….เอ๊ะ!”
ทุกคนประหลาดใจเมื่อเห็นว่าก็อบลินไม่ได้บุกเข้าหา แต่กลับวิ่งขึ้นบันได … ไปสู้กับทหารที่กำลังพยายามวิ่งลงมา…
“รีบจัดการก็อบลินเร็ว”
“แต่ว่าถ้าออร์คบุกเข้ามาได้ล่ะ พวกเราสู้ออร์คไม่ไหวหรอก ต้องให้ทหารกับนักผจญภัยลงมาก่อน”
“แต่ถ้าไม่จัดการก็อบลิน ทหารบนกำแพงก็ลงมาไม่ได้นะ …. นั่น ออร์คมันเข้ามาแล้ว!”
รอยแตกที่กว้างขึ้นทำให้ออร์คตัวนึงเข้ามาได้ มันวิ่งมาแล้วขึ้นกำแพงเมืองเช่นกันเหมือนกับรู้ว่าถ้ากันไม่ให้ทหารลงมาจากกำแพงได้ ชาวบ้านข้างล่างก็ไม่ใช่คู่มือของพวกมันแต่อย่างใด
ส่วนชาวเมืองที่ถือหอก ได้แต่ถอยห่างมาตั้งหลักตรงกองโต๊ะเก้าอี้ที่ตั้งเป็นแนวกีดขวาง
“ไม่ได้ ไม่ได้ พวกเราต้องเข้าไปที่ประตูเมือง” เบรเซอร์ตะโกนบอก “ถ้าเรากันให้มันอยู่ที่ประตูเมืองพวกเราจะล้อมมันได้ … แถวนี้ไม่ได้”
ชายชราตะโกนบอกทุกคน ประสบการณ์ที่เคยเป็นทหารรับจ้างบอกให้เขารู้ว่าถ้าปล่อยให้กองทัพออร์คเข้ามาทั้งหมด ความได้เปรียบเชิงพื้นที่ของชาวเมืองจะหมดไปทันที ….
แต่ไม่มีชาวเมืองคนใดขยับไปข้างหน้า …
ออร์คตรงหน้ามันน่ากลัวเกินไป!
“ทุกคนหลบไป หลบจากถนน”
เสียงร้องจากเบื้องหลังดังขึ้น โรล่าตะโกนมาจากตรงเครื่องยิงหิน
“ทุกคนหลบไป จะยิงแล้ว!”
เธอชี้ไปที่เครื่องยิง
“เฮ้ย หลบ หลบเร็ว!” แต่ละคนวิ่งหลบแตกทั้งซ้ายขวา รวมไปถึงทหารกับนักผจญภัยบนกำแพงเมือง
“ปรับสายสลิงเรียบร้อย …… เตรียมยิงได้ 3 … 2 … 1 … ยิง!”
วึดด พรึบ
Trabuchet ทำงานหมุนเหวี่ยงแขนของมันอย่างซื่อสัตย์ หินหนักที่อยู่บนสายสลิงหลุดออกจากเชือก พุ่งด้วยความแรงลงไปที่พื้นหน้าประตู ออร์คตัวนึงที่เพิ่งผ่านเข้ามาได้มองหินใหญ่นั้นอย่างงงๆ
แผละ! ตูม!
ดอกไม้เลือดผลิบานหน้าบานประตู ร่างออร์คตัวนั้นฉีกกระจายโดยมันยังไม่ทันรู้ว่าอะไรฆ่ามัน … แต่กระนั้นก็ไม่อาจหยุดยั้งโมเมนตัมของหินก้อนนั้นได้ หินพุ่งผ่านต่อไปบดขยี้ออร์คด้านหลังเป็นแนวยาว แอ่งโลหิตสีแดงเฉอะแฉะที่หน้าประตูเมือง
“เฮฮฮฮ” ชาวเมืองร้องพร้อมกันอย่างดีใจ
“ดึง ดึง ดึง พอ บรรจุกระสุน เตรียมพร้อม 3..2..1 ยิง”
ตูม
“เฮ!!!!!!”
“กระสุนหมดแล้ว”
“เฮ้ย!”
“หมดแล้ว มีแค่สองลูก”
ช่างประจำเครื่องยิงหินร้องบอก … เมื่อครู่ตอนที่ย้ายถอยจากหน้ากำแพงมาตั้งหลักตรงนี้พวกเขาขนหินมาได้แค่สองก้อนเท่านั้น … จะใช้ของอื่นที่เบากว่าหินก็ไม่เคยซ้อมมาก่อน หากพลาดก็เกรงจะถูกพวกเดียวกันเองได้
“ทุกคน บุกไปหน้าประตูเมือง ล้อมมันไว้ที่ประตูเมืองอย่าให้เข้ามาได้” เบรเซอร์ร้องบอกก่อนจะวิ่งนำไปเป็นคนแรก
“เฮ!”
“ฆ่ามัน”
ชาวเมืองวิ่งกรูตามชายสูงวัยตรงไปที่หน้าประตูเมือง ตอนนี้ช่องที่เกิดขึ้นใหญ่พอที่ออร์คจะเข้ามาได้พร้อมๆกันสามสี่ตัว แต่เห็นได้ชัดว่าพวกมันยังกล้าๆกลัวๆ แอ่งเลือดด้านนอกและเศษแขนขานับสิบคู่ที่เกลื่อนกลาดด้านนอกบอกได้ดีถึงประสิทธภาพการทำลายล้างของเครื่องยิงหิน ส่วนออร์คและก็อบลินที่ขึ้นบันไดไปแล้วก็ลงมาไม่ได้และถูกล้อมจากทั้งหน้าหลัง
ชาวเมืองทิ่มแทงออร์คที่เข้ามา ส่วนมอนสเตอร์ก็ไม่ลดละฟาดฟันดาบในมือเข้าใส่
ร่างของออร์คหลายร่างล้มลง ชาวเมืองหลายคนล้มลง กองทับถมที่ตรงหน้าทางเข้า … แต่ทั้งสองฝ่ายต่างไม่ยอมถอย
ชาวเมืองตั้งแถวเข้ามา
ออร์คก็เข้ามาจนเต็มช่องประตู
จนกระทั่ง …
“อ้าก”
“หอกแทงไม่เข้า”
“ช่วยด้วย”
เสียงร้องดังขึ้นพร้อมร่างคนที่ล้มลงสามคน ชาวเมืองถอยห่างอย่างช้าๆออกมาจากประตูเมือง ออร์คในชุดเกราะเต็มตัวเดินก้าวมาช้าๆพร้อมดาบยักษ์ที่เปื้อนเลือด ขาวบ้านหลายคนพยายามขว้างหอกใส่แต่ก็ไม่เป็นผล ชุดเกราะของมันป้องกันได้อย่างไร้ที่ติ บางคนร่ายเวทไฟ … แต่ว่าเวทไฟที่ร่ายโดยคนธรรมดาเพียงแค่พุ่งเข้าใส่เกราะแล้วก็สลายหายไปทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้เลย
แม่ทัพออร์คไม่สนใจการโจมตีเล็กๆน้อยๆนั้น มันสั่งออร์คเบื้องหลัง … ออร์คหลายตัววิ่งไปสมทบป้องกันบันไดไม่ให้ทหารลงมาได้ บันไดที่เดินขึ้นลงได้ทีละคนทำให้ทหารที่กำลงลงมาต้องสู้กับออร์คแบบตัวต่อตัวและสู้ได้ช้ามาก
“สู้มัน อย่าให้มันเข้ามาได้!” เบรเซอร์ตะโกนอีกครั้ง “ถ้าทหารลงมาไม่ได้พวกเราจบสิ้นแน่ๆ”
“ไป ไป ไป อย่ากลัว”
ชาวเมืองกรูเข้าไปอีกครั้ง พยายามผลักดันออร์คกลับไป เบรเซอร์โยนหอกทิ้ง ชักมีดสั้นและโล่เล็กออกมาแล้วตรงไปหาแม่ทัพออร์ค
เคร้ง ติ้ง เคร้ง เคร้ง
เสียงดาบของแม่ทัพออร์คกระทบโล่เล็กสลับกับเสียงมีดสั้นที่พยายามแทงเข้าไปตามรอยต่อของเกราะ … แม้จะอายุมาก แต่ว่าประสบการณ์ของการเป็นทหารรับจ้างมาก่อนทำให้ชายชราพอจะยื้อเวลาได้บ้าง
เคร้ง เคร้ง ฉัวะ เคร้ง ติ้ง เคร้ง เคร้ง
“คุณตา!” มาเรียร้องขึ้นเมื่อเห็นว่าชายชราถูกฟันที่ไหล่ …ชายชรายังสู้ต่อไปด้วยใบหน้าที่มุ่งมั่นแต่ซีดเซียว
“มาเรีย พอล ช่วยกันขนกระสอบนั่นกันเร็ว” โรล่าสั่ง “..เร็วเข้า”
โรล่าอุ้มกระสอบที่ขนมาจากร้านขนมปังตรงไปยังแนวหน้าที่กำลังสู้กันโดยที่พอลกับมาเรียถามไม่ทัน … ทั้งคู่มองหน้ากันก่อนจะ อุ้มกระสอบวิ่งตามไป โรล่าเลือกจุดที่ใกล้ที่สุดเท่าที่จะเข้าถึงได้ เธอปักมีดลงไปในกระสอบแล้วเทผงสีขาวลงบนพื้น และทำอย่างเดียวกันกับกระสอบที่พอลและมาเรียขนมา
“เราเทแป้งทำไม” พอลถาม
“ไม่ต้องถามแล้ว พอล เธอไปกันคุณตาเบรเซอร์ออกมา แล้วบอกให้ทุกคนหลบออกมาทันทีเดี๋ยวนี้ หลบให้ห่างที่สุด”
พอลมองหน้าเหมือนจะถามอะไร … แต่เขาก็เปลี่ยนใจ วิ่งตรงไปที่แม่ทัพออร์คแล้วเริ่มตะโกนสั่งให้ทุกคนถอยออก
“มาเรีย …. เธอช่วยกางโล่ลมตรงนี้ด้วย แล้วรีบถอยไป”
มาเรียใช้เวทโล่ตรงด้านหน้าให้ … แต่ไม่มีทีท่าว่าจะถอยไป โรล่ามองแล้วส่ายหน้า …. ก่อนจะเอามือตั้งไว้ที่กองแป้งสาลีที่พื้นรอจังหวะ
“ทุกคนถอยก่อน ถอยเดี๋ยวนี้ ถอยๆๆๆ” พอลตะโกนลั่นประคองเบรเซอร์ที่เลือดอาบแขนและลำตัวถอยมาด้านหลัง ทุกคนอยากจะถอยกันอยู่แล้ว ดังนั้นพอมีคนสั่งให้ถอยก็ต่างวิ่งถอยกันทันทีอย่างพร้อมเพรียง
ออร์คที่จู่ๆก็ไม่มีคนสู้ด้วย มองดูมนุษย์ที่ถอยอย่างสงสัย ในขณะที่แม่ทัพออร์คก็มองไปตรงหน้า … ห่างจากมันไปไม่ถึง10ก้าว เด็กสาวสองคนนั่งย่ออยู่ที่พื้น มันมองกองแป้งสีขาวที่พื้น ก่อนที่จู่ๆเด็กสาวจะร้องขึ้น
“<Wind>”
ฉับพลันนั้น แป้งสามกระสอบที่กองรวมกันตรงพื้นก็พุ่งพรวดปกคลุมออร์คทั้งกลุ่ม รวมไปถึงในช่องประตู ม่านหมอกควันหนาสีขาวบดบังการมองเห็นและทัศนวิสัยทั้งหมด ฝุ่งแป้งลอยตลบเปรอะเปื้อนไปทั่ว
ทหารกับนักผจญภัยที่ถูกผลักดันขึ้นกำแพงมองลงมาเบื้องล่างอย่างงงๆ …. ม่านควันรึ มารดาท่านเถอะ ม่านควันแบบนี้หยุดออร์คไม่ได้หรอก
แม่ทัพออร์คแสยะยิ้ม เตรียมสั่งให้ออร์คด้านหลังบุกต่อ จนกระทั่งมันได้ยินเสียงน้อยๆจากด้านหน้า
“ข้าแต่เทพชาร์ จงมาสถิตที่เตาทำอาหารนี้ <กรูเม่>!”
พรึบ! ซรูม! บรึม!
ทหารอ้าปากค้าง
นักผจญภัยอ้าปากค้าง
พอลและชาวเมืองอ้าปากค้าง
เพราะเมื่อไฟทำอาหารของเด็กสาว จุดเข้าไปในม่านควันจากผงแป้ง ก็บังเกิดเป็นลูกไฟขนาดมหึมาในชั่วพริบตา แสงไฟและแรงอัดอากาศอัดดันตรงบริเวณช่องประตูเมือง
ช่องประตูที่มีออร์คนับร้อยอัดแน่นกันอยู่ภายใน
“โอ้คคคค”
“โฮกกกก”
“อุ้งงงงงง”
ออร์คส่วนใหญ่ทิ้งอาวุธแล้วพยายามปัดไฟที่ลุกติดตัว บ้างล้มลงกลิ้งที่พื้นก่อนจะพลาดถูกออร์คอื่นที่ตกใจเหยียบซ้ำไปมาจนนอนนิ่งไป
ไม่เว้นแม้แต่แม่ทัพออร์ค แม้ว่ามันจะมีเกราะปกคลุมทั้งตัว แต่ความร้อนจากเปลวไฟที่ปกคลุมไปทั่วก็แทรกผ่านรอยต่อและช่องว่างของเกราะได้ อากาศที่เพิ่งถูกไฟแย่งไป และอุณหภูมิที่ร้อนจัดบนเกราะทำให้มันพยายามถอดหมวกเกราะออก
แม่ทัพออร์คไม่เคยรู้สึกถูกดูถูกแบบนี้มาก่อน หลังจากได้’ปัญญา’มาจากท่านดราซัค มันก็ไม่คิดว่ามนุษย์จะน่ากลัวแบบที่เคยเป็นมา มันนำออร์คมากมายโจมตีมนุษย์และไม่เคยเจอทำร้ายแบบนี้มาก่อน
ไฟที่แผดเผาจางเบาลงแล้ว แต่ความร้อนและกลุ่มควันยังคงอยู่ คอยดูเถอะ ถ้าถอดหมวกเกราะร้อนๆนี่ได้เมื่อไหร่ เจ้ามนุษย์ผู้หญิงสองคนที่นั่งข้างหน้าไม่กี่ก้าวนี้ไม่มีทางหลบมันได้พ้นแน่ .. เจ้าพวกนี้จะต้องตายให้หมด
ฉึก!
แม่ทัพออร์คที่กำลังถอดหมวกเกราะ รู้สึกได้ถึงบางอย่างเย็นๆที่ชำแรกผ่านเนื้อที่ลำคอ มันพยายามร้องแต่เสียงไม่ออกมา มันก้าวถอยหลังจากแรงที่พุ่งเข้าใส่แล้วพลาดล้มลงนอนแผ่ที่พื้น หมวกเกราะที่มันพยายามถอดอย่างยากลำบากเมื่อครู่หลุดกระเด็นไป เผยให้เห็นร่างผอมบางของเด็กสาวที่คร่อมทับมันอยู่พร้อมมีดสีเงินเปื้อนเลือดในมือ
พลันนั้นมันก็คิดได้ … ขณะที่มันคิดว่าห่างแค่ไม่กี่ก้าวเด็กสาวทั้ง2หลบมันไม่ได้
มันลืมนึกไปว่า มันเองก็หลบไม่ได้เช่นกัน
เด็กสาวเงื้อมีดในมือขึ้นอีกครั้ง
ฉึกๆ ฉึกๆ ฉึกๆ
เลือดจากลำคอทั้งสองสาดกระเซ็นไปทั่ว
ที่สุด…แขนของออร์คในชุดเกราะตกลงข้างตัวแน่นิ่งไม่ไหวติง เด็กสาวลุกขึ้นยืนขึ้นช้าๆ เสื้อแจ็คเก็ต ใบหน้า และเส้นผมสีทองถูกย้อมไปด้วยสีแดงของออร์คผู้โชคร้าย
ทหารและชาวเมืองมองจ้องเป็นตาเดียวไม่มีใครพูดอะไร
ออร์คที่เหลือหันมามองจ้องเป็นตาเดียว … และถอยหลังช้าๆเมื่อเห็นมีดในมือเล่มนั้นชี้มาด้านหน้า หัวหน้าของพวกมันที่
“พวกเรา! … จัดการมันเลย”
ชาวเมืองเบื้องหลังตะโกนโห่ร้องก่อนจะวิ่งตรงไป หอกในมือเตรียมพร้อมทิ่มแทงมอนสเตอร์ ออร์คที่ยังไม่ทันตั้งตัวมองหาดาบที่มันทิ้งไปเมื่อเกิดไฟลุกเมื่อครู่ บางตัวหยิบทันแต่ไม่ทันยกก็ถูกแทงด้วยหอก ตัวที่หยิบไม่ทันวิ่งหันหลังกลับชนกับออร์คที่คิดจะสู้จนสับสนไปหมด ก็อบลินที่ร่วมมาด้วยถูกเหยียบจนล้มลงและไม่อาจลุกขึ้นมาอีก
ทหาร นักผจญภัยและชาวเมืองช่วยกันไล่ตามสังหารออร์คที่หนีตายออกไปกว่าหนึ่งไมล์ เหลือออร์คที่รอดไปได้ไม่ถึง20ตัว เป็นการปิดฉากการรบด้านประตูตะวันตกอย่างงดงาม
“ลุกขึ้นไหวไหมโรล่า” มาเรียถาม
“อืม” เด็กสาวค่อยๆยันกายขึ้น ขาทั้งสองข้างสั่นจากความกลัวระคนตื่นเต้นเมื่อครู่ มือน้อยๆทั้งสองสั่นจนเกือบจะกำมีดไม่ได้
“<Heal>”
แสงสว่างปกคลุมร่างของโรล่า แผลไหม้ที่มือและขาที่เกิดขึ้นตอนที่เกิดการระเบิดของม่านควันแป้ง กับการนั่งคร่อมเกราะที่ร้อนจัด ค่อยๆหายไป โรล่าพยักหน้ายิ้มขอบคุณนักบวชหญิงที่ร่ายเวทให้
จากนั้นเธอมองไปยังชาวเมือง ทหาร และนักผจญภัยที่กำลังเดินกลับมาที่ประตูเมือง แต่ละคนที่เห็นเด็กสาวชูไม้ชูมืออย่างดีใจ
เด็กสาวยิ้มกลับให้ทุกคน ชูมีดสั้นในมือขึ้น เสียงโห่ร้องยินดีกับชัยชนะของทุกคนดังขึ้นทั่ว บ่งบอกถึงความสำเร็จในการป้องกันประตูตะวันตกอย่างงดงาม
ตอนนี้ก็เหลือเพียงการรบที่กำแพงเมืองทิศใต้เท่านั้น … ที่จะเป็นจุดตัดสินชะตากรรมของเมืองกาล่าแห่งนี้